Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2640 กลองล่าวิญญาณ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2640 กลองล่าวิญญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2640 กลองล่าวิญญาณ

ในเวลานี้ พวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ลู่เคอะเวิงพวกเขาทั้งสี่คนจ้องมองตากันและกัน

“ถ้าเช่นนั้นล่ะก็ล่วงเกินแล้ว พวกเราชี้เป็นชี้ตายกันจากศึกครั้งนี้” ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนพลันดูน่าเกรงขาม กลิ่นอายการฆ่ารุนแรง ในฐานะที่เป็นราชันแท้จริงคนหนึ่ง ขณะที่กลิ่นอายการฆ่าของเขารุนแรงขึ้นมานั้น มีพลังที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างราบคาบ มีความสยองขวัญยิ่ง และน่ากลัวอย่างยิ่ง

ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนถือกระบี่อยู่ในมือ กระบี่ยาวดั่งหิมะ ค่อยๆ ตั้งตรงอยู่บริเวณหน้าอกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน

มือทั้งสองข้างของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนจับกระบี่เอาไว้อย่างแน่นหนา พริบตาเดียวขณะที่มือทั้งสองข้างของเขาจับกระบี่ไว้นั้น ตัวเขาก็คือกระบี่เล่มนั้น พลังทั้งหมดของเขา สัจธรรมทั้งหมดที่มีของเขา เคล็ดวิชาที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองของเขาล้วนแล้วแต่ถูกหลอมรวมเข้าไปอยู่ในกระบี่ยาวเล่มนี้

กระบี่ยาวเล่มนี้เงาดั่งหิมะ บนตัวกระบี่ปรากฏรัศมีของแสงที่แผ่ออกมาโดยรอบเป็นระลอกๆ กระบี่ทั้งเล่มแลดูคล้ายดั่งหลอมสร้างขึ้นมาจากดวงดาวขนาดยักษ์ของทางช้างเผือก เหมือนอาศัยดวงดาวนับสิบล้านดวงมาหลอมสร้างเป็นตัวกระบี่ กระบี่ยาวทั้งเล่มเหมือนมีน้ำหนักที่ไร้ขีดจำกัด มีขนาดความกว้างที่ไร้ขอบเขตจำกัด เสมือนหนึ่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทั้งผืนล้วนแล้วแต่ถูกนำมาหลอมสร้างให้กลายเป็นตัวกระบี่เล่มนี้

หากจะกล่าวว่ากระบี่เล่มนี้เป็นการอาศัยดวงดาวนับสิบล้านดวงมาหลอมสร้างเป็นตัวกระบี่ เช่นนั้นแล้วสันกระบี่ของมันก็เป็นการอาศัยวิถีกระบี่ราชันแท้จริงของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนหลอมสร้างขึ้นมา

สันกระบี่ของกระบี่ยาวเล่มนี้พร่างพราวละลานตา มีลวดลายเต๋าที่ใหญ่ที่เปี่ยมด้วยพลังแต่ละเส้นที่ถักทอเข้าด้วยกันเป็นสายมาเป็นสันกระบี่ ด้วยลวดลายเต๋าแต่ละสายที่ถูกหล่อหลอมมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จึงได้จับตัวกลายเป็นสันกระบี่ในที่สุด

ด้วยเหตุนี้เอง สันกระบี่ของกระบี่ยาวเล่มนี้จึงมีพลังที่น่าเกรงขามอยู่ในครอบครอง มันบ่มฟักและซ่อนวิถีกระบี่ราชันแท้จริงเอาไว้ เหมือนว่าวิถีกระบี่ทั้งหมดของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนล้วนแล้วแต่ถูกหลอมเข้าไปอยู่ในนั้น

กระบี่ลักษณะเช่นนี้ อาศัยดวงดาวเป็นเหล็ก สัจธรรมเป็นสัน กระบี่ราชันลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมอีกแล้ว

ดังนั้น ขณะที่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนจับกระบี่ราชันเล่มนี้ด้วยมือทั้งสองนั้น ทุกกคนต่างรู้สึกว่าหนึ่งกระบี่นี้ฟาดฟันลงมานั้น สามารถฟันฟ้าดินจนแยกออก สามารถสังหารเก้าชั้นฟ้าและเหล่าเทพ

กระทั่งกล่าวได้ว่า ต่อให้กระบี่ราชันเล่มนี้ไม่ได้อยู่ในมือของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ขณะที่กระบี่ราชันเล่มนี้ฟาดฟันลงมานั้น ก็สามารถทำลายพสุธา สามารถปราบปรามเหล่าเทพมารได้

กระบี่ราชันลักษณะเช่นนี้เปล่งอานุภาพราชันที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา ขอเพียงกระบี่เล่มนี้ถูกสำแดงออกไป ก็คือราชันสังหารทั่วหล้า เป็นตัวแทนสุดยอดปณิธานสูงสุดของราชันแท้จริง เปี่ยมด้วยการฆ่าฟันและปราบปราม

ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า กระบี่ราชันเล่มนี้หลอมสร้างขึ้นมาด้วยมือตนเองของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน เป็นกระบี่ราชันที่ทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียมเล่มหนึ่ง

การที่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมีกระบี่เล่มนี้ในมือ ได้มีพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าอยู่บนตัว ทำให้ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นเทาทีหนึ่ง

“ราชันแท้จริงไม่เคยมีผู้อ่อนแอ ทั่วหล้ายากจะมีผู้ต่อกร” แม้แต่ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่ได้เห็นกระบี่ที่อยู่ในมือของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนแล้ว ก็เกิดความรู้สึกเคารพนับถือขึ้นมา

ในเวลานี้เอง ทุกคนต่างตระหนักได้ว่า ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนได้จินตนาการเอาไว้เสียอีก

ระยะหลังราชันแท้จริงมู่เจี้ยนดูจะสลดและอับแสงลง นั่นเป็นเพราะคนโหดอันดับหนึ่งที่อยู่ในฐานะศัตรูนั้นพาลและแข็งกร้าวมากเกินไป และชั่วร้ายมากเหลือเกิน จึงไปบดบังรัศมีของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนไว้

เสียงแว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้ ปรากฏท้องฟ้ามีแสงสายหนึ่งสาดส่องเข้ามา โดยลำแสงสายนี้ได้สาดส่องลงบนตัวของผู้เฝ้าดูต้นไม้ ท่ามกลางเสียงแว้งค์ที่ดังขึ้น เหมือนประหนึ่งได้เปิดโลกธาตุโลกหนึ่งขึ้นมาอย่างนั้น

ซ่าาาเสียงคลื่นที่โหมสาดซัดดังขึ้น ในเวลานี้เอง ต้นเหวินจุ๊จินสือขนาดใหญ่โตมโหฬารจนสุดจะจินตนาการต้นหนึ่งได้ปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของผู้เฝ้าดูต้นไม้ มองเห็นเพียงต้นเหวินจุ๊จินสือต้นนี้ที่บดบังโลกทั้งโลกเอาไว้ เหมือนว่าดวงดาวที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารดวงหนึ่งมีเพียงต้นเหวินจุ๊จินสือต้นนี้ขึ้นอยู่เพียงต้นเดียวเท่านั้น

ดังนั้น ยามที่ต้นเหวินจุ๊จินสือลักษณะเช่นนี้ซึ่งปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของผู้เฝ้าดูต้นไม้และได้สยายกิ่งก้านสาขาและใบไม้ของมัน เสียงกิ่งไม้และใบไม้ส่งเสียงออกมาดั่งเสียงคลื่นเป็นระลอกๆ เสมือนดั่งเป็นคลื่นที่โหมสาดซัดอย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่กิ่งไม้ใบไม้ทั้งหมดได้สยายออกไป ยิ่งดูเหมือนดั่งเป็นคลื่นยักษ์ของมหาสมุทรที่โหมสาดซัดเข้ามาต่อเนื่องเป็นระลอกลูกแล้วลูกเล่า พลันดูเหมือนเป็นมหาสมุทรสีเขียวที่ปูลาดอยู่บนท้องฟ้าของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นอย่างนั้น

ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ต้นเหวินจุ๊จินสือต้นนี้ก็ได้ปกคลุมทั่วท้องฟ้าของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นเอาไว้ เมื่อแหงนหน้าขึ้นมอง เสมือนหนึ่งท้องฟ้าได้ถูกมหาสมุทรสีเขียวท่วมจนจมมิดอย่างนั้น

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ร่างกายของผู้เฝ้าดูต้นไม้พลันกลับกลายเป็นสูงใหญ่ยิ่งนัก เดิมทีตัวเขาที่มีขณะเตี้ยและตัวเล็กพลันสูงใหญ่เสมือนหนึ่งเป็นภูเขาขนาดใหญ่โตลูกหนึ่ง อีกทั้งบนตัวถึงกับมีกิ่งก้านและใบแตกออกมา เหมือนเป็นมนุษย์ต้นไม้อย่างนั้น

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ กล้ามเนื้อทั้งตัวของผู้เฝ้าดูต้นไม้ได้นูนขึ้น ท่อนแขนทั้งสองคล้ายดั่งเป็นมังกรซิวหลงอย่างนั้น เปี่ยมได้พลัง เหมือนว่าแค่มือข้างหนึ่งของเขาก็สามารถพลิกเอาผืนแผ่นดินขึ้นมา

“นี่คืออะไร…” ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกตื่นตระหนก เมื่อมองเห็นผู้เฝ้าดูต้นไม้พลันแปรเปลี่ยนรูปร่างของตนไป ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ไม่เพียงแต่ร่างกายของผู้เฝ้าดูต้นไม้กลับกลายเป็นมีขนาดที่ใหญ่โตมโหฬารเท่านั้น อีกทั้งพลังของเขาก็เพิ่มมากขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เหมือนว่าภายในร่างกายของเขานั้นได้ซ่อนพลังที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ เหมือนได้ซ่อนพลังของโลกๆ หนึ่งเอาไว้

“นี่แหละคือผู้เฝ้าดูต้นไม้” ระดับบรรพบุรุษได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เขาเป็นคนเพียงคนเดียวในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊ที่สามารถหยิบยืมบังคับใช้พลังของต้นเหวินจุ๊จินสือได้ แม้ว่าตัวเขาจะออกห่างจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊ห่างไกลมากแล้ว แต่ยังคงสามารถก้าวข้ามมิติไปหยิบยืมเอาพลังของต้นเหวินจุ๊จินสือมา ทำให้พลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมาย นี่แหละคือความแข็งแกร่งของผู้เฝ้าดูต้นไม้ ดังนั้น เขาจึงถูกระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊ยกย่องให้เป็นเทพผู้พิทักษ์”

ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊มีต้นบรรพบุรุษอยู่ต้นหนึ่ง โดยต้นเหวินจุ๊จินสือต้นนี้มีอายุมานานนับไม่ถ้วนแล้ว มันมีพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรในครอบครอง กระทั่งมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า รากฝอยของมันได้แทรกซึมไปทั่วทุกมุมทุกพื้นที่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิไปแล้ว

ขณะที่ผู้เฝ้าดูต้นไม้คือผู้เดียวในโลกที่สามารถหยิบยืมเอาพลังของต้นเหวินจุ๊จินสือมาใช้ได้ แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้อยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊ก็ตาม ก็สามารถก้าวข้ามมิติไปหยิบยืมเอาพลังของต้นเหวินจุ๊จินสือมาใช้ เพียงแต่อานุภาพจะลดทอนลงมากทีเดียวเท่านั้นเอง

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม นั่นก็ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ยังคงน่าสยองขวัญยิ่งนัก สมควรทราบว่าตัวของผู้เฝ้าดูต้นไม้เองก็มีความแข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว บวกกับพลังของต้นเหวินจุ๊จินสือเข้าไปอีก มันช่างเป็นพลังที่น่ากลัวเหลือเกิน

ยามเมื่อผู้เฝ้าดูต้นไม้กับต้นเหวินจุ๊จินสือหลอมรวมพลังเข้าด้วยกันนั้น ไม่แน่นักอาจสามารถเทียบเคียงกับลู่เคอะเวิงได้

ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้ เสียงกลองเสียงหนึ่งดังก้องฟ้าดิน ในขณะนี้ มองเห็นสี่พุทธามีกลองขนาดใหญ่ลูกหนึ่งห้อยอยู่ด้านหน้า ในมือถือไม้ตีกลอง พลันที่เขาตีลงไปที่กลองก็ปรากฏเสียงกลองที่ดังสะเทือนฟ้าดิน เหล่าสัจธรรมพลันถูกสยบ กฎเกณฑ์สัจธรรมพลันสูญเสียพลังไปทันที

ท่ามกลางเสียงกลองที่ดังตึงเสียงนี้ ทุกคนรู้สึกเหมือนหัวใจของตนถูกใครเขาตีเข้าให้อย่างแรง พลันหายใจหอบแทบไม่ทัน เกือบจะตายเพราะหายใจไม่ออก

อันตรายที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำเอาผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องหวาดผวา ใบหน้าขาวซีด และกล่าวว่า “นี่ นี่คือของวิเศษอะไร”

“กลองล่าวิญญาณ!” ระดับบรรพบุรุษมีสีหน้าหนักแน่นจริงจัง พลันออกห่างจากสี่พุทธาไกลมาก เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สี่พุทธา ทุกคนในหล้าต่างเข้าใจผิดว่าเป็นพุทธาสี่คน ความจริงแล้วหมายถึงของวิเศษยอดเยี่ยมแห่งยุคสี่ชิ้นของเจ้าถ้ำฉางจินต้ง และมีชื่อว่าพุทธา ดังนั้น เจ้าถ้ำฉางจินต้งก็ถูกผู้คนเรียกขานว่าเป็นสี่พุทธา”

“ครั้งนั้น สี่พุทธารับมือกับกู่อี้เฟย ความจริงก็คือเจ้าถ้ำฉางจินต้งอาศัยสี่ของวิเศษยอดเยี่ยมแห่งยุครับมือกับกู่อี้เฟย ขณะที่ผู้คนในหล้ากลับเข้าใจว่าเป็นพุทธาทั้งสี่สู้รบกับกู่อี้เฟย” มียอดฝีมือที่รับรู้เรื่องราวอย่างแท้จริงหัวเราะเจื่อนๆ และส่ายหัว

กลองล่าวิญญาณคือหนึ่งในสี่ของวิเศษยอดเยี่ยมแห่งยุค เมื่อเสียงกลองของกลองล่าวิญญาณดังขึ้น ก็จะทำให้ผู้คนวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สุดแต่คนเขาจะเชือดเฉือน

เวลานี้ ปรากฏเสียงร้องของกวางดังขึ้นมา เมื่อทุกคนมองไปตามเสียง ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ในเวลานี้เอง มองเห็นบนหัวของลู่เคอะเวิงถึงกับมีเขากวางคุ่หนึ่งงอกขึ้นมาช้าๆ

เขากวางคู่นี้มีขนาดใหญ่โตมาก โดยที่เขากวางดังกล่าวสามารถมองเห็นกิ่งก้านสาขาเต็มไปหมด เมื่อเขากวางคู่นี้งอกขึ้นบนหัวของลู่เคอะเวิงก็คล้ายเป็นต้นไม้เล็กสองต้นที่ขึ้นอยู่บนหัวของลู่เคอะเวิง

แม้จะกล่าวว่าเขากวางคู่นี้เพิ่งจะงอกออกมาจากหัวของลู่เคอะเวิง แต่ว่ามันดูไม่อ่อนเลยสักนิด ตรงกันข้าม เขากวางคู่นี้กลับดูแก่มาก แม้แต่ส่วนปลายของเขากวางก็มีการเปลี่ยนแปลงของผิวชั้นนอกไปแล้ว อีกทั้งยังแลดูมีความแข็งอย่างยิ่ง

ทำให้เขากวางคู่นี้ของลู่เคอะเวิงดูเหมือนจริงเป็นพิเศษ ทำให้รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเป็นเขากวางแต่เหมือนเขามังกรมากกว่า เนื่องจากเขากวางคู่นี้ดูแข็งและเปี่ยมด้วยพลัง แม้แต่กิ่งแยกเล็กๆ ของเขากวางก็ยังดูมีความแข็งมากเป็นพิเศษ เหมือนว่าสามารถแทงทะลุทุกสิ่งทุกอย่างได้

เอิกกก…ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกงุนงงเมื่อมองเห็นหัวของลู่เคอะเวิงมีเขากวางงอกขึ้นมาคู่หนึ่ง ลู่เคอะเวิงที่เป็นผู้เฒ่าที่ดูอ่อนโยนมีเมตตา ผมเผ้าสีขาวเหมือนขนนกกระเรียนหน้าดั่งเด็ก แต่บนหัวกลับมีเขากวางขนาดยักคู่หนึ่ง ซึ่งดูไปแล้วอแปลกประหลาดเป็นพิเศษ ดูเข้ากันไม่ได้เป็นพิเศษ

“ลู่เคอะเวิงเป็นปีศาจกวางรึ?” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่เอ่ยถามเสียงแผ่วเบาขึ้นมา เมื่อเห็นบนหัวของลู่เคอะเวิงมีเขากวางงอกขึ้นมาคู่หนึ่ง

“เจ้ารู้หรือไม่ว่ากวางบ่งบอกถึงสิ่งใด?” ยอดฝีมือที่สูงอายุได้จ้องมองผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ทีหนึ่ง และเอ่ยเรียบเฉยขึ้นมา

“อ่อนโยนดีงาม อายุยืน” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ตอบ

“ไม่ถูก” ผู้บำเพ็ญตนที่มีวิชาความรู้กว้างขวางส่ายหัว และกล่าวว่า “อ่อนโยนดีงาม อายุยืนสามารถใช้ได้กับกวางธรรมดาเท่านั้น แต่ว่า เมื่อกวางกลับกลายเป็นปีศาจเมื่อไรก็จะแตกต่างกัน กวางสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้โดยอาศัยสิ่งใด? หมกมุ่นในโลกีย์! ดังนั้น ในบรรดาเหล่าปีศาจกวางมีอยู่เป็นจำนวนมากที่อาศัยวิธีการฝึกผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยจะได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เคยมีบางแห่งมองปีศาจกวางเป็นพวกสกปรก”

“แต่ ลู่เคอะเวิงคือกวางโลหิต” ระดับบรรพบุรุษกล่าวท่าทีเฉยเมยขึ้นมา

“กวางโลหิตมีข้อแตกต่างกับกวางชนิดอื่นๆ รึ?” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากไม่เข้าใจ

“กวางโลหิตขณะยังคงเป็นกวางอยู่ มันมีความล้ำค่ามากกว่ากวางชนิดอื่นๆ” ครั้นบรรพบุรุษเอ่ยมาถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งสองเพ่งตรงไปข้างหน้าและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “แต่ว่า เมื่อไรที่กวางโลหิตกลายเป็นปีศาจ แหะ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันดำรงชีวิตอยู่โดยอาศัยสิ่งใด?”

“อะไรรึ?” ผู้บำเพ็ญตนรู้สึกตะลึงงันนิดหนึ่ง

“เลือด เลือดมนุษย์” ระดับบรรพบุรุษผู้นี้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เมื่อดื่มเลือดมนุษย์ยิ่งมากเท่าไร กวางโลหิตก็จะมีอายุยืนยาวมากยิ่งขึ้น สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้น อภินิหารก็จะแข็งแกร่งมากขึ้น เขาของกวางโลหิตยาวขึ้นหนึ่งนิ้วทุกๆ หนึ่งร้อยปี ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า แหะ แหะ เขากวางยาวขึ้นหนึ่งนิ้วต้องอาศัยดื่มเลือดมนุษย์เป็นจำนวนมากจึงงอกขึ้นมาได้”

“เรื่องนี้…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากมองไปยังเขากวางคู่นั้นที่บนหัวของลู่เคอะเวิงแล้ว ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว

แม้ว่าไม่มีใครไปวัดขนาดเขากวางคู่นี้ของลู่เคอะเวิงว่ามีขนาดและความยาวเท่าใด แต่ว่า อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมากกว่าเก้าฟุตขึ้นไป ลองนึกภาพดู การที่สามารถงอกเขาคู่หนึ่งที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ออกมาได้ ลู่เคอะเวิงได้ดื่มเลือดมนุษย์ไปจำนวนเท่าไรกันแน่

ทุกคนต่างมีร่างที่สั่นเทิ้มทีหนึ่ง เมื่อนึกถึงตรงนี้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *