Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2684 นักพรตไป๋ยื่อยอมอ่อนข้อ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2684 นักพรตไป๋ยื่อยอมอ่อนข้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2684 นักพรตไป๋ยื่อยอมอ่อนข้อ

ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ เนื่องจากในขณะนี้ทุกคนต่างคาดหวังให้หลี่ชิเย่ลงมือ คาดหวังให้หลี่ชิเย่สังหารนักพรตไป๋ยื่อ

ก่อนหน้านี้ บางทีอาจมีผู้คนจำนวนไม่น้อยคาดหวังให้นักพรตไป๋ยื่อสามารถเอาชนะหลี่ชิเย่ ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นความหวังไม่มากก็น้อย แต่ว่า เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นใคร ยอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่ก็ดี เทพแท้จริงขั้นอมตะรุ่นอาวุโสก็ช่าง ภายในใจของทุกคนล้วนแล้วแต่มีความคิดเดียวเท่านั้น ล้วนแล้วแต่หวังให้คนโหดอันดับหนึ่งลงมือสังหารนักพรตไป๋ยื่อเสีย

สิ่งที่นักพรตไป๋ยื่อได้กระทำลงไปนับว่าสร้างความโกรธแค้นจนถึงขีดสุด ช่างสยองขวัญมากเหลือเกิน นี่มันคือการกระทำของนอกรีตโดยสิ้นเชิง เป็นเรื่องที่มีเพียงใฝ่อธรรมเท่านั้นที่สามารถทำได้ ซึ่งเป็นการเสื่อมเสียต่อตำแหน่งฐานะความเป็นชั้นคงความอมตะตลอดกาลของเขาโดยสิ้นเชิง

ที่ทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัวมากกว่านี้ก็คือ เดิมทีเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลก็ปราศจากผู้ต่อกรมากพอแล้ว ใต้หล้ายังจะมีใครสามารถขวางเขาเอาไว้ได้? เวลานี้หลังจากที่เขาได้ดูดกลืนระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ไปจนหมดสิ้นแล้ว ยิ่งเป็นการเพิ่มความน่ากลัวขึ้นไปอีก ใช่เพียงแค่แดนลัทธิราชันเท่านั้น เกรงว่าคงสามารถครองความเป็นเลิศในแดนลัทธิเซียนแล้ว

ดังนั้น สิ่งนี้ยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน เนื่องจากเวลานี้นักพรตไป๋ยื่อสามารถกลืนกินระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ได้ พรุ่งนี้ก็สามารถกลืนกินระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิอื่นๆ ได้ สุดท้าย เกรงว่าระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิในแดนลัทธิราชันมีความเป็นไปได้ที่อาจจะถูกเขากลืนกินเกือบหมด อีกทั้งนักพรตไป๋ยื่อที่ปราศจากผู้ต่อกร ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางเขาได้อีกแล้ว

ในเวลานี้ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่คนโหดอันดับหนึ่ง ภายในใจของทุกคนล้วนแล้วแต่มีความมุ่งมาดปรารถนาอย่างหนึ่ง หวังว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะลงมือสังหารนักพรตไป๋ยื่อเสีย

กล่าวได้ว่าทุกคนในเวลานี้ล้วนแล้วแต่ฝากความหวังเอาไว้บนตัวของหลี่ชิเย่ เนื่องจากหากจะถามว่าทั่วทั้งแดนลัทธิราชันยังมีใครสามารถสังหารนักพรตไป๋ยื่อได้ล่ะก็ คงมีเพียงคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้นแล้ว

“ช่วยขจัดภัยให้กับแดนลัทธิราชันด้วยเถอะ” มีผู้ที่พนมมือขณะมองดูคนโหดอันดับหนึ่ง โดยมีการอธิฐานขึ้นภายในใจ

ความจริงแล้ว ในเวลานี้ผู้ที่อธิฐานอยู่ในใจใช่มีเพียงแค่คนสองคนเท่านั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อธิฐานอยู่ภายในใจ เพียงแต่ทุกคนต่างเกรงกลัวต่ออำนาจที่ดุร้ายของนักพรตไป๋ยื่อ ไม่กล้าพูดออกมา

หลี่ชิเย่เพียงยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงนั้น ท่าทางเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“คุณชายหลี่ เมื่อครู่ข้าไม่เจียมตัวช่วยคุณชายหลี่สังหารทำลายล้างระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ไป ช่วยออกหน้าแทนคุณชายหลี่ ไม่ทราบว่าคุณชายหลี่พอใจหรือไม่?” ในขณะนี้ นักพรตไป๋ยื่อที่ทำเลียปากแผลบๆ ได้แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ โดยวางท่าทีไว้ต่ำมาก ไม่ได้มีท่าทีที่โกรธแค้นเมื่อครู่ ท่าทางต้องการแสดงความเป็นมิตรต่อหลี่ชิเย่

พลันที่ผู้คนจำนวนมากมองเห็นท่าทีของนักพรตไป๋ยื่อทำให้รู้สึกหวั่นใจมาก เนื่องจากนักพรตไป๋ยื่อแสดงเป็นมิตรต่อหลี่ชิเย่เมื่อใดล่ะก็ ไม่แน่นักพวกเขาสองคนอาจจับมือเจรจาสงบศึกก็เป็นได้ จะอย่างไรเสีย หลังจากนักพรตไป๋ยื่อได้กลืนกินระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่แล้ว เกรงว่ากำลังความสามารถจะกลับกลายเป็นลึกล้ำยากจะหยั่งถึง คนโหดอันดับหนึ่งไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องสู้กันอย่างดุเดือดจนถึงที่สุดกับเขา ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่ได้มีบุญคุณความแค้นอะไรมากมายนัก

“เรื่องที่ข้าจะทำไม่จำเป็นให้ผู้อื่นต้องมากังวลแทน” หลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีตามอารมณ์ ยิ้มกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา

“เป็นข้าที่สมควรตาย เป็นข้าที่ทำไม่ถูก ไม่ได้นึกถึงข้อนี้” นักพรตไป๋ยื่อรีบเร่งโค้งคำนับด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ท่าทางดูถ่อมตัวและนอบนอ้มอย่างยิ่ง เขารีบกล่าวขึ้นมาว่า “เมื่อครู่เป็นข้าที่ทำบุ่มบ่ามล่วงเกินต่อคุณชาย หวังว่าคุณชายเป็นผู้ที่ใจกว้าง ไม่ถือโทษกับข้า”

“พูดเช่นนี้ เจ้าจะไม่แก้แค้นให้กับลูกหลานที่ตายไปแล้วสิ?” หลี่ชิเย่ถึงหัวเราะขึ้นมา มองดูท่าทางที่ถ่อมตัวและนอบน้อม

“มิกล้า มิกล้า” นักพรตไป๋ยื่อรีบเร่งตอบว่า “นั่นเป็นเขาที่สมควรตาย สวะที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ตัวเขาเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น บังอาจทำโอ้อวดกำลังต่อหน้าคุณชาย ตายก็สมควรแล้ว ต่อให้คุณชายไม่สังหารเขา ข้าเองก็จะเด็ดหัวของเขาออกมาเพื่อยอมรับผิดและขอขมาต่อคุณชาย”

ภายในใจของทุกคนถึงกับหวั่นใจอย่างสิ้นเชิง ทุกคนต่างมองออกว่านักพรตไป๋ยื่อนั้นหวั่นเกรงต่อหลี่ชิเย่ยิ่งนัก ดังนั้นเขาจึงได้แสดงความเป็นมิตรต่อหลี่ชิเย่โดยตลอด ดังนั้นจึงได้ถ่อมตัวและนอบน้อมอะไรอย่างนั้น

ภาษิตว่าไว้ว่า เมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็จะไม่ถือโทษอีก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การที่คนโหดอันดับหนึ่งไม่ลงมือสังหารนักพรตไป๋ยื่อก็ไม่นับเป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิดอะไร

ถ้าหากนักพรตไป๋ยื่อสามารถมีชีวิตไปจากที่นี่ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วจะช้าหรือเร็วจะต้องเป็นหนามยอกอกของแดนลัทธิราชันสักวันอย่างแน่นอน และจะต้องกลายเป็นต้นกำเนิดภัยพิบัติของแดนลัทธิราชัน

ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่ต้องสั่นเทา เมื่อนึกถึงข้อนี้แล้ว

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะเรียบเฉยเทีหนึ่ง ท่าทางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง ท่าทางของเขาทำให้ผู้อื่นเดาทางไม่ออก

“ถ้าหากคุณชายไม่มีสิ่งใดที่จะสอนสั่ง ข้าขออำลาก่อน” นักพรตไป๋ยื่อคำนับ และกล่าวด้วยท่าทีเคารพนอบน้อมอย่างยิ่งว่า “วันหน้าหากมีสิ่งใดให้ข้ารับใช้ ขอเพียงคุณชายมีคำสั่ง ข้าจะบุกน้ำลุยไฟ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อใดข้าก็ยินดีอยู่คอยรับใช้ข้างกายคุณชาย”

ทุกคนต่างจ้องตากันและกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของนักพรตไป๋ยื่อ ในเวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง กระทั่งรู้สึกสิ้นหวังอยู่บ้าง

ใครก็ฟังออกว่านักพรตไป๋ยื่อไม่เพียงแสดงความเป็นมิตรต่อหลี่ชิเย่เท่านั้น ยังแสดงความปรารถนาจงรักภักดีต่อหลี่ชิเย่อีกด้วย

ลองนึกดูด้วยการเปลี่ยนมุมมองอีกมุมหนึ่ง ถ้าหากเปลี่ยนเป็นตนเอง มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลคนหนึ่งยินดีสวามิภักดิ์ต่อตนเอง ยินดีทำงานรับใช้ให้ตน ใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ไม่ยินดี? ส่วนเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลผู้นี้จะเป็นคนอย่างไร เป็นมารร้ายหรือไม่ จะมีผู้ที่ไปสนใจในเรื่องนี้อย่างนั้นรึ?

ในเวลานี้ ทุกคนต่างรู้สึกหายใจไม่ออก หากเปลี่ยนพวกเขาเป็นหลี่ชิเย่ล่ะก็ พวกเขาจะปฏิเสธการสวามิภักดิ์ของนักพรตไป๋ยื่อหรือไม่?

มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด หากแกร่งกับแกร่งเช่นนี้ร่วมมือกัน เกรงว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งหมดในแดนลัทธิราชันคงไม่มีวันที่จะลืมตาอ้าปากได้ ล้วนแล้วแต่ต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองที่โหดร้ายทารุณของพวกเขา

“ยังไม่ต้องรีบไป” ขณะที่นักพรตไป๋ยื่อรีบเร่งกล่าวคำอำลาขึ้นมานั้น หลี่ชิเย่ได้ยิ้มเรียบเฉยและเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ไม่ทราบว่าคุณชายยังมีสิ่งใดจะสอนสั่ง?” นักพรตไป๋ยื่อรีบเอ่ยขึ้น ท่าทางถ่อมตนและนอบน้อมยิ่งเสมือนดั่งเป็นบ่าวอย่างนั้น สมควรทราบว่าเขานั้นคือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาล และบัดนี้ยังได้กลืนกินระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ไป ขอบเขตกำลังความสามารถได้เพิ่มขึ้นมากทีเดียว ในขณะนี้ยังคงถ่อมตนและนอบน้อมขนาดนั้นต่อหน้าหลี่ชิเย่ เป็นเรื่องที่ผู้คนไม่สามารถจินตนาการได้

ความจริงแล้วนี่แหละคือความเฉลียวฉลาดของนักพรตไป๋ยื่อ ก่อนหน้านั้นเขาต่อสู้กับหลี่ชิเย่อย่างเต็มกำลัง ก็แค่ต้องการวางแผนระยะยาว เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่มากกว่า ทำให้ตระกูลมู่ยินดีหลอมรวมร่าง และสุดท้ายเป็นเขาที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์

เวลานี้เขาได้สิ่งที่ต้องการแล้วด้วยการกลืนกินระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่จนสิ้น นับว่าเขาได้บรรลุเป้าหมายอย่างสิ้นเชิงแล้ว ไม่มีความจำเป็นจะต้องเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่อีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น จากการปะมือกับหลี่ชิเย่มาสองครั้ง หลี่ชิเย่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง เขายังคงจับทางถึงธาตุแท้ภายในของหลี่ชิเย่ไม่ถูก เขายังคงไม่รู้กำลังความสามารถที่แท้จริงของหลี่ชิเย่ แม้ว่าท่ามกลางสายตาที่แข็งแกร่งเช่นนี้ของเขา หลี่ชิเย่ก็ยังคงลึกล้ำยากจะหยั่งถึงเช่นเดิม

ดังนั้น เขาจึงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การกระทำที่มีสติสัมปชัญญะมากที่สุดก็คือ อยู่ห่างจากหลี่ชิเย่ให้ห่างไกลสักนิด และอย่าได้เป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่

“สอนสั่งน่ะคงไม่มี เจ้าลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่ยืนเอามือไพล่หลังยิ้มกล่าวเรียบเฉย

สีหน้าของนักพรตไป๋ยื่อพลันเปลี่ยนไป แต่ทันใดนั้น เขาแสดงรอยยิ้มเต็มใบหน้าขึ้นมาทันที กล่าวด้วยท่าทีที่ถ่อมตนและนอบน้อมยิ่งว่า “คุณชายท่านพูดเล่นแล้ว คุณชายคือบุตรแห่งสวรรค์ เป็นลูกรักของสวรรค์ เป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค และดำรงอยู่ในฐานะผู้มีตำแหน่งสูงสุด ข้ามีกำลังแค่เพียงน้อยนิดไหนเลยกล้าไม่ให้ความเคารพต่อคุณชายได้เล่า? ขอคุณชายได้โปรดให้อภัยข้าด้วยเถอะ”

นักพรตไป๋ยื่อไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่น้อยในเวลานี้ ไม่เหมือนเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลอย่างสิ้นเชิง จะอย่างไรเสีย ในขณะนี้เขายังไม่ทันได้ย่อยสลายระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ เขาจะต้องรีบกลับไปเพื่อทำการย่อยสลายต้นกำเนิดสัจธรรมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ให้กลับกลายเป็นของตนอย่างแท้จริง

“ต่อให้เป็นคำพูดที่น่าฟังกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “ถ้าหากเป็นคนที่ข้าตัดสินใจแล้วต้องฆ่า เจ้าจะขอให้ละเว้นอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้น ลงมือเถอะ วันนี้ข้าต้องสังหารเจ้าแน่”

“ทำได้ดีมาก” ผู้คนจำนวนไม่น้อยส่งเสียงไชโยขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

ทุกคนต่างหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกวางใจอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านั้น พวกเขายังเกรงว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะร่วมมือกับนักพรตไป๋ยื่อ เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งยืนยันจะสังหารนักพรตไป๋ยื่อ สิ่งนี้ได้ทำให้ผู้คนทั่วหล้าวางใจอย่างสิ้นเชิง

“คนโหดอันดับหนึ่งย่อมเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง เยี่ยมมาก ไม่เสียที่เป็นบุรุษตัวจริง เป็นลูกผู้ชายตัวจริง สุดยอดผู้ชายแท้จริงควรเป็นเช่นนี้” มีระดับบรรพบุรุษอดที่จะยกนิ้วโป้งให้พร้อมกับชื่นชมทีหนึ่ง

“ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม คนโหดอันดับหนึ่งก็จะใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ บุคลิกที่ยอดเยี่ยมของเขาไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้ตลอดกาล” ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อดที่จะกล่าวชื่นชมขึ้นมา

ในเวลานี้มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถือเอาหลี่ชิเย่เป็นพระเจ้าผู้ช่วยโลกกันเล่า

คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้สีหน้าของนักพรตไป๋ยื่อเปลี่ยนไป ถึงกับก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เขาหัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่งและกล่าวว่า “คำพูดนี้ของคุณชายเป็นการล้อเล่นกันแล้ว ข้ากับคุณชายไม่มีความแค้นต่อกัน ใยจะต้องห้ำหั่นกันเอาเป็นเอาตายกันเล่า ถ้าหากคุณชายยังคงแค้นเคืองเรื่องที่เมื่อครู่ข้าล่วงเกินต่อคุณชาย ข้าขอน้อมรับผิดด้วยของขวัญชิ้นใหญ่เป็นการขอขมา จนกว่าคุณชายจะพอใจ”

ในขณะนี้ นักพรตไป๋ยื่อได้วางทีท่าจนถึงขีดต่ำสุดแล้ว เขาต้องการไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เวลานี้เขายังไม่มีความมั่นใจว่าสามารถเอาชนะหลี่ชิเย่ได้

ดังนั้น เขาจึงต้องการรีบเร่งไปจากเพื่อจะได้ย่อยสลายต้นกำเนิดสัจธรรม หลังจากที่เขาย่อยสลายต้นกำเนิดสัจธรรมอย่างสิ้นเชิงแล้ว และยึดครองพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่มาได้โดยสิ้นเชิงแล้ว เขาก็จะมีความแข็งแกร่งมากกว่านี้

เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ค่อยคิดหาหนทางสังหารหลี่ชิเย่ก็ยังไม่สาย

“เจ้ายังคงเลิกล้มความตั้งใจนี่เสียเถอะ วันนี้ ข้าจะสังหารเจ้าให้ได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “คนอย่างข้าไม่แคร์ว่าเจ้าจะเป็นศัตรูกับข้า เมื่อครู่ที่เจ้ากลืนกินระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ไปนั้น นั่นเป็นการชักศึกเข้าบ้านของตระกูลมู่ หาเรื่องให้ต้องล่มสลายเอง ดังนั้น ข้าไม่ใช่พระเจ้าผู้ช่วยโลก แต่ ในสายตาของข้า เจ้าสมควรตาย ดังนั้นเวลานี้ข้าก็จะสังหารเจ้าเสีย”

“ข้าแค่ต้องการสังหารเจ้าเท่านั้น มีเพียงเท่านี้เอง ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอื่นใด” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉย

“ใช้อำนาจบาตรใหญ่มากเหลือเกิน คนโหดอันดับหนึ่งย่อมเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง ขอเพียงเขาต้องการฆ่าคน ใครก็ขวางเอาไว้ไม่ได้” ในเวลานี้ ผู้คนใต้หล้าเมื่อได้ฟังคำพูดที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ของหลี่ชิเย่แล้ว มันช่างไพเราะน่าฟังอะไรอย่างนั้น ช่างซาบซึ้งใจอะไรอย่างนั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยยิ้มแก้มปริเมื่อได้ยิน

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *