Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2754 หัวหน้าสาขาธงเพลิง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2754 หัวหน้าสาขาธงเพลิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2754 หัวหน้าสาขาธงเพลิง

ผู้นี้ก็คือหัวหน้าสาขาธงเพลิงภายใต้สังกัดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ขณะที่สาขาธงเพลิงก็คือที่ที่ให้กำเนิดโจวจือฉิงนั่นเอง

ขณะที่โจวจือฉิงยังเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง นางก็คือศิษย์คนหนึ่งภายใต้สังกัดสาขาธงเพลิง ภายหลังแสดงความสามารถได้โดดเด่น จึงได้รับการบ่มฟักจากผู้อาวุโสของสำนัก

โดยเฉพาะหลังจากที่โจวจือฉิงได้กลายเป็นสาวใช้ประจำตัวของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางแล้ว ทำให้ฐานะของนางสูงขึ้นตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้นางยังอยู่ในฐานะสาวใช้ที่จะแต่งออกไป อนาคตยังมีโอกาสได้กลายเป็นพระชายาของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ เรียกได้ว่าอนาคตไร้ขอบเขต

กล่าวสำหรับสาขาธงเพลิงแล้ว แม้ว่าพวกเขามีศิษย์ที่ดีเลิศโดดเด่นอยู่ไม่น้อย แต่ว่า การจะให้กำเนิดศิษย์อย่างโจวจือฉิงสักคนใช่เป็นเรื่องง่าย ดังนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพเช่นใดก็ตาม สาขาธงเพลิงก็จะต้องปกป้องโจวจือฉิอย่างเต็มที่ พวกเขาจะไม่ยอมให้ศิษย์ที่ดีเลิศโดดเด่นต้องเสียหายไปเช่นนี้

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากทราบว่าทางนิกายหู้ซานจงมีปรมาจารย์อย่างหลี่ชิเย่แล้ว ทางหัวหน้าสาขาธงเพลิงจึงมาเป็นผู้คอยคุ้มกันความปลอดภัยให้กับโจวจือฉิงด้วยตนเอง โดยสนับสนุนโจวจือฉิงเต็มกำลัง จะไม่ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดกับนางอย่างเด็ดขาด

หากจะกล่าวว่ามีคนที่ไม่ประสงค์ดีใดๆ ต่อโจวจือฉิง สาขาธงเพลิงของพวกเขาก็จะพร้อมแลกด้วยค่าตอบแทนใดๆ เพื่อปกป้องโจวจือฉิงเอาไว้อย่างไม่เสียดาย

กล่าวได้ว่า โจวจือฉิงในขณะนี้มีฐานะที่สูงส่งมากในสาขาธงเพลิงแล้ว ศิษย์ธรรมดาทั่วไปไม่สามารถได้รับการปฏิบัติเช่นนี้อยู่แล้ว

ในเวลานี้หัวหน้าสาขาธงเพลิงได้ก้าวเดินออกมา ดวงตาทั้งสองดูน่าเกรงขาม ประกายตาดั่งฟ้าแลบที่ฟาดไปยังพวกของกัวเจียหุ้ย

เมื่อแววตาที่ดั่งอสุนีเย็นยะเยือกของหัวหน้าสาขาธงเพลิงกวาดผ่านมา ทำให้ภายในใจของพวกกัวเจียหุ้ยถึงกับสะท้าน รู้สึกเหมือนถูกโจมตีเข้าให้อย่างแรง ก้าวถอยหลังตึง ตึง ตึงไปหลายก้าว

กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว กำลังความสามารถของหัวหน้าสาขาธงเพลิงนั้นแข็งแกร่งมากเหลือเกิน โดยหัวหน้าสาขาธงเพลิงคือระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่ห้า ซึ่งมีกำลังความสามารถมากยิ่งกว่าฝูคุนที่ไปนิกายหู้ซานจงในวันนั้นเสียอีก

หรือจะพูดว่าลำพังแค่กำลังความสามารถเพียงคนเดียวของหัวหน้าสาขาธงเพลิงก็เพียงพอที่จะทำลายล้างนิกายหู้ซานจงได้แล้ว ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่เพราะอะไรโจวจือฉิงจึงกล้าเอะอะเอ็ดตะโรว่าต้องการทำลายล้างนิกายหู้ซานจงแล้ว สิ่งนี้ก็เป็นเพราะมีหัวหน้าสาขาธงเพลิงที่เป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลังอยู่ ทำให้โจวจือฉิงมีความมั่นใจและไม่เกรงกลัวในหลี่ชิเย่ที่เป็นปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจง

ในสายตาของโจวจือฉิงมองว่า แม้หลี่ชิเย่ที่เป็นปรมาจารย์นิกายหู้ซานจงจะแข็งแกร่งกว่าตนเป็นอันมาก แต่ว่า ต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหัวหน้าสาขาธงเพลิงพวกเขาอยู่แล้ว ขอเพียงหัวหน้าสาขาธงเพลิงพวกเขาลงมือ ต้องสามารถสังหารเขาได้แน่

จังหวะที่พวกของกัวเจียหุ้ยถูกพลังกระแทกจนต้องก้าวถอยหลังตึง ตึง ตึงนั้น โจวจือฉิงสบโอกาสทันที พลันกระโดดขึ้นและหลบหนีไปจากค่ายกลคลังสมบัติวิเศษเจ็ดดาวในพริบตาเดียว และหลบไปอยู่ด้านหลังของหัวหน้าสาขาธงเพลิงทันที

“เจ้า…” ซิวหลินถึงกับโกรธเคืองอย่างยิ่ง แต่ก็จนด้วยเกล้า เมื่อมองตาปริบๆ เห็นโจวจือฉิงที่หนีไป

“หน้าไม่อาย…” ลู่ยั่วซีก็รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และกล่าวว่า “เอาชนะคนอื่นไม่ได้ ก็ให้ผู้อาวุโสลงมือ”

พวกหลี่เจี้ยนคุนที่มีอาวุโสมากกว่าก็จะนิ่งเงียบ พวกเขาเข้าใจว่านี่คือโลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก ต่อให้พวกเขาโกรธเคืองไปก็ไร้ประโยชน์ มีเพียงทำให้ตนเองให้กลับกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเท่านั้น

“ฮึนิกายหู้ซานจง ความแค้นคราวนี้ข้าได้จดจำไว้แล้ว ข้าจะต้องทำลายล้างนิกายหู้ซานจงพวกเจ้าแน่นอน ทำให้นิกายหู้ซานจงพวกเจ้หายวับไปกับตาในพริบตา ถึงเวลานั้นแล้ว ข้าจะตัดหัวพวกเจ้าด้วยมือของข้าเอง” หลังจากโจวจือฉิงได้รับการช่วยเหลือแล้วถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กล่าวด้วยความแค้น

กล่าวสำหรับโจวจือฉิงแล้ว ขอเพียงนางมีชีวิตรอดไปได้ สักวันหนึ่งนางจะต้องทำลายล้างนิกายหู้ซานจงแน่นอน ขอเพียงนางได้กลายเป็นพระชายาของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศแล้ว ต่อให้ไม่มีผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางลงมือให้กับนาง เพียงนางสั่งการออกไป ก็มีกองทัพหมื่นพันไปทำลายล้างนิกายหู้ซานจงเช่นกัน

“เรื่องราวในวันนี้ให้จบลงเพียงเท่านี้!” เวลานี้หัวหน้าสาขาธงเพลิงสีหน้าดูไม่เป็นมิตร กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา

ตัวเขาในฐานะที่เป็นระดับเทพแท้จริง ขั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นห้า ลงมือหนุนศิษย์ของตนเต็มที่นับว่าไม่ง่ายแล้ว หากไม่เป็นเพราะโจวจือฉิงมีอนาคตที่ยาวไกลมาก เขาเองก็คงไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้

หนึ่งเดียวที่ทำให้หัวหน้าสาขาธงเพลิงรู้สึกเสียดายก็คือ มงกุฎปราชญ์ที่อยู่บนศีรษะของกัวเจียหุ้ยยังไม่ได้ตกมาอยู่ในมือ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขารู้สึกเสียใจมากที่สุด

บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว เวลานี้โจวจือฉิงพ่ายแพ้ แต่มีหัวหน้าสาขาธงเพลิงออกหน้าบังคับ เรียกได้ว่าไร้ความยุติธรรมอย่างยิ่ง แต่ทว่า ไม่ยุติธรรมแล้วอย่างไรล่ะ ใครใช้ให้นิกายหู้ซานจงเป็นเพียงสำนักระดับสามเท่านั้น

ถ้าหากนิกายหู้ซานจงมีกำลังความสามารถพอๆ กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางล่ะก็ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางจะไม่กล้ากระทำการตามอำเภอใจเช่นนี้อย่างเด็ดขาด แต่ว่านิกายหู้ซานจงในขณะนี้ไม่สามารถเทียบได้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางอยู่แล้ว ดังนั้น หัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงจึงไม่แคร์ว่าทางนิกายหู้ซานจงจะมีท่าทีอย่างไรอยู่แล้ว

แม้ว่าภายในใจของพวกหลี่เจี้ยนคุนจะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เมื่อต้องมามองตาปริบๆ เห็นโจวจือฉิงหนีรอดจากเคราะห์กรรมคราวนี้ไปได้ แต่ก็จนด้วยเกล้า พวกเขาไม่มีกำลังความสามารถพอที่จะต่อต้านกับหัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงได้อยู่แล้ว

“ในเมื่อมาแล้วยังคิดจะหนีไปรึ?” ขณะที่หัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงกำลังจะพาตัวโจวจือฉิงจากไปนั้น หลี่ชิเย่จึงค่อยๆ เอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “มาก็ดีแล้ว พวกเจ้าเอาศีรษะทิ้งไว้ทั้งหมดก็แล้วกัน”

หัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงหันควับกลับมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ จ้องมองหลี่ชิเย่อย่างเย้ยหยัน เขาจ้องมองดูหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีน่าเกรงขาม กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เรื่องราวในวันนี้ให้มันจบลงเพียงเท่านี้ อย่าหาเรื่องให้ตนต้องทุกข์ใจ มิฉะนั้นแล้ววันนี้ก็จะเป็นวันตายของพวกเจ้า”

คำพูดของหัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงชัดเจนทีสุดแล้ว ย่อมไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะด้วยค่าตอบแทนอย่างไรก็ตาม สาขาธงเพลิงธงเพลิงของพวกเขาก็ต้องปกป้องโจวจือฉิงเอาไว้

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายทีหนึ่ง และกล่าวว่า “คำพูดแบบนี้มีคนพูดกับข้ามากทีเดียว แต่ว่า คนที่พูดแบบนี้ล้วนแล้วแต่ตายไปแล้ว”

“เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย!” ดวงตาทั้งสองของหัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงดูไม่เป็นมิตร กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้าคือปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจง สมควรนึกถึงความสุขของนิกายหู้ซานจง หาไม่แล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของข้าสามารถทำให้นิกายหู้ซานจงพวกเจ้าหายวับไปกับตาในพริบตาเดียวตามอำเภอใจ ให้นิกายหู้ซานจง พวกเจ้าไม่คงอยู่อีกต่อไป”

หัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงในเวลานี้หาใช่เป็นการเข้าข้างคนของตนเองแล้ว เป็นการข่มขู่นิกายหู้ซานจงโดยตรง และมองว่านิกายหู้ซานจงนั้นไร้ตัวตน

แม้ว่าคำพูดนี้ไม่น่าฟังอย่างยิ่ง และไม่รื่นหู แต่ว่า ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกลานประลองต่างรู้สึกว่า ถ้าหากหลี่ชิเย่ยังคงอาศัยนิกายหู้ซานจงพวกเขาไม่จบไม่สิ้นถึงที่สุดกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางล่ะก็ เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดอย่างยิ่ง เป็นการหาเรื่องให้ตนเองต้องดับสลาย จะอย่างไรเสีย ความแข็งแกร่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเป็นสิ่งที่ผู้คนใต้หล้าเห็นกับตา

ต่อให้หลี่ชิเย่ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจง จะเข็งแกร่งมากไปกว่านี้ คิดจะต่อต้านดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมันก็คือการเอาไข่ไปกระทบหิน อาศัยกำลังของเขาเพียงคนเดียวไม่สามารถสั่นคลอนต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางได้อยู่แล้ว เป็นการรนหาที่ตายเท่านั้น

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางนับเป็นตัวอะไร?” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจในหัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงอยู่แล้ว กล่างเรียบเฉยว่า “ทำให้ข้าไม่สบอารมณ์ ล่ะก็ ทำลายล้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของพวกเจ้าเสีย ก็เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่ปอกกล้วยเข้าปาก”

“เจ้าหนูนี่คงบ้าไปแล้วกระมัง” เมื่อผู้คนที่อยู่ด้านนอกลานประลองได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว ต่างจ้องมองตากันและกัน ยอดฝีมือบางคนรู้สึกว่ามันน่าขัน ถึงกับส่ายหน้า

“เจ้าหนูคนนี้แม้จะได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจง แต่ว่า ออกจะเป็นกบในกะลาแล้วกระมัง อาศัยตัวเขาลำพังคนเดียวก็คิดจะสั่นคลอนต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง นับว่าไม่เจียมตัวเสียเหลือเกิน เขาคงกร่างอยู่ในนิกายหู้ซานจงจนเคยชินแล้วกระมัง ในนิกายหู้ซานจงเขาแข็งแกร่งมากที่สุด ก็เลยเข้าใจว่าตนเองนั้นไร้เทียมทานทั่วหล้าแล้วสิ” บรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิก็ต้องส่ายหน้า เมื่อได้ยินคำพูดที่อวดดีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

“เจ้าคนไม่รู้จักคำว่าตาย” เมื่อโจวจือฉิงได้ฟังคำเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ จึงร้องเสียงแหลมขึ้นมา นางจะยอมปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดมือไปได้อย่างไร กล่าวต่อหัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงว่า “หัวหน้าสาขาธงเพลิง เขาเหยียดหยามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของพวกเรา มองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของพวกเราปราศจากตัวตน สมควรฆ่า!”

นางเสียเปรียบด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่ ถูกหลี่ชิเย่ตบปากอย่างแรง ซึ่งนางมองว่าเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง จึงฝังแค้นอยู่ในใจ เวลานี้ให้นางฉกฉวยโอกาสที่จะแก้แค้นได้แล้วในที่สุด เขาจะปล่อยผ่านได้อย่างไรกันเล่า

ดวงตาทั้งสองของหัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงพลันแสดงถึงความโกรธและดูแคลน ต่อให้ไม่มีการยุยงของโจวจือฉิงเขาก็จะไม่ปล่อยหลี่ชิเย่แน่นอน

การที่หลี่ชิเย่พูดจานำความเสื่อมเสียเกียรติมาสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพวกเขา เขาจะยอมเลิกราเช่นนี้ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยมองนิกายหู้ซานจงอยู่ในสายตาอยู่แล้ว

เวลานี้ปรมาจารย์นิรนามคนหนึ่งของนิกายหู้ซานจงถึงกับพูดจาทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางของพวกเขาต้องเสียเกียรติ นั่นคือการรนหาที่ตายเอง

เวลานี้ หัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงโบกมือทีหนึ่ง ด้านนอกลานประลองพลันปรากฎกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่วิ่งเข้ามา โดยที่คนกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นชายฉกรรจ์ท่าทางทะมัดทะแมงทั้งสัน เพียงมองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าไม่มีผู้อ่อนด้อยแม้แต่คนเดียว พวกเขาบุกเข้ามาพลันจัดการล้อมพวกของกัวเจียหุ้ยเอาไว้แน่นหนา ได้ยินเสียงกระบี่ออกจากฝักดังแคร้งค์… มองเห็นพวกเขาทั้งหมดชักกระบี่ออกมาอยู่ในมือ มองดูพวกกัวเจียหุ้ยด้วยท่าทางน่าเกรงขาม พร้อมที่จะสังหารพวกของกัวเจียหุ้ยได้ทุกเมื่อ

พวกกัวเจียหุ้ยต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว จึงรีบตั้งเป็นค่ายกลพร้อมรับมือกับศัตรู

หัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น ธงเพลิงแต่ละธงที่อยู่ด้านหลังของเขาได้พวยพุ่งประกายที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา และร่างกายของเขาปรากฏเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงทั่วทั้งตัว ในเวลานี้ธงที่ประดับด้วยพู่ปิดกั้นฟ้าดิน ภายใต้ธงที่ประดับด้วยพู่เหล่านี้ หัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงก็เหมือนเป็นมนุษย์ยักษ์คนหนึ่ง ด้วยพลังอำนาจน่าเกรงขามที่ไม่ขาดสาย หอบเอาพลังที่เหนือผู้คนมุ่งหน้าเข้าบดขยี้ต่อหลี่ชิเย่

“ข้าอยากจะดูว่าปรมาจารย์นิกายหู้ซานจงผู้นี้จะมีฝีมือสักแค่ไหนเชียว” หัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงหัวเราะน่าครั่นคร้ามขึ้นมา

ขณะเดียวกัน เขาโบกมือทีหนึ่งและสั่งการไปว่า “ลงมือ จัดการสับพวกมันให้เละ ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!”

พูดขาดคำ หัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงได้นำธงที่ประดับด้วยพู่มากำไว้ในมือ หัวเราะน่าครั่นคร้ามต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “เจ้าจะช่วยตัวเองก่อนหรือช่วยผู้เยาว์ของเจ้าก่อนล่ะ เลือกเอาเองก็แล้วกัน”

ตึง ตึง ตึง…เสียงกระบี่คำรามดังขึ้น กองทหารของสาขาธงเพลิงธงเพลิงพลันตั้งเป็นขบวน มองเห็นคลื่นกระบี่ที่ไม่มีขาดสายพุ่งเข้าสังหารพวกของกัวเจียหุ้ย คลื่นกระบี่ที่ดั่งคลื่นยักษ์พลันท่วมปกคลุมพวกกัวเจียหุ้ยจนจมมิด

พวกกัวเจียหุ้ยมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อมองเห็นคลื่นกระบี่ที่ดั่งคลื่นยักษ์ ย่อมไม่ต้องสงสัย กองทหารภายใต้สังกัดสาขาธงเพลิงธงเพลิงแข็งแกร่งมากกว่าพวกเขาทั้งเจ็ดมากมายเหลือเกิน ต่อให้พวกเขาสู้ถวายชีวิตก็ห่างชั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาอยู่ดี

เวลาเดียวกัน หัวหน้าสาขาธงเพลิงธงเพลิงคำรามเสียงยาว ธงที่ประดับด้วยพู่ในมือโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง และเข้าฟาดฟันใส่ตัวของหลี่ชิเย่

ในขณะที่ธงซึ่งประดับด้วยพู่โบกสะบัดอย่างบ้าคลั่งนั้น เสมือนดั่งท้องฟ้าสั่นไหวโคลงแคลง สุริยันจันทราและดวงดาวก็สั่นไหวโคลงแคลงไม่หยุด เหมือนหนึ่งจักรวาลหันกลับหัวกลับหางอย่างนั้น ขณะที่ธงเพลิงฟาดฟันลงมานั้น ท้องฟ้าคล้ายดั่งถูกผ่าให้แยกออกอย่างนั้น

………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *