Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2671 กระบองกู่ท้าว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2671 กระบองกู่ท้าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2671 กระบองกู่ท้าว

ในขณะนี้สามสิบหกบรรพบุรุษ ต้นกำเนิดสัจธรรมตระกูลมู่ภายใต้แสงที่พร่างพราวสาดส่องเข้ามาแลดูเฉลียวฉลาดและทรงกำลังอำนาจเป็นพิเศษ สามสิบหกบรรพบุรุษเสมือนดั่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่ลงมาจากสวรรค์ เหมือนว่าสามารถตัดสินสิ่งมีชีวิตบนโลกได้ทั้งหมด สามารถชี้เป็นชี้ตายเหล่าไวไนยสัตว์บนโลก

ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้เมื่อได้เห็นภาพนี้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่อาจกล่าวได้ว่าการจัดวางกำลังของตระกูลมู่ไม่ยิ่งใหญ่มากพอ กระทั่งกล่าวได้ว่านี่คือกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลมู่แล้ว นี่คือธาตุแท้ภายในที่ทรงพลังมากที่สุดของตระกูลมู่แล้ว

ตูม…เสียงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในเวลานี้มองเห็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้นำอาวุธเล่มหนึ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ

มันคือกระบองอันหนึ่ง เมื่อกระบองอันนี้ถูกนำออกมานั้น กลิ่นอายที่บ้าคลั่งโหดร้ายทารุณพลันอาละวาดฟ้าดิน เหมือนว่าในชั่วพริบตาเดียวนี้เองได้มีสัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งที่กลืนฟ้าดินกินเทพมารออกมาอย่างนั้น

มันคือกลิ่นอายน่ากลัวยิ่งที่แผ่กระจายออกมาจากกระบองอันนั้นที่อยู่ในมือของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนนั่นเอง กระบองอันนี้มีสีขาวทั้งอัน พลันที่มองเห็นก็รู้ว่าทำมาจากกระดูกของสัตว์ในสมัยดึกดำบรรพ์

บนตัวกระบองลักษณะเช่นนี้ได้สลักอักขระยันต์โบราณจนเต็มแน่นไปหมด อักขระยันต์โบราณแต่ละตัวล้วนแล้วแต่แผ่อานุภาพที่ไร้เทียมทานของปฐมบรรพบุรุษออกมา ทำให้ผู้พบเห็นรู้ได้ทันทีว่ากระบองนี้กำเนิดขึ้นมาด้วยมือของปฐมบรรพบุรุษ

เมื่อราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมีกระบองลักษณะเช่นนี้อยู่ในมือ เสมือนหนึ่งได้กลายร่างเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์อย่างนั้น สามารถเหยียบย่ำฟ้าดิน สามารถกลืนกินโลก สามารถกัดกินกาลเวลา นาทีนี้ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็ได้รับผลกระทบจากกลิ่นอายที่น่ากลัวของกระบองอันนี้ ร่างกายของเขาก็มีกลิ่นอายที่โหดร้ายทารุณน่าเกรงขามวูบวาบออกมา

“นี่คืออาวุธอะไร?” ผู้คนจำนวนมากรู้สึกตกใจยิ่งนัก เมื่อมองเห็นกระบองอันนี้ได้แผ่กลิ่นอายที่โหดร้ายทารุณน่าเกรงขามออกมา ซึ่งกลิ่นอายที่โหดร้ายทารุณน่าเกรงขามเช่นนี้กับพลังที่สง่าผ่าเผยปราศจากผู้ต่อกรของตระกูลมู่ดูจะเข้ากันไม่ได้เลย

ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงวันตระกูลมู่ยังมีอาวุธที่บ้าคลั่งโหดร้ายทารุณเช่นนี้อยู่ชิ้นหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่อาวุธนี้ลงมือนั้น เสมือนดั่งมีสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งที่ยึดครองอยู่ภายในจิตใจของทุกคน ทันใด้นั้น ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง กระทั่งวิญญาณออกจากร่าง เนื่องจากความรู้สึกเช่นนี้คล้ายดั่งสัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวนั้นกำลังจะกลืนกินตนเองเข้าไปในพริบตาเดียวนี้เอง

“กระบองกู่ท้าว…” แม้ว่าน้อยคนนักที่จะจดจำมันได้เมื่อมองเห็นกระบองอันนี้ แต่ยังคงมีเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลาจดจำประวัติความเป็นมาของกระบองอันนี้ได้ ถึงกับตระหนกอยู่ในใจ

“ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่เสียทีที่เป็นอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุคของตระกูลมู่ ไม่เพียงมีสติปัญญาที่สูงมาก ขณะเดียวกันจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรก็แกร่งมาก” เทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลาผู้นี้ถึงกับทอดถอนใจขึ้นมา ขณะมองดูกระบองกู่ท้าวที่อยู่ในมือของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน

“กระบองอันนี้น่ากลัวมากอย่างนั้นรึ?” ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่ได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของกระบองอันนี้ อดที่จะสงสัยอยู่ในใจ

“เป็นความจริงที่มันน่ากลัวมาก นี่คืออาวุธที่โหดร้ายทารุณมากที่สุดชิ้นหนึ่งที่อยู่ในมือของปฐมบรรพบุรุษมู่หวิน” เทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลาผู้นี้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เล่าลือกันว่า ในครั้งนั้นปฐมบรรพบุรุษมู่หวินได้เคยพบกับสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่น่ากลัวอย่างยิ่งตัวหนึ่ง สัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวนี้มีชื่อว่ากู่ท้าว จัดว่ามีกำลังความสามารถที่ปราศจากผู้ต่อกร กระทั่งสามารถเทียบเคียงกับปฐมบรรพบุรุษมู่หวิน ภายหลัง ปฐมบรรพบุรุษมู่หวินได้ใช้พลังไปจำนวนมหาศาลจึงสามารถสังหารสัตว์ดึกดำบรรพ์กู่ท้าวตัวนี้ได้…”

“…หลังจากที่ได้สังหารสัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวนี้ได้แล้ว ปฐมบรรพบุรุษมู่หวินได้เลาะเอากระดูกเต๋าของมันนำมาหลอมสร้างเป็นอาวุธ ซึ่งก็คือกระบองกู่ท้าวนั่นเอง” ครั้นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลากล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว แววตาถึงกับหดตัวลงและกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “กระบองอันนี้อาศัยกระดูกเต๋าของกู่ท้าวหลอมบูชาจนสำเร็จขึ้นมา ในกระดูกเต๋ายังคงมีพลังที่เจ้าอารมณ์ยิ่งของกู่ท้าวถูกผนึกอยู่ภายใน ดังนั้น ผู้ใดถือกระบองกู่ท้าวอันนี้ก็จะถูกพลังเจ้าอารมณ์ของมันโน้มน้าวให้เป็นเช่นนั้น…”

“…เมื่อถูกพลังเจ้าอารมณ์ของมันสั่งการ ก็จะตกอยู่ในสภาพของการควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้ที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่แข็งแกร่งเพียงพอก็จะมีดวงตาที่แดงก่ำ เห็นคนต้องฆ่า สามารถทำให้แผ่นดินนับหมื่นลี้ปราศจากหญ้าแม้แต่ต้นเดียว เข่นฆ่าสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ว่า การที่ในมือของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนกำกระบองกู่ท้าวเอาไว้แต่ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังเจ้าอารมณ์นั้น ยังคงรักษาความเป็นตัวตนของตนเองได้ สิ่งนี้กล่าวได้ว่าจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมีความแข็งแกร่งมั่นคงแล้ว”

ครั้นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลาผู้นี้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงกับทอดถอนใจและกล่าวว่า “น่าเสียดาย เขาเกิดไม่ถูกจังหวะ ถ้าหากไม่เป็นเพราะเขาเกิดมาอยู่ในยุคเดียวกันกับคนโหดอันดับหนึ่งล่ะก็ เขาจะต้องได้กลายเป็นราชันแท้จริงที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งอย่างยิ่ง ต่อให้ไม่สามารถเทียบเคียงได้กับเจิ้นตี้ ราชันแท้จริงฉงหัว ก็จะต้องถูกจารึกชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ของแดนสามเซียน น่าเสียดาย…”

เมื่อได้ยินการกล่าวเสียดายเช่นนี้ ใช่มีเพียงเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่ากะลาผู้นี้เท่านั้นที่รู้สึกทอดถอนใจอย่างใจหายเช่นนี้ ความจริงแล้ว ใต้หล้ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อดจะรู้สึกทอดถอนใจอย่างใจหายกันเล่า?

เป็นความจริงที่ว่าการเกิดในยุคเดียวกันกันคนโหดอันดับหนึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้ายิ่งอย่างแท้จริง เป็นความจริงที่เรื่องนี้ได้ทำให้อัจฉริยะบุคคลทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องสิ้นหวัง ไม่ว่าจะมีความปราดเปรื่องน่าทึ่งเพียงใด มีพรสวรรค์ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองอะไรอย่างนั้น ไม่ว่ามีกำลังความสามารถที่แข็งแกร่งเท่าไร มีความสำเร็จที่มากมายเพียงใด แต่ว่า ขอเพียงมีคนโหดอันดับหนึ่งอยู่ ทุกอย่างก็ดูจะสลดและอับแสง ทุกอย่างดูจะไร้ค่าไม่คู่ควรจะกล่าวถึง

ภายใต้วงแหวนที่เจิดจ้าปราศจากผู้ต่อกรของคนโหดอันดับหนึ่ง ทุกๆ อัจฉริยะบุคคลล้วนแล้วแต่สลดและอับแสง ล้วนแล้วแต่รู้สึกละอายตนเอง นี่แหละคือละครเศร้าที่ได้มาอยู่ร่วมยุคสมัยเดียวกันกับคนโหดอันดับหนึ่ง

“เป็นความจริงที่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนคืออัจฉริยะบุคคลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งอย่างแท้จริง เป็นราชันแท้จริงที่มีพลังแฝงไร้ขีดจำกัดคนหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับน้องชายคนนั้นของเขาแล้ว ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งมากกว่าเท่าไร ไม่ปฏิเสธว่าน้องชายคนนั้นของเขาหากพูดถึงเรื่องของพรสวรรค์แล้ว เกรงว่าใต้หล้าคงยากจะหาผู้ใดเทียม ไม่ว่าจะเป็นสัจธรรมอะไร ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมเช่นใด เขาแค่เห็นผ่านตาแวบหนึ่งก็สามารถบรรลุได้ เสียดายนิสัยค่อนข้างแย่ และจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรต่ำเกินไป ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าไม่สามารถทำการใหญ่ได้” บรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิถึงกับพยักหน้าและชื่นชมออกมา

เมื่อมีการเอ่ยถึงน้องชายของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ซึ่งก็คือมู่เส้าเฉิงนั่นเอง ทำให้ผู้คนจำนวนมากอดที่จะจ้องมองตากันและกัน พรสวรรค์ของมู่เส้าเฉิงเป็นที่รับรู้ของทุกคนในแดนลัทธิราชัน ขณะที่เขายังเยาว์วัยอยู่นั้น เรียกได้ว่ามีความปราดเปรื่องน่าทึ่งปราศจากผู้ต่อกร ความโด่งดังล้ำหน้าราชันแท้จริงมู่เจี้ยนผู้เป็นพี่ชายไปมากทีเดียว

เสียดาย มู่เส้าเฉิงไร้ความรู้ไร้ความสามารถ วันๆ ไม่ทำอะไร ท้ายที่สุดทำให้ตนเองนั้นสิ้นเปลืองเวลาไปเปล่าประโยชน์

‘กระบองกู่ท้าว’ ในเวลานี้มีผู้จ้องมองไปที่กระบองที่อยู่ในมือของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน และกล่าวว่า “มีพลังที่สามารถเทียบเคียงปฐมบรรพบุรุษได้ บวกกับต้นกำเนิดสัจธรรมล่ะก็ สามารถสู้กับคนโหดอันดับหนึ่งได้หรือไม่นะ?”

ในเวลานี้ทุกคนต่างรอคอยกับสิ่งนี้ จะอย่างไรเสีย สภาพของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนในเวลานี้นับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว ในหมู่ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่สามารถหาคู่ต่อสู้ได้อีกแล้ว

แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ในเวลานี้เองเสียงสั่นเทาดังขึ้นมาเป็นระลอก มองเห็นเพียงสามสิบหกบรรพบุรุษล้วนแล้วแต่มีหลักกฎเกณฑ์สัจธรรมที่พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง นาทีนี้พวกเขาไม่ได้เก็บงำแม้แต่น้อย พลังลมปราน และพลังสัจธรรมทั้งหมดล้วนแล้วแต่พวยพุ่งออกมา ภายใต้การสั่นเทาของช่องว่าง ทำการเปิดอาณาจักรสัจธรรมของพวกเขาออกมา

แว็งค์…เสียงที่ไพเราะน่าฟังเสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่บรรพบุรุษทั้งสามสิบหกคนต่างคนต่างเปิดอาณาจักรสัจธรรมที่เป็นของตนเองออกมานั้น มองเห็นต้นกำเนิดสัจธรรมของตระกูลมู่ก็เริ่มลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ กระทั่งในขณะนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่สามารถได้ยินเสียงช่าาา ช่าาา เหมือนว่าต้นกำเนิดสัจธรรมทั้งหมดจะแยกตัวออกจากน้ำแก่นสัจธรรมอย่างนั้น

แว้งค์…เสียงที่ดังมากดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง นาทีนี้มองเห็นบรรพบุรุษทั้งสามสิบหกคนต่างสำแดงการวิวัฒนาการสัจธรรมพร้อมๆ กัน มองเห็นอักขระยันต์สัจธรรมของต้นกำเนิดสัจธรรมพลันวิวัฒนาการขึ้นมาทันที

ภายในระยะเวลาอันสั้น มองเห็นท่ามกลางต้นกำเนิดสัจธรรมได้มีการวิวัฒนาการบทคัมภีร์สัจธรรมมาสามสิบหกบท คัมภีร์สัจธรรมทุกๆ บทล้วนแล้วแต่มีความน่าเกรงขามไร้ขอบเขต เสมือนดั่งสามารถจุทุกสิ่งทุกอย่างได้

ได้ยินเสียงปุเสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นบทคัมภีร์แต่ละบทได้แยกตัวออกมาจากต้นกำเนิดสัจธรรม บทคัมภีร์ทุกๆ บทล้วนแล้วแต่มีความสมบูรณ์ไร้ผู้เทียบเทียม บทคัมภีร์ทุกบทล้วนแล้วแต่ได้หลอมรวมเอาหลักกฎเกณฑ์ที่ปราศจากผู้ต่อกร และมีความลึกซึ้งยอดเยี่ยมสูงสุด

“นี่มันคืออะไร…” ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกแปลกใจ เมื่อมองเห็นบรรพบุรุษทุกคนต่างวิวัฒนาการและควบคุมบทคัมภีร์สัจธรรมเอาไว้บทหนึ่ง

ช่าาาเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้ บทคัมภีร์สัจธรรมสามสิบหกบทมีการหมุนเคลื่อนไปไม่หยุดนิ่ง และมีการวิวัฒนาการไม่หยุด สุดท้ายบทคัมภีร์สัจธรรมสามสิบหกบทถึงกับหลอมรวมเข้าด้วยกัน ในพริบตาเดียวนั่นเอง ถึงกับได้กลายเป็นบทคัมภีร์สูงสุดเล่มหนึ่ง

เมื่อได้รวมเข้าด้วยกันจนสำเร็จเป็นคัมภีร์ลักษณะเช่นนี้ขึ้นมาได้เล่มหนึ่ง มันได้ส่องแสงแห่งสัจธรรมสูงสุดออกมาวูบวาบ เหมือนว่าคัมภีร์สัจธรรมสูงสุดเล่มนี้มีปฐมบรรพบุรุษมู่หวินเป็นผู้เขียนขึ้นด้วยตนเองอย่างนั้น

ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมานั้น มองเห็นคัมภีร์สัจธรรมสูงสุดเล่มนี้ได้ชนเข้าให้ที่กลางหลังของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ท่ามกลางเสียงปังนั้น มองเห็นคัมภีร์สัจธรรมสูงสุดเล่มนี้พลันหลอมรวมเข้าไปภายในร่างกายของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนในทันที

“นี่มันคือวิธีการอะไร?” ผู้คนจำนวนมากต่างดูไม่ออกถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมและความลึกลับในนั้น

“สัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษ” มีระดับบรรพบุรุษมองออกถึงความลึกซึ้งนี้ได้ และกล่าวว่า “นี่เป็นคัมภีร์สัจธรรมเล่มหนึ่งที่ที่ถูกสลักและหลอมกลั่นเข้าไปอยู่ในต้นกำเนิดสัจธรรม เมื่อครั้งปฐมบรรพบุรุษมู่หวินก่อตั้งและกลั่นบูชาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ มันคือสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษมู่หวิน และแทนปณิธานของปฐมบรรพบุรุษมู่หวิน ฟังว่าคัมภีร์เล่มนี้มีสามสิบหกบท นึกไม่ถึงว่าตระกูลมู่ถึงกับสามารถอาศัยวิธีการเช่นนี้นำเอาคัมภีร์สัจธรรมออกมาได้ ดูท่าตระกูลมู่ไม่ได้เพิ่งจะมีแนวคิดเช่นนี้กะทันหัน ได้เตรียมการเสี่ยงสู้กับคนโหดอันดับหนึ่งให้ตายไปข้างหนึ่ง”

เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อคัมภีร์เล่มนี้ได้สลักและหลอมรวมเข้าไปอยู่ภายในร่างกายของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนนั้น ทันใดนั้น ร่างกายของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนคล้ายดั่งจะระเบิดขึ้นมาอย่างนั้น ฉับพลันนั้นลำแสงสัจธรรมที่ไม่มีสิ้นสุดได้พวยพุ่งขึ้นมา เหมือนว่าเขาก็คือโลกๆ หนึ่งที่ที่ได้ถือกำเนิดขึ้นในพริบตา

ขณะที่คัมภีร์เล่มนี้ได้หลอมรวมเข้าไปในร่างกายของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอย่างสิ้นเชิง ทันใดนั้นลักษณะของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา เขาไม่ได้มีร่างกายที่เป็นเลือดเนื้ออีกแล้ว นาทีนี้เขาก็คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะของสัจธรรมปฐมบรรพบุรุษข้อหนึ่ง เนื้อหนังทุกๆ ตารางนิ้วล้วนแล้วแต่ มีอักขระยันต์สัจธรรมที่ไหลริน เมื่อดวงตาคู่นั้นของเขาลืมตาขึ้นมา เจ้าก็จะมองเห็นดวงตาคู่นั้นของเขาเหมือนได้กลับกลายเป็นทะเลอักระยันต์อย่างนั้น ข้างในมีอักขระยันต์ของปฐมบรรพบุรุษกำลังวิวัฒนาการและไหลเวียน

ตูม ตูม ตูมเมื่อร่างกายของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้กลายเป็นสัจธรรมโดยสิ้นเชิงนั้น เสียงตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลง ร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งมากขึ้นๆ ร่างของเขาคล้ายกลับกลายเป็นมนุษย์สัจธรรมยักษ์ เขาไม่ใช่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอีกต่อไปแล้ว

“สัจธรรม สัจธรรมปฐมบรรพบุรุษ นี่เป็นการอาศัยร่างกายยืมสัจธรรม” ทุกคนต่างร้องเสียงหลงขึ้นมา หลังจากได้มองเห็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยนกลายเป็นมนุษย์สัจธรรมยักษ์แล้ว ต่างทยอยกันแหงนหน้าขึ้นมอง

นาทีนี้ ศีรษะของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนค้ำสวรรค์ มือทั้งสองกำกระบองกู่ท้าว เสมือนหนึ่งเป็นราชันสงครามสัจธรรมสูงสุดคนหนึ่ง กระบองกู่ท้าวในมือฟาดลงมา สามารถทำลายทั่วโลกจนแตกสลายในพริบตา

………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *