Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2757 สังหารด้วยกระบี่ของเจ้าเอง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2757 สังหารด้วยกระบี่ของเจ้าเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2757 สังหารด้วยกระบี่ของเจ้าเอง

“ดูท่าเจ้าฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว” หลี่ชิเย่มองดูเทพกระบี่ฉีฟงแวบหนึ่ง กล่าวเฉยเมยว่า “ลงมือเถอะ นี่เป็นโอกาสเดียวของเจ้า ถ้าหากเจ้าสามารถรับมือข้าได้หนึ่งกระบวนท่า ข้าก็ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตไปจากที่นี่ได้”

“เจ้า…” เทพกระบี่ฉีฟงถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ ดวงตาทั้งสองถึงกับพ่นเป็นเพลิงแห่งความแค้นออกมา ในฐานะที่เป็นเทพกระบี่ของแคว้นฉีฟง แม้ว่าเขาไม่ใช่ยอดฝีมือที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า แต่ทว่า ระดับความลึกซึ้งในด้านวิถีกระบี่นั้นนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก แม้แต่บรรพบุรุษระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะในแคว้นฉีเฟิงก็ไม่กล้าดูแคลนเขาเช่นนี้ ต่างไม่กล้าพูดว่าสามารถเอาชนะเขาได้ในหนึ่งกระบวนท่า กระทั่งเอาชีวิตเขาอีกด้วย

เวลานี้ หลี่ชิเย่ซึ่งเป็นเพียงคนพิการคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็นล้อเลื่อนถึงกับดูแคลนเขาถึงขนาดนี้ ถึงกับบอกว่าเขาไม่สามารถรับได้หนึ่งกระบวนท่าในมือของเขา กล่าวสำหรับ เทพกระบี่ฉีฟงแล้ว ท่าทีที่ดูแคลนเขาถึงเพียงนี้นับว่าเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง

“ดี ดี ดี…” สุดท้าย เทพกระบี่ฉีฟงโกรธจัดจนต้องหัวเราะขึ้นมา ร้องกล่าวเสียงดังว่า “วันนี้ ต่อให้ข้าต้องแลกด้วยชีวิตก็ต้องขอคำชี้แนะสักหน่อย ดูว่านิกายหู้ซานจงยอดเยี่ยมเพียงใด ดูว่านิกายหู้ซานจงได้ให้กำเนิดบุคคลที่ยอดเยี่ยมเช่นใด”

พลันที่เทพกระบี่ฉีฟงพูดขาดคำ ก็ได้ชักเอากระบี่ยักษ์ที่สะพายอยู่ด้านหลังออกมา เสียงกระบี่คำรามดังตึงขึ้นมา

ก่อนหน้านั้น เทพกระบี่ฉีฟงยังยอมแพ้อ่อนข้อต่อหลี่ชิเย่ ซึ่งเป็นการรักษาชีวิตของตนเอง เพราะเข้าใจว่าตนเองหาใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่

แต่ว่า เวลานี้เมื่อถูกหลี่ชิเย่ดูแคลนถึงเพียงนี้ ถูกหลี่ชิเย่มองว่าตนเองในฐานะที่เป็นถึงเทพกระบี่คนหนึ่งยังต้านหนึ่งกระบวนท่าของหลี่ชิเย่ไม่ได้ แล้วจะไม่ให้เขาต้องโกรธจนถึงขีดสุดได้อย่างไรกันเล่า กล่าวสำหรับตัวเขาที่เป็นถึงเทพกระบี่คนหนึ่งแล้ว ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็ต้องต้านหนึ่งกระบวนท่าจากหลี่ชิเย่ ไว้ให้ได้ ต่อให้เขาต้องสูญเสียชีวิตก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีหนึ่งกระบวนท่านี้ให้ได้

จะกล่าวว่าเทพกระบี่ฉีฟงคือคนที่รักตัวกลัวตายคนหนึ่งไม่ได้ และไม่อาจไม่ยอมรับว่าเขาคือคนที่รักชีวิต เขายินดียอมรับความพ่ายแพ้เพื่อรักษาชีวิต

แต่ว่า ในขณะนี้ เขากลับยินดีเสี่ยงชีวิตเพื่อรักษาศักดิ์ศรีหนึ่งกระบวนท่าของตน แม้ว่าเขาจะต้องเสียชีวิตไป ก็ต้องเสี่ยงกับหนึ่งกระบวนท่านี้ของนี้ของหลี่ชิเย่

ตรงกันข้ามกล่าวสำหรับเทพกระบี่ฉีฟงในเวลานี้แล้ว ศักดิ์ศรีของหนึ่งกระบวนท่าดูจะมีค่ายิ่งกว่าชีวิตเสียอีก

“อย่างนี้สิยังมีจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่บ้าง ยังไม่นับว่าจัดการโยนเอาศักดิ์ศรีของเทพกระบี่ไปสิ้นจนไม่เหลือหลอ” หลี่ชิเย่มองดูเทพกระบี่ฉีฟงที่โกรธขึ้นมาอย่างทันทีทันใด กล่าวเรียบๆ ว่า “เอาะเถอะ เห็นแก่จิตที่ทระนงนี้ของเจ้า ให้เจ้าได้ตายอย่างมีความสุข”

“ดี ข้าก็อยากจะเห็นว่าเจ้าจะทำอย่างไรให้ข้าได้ตายอย่างมีความสุข” เทพกระบี่ฉีฟงโกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา เวลานี้ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเสียค่าตอบแทนสูงเท่าไรก็ยอมแล้ว กลับกลายเป็นว่าสามารถทำอะไรได้เต็มที่ ไม่เหมือนเช่นเมื่อครู่ที่เหมือนติดๆ ขัดๆ เวลานี้เขามีพลังของความกล้าหาญชาญชัยอยู่สายหนึ่ง ทำให้ภายในใจของตนก็รู้สึกถึงความสุขที่ถึงอกถึงใจขึ้นมา

“ลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่ไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง และกล่าวเรียบเฉยโดยไม่มองดูเขาสักแวบ

ตึง…เสียงกระบี่คำรามดังไม่ขาดสาย มือทั้งสองของเทพกระบี่ฉีฟงในเวลานี้กำกระบี่ยักษ์ ด้วยพลังลมปราณที่แข็งแกร่งมาก พลังลมปราณที่ดั่งมังกร ท่ามกลางเสียงกระบี่คำรามที่ดังตึงขึ้นมานั้น ตามติดด้วยเสียงคำรามของกระบี่ที่ดังตึง ตึง ตึงขึ้นมาไม่ขาดสาย มองเห็นเพียงด้านหลังของเทพกระบี่ฉีฟงปรากฎกระบี่ยักษ์แต่ละเล่มที่ค่อยๆ กางออก เสมือนดั่งนกยูงรำแพนอย่างนั้น

ขณะที่กระบี่ยักษ์ทุกๆ เล่มแผ่ขยายและกางออกมานั้น ปรากฏวิถีกระบี่หลายหลาก กำแพงกระบี่เรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ เสมือนดั่งเป็นกระบี่เหล็ก บัลลังก์อ๋องที่หลอมกลั่นมาจากกระบี่ยักษ์นับพันนับหมื่นเล่มอย่างนั้น

ขณะที่ปรากฏวิถีกระบี่หลายหลากนั้น ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น เห็นเพียงพลังกระบี่ยักษ์ในมือเทพกระบี่ฉีฟงที่มากมายมหาศาล มีทีท่าของพลังกระบี่ที่กวาดล้างไปทั่วสิบสามทวีป เหตุการณ์ประหลาดเหตุการณ์แล้วเหตุการณ์เล่าที่ลอยล่องท่ามกลางพลังกระบี่นั้น ปรากฏพลังสัจธรรมที่น่าเกรงขามขึ้นมา

“เทพกระบี่ฉีฟงที่ยอดเยี่ยมอะไรอย่างนั้น ความลึกซึ้งด้านวิถีกระบี่นั้นนับว่าล้ำหน้ากว่าระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ที่อยู่ในระดับเดียวกันไปมากที่เดียวโดยแท้” บรรดาระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยที่อยู่ด้านนอกสนามประลองก็กล่าวชื่นชมขึ้นมา และพยักหน้าเบาๆ เมื่อมองเห็นวิถีกระบี่ที่น่าเกรงขามเช่นนี้ของเทพกระบี่ฉีฟงแล้ว

“ฆ่า…” ในพริบตาเดียวนั่นเอง เทพกระบี่ฉีฟงคำรามเสียงยาว หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาตรงๆ กระบี่ที่ฟาดฟันสุริยันจันทราแลดวงดาว สะบั้นวัฏสงสารหกภพภูมิ หนึ่งกระบี่ที่ทำลายหยินหยางและไท่จี๋ ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นเป็นภาพค้างติดตาของกระบี่ยักษ์เทพกระบี่ฉีฟงที่ลากเป็นเงากระบี่ที่ยาวมากๆขึ้นมา

ขณะที่ภาพค้างติดตาลากเป็นเงากระบี่ที่ยาวมากๆ ลากผ่านไป ทันใดนั้น ดุจดั่งเงากระบี่ที่เต็มท้องฟ้า ทั้งๆ ที่เป็นการฟาดฟันลงมาของกระบี่เดียว แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าได้ตกอยู่ท่ามกลางทะเลกระบี่ กระบี่ยักษ์ที่ไม่มีสิ้นสุดได้ฟาดฟันเข้ามาถึง อีกทั้งทะเลกระบี่ที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันเข้ามา กระบี่ยักษ์ที่ไม่มีสิ้นสุดหนุนเนื่องเวียนสับเปลี่ยนกันฟาดฟันสังหารเข้ามา คล้ายพลังกระบี่ที่รับมือไม่มีวันหมดตลอดกาลอย่างนั้น

ตึง…เสียงคำรามกระบี่หยุดกึกลง พริบตาเดียวกับจังหวะที่เงากระบี่ดั่งคลื่นยักษ์หนุนเนื่องกันมาได้หยุดกึกลงในทันที ทุกอย่างกลับกลายเป็นเงียบสงบในพริบตาเดียว

เมื่อทุกคนเพ่งสายตามองออกไป เห็นนิ้วมือของหลี่ชิเย่ได้หนีบกระบี่ยักษ์ของเทพกระบี่ฉีฟงเอาไว้แล้ว ก่อนหน้าเรียกว่าทะเลกระบี่ที่ดั่งคลื่นยักษ์ เสมือนดั่งเป็นกระบี่นับล้านล้านเล่มที่ฟาดฟันเข้าหาหลี่ชิเย่ แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว เหมือนว่ากระบี่นับล้านล้านเล่มล้วนแล้วแต่ถูกหลี่ชิเย่คีบเอาไว้ระหว่างนิ้ว จนรวบรวมกลายเป็นกระบี่ยักษ์เล่มเดียว

จังหวะที่หลี่ชิเย่ได้คีบกระบี่ยักษ์ของเทพกระบี่ฉีฟงเอาไว้นั้น พลันปรากฏเสียงกระบี่คำรามรุนแรง ได้ยินเสียงกระบี่คำรามดังตึง ตึง ตึงขึ้นมา กระบี่ยักษ์ที่ปรากฎอยู่ด้านหลังเทพกระบี่ฉีฟงจำนวนนับพันนับหมื่นเล่มพลันพุ่งเข้าสังหารหลี่ชิเย่ดั่งธนูอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้ ระยะห่างระหว่างเทพกระบี่ฉีฟงกับหลี่ชิเย่นั้นใกล้กันมาก เมื่อกระบี่ยักษ์นับพันนับหมื่นเล่มได้ยิงเข้าใส่หลี่ชิเย่พร้อมๆ กัน ท่ามกลางเสียงกระบี่คำรามดังตึง ตึง ตึงนั้น ไม่เพียงบิดรัดท้องฟ้าจนแหลกละเอียด ยิ่งไปกว่านั้นยังบิดรัดฟ้าดินจนละเอียดอีกด้วย ภายใต้การยิงถล่มของกระบี่ยักษ์นับพันนับหมื่นเล่ม เหมือนต้องการบิดรัดตัวของหลี่ชิเย่ให้กลายเป็นเนื้อบดอย่างนั้น

แต่ว่า พริบตาเดียวระหว่างความเป็นความตาย ได้ยินเสียงกระบี่คำรามดังตึงที่สามารถฉีกท้องฟ้าจนแยกออก กระบี่ยักษ์ที่เดิมถูกหลี่ชิเย่คีบเอาไว้ในมือพลันเสมือนดั่งหมื่นกระบี่กรูกันออกจากรัง กระบี่ยักษ์นับหมื่นนับพันเล่มพลันพุ่งพุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง กระบี่ยักษ์แต่ละเล่มได้แยกตัวออกทันที ท่ามกลางเสียงคำรามของกระบี่ดังตึง กระบี่ยักษ์ที่แยกตัวออกได้ฟันลงมาตรงๆ ก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัด คลื่นกระบี่ที่ฟันฉับลงมาตรงๆ ได้ฟันทุกอย่างจนแยกออกจากกัน

คลื่นกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาได้ฟันเข้ากับกระบี่ยักษ์นับพันนับหมื่นเล่มที่ยิงมาจากด้านหลังของเทพกระบี่ฉีฟง ได้ยินเสียงแตกละเอียดดังปัง ปัง ปัง กระบี่ยักษ์นับพันนับหมื่นเล่มที่ยิงถล่มเข้ามาพลันถูกหคลื่นกระบี่ฟันเข้าให้จนแหลกละเอียดไป

ขณะที่คลื่นกระบี่ที่รุนแรงฟันกระบี่ยักษ์นับพันนับหมื่นจนแตกละเอียดนั้น พลังของมันยังไม่สุดอยู่เพียงเท่านั้น ยังคงอาศัยความเร็วที่สุดเทียบเทียมฟันเข้าใส่เทพกระบี่ฉีฟง

ในพริบตาเดียวนั้นเอง สีหน้าของเทพกระบี่ฉีฟงเปลี่ยนไปมากทีเดียว ร้องเสียงดังออกมาตามสัญชาตญาณ “แย่แล้ว!” หวังจะล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่า มันสายเกินไปเสียแล้ว

อ๊ากกก…เสียงร้องที่น่าเวทนาอย่างยิ่งดังขึ้น คลื่นกระบี่ที่ฟาดฟันลงมานั้น ทำให้ร่างกายของเทพกระบี่ฉีฟงถูกฟันจนแยกออก เลือดสดๆ แตกกระจาย เมื่อคลื่นกระบี่ที่ดั่งคลื่นยักษ์ฟันลงมานั้น ร่างของเทพกระบี่ฉีฟงก็ถูกฟันสับจนกลายเป็นเศษเนื้อ ไม่เหลือชิ้นส่วนใดบนร่างที่อยู่ในลักษณะสมบูรณ์แม้แต่ชิ้นเดียว

เศษเนื้อกระจัดกระจายเกลื่อนเต็มพื้น เลือดสดๆ ไหลย้อมหินจนแดงฉาน เทพกระบี่ฉีฟงไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว เหลือไว้เพียงเศษเนื้อเป็นชิ้นๆ อยู่บนพื้น

ทุกคนที่มองเห็นภาพนี้แล้วต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง ต่างมีร่างที่สั่นเทิ้มทีหนึ่ง

หลี่ชิเย่เคยพูดเอาไว้ว่า ถ้าหากเทพกระบี่ฉีฟงสามารถรับมือเขาได้หนึ่งกระบวนท่าก็จะปล่อยให้เขามีชีวิตจากไป ทุกคนยังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่จะลงมือสะเทือนเลื่อนลั่น สำแดงเคล็ดวิชาปราศจากผู้ต่อกรของตนออกมาสังหารเทพกระบี่ฉีฟง

ในเวลานั้น ภายในใจของทุกคนต่างต้องการดูว่าปรมาจารย์นิกายหู้ซานจงผู้นี้ได้ฝึกปรือสุดยอดวิชาปราศจากผู้ต่อกรในหล้าอะไรกันแน่ คือสุดยอดเคล็ดวิชาที่ผู้เฒ่าอมตะได้ทิ้งเอาไว้ใช่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนเท่านั้น ไม่ได้ลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ ตัวเขากระทั่งไม่ได้สำแดงสุดยอดเคล็ดวิชาใดๆ เพียงแค่นิ้วมือเคลื่อนไหวทีหนึ่ง ก็อาศัยกระบี่ยักษ์ของเทพกระบี่ฉีฟงฟันจนเทพกระบี่ฉีฟงกลายเป็นชิ้นเนื้อ

มองเห็นบนพื้นยังคงมีชิ้นเนื้อที่เต้นกระตุกอยู่ ทำเอาผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นเทิ้มทีหนึ่ง กระทั่งอยากจะอาเจียนออกมา

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ตัวของเทพกระบี่ฉีฟงเอง เกรงว่าเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าสักวันหนึ่งตนเองไม่ได้ตายเพราะอาวุธที่ไร้เทียมทานอะไรสักอย่าง แต่ ตายเพราะกระบี่ยักษ์ของตนเอง

กระบี่ยักษ์เล่มนี้คืออาวุธที่เทพกระบี่ฉีฟงชื่นชอบที่สุด และเป็นอาวุธที่เขารักมากที่สุด เคยติดตามเขาออกปราบปรามมาชั่วชีวิต ไม่รู้ว่ามีศัตรูจำนวนเท่าไรที่ต้องตายภายใต้คมกระบี่ยักษ์เล่มนี้ สุดท้าย แม้แต่ตัวเขาเองก็ตายภายใต้กระบี่ยักษ์เล่มนี้ของตน จุดจบลักษณะเช่นนี้กล่าวสำหรับเทพกระบี่ฉีฟงแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายอะไรอย่างนั้น

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมีเหงื่อเย็นที่ไหลโทรมกาย ขณะมองดูกระบี่ยักษ์ที่ถูกนิ้วมือของหลี่ชิเย่คีบเอาไว้นั่น มือที่กำอาวุธเอาไว้ถึงกับสั่นเทาทีหนึ่งอย่างไม่เอาไหน

กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนใดก็ตาม อาวุธของตนมีไว้เพื่อปกป้องตนเอง และสังหารศัตรู หากมีสักวันตนเองกลับจะต้องมาถูกอาวุธของตนสังหาร มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงอะไรอย่างนั้น?

ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อนิ้วมือของหลี่ชิเย่คลายออก กระบี่ยักษ์ของเทพกระบี่ฉีฟงตกลงกับพื้น หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูมันสักแวบหนึ่งด้วยซ้ำ หลับตาลงช้าๆ และสั่งการไปว่า “ขอพักผ่อนแป๊บหนึ่ง”

พวกกัวเจียหุ้ยร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เมื่อได้สติกลับมา รีบเข็นเก้าอี้ล้อเลื่อนหลี่ชิเย่จากไป

มองดูเงาหลังที่จากไปไกลของหลี่ชิเย่ แม้ว่าในขณะนี้หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน แม้ว่ามองดูแล้วหลี่ชิเย่ยังคงเหมือนเป็นผู้พิการคนหนึ่ง กระทั่งมีความเป็นไปได้ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ แต่ว่า ผู้คนจำนวนมาถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อมองเห็นเงาหลังของเขา

ลองนึกภาพดู คนพิการคนหนึ่งที่ต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน ขณะสังหารระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์คนหนึ่งเหมือนดั่งฆ่าหมูฆ่าหมาสักตัวอย่างนั้น ด้วยคนพิการลักษณะเช่นนี้หากวันใดเขาลุกขึ้นยืนกะทันหัน เขาจะเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะน่ากลัวเพียงใด ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่เทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์เลย เกรงว่าแม้แต่เทพแท้จริงขั้นอมตะยังต้องสั่นเทา

“ปรมาจารย์ผู้นี้ของนิกายหู้ซานจงเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ก่อนหน้านั้นทำไมจึงไม่เคยได้ยินว่ามีบุคคลเช่นนี้มาก่อน?” หลังจากที่ได้สติกลับมากันแล้ว มีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิรู้สึกสั่นเทาขึ้นทันที รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

“ข้าเองก็ไม่ทราบ” ระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์รุ่นอาวุโสจำนวนมากต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือ ก็สังหารระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ได้อย่างง่ายดาย ย่อมสามารถจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งของกำลังความสามารถของเขาได้ ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้ หาใช่เป็นเพียงเทพแท้จริงขั้นอมตะเท่านั้น

แต่ว่า สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการได้ เมื่อเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่งกลับเงียบๆ ปราศจากชื่อเสียงใดๆ ตลอดมา

โดยเฉพาะกับนิกายหู้ซานจงที่เป็นเพียงสำนักระดับสาม การให้กำเนิดเทพแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรสักคน ไม่ควรเงียบกริบเช่นนี้จึงจะถูก แต่ว่า ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่เคยได้ยินว่านิกายหู้ซานจงมีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้อยู่คนหนึ่ง

………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *