Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2751 ต่อสู้ชี้ขาด

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2751 ต่อสู้ชี้ขาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2751 ต่อสู้ชี้ขาด

“ฆ่า…” ในพริบตาเดียวนั่นเอง โจวจือฉิงได้ลงมือแล้ว เห็นร่างของนางแวบหนึ่ง ร่างกายและกระบี่เคลื่อนที่ไปด้วยกันด้วยความเร็วที่รวดเร็วอย่างยิ่ง ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียม ในพริบตาเดียวนั้นเองคล้ายดั่งก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่าง ฉับพลันก็บุกทะลวงเข้าไปใน ‘ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว’ ของพวกกัวเจียหุ้ย

ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็น ‘ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว’ของพวกกัวเจียหุ้ยได้กระเพื่อมทีหนึ่ง ปรากฏประกายแวบวับทีหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวพลันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ทำให้โจวจือฉิงที่บุกเข้าไปในค่ายกลท่าทีเหมือนเชื่องช้าลงนิดหนึ่ง

แต่ว่า โจวจือฉิงที่ในมือกำกระบี่ราชันแท้จริงมีอานุภาพที่แข็งแกร่งมาก พลันที่นางลงมือในพริบตาเดียวนั้นเอง อานุภาพราชันแท้จริงจากกระบี่ราชันแท้จริงน่าเกรงขามยิ่ง พลังของราชันแท้จริงเสมือนดั่งทะลุผ่านทุกสิ่งทุกอย่างมุ่งสังหารทุกคน็

ดังนั้น ขณะที่ร่างกายของโจวจือฉิงเชื่องช้าลงนิดหนึ่งนั้น นางยังคงมีท่าทางที่เหมือนเหยี่ยวที่พุ่งตัวโฉบสังหารเข้าไปในค่ายกลดังกล่าว

ท่ามกลางเสียงกระบี่คำรามดังตึงเสียงหนึ่ง ปรากฏกระบี่โจวจือฉิงที่ส่งกระกายแวบหนึ่ง พุ่งตรงไปยังลู่ยั่วซี ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ในบรรดาคนทั้งเจ็ดนั้น ลู่ยั่วซีที่มีอายุน้อยสุดเป็นผู้ที่มีทักษะอ่อนที่สุดอยู่แล้ว

โจวจือฉิงก็มองออกได้ว่า ในบรรดาพวกเขานั้น ลู่ยั่วซีเป็นห่วงข้อที่อ่อนแอที่สุด เมื่อใดที่สังหารลู่ยั่วซีไปแล้ว เกรงว่าค่ายกลที่ว่าของพวกเขานั้นคงจะแตกพ่ายไปเองโดยไม่จำเป็นต้องโจมตี

กระบี่กระบวนท่านี้ดั่งมังกรแท้จริงที่บินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่สูงมาก หนึ่งกระบี่ที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยมได้ล็อคเป้าหมายที่ตัวของลู่ยั่วซีเอาไว้ เรียกว่าเป็นหนึ่งกระบี่ที่หมายมั่นถึงแก่ชีวิต

ระหว่างเสี้ยววินาทีนี้เอง เห็นทีกระบี่ราชันแท้จริงกำลังจะแทงทะลุผ่านทรวงอกของลู่ยั่วซีอยู่แล้ว ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวพลันกระเพื่อมทีหนึ่ง ได้ยินเสียงตูมที่ดังสนั่น ปรากฏกำแพงด้านหนึ่งที่เสมือนดั่งก้าวข้ามฟ้าดิน กั้นขวางระหว่างโจวจือฉิงกับลู่ยั่วซีเอาไว้

ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น แม้หนึ่งกระบี่ของโจวจือฉิงจะดุดัน แต่ ยังคงถูกต้านเอาไว้ได้โดยค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว

ขณะที่ในเวลาเดียวกันนี้ ร่างของลู่ยั่วซีอ่อนช้อยดั่งห่านป่าที่บินขึ้นไปด้วยความตกใจ ล่าถอยออกไปด้วยท่วงท่าที่งดงามอย่างยิ่ง การเคลื่อนไหวรวดเร็วปานสายฟ้าแลบทีถอยฉากออกไป

“ฆ่า…” ในเสี้ยววินาทีนี้เอง หลี่เจี้ยนคุนได้บุกสังหารเข้ามา เขาร้องคำรามเสียงยาวทีหนึ่ง มือหนึ่งถือโล่ขนาดยักษ์ อีกมือหนึ่งถือกระบี่ยาว ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น โล่ยักษ์ของเขาเสมือนดั่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่กระแทกใส่บริเวณหน้าอกของโจวจือฉิง ขณะเดียวกัน กระบี่ที่อยู่ในมือก็ออกจากมือดั่งไฟเย็นที่พุ่งเข้าหาบริเวณลำคอของโจวจือฉิง

จังหวะที่หลี่เจี้ยนคุนบุกสังหารมาถึงในพริบตาเดียวนั้น ซิวหลิน ซิวซี่สองพี่น้องก็ลอบสังหารแบบไร้ซุ่มไร้เสียงเข้ามาที่บริเวณชายโครงซ้ายขวา ดาบยาวของทั้งคู่ดั่งประกายเย็นยะเยือกสายหนึ่งที่ทิ่มแทงเข้าไป

“ไสหัวไป…” โจวจือฉิงซึ่งแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากทีเดียว ส่งเสียงคำรามเย็นชา กระบี่ราชันแท้จริงในมือส่งเสียงคำรามเสียงยาวดังตึง กระบี่ราชันที่สูงตระหง่านกวาดออกไปอย่างบ้าคลั่ง ท่าทีเหมือนปราบแปดแดนจนราบคาบ พลันได้ยินเสียงปัง ปัง ปังที่ดังขึ้น พวกหลี่เจี้ยนคุนทั้งสามคนถูกโจมตีจนล่าถอยกลับไป

พวกเขาทั้งสามก้าวถอยหลังดังตึง ตึง ตึงติดต่อกันหลายก้าว ในเวลานี้เอง ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวปรากฎประกายแวบวับทีหนึ่ง เสาหยกขนาดยักษ์ได้ค้ำยันตัวของพวกเขาเอาไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง ทำให้พวกเขาสามารถทรงตัวเอาไว้ได้อย่างมั่นคง

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง*จ้าวจื้อถิงลงมือแล้ว ปรากฎเปลวไฟที่ร้อนแรงไม่ขาดสาย ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวก็พลันระเบิดขึ้น เสมือนหนึ่งภูเขาไฟลูกหนึ่งที่ตื่นขึ้น พวยพุ่งลาวาขึ้นมา โดยที่เปลวไฟร้อนแรงและลาวาทั้งหมดพลันพุ่งเข้าโจมตีต่อโจวจือฉิงทันที

โจวจือฉิงปราศจากความหวาดกลัวใดๆ เมื่อต้องเผชิญกับเปลวไฟร้อนแรงและลาวาลักษณะเช่นนี้ ตึงกระบี่ราชันในมือส่งเสียงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ปรากฏม่านกระบี่ขึ้นมากั้นขวาง พลันขวางเปลวไฟร้อนแรงและลาวาเอาไว้ได้เสมือนดั่งนกยูงรำแพนอย่างนั้น

“ลองรับค้อนข้าสักที!” หวังเสวียหงที่บุกโจมตีเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวกับจังหวะที่ม่านกระบี่ทำการปิดกั้นนั้น ค้อนยักษ์ในมือของเขาได้ทุบลงมาอย่างแรง ได้ยินเสียงดังปังขึ้นมา เหมือนพื้นพสุธาถูกทุบจนแตกละเอียด

แม้ว่าหนึ่งค้อนของหวังเสวียหงไม่สามารถทุบม่านกระบี่จนแตกละเอียด แต่ว่า นาทีนี้ม่านกระบี่ได้ปรากฎรอยร้าวจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาภายใต้หนึ่งค้อนนี้

ได้ยินเสียงปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนี้เอง เห็นประกายเยือกเย็นแวบหนึ่งพลันแทงทะลุม่านกระบี่ การสังหารที่เยือกเย็นและรุนแรงของประกายเยือกเย็นพลันพุ่งเข้าโจมตีบริเวณคอหอยของโจวจือฉิง เสมือนดั่งอสรพิษที่หมายโจมตีครั้งเดียวถึงชีวิต เป็นการลงมือของกัวเจียหุ้ย หนึ่งกระบี่ปลิดชีพ

แต่ว่า ปฏิกิริยาของโจวจือฉิงไวมาก เดิมทีนางก็แข็งแกร่งกว่าพวกของกัวเจียหุ้ยอยู่แล้ว พริบตาเดียวระหว่างความเป็นความตายนั้น นางคืนกระบี่กลับมาปกป้องกาย ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงที่ดังขึ้น กระบี่ราชันแท้จริงในมือโจมตีหนึ่งกระบี่ปลิดชีพของกัวเจียหุ้ยจนล่าถอยกลับไป

“ฆ่า…” ในเสี้ยววินาทีนี้เอง การโต้กลับของโจวจือฉิงเป็นไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งกระบี่ที่เจิดจ้า หนึ่งกระบี่ล่าวิญญาณ คนและกระบี่รวมเป็นหนึ่ง และโจมตีใส่กัวเจียหุ้ยดั่งสายฟ้าแลบ

กัวเจียหุ้ยคำรามเสียงยาวเสียงหนึ่ง กระบี่ที่ตวัดขึ้นก่อเกิดเป็นคลื่นนับพันลูก ขณะเดียวกันค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวพลันระเบิดอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง คลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เปิดกว้างเต็มที่ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นนับพันเล่มที่พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง กลับกลายเป็นค่ายกลกระบี่ขนาดยักษ์ติดตามคลื่นกระบี่ของกัวเจียหุ้ยโจมตีใส่โจวจือฉิง

“ไป…” ขณะเดียวกัน ลู่ยั่วซีก็ลงมือแล้ว พลันที่นางลงมือ เสมือนพายุฝนฟ้าคะนอง ดั่งดาวตกเกลื่อนฟ้ายิงโจมตีเข้าใส่โจวจือฉิง

“ฆ่า…” พวกของหลี่เจี้ยนคุนเองก็ตั้งหลักได้ ร้องเสียงดังขึ้นมา พลันบุกเข้าสังหารโจวจือฉิงดั่งคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัด

ปัง ปัง ปังเสียงโลหะที่ดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย ภายในระยะเวลาอันสั้น ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือดกว่าสิบกระบวนท่า โดยยากจะชี้ผลแพ้ชนะได้

แรกทีเดียวโจวจือฉิงยังเข้าใจว่าตนเองนั้นสามารถสังหารพวกของกัวเจียหุ้ยทั้งหมดได้ภายในแปดถึงสิบกระบวนท่าเท่านั้น ในสายตาของนางมองว่า พวกของกัวเจียหุ้ยก็เสมือนหนึ่งเป็นกองขยะกองหนึ่ง เป็นมดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้น จะไปยากเย็นอะไรหากจะสังหารพวกเขา เมื่อหลายวันก่อนนางก็อาศัยเพียงไม่กี่กระบวนท่าเล่นงานพวกของกัวเจียหุ้ยจนบาดเจ็บสาหัส เกือบจะตัดหัวของพวกเขาเสียด้วยซ้ำ

ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า เวลานี้แค่ระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วันเท่านั้น พวกของหลี่ชิเย่กลับกลายเป็นเคี้ยวยาก ไม่เพียงเพราะกำลังความสามารถของพวกกัวเจียหุ้ยที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ขณะเดียวกันยังเป็นเพราะพวกเขาสามารถประสานร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รู้ใจกันอย่างยิ่ง สามารถสำแดง ‘ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว’ ออกมาได้อย่างถึงพริกถึงขิง

การที่โจวจือฉิงมีกระบี่ราชันแท้จริงในมือ เดิมทีคิดว่าสามารถสังหารและตัดศีรษะของพวกกัวเจียหุ้ยได้ง่ายดายเสมือนดั่งหั่นแตงโมอย่างนั้น ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า อาวุธที่อยู่ในมือของพวกกัวเจียหุ้ยไม่ได้ด้อยไปกว่ากระบี่ราชันแท้จริงที่อยู่ในมือของนาง กระทั่งออกจะทรงพลังมากกว่าหลายส่วน

ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ อาวุธที่อยู่ในมือของพวกกัวเจียหุ้ยกลับสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี มันคือคนกับกระบี่ที่ผสานกันเป็นหนึ่งโดยแท้ ขณะที่กระบี่ราชันแท้จริงในมือของนางเพิ่งจะได้มาเพียงไม่กี่วัน เวลาสำแดงออกมานั้นหาได้มีความคล่องและได้ดั่งใจอะไรอย่างนั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้โจวจือฉิงไม่ได้เปรียบทางด้านอาวุธแม้แต่นิดเดียว

ทุกคนต่างมองออกว่า กำลังความสามารถของพวกกัวเจียหุ้ยเจ็ดคนห่างชั้นเทียบไม่ได้กับโจวจือฉิง กระทั่งกล่าวได้ว่า กำลังความสามารถของพวกกัวเจียหุ้ยกับโจวจือฉิงห่างชั้นกันมาก ห่างกันถึงสองระดับเต็มๆ ซึ่งความห่างลักษณะเช่นนี้ไม่สามารถอาศัยจำนวนคนมาชดเชยกันได้

ต่อให้พวกเขาอาศัยคนถึงเจ็ดคนก็ห่างชั้น และสู้โจวจือฉิงไม่ได้

แต่ทว่า เวลานี้พวกของกัวเจียหุ้ยกลับสร้างปาฏิหาริย์ถึงกับสามารถต่อสู้พัวพันกับโจวจือฉิงได้นานถึงเพียงนี้ โดยไม่ได้มีท่าทีว่าจะแพ้พ่ายโดยสิ้นเชิง ในเวลานี้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก นี้มันเป็นเรื่องที่ไม่กล้าจะจินตนาการได้

“บรรดารุ่นอาวุโสที่มองเห็นการประสานที่สมบูรณ์แบบ การประสานในลักษณะเช่นนี้เกรงว่าคงต้องอาศัยการฝึกปรือให้เข้ากันได้หลายสิบปีกระมัง” มองเห็นพวกของกัวเจียหุ้ยทั้งเจ็ดคนที่รุกและถอยอย่างมีจังหวะ การรุกและรับที่มีระเบียบ การรู้ใจกันที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติแล้ว ถึงกับชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง

แม้จะกล่าวว่า ระหว่างผู้บำเพ็ญตนด้วยกัน มีอยู่เป็นจำนวนมากที่เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องจะมีการประสานร่วมมือกันรับมือกับศัตรู และมีสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากที่มีเคล็ดวิชาโจมตีร่วมกันที่ไม่ธรรมดา และหรือเป็นสุดยอดค่ายกลแห่งยุค แต่ว่า การประสานร่วมมือที่รู้ใจและสมบูรณ์แบบเฉกเช่นพวกของกัวเจียหุ้ยนั้น เรียกได้ว่ามีน้อยคนนักที่สามารถทำได้อยู่แล้ว

“ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า นิกายหู้ซานจงถึงกับยังมีฝีมือเช่นนี้ เห็นทีจะดูแคลนนิกายหู้ซานจงมากเกินไปเสียแล้ว” มีผู้อาวุโสของสำนักเจ้าลัทธิที่ทอดถอนใจออกมา

ในความทรงจำของทุกคนนั้น นิกายหู้ซานจงเสื่อมโทรมลงอย่างสิ้นเชิงไปแล้ว แค่สำนักระดับสามเท่านั้นเอง ไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง ยังจะมีฝีมือที่สะเทือนเลื่อนลั่นอะไรได้

ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า มาวันนี้ การลงมือของพวกกัวเจียหุ้ยที่เป็นศิษย์อ่อนแอทั้งเจ็ดคนเช่นนี้ ถึงกับสามารถต่อสู้พัวพันกับโจวจือฉิงผู้มีชาติกำเนิดจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางได้นานถึงเพียงนี้ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เป็นเรื่องที่ปาฏิหาริย์อยู่แล้ว

“สมควรตาย…” โจวจือฉิงก็โกรธจัดขึ้นมาแล้วเมื่อต่อสู่กันนานแต่หักไม่ลง เนื่องจากก่อนหน้านั้นนางเคยคุยโตเอาไว้ว่า ต้องการสังหารพวกกัวเจียหุ้ยภายในสิบกระบวนท่า เวลานี้ผ่านไปแล้วสามสิบกว่ากระบวนท่าโดยที่พวกของกัวเจียหุ้ยยังคงไม่มีแนวโน้มว่าจะพ่ายแพ้ ตรงกันข้ามพวกเขาทั้งเจ็ดกลับยิ่งสู้ยิ่งมีความมั่นใจและทำได้ดีมากขึ้น

เสียงกระบี่คำรามดังตึง… ในพริบตาเดียวนั้นเอง พลังลมปราณทั้งหมดของโจวจือฉิงได้ระเบิดขึ้น พลังเสมือนดังมังกรเจียวหลงที่พันขดอยู่บนกระบี่ราชันแท้จริง ท่ามกลางเสียงคำรามของกระบี่ กระบี่ราชันแท้จริงได้แผ่ประกายสีเลือดขึ้นมา ซึ่งเป็นผลจากการที่โจวจือฉิงได้นำเอาเลือดแก่นของตนหลอมรวมเข้าไปในกระบี่ราชันแท้จริงโดยตรง โดยถ่ายทอดเลือดแก่นเข้าไปตรงๆ

กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนคนใดก็ตาม เลือดแก่นช่างล้ำค่ายิ่งเหลือเกิน จะไม่นำมาใช้ง่ายดาย แต่ว่า ภายใต้สถานการณ์การสู้รบยืดเยื้อ โจวจือฉิงที่โกรธจัดไม่คำนึงถึงสิ่งใดอีกต่อไป จึงอาศัยเลือดแก่นถ่ายทอดเข้าไปโดยตรงและขับเคลื่อนกระบี่ราชันแท้จริง

เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว กระบี่ราชันแท้จริงได้ระเบิดอานุภาพที่น่าเกรงขามปราศจากผู้ต่อกรขึ้นมา ภายใต้การขับเคลื่อนของเลือดแก่น พลังของราชันแท้จริงได้กวาดครอบคลุมเข้ามาดั่งพายุฝนฟ้าคะนอง มีความรู้สึกถึงการปรากฏกายของราชันแท้จริงอยู่ไม่น้อย

ในพริบตาเดียวนั้นเอง โจวจือฉิงคำรามเสียงยาวขึ้นมา ดั่งกระบี่ราวีพายุฝนยามค่ำคืน! หนึ่งกระบี่กวาดล้างสิ้นทุกแดน ปรากฎการณ์มากมายหลากหลายจากการระเบิดพลังของกระบี่ราชัน กระบี่ราชันแท้จริงแต่ละเล่มพลันพุ่งออกมาทำการกวาดล้างด้วยลักษณะที่ทำลายล้างรุนแรง

เสียงปัง ปัง ปังที่ดังสนั่นพุ่งปะทะเข้ามา ภายใต้อานุภาพของหนึ่งกระบี่ พวกของกัวเจียหุ้ยเจ็ดคนไม่สามารถต้านรับเอาไว้ได้ แม้ว่าค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวจะปรากฎเป็นกำแพงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาขวางกั้นเอาไว้ก็ตาม ยังคงไม่สามารถต้านหนึ่งกระบี่นี้ได้

ท่ามกลางเสียงที่ดังปัง ปัง ปังขึ้นมานั้น พวกกัวเจียหุ้ยเจ็ดคนถูกโจมตีจนกระเด็นกระดอน มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยทีเดียว กระอักเลือดออกมาอย่างแรง

พริบตาเดียวกับจังหวะที่พวกของกัวเจียหุ้ยถูกโจมตีจะกระเด็นนั้น ตำแหน่งของพวกเขาสับสน ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวปรากฏช่องโหว่ขึ้นมา

ถ้าหากโจวจือฉิงฉวยโอกาสเข้าโจมตีในเวลานี้ล่ะก็ ต้องทำลาย ’ค่ายกลคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาว’ จนย่อยยับได้แน่นอน และสามารถสังหารพวกของกัวเจียหุ้ยได้ทั้งหมด

น่าเสียดาย โจวจือฉิงในเวลานี้พลังลมปราณไม่ต่อเนื่อง ในขณะนี้นางก็หอบหายใจไม่ทัน เนื่องจากเมื่อครู่นางได้นำเอาเลือดแก่นทั้งหมดไปใช้กับกระบี่ราชันแท้จริง เพื่อขับเคลื่อนหนึ่งกระบี่ที่ปราศจากผู้ต่อกรนี้ ซึ่งได้ทำให้นางสูญเสียเลือดแก่นไปเป็นจำนวนมาก ทำให้นางมีพลังที่ไม่ต่อเนื่องและไม่สามารถทำการโจมตีได้อีกในขณะนี้

……………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *