Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2645 กาลเวลาไหลย้อน
ตอนที่ 2645 กาลเวลาไหลย้อน
พริบตาเดียวนั่นเอง พวกของลู่เคอะเวิงลงมือพร้อมกัน และการลงมือของพวกเขารวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียม ทำให้ผู้อื่นมองไม่ทัน
แม้ว่าจะดูเหมือนพวกของลู่เคอะเวิงลงมือพร้อมกัน ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่
แรกที่เดียว ผู้ที่ก่อการขึ้นเป็นคนแรกคือราชันแท้จริงมู่เจี้ยน แต่ว่า ผู้ที่ลอบโจมตีหลี่ชิเย่เป็นคนแรกกลับเป็นสี่พุทธา เพียงแต่ขณะที่คลื่นเสียงของสี่พุทธาเข้าปะทะหลี่ชิเย่ในพริบตาเดียวนั้น อาณาจักรกระบี่ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนพลันปรากฎลงมาแล้ว ขณะเข้าปะทะโจมตีนั้นเรียกได้ว่าเข้าไปพร้อมๆ กับคลื่นเสียงของสี่พุทธา
ผู้ที่ลงมือเป็นคนสุดท้ายในบรรดาพวกเขาก็คือผู้เฝ้าดูต้นไม้กับลู่เคอะเวิงแล้วล่ะ ผู้เฝ้าดูต้นไม้ได้นำเอาพลังน่าเกรงขามที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองของตนหลอมรวมเข้าไปอยู่ในเขากวางของลู่เคอะเวิง เขากวางของลู่เคอะเวิงเสยออกไปโดยไร้ซุ่มไร้เสียง พุ่งเป้าไปที่กลางหลังของหลี่ชิเย่ในทันที
ความจริงแล้ว การลงมือของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นช่วงเวลาที่สั้นมากๆ เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น กระทั่งเป็นระยะเวลาที่สามารถมองข้ามไปได้ แต่ว่า สำหรับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะระดับเช่นนี้อย่างพวกเขาแล้ว ระยะเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวกลับมีความแตกต่างอยู่
แม้การลงมือของพวกเขาจะมีช้าเร็วแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อการก่อนใครอย่างราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็ดี เป็นสี่พุทธาที่ลอบโจมตีก่อนก็ช่าง แต่ทว่า ในนาทีสุดท้ายพวกเขาต่างโจมตีสังหารต่อหลี่ชิเย่พร้อมๆ กัน
ไม่ว่าจะเป็นเสียงคลื่นของสี่พุทธาที่ดังตูมตามไม่ขาดสาย หรือว่าอาณาจักรกระบี่สังหารของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน และหรือเขากวางที่ไร้ซุ่มไร้เสียงของลู่เคอะเวิง ล้วนแล้วแต่โจมตีใส่ตัวของหลี่ชิเย่พร้อมๆ กัน
ความจริงแล้ว นี่คือการร่วมมือกันที่มีสัญญาลับต่อกันที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าสี่พุทธาและราชันแท้จริงมู่เจี้ยนจะลงมือนำหน้าไปก่อน และการลงมือโจมตีที่ถึงตายในกระบวนท่าเดียวล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งและปราศจากผู้เทียบเทียมอย่างยิ่ง แต่ว่า การโจมตีของพวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถสังหารหลี่ชิเย่ได้จริงๆ
จุดประสงค์ในการโจมตีที่ทรงอานุภาพปราศจากผู้เทียบเทียมของพวกเขา เป็นการอำพรางการโจมตีของลู่เคอะเวิงได้อย่างพอดิบพอดี
ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนและสี่พุทธาออกโจมตีนำไปก่อน และทันทีที่พวกเขาลงมือก็คือความแข็งแกร่งที่ปราศจากผู้เทียบเทียม โจมตีทั่วหล้า สังหารเหล่าเทพ อานุภาพที่ทรงพลังยิ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัวเมื่อได้ยิน
ลู่เคอะเวิงคือผู้ที่ลงมือเป็นคนสุดท้าย และมันปราศจากซุ่มเสียง ความไวนั้นรวดเร็วจนสุดจะจินตนาการได้ เขากวางที่ลอบจอมโจมตีสุดท้ายกลับลอบโจมตีถึงตัวของหลี่ชิเย่พร้อมๆ กับอาณาจักรกระบี่และคลื่นเสียง
ในเวลานี้ ที่ทำให้ผู้คนสังเกตเห็นมักจะเป็นค่ายกลกระบี่ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน และคลื่นเสียงของสี่พุทธา ขณะที่การลอบโจมตีอย่างไร้ซุ่มเสียงของลู่เคอะเวิงนั้นกลับถูกผู้คนละเลยไปอยู่เสมอๆ
ขณะที่เขากวางที่ถูกผู้คนละเลยไปนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ส่งผลให้ต้องถึงแก่ชีวิตในพริบตามากที่สุด และน่ากลัวที่สุด เขากวางที่แทงเข้ากลางหลังในชั่วพริบตาเดียวนั้น ไม่เพียงปราศจากซุ่มเสียงแล้วยังมีความแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง อาศัยความเร็วดั่งสายฟ้าแลบพลันแทงเข้าร่างของหลี่ชิเย่
“แย่แล้ว…” จังหวะที่เขากวางแทงใส่กลางหลังของหลี่ชิเย่นั้น ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์รับรู้ได้ถึงอันตราย รับรู้ได้ว่าเหมือนดั่งมีสิ่งของที่แหลมคมอย่างยิ่งได้แทงทะลุหัวใจของตน ทำให้รู้สึกตกใจยิ่งนัก
พริบตาเดียวที่รับรู้ถึงอันตรายนั้นทุกอย่างได้สายไปเสียแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เหมือนว่าได้ยินเสียงดังฉึกขึ้นมาเสียงหนึ่ง เหมือนเป็นเสียงที่แหลมคมแทงทะลุทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกอย่างนั้น ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง นาทีนี้ไม่เพียงแค่แทงทะลุหัวใจของหลี่ชิเย่เท่านั้น และยังแทงทะลุมิติ แทงทะลุสัจธรรม กระทั่งแทงทะลุฟ้าดิน
จังหวะที่เขากวางแทงทะลุในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนต่างบังเกิดมโนภาพขึ้นมาอย่างหนึ่ง ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ทุกสิ่งทุกอย่างบนฟ้าดินแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ถูกเขากวางเขานี้แทงทะลุไปสิ้น กระทั่งอกของตนเอง
นาทีนี้เองทุกคนต่างรู้สึกได้ว่า เขากวางที่แหลมคมยิ่งเขานั้นได้แทงทะลุหน้าอกของตนไปแล้ว เลือดสดๆ ไหลหยดลงมาจากเขากวางทีละหยดๆ
นาทีนี้ทุกคนถึงกับดวงตาทั้งสองเบิกกว้างและก้มลงมองหน้าอกของตน เหมือนว่าเขากวางได้ทิ่มแทงหน้าอกของตนจนทะลุไปแล้วจริงๆ ส่วนที่เป็นปลายแหลมของเขากวางได้โผล่พ้นหน้าอกของตนออกมาแล้ว ทำให้ทุกคนหวาดผวาจนหน้าถอดสี เมื่อรับรู้ถึงมโนภาพเช่นนี้
“โอ้แม่จ๋า…” มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อดจะร้องออกมาด้วยเสียงแหลมดัง หลังจากรู้สึกว่าตนเองถูกเขากวางแทงทะลุหน้าอกไปแล้ว มันช่างเป็นเรื่องที่สะเทือนจิตใจผู้คนอะไรอย่างนั้น และน่ากลัวอะไรเช่นนั้น กับความรู้สึกที่สมจริงมากเหมือนเผชิญกับเหตุการณ์นั้นจริงๆ
นาทีนี้ทุกคนต่างจ้องมองไปยังหลี่ชิเย่ ในพริบตาเดียวนั่นเองกาลเวลาของฟ้าดินคล้ายหยุดลงอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนแล้วแต่หยุดนิ่งในพริบตาเดียว ทันใดนั้น เขากวางได้แทงทะลุหน้าอกของหลี่ชิเย่ คลื่นเสียงได้โจมตีปะทะเข้าบนตัวของหลี่ชิเย่ อาณาจักรกระบี่เข้าสังหารหลี่ชิเย่โดยสิ้นเชิง ต้องการสังหารหลี่ชิเย่และบีบรัดจนแหลกละเอียดไปในทันที
ดวงตาทั้งสองของทุกคนต่างเบิกกว้างมากๆ ทุกคนล้วนแล้วแต่มองดูภาพนี้ด้วยความสะเทือนหวั่นไหวยิ่ง ทุกคนล้วนแล้วแต่อ้าปากกว้างมากทั้งสิ้น
“หลี่ชิเย่จะจบสิ้นแล้ว…” ในเวลานี้ มีผู้กล่าวด้วยความหวาดผวาขึ้นมา
แต่ นาทีนี้กาลเวลาเหมือนถูกดึงให้ยืดยาวออกไปอย่างไรขีดจำกัดอย่างนั้น แม้แต่ขณะยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนได้พูดคำพูดนี้ออกมาด้วยความหวาดผวานั้น คำพูดคำนี้ก็ถูกลากยาวออกไปอย่างไม่มีขีดจำกัด เหมือนว่าชั่วชีวิตเกรงว่าคงพูดประโยคนี้ไม่จบ
“น่าสยองขวัญมากเหลือเกิน…” ผู้ที่รู้สึกว่ากาลเวลาถูกลากให้ยืดยาวออกไปใช่จะมีเพียงแค่คนหรือสองคนเท่านั้น ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าในพริบตาเดียวนั่นเองกาลเวลาไม่ไหลเคลื่อนไปอีกต่อไป แต่กาลเวลาถูกขยายให้กว้างขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัดในพริบตาเดียว และถูกดึงให้ยาวขึ้นไม่มีสิ้นสุด
ขณะที่ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถเรียกสติกลับมาจากการที่กาลเวลาถูกขยายให้กว้างขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด และถูกดึงให้ยาวขึ้นไม่มีสิ้นสุดนี้ได้ ทุกคนมองดูขณะหลี่ชิเย่ที่ถูกทิ่มแทงทะลุหน้าอกแล้วรู้สึกหวั่นไหว และรู้สึกหวาดผวา พวกเขาต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ
ชั่วพริบตาเดียวขณะที่มีการดึงให้ยืดยาวออกไป และขยายกว้างขึ้นไร้ขีดจำกัดนั้น ทุกคนต่างเข้าใจว่าหลี่ชิเย่คงจบสิ้นแล้ว หลี่ชิเย่ต้องถูกพวกของลู่เคอะเวิงฆ่าตาย
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ต่างไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร ความจริงแล้วพวกเขายังคงหยุดอยู่กับชั่วพริบตาเดียวที่กาลเวลาถูกขยายกว้างขึ้นไร้ขีดจำกัด และดึงให้ยืดยาวออกไป
แต่ว่าผู้ที่แข็งแกร่งเฉกเช่นราชันแท้จริงต้วนยวี่ นางรู้สึกได้ทันทีว่าท่าจะไม่ดีแน่ในชั่วพริบตาเดียวนี้เอง นี่มันไม่ใช่แค่เวลาถูกหยุดเอาไว้ แต่ในชั่วพริบตาเดียวนี้เหมือนว่ามีผู้ที่ควบคุมกาลเวลาเอาไว้ กาลเวลาเป็นเพียงขนาดที่อยู่ในมือของเขาเท่านั้น จะให้ใหญ่หรือเล็กนั้นสุดแล้วแต่ใจปรารถนาโดยสิ้นเชิง
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา ทุกคนยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นาทีนี้ทุกคนต่างบังเกิดมโนภาพ ล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าเหมือนกาเวลาถูกใครเขาผลักให้เคลื่อนที่ไปในทันใด
จังหวะที่กาลเวลาถูกผลักให้เคลื่อนที่ในพริบตาเดียวนั้น มองเห็นหลี่ชิเย่ที่หันหลังแล้วเดินออกมา
หลี่ชิเย่คนที่กำลังยันอยู่กับสายฟ้าชั่วร้ายคนนั้นยังคงอยู่ที่ตรงนั้น ยังคงมีเปลวเพลิงร้อนแรงที่ต่อสู้ชี้ขาดอยู่กับสายฟ้าชั่วร้ายที่เสมือนดั่งน้ำหลาก กระทั่งนาทีนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่มองเห็นเขากวางที่กำลังจะแทงทะลุกลางหลังของหลี่ชิเย่
แต่ว่า ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่คนที่สองที่ก้าวออกมาจากตัวของหลี่ชิเย่คนนี้ และหลี่ชิเย่คนที่สองได้หันหลังกลับมาทันที
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง กาลเวลาเสมือนดั่งก้าวกระโดดที่สั้นมาก ทุกคนล้วนแล้วแต่มีปฏิกิริยาโต้ตอบไม่ทัน หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่คนที่หันหลังกลับมาเสยขึ้นไปข้างบนอย่างแรง หนึ่งหมัดทำเอาสี่พุทธาจนตัวลอย ภายใต้หนึ่งหมัดนี้ คางของสี่พุทธาถูกต่อยจนแหลกเละไปหมด เลือดสาดกระจาย หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก ผู้คนจึงได้ยินเสียงกระดูกที่แตกละเอียดดังคร๊ากกกขึ้นมา
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว พริบตาเดียวนี้เหมือนไม่มีการเคลื่อนที่ของกาลเวลาอีกแล้ว ทั่วทั้งโลกเสมือนดั่งกลายเป็นภาพวาดแต่ละภาพ
ขณะที่หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ที่ซัดจนคางของสี่พุทธาจนแตกละเอียดไปนั้น สถานการณ์เหมือนได้พลิกไปหน้าต่อไป และหน้านี้ได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าคนทุกคน มองเห็นหลี่ชิเย่ที่ยกเท้าถีบไปอย่างแรง ได้ยินเสียงดังตูม มองเห็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยนถูกถีบลงมาจากท้องฟ้าสูงในเท้าเดียว ปรากฏฝนเลือดทั่วท้องฟ้า ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนพุ่งปะทะกับพื้นพสุธา เลือดนองเต็มพื้น เหมือนว่าร่างกายของเขาถูกชนจนละเอียดไปโดยสิ้นเชิงอย่างนั้น
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง เปิดหน้าที่สามขึ้นมา ภาพที่เห็นหลี่ชิเย่จระเข้ฟาดหาง เท้าข้างนั้นฟาดเข้าไปกลางลำตัวที่สูงใหญ่ของผู้เฝ้าดูต้นไม้ ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง ร่างกายของผู้เฝ้าดูต้นไม้ถูกเตะผ่ากลางขาดสองท่อน เลือดสาดเต็มท้องฟ้า ร่างกายที่มีขนาดยักษ์ของเขาถูกเตะจนลอยไปชนกับดวงดาวในจักรวาล เลือดสดๆ พุ่งทะลักออกมา
สุดท้าย จึงได้ยินเสียงดังปัง ปัง ปังไม่ขาดสาย ในขณะนี้ ได้พลิกเปิดไปถึงหน้าที่สี่แล้ว ติดตามด้วยภาพต่างๆ ถูกพลิกเปิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางเสียงที่ดังปัง ปัง ปังไม่ขาดสายนั้น มือทั้งสองข้างของหลี่ชิเย่ได้จับเขากวางคู่นั้นของลู่เคอะเวิงเอาไว้ งัดเอาร่างของลู่เคอะเวิงขึ้นมาแล้วฟาดลงกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกๆ ครั้งก็จะนำมาซึ่งเลือดสดๆ ที่พวยพุ่งออกมาเต็มท้องฟ้า
ขณะที่หลี่ชิเย่ได้จับลู่เคอะเวิงฟาดอย่างบ้าคลั่ง และฟาดจนเลือดกระจายเต็มท้องฟ้านั้น ภาพได้ถูกพลิกเปิดผ่านไปหน้าแล้วหน้าเล่าอย่างรวดเร็ว ตลอดขั้นตอนราบละเอียดต่างๆ ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างละเอียด ลู่เคอะเวิงถูกฟาดจนแหลกไม่มีชิ้นดี ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด ขั้นตอนต่างๆ เป็นไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ทุกคนยังมีปฏิกิริยาตอบโต้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้สะเทือนหวั่นไหว และถูกสยบโดยภาพที่ปราศจากผู้เทียบเทียม เหมือนว่ากาลเวลาได้กลับคืนปรกติ และเริ่มเคลื่อนไหวท่ามกลางเสียงแว้งค์เสียงนี้
“ฮือ…” ในเวลานี้ เสียงที่ทุกคนได้ยินคือเสียงแหลมเศร้ารันทดและน่าเวทนาของปลาหมึกสายชั่วร้าย สุดท้ายได้ยินเสียงแค่วกกกเสียงหนึ่ง ฝนเลือดที่มีสีดำดั่งหมึกได้พวยพุ่งออกมาเต็มท้องฟ้า ร่างกายที่ใหญ่โตดั่งดวงดาวของปลาหมึกสายชั่วร้ายถูกหลี่ชิเย่จับฉีกตัวเป็นๆ ออกเป็นสองซีก
ท่ามกลางเสียงฮือออที่เศร้ารันทดและน่าเวทนายิ่ง ปลาหมึกสายชั่วร้ายได้เสียชีวิตไป มันถูกหลี่ชิเย่จับฉีกออกตัวเป็นๆ โดยฉีกออกเป็นชิ้นๆ เป็นการสังหารโหดอย่างสิ้นเชิง
ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่งร่างกายของปลาหมึกสายชั่วร้ายที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารถูกหลี่ชิเย่โยนลงพื้นไปตามอารมณ์
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ฟ้าดินเงียบสงัด ไหนเลยยังมีลู่เคอะเวิงอะไรนั้น ไหนเลยยังมีราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ยิ่งกว่านั้นยังไม่มีอาณาจักรกระบี่ ไม่มีคลื่นเสียง และไม่มีเขากวางที่แทงทะลุกลางหลังของหลี่ชิเย่
สิ่งที่เหลืออยู่ระหว่างฟ้าดินคือเกลื่อนกระจัดกระจาย ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนพุ่งชนพื้นพสุธาจนจม เลือดไหลหยดลงเป็นทาง เกรงว่าร่างกายของเขาได้ชนจนแหลกละเอียดไปแล้ว ร่างของสี่พุทธาถูกหมัดเสยจนลอบขึ้นไปบนจักรวาลที่ไกลที่สุด คางแหลกละเอียดไปอย่างสิ้นเชิง ผู้เฝ้าดูต้นไม้ถูกส่งขึ้นไปอยู่บนจักรวาล ด้วยเท้าข้างเดียว ร่างกายของเขาถูกเตะจนขาดสองท่อน สำหรับลู่เคอะเวิงนั้น ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาชุ่มไปด้วยเลือด ถูกฟาดจนพื้นดินเป็นรอยร้าว
………………………………………
Comments