Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2763 หัวหน้าสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2763 หัวหน้าสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2763 หัวหน้าสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์

หนึ่งกระบี่เข่นฆ่าเป็นล้าน มันหาใช่เป็นคำพูดที่โอ้อวด แต่เป็นความจริงที่เลือดไหลหยดเป็นทาง และความจริงของเลือดที่ไหลหยดเป็นทางเช่นนี้ก็อยู่ตรงหน้านี้เอง

มีผู้ที่มองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วอยากจะอาเจียนออกมา แต่ผ่านมานานก็ไม่สามารถอาเจียนออกมาได้

“ทำไมนะ มักจะมีคนชอบมารนหาที่ตายกันเล่า แค่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเท่านั้นเอง คิดว่าสามารถสังหารข้าได้จริงรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และเป่าลมออกมาเบาๆ เป่าหยดเลือดที่อยู่บนกระบี่หยดนั้น

เวลานี้มีแต่ความเงียบสงัด ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจกับสิ่งนี้ และมีจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกสั่นเทา

“เขาแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว เวลานี้ดูไปแล้วไม่ใช่เทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นสิบล้านชาติเสียแล้ว ตามความเห็นของข้า เกรงว่าจะต้องเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นศักราช” เทพแท้จริงที่เก่าแก่โบราณผู้หนึ่งมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้า และกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง

เทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นศักราช…ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ สมควรทราบว่าเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นศักราชคือเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด ภายใต้ชั้นคงความอมตะตลอดกาลแล้ว เทพแท้จริงขั้นอมตะเช่นนี้ แม้แต่ราชันแท้จริงระดับกลางก็ยากจะต่อกรกับเขาได้เสียแล้ว

“เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น จะเป็นจริงหรือไม่นั้นพูดยาก บางทีอาจจะประเมินสูงไป จะอย่างไรเสีย ยังไม่มีโอกาสได้เปิดหูเปิดตาถึงกำลังความสามารถทั้งหมดของเขา” เทพแท้จริงขั้นอมตะที่เก่าแก่โบราณก็ไม่ได้มั่นใจเป็นพิเศษ

เพียงแต่ ในฐานที่เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะ สัญชาตญาณบอกเขาว่า เป็นความจริงว่าหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้ามีความแข็งแกร่งมากโดยแท้จริง น่ากลัวมาก ทำให้ผู้คนไม่มีความชัดเจนว่าเขามีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงเพียงใด

“ได้ยินมาว่าทางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็มีเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลอยู่เช่นกัน ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่?” มีผู้ที่พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา

ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองตาซึ่งกันและกันทีหนึ่ง แต่ไม่สามารถให้คำตอบได้ สุดท้ายบรรพบุรุษผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เป็นความจริงที่ว่าในอดีตนานมาแล้วนั้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมีชั้นคงความอมตะตลอดกาลอยู่คนหนึ่ง แต่ว่า ไม่เคยปรากฏตัวมาหลายยุคสมัยมาแล้ว ไม่แน่นักอาจละสังขารในท่านั่งกรรมฐานไปแล้วก็ได้ แต่ว่า ที่สามารถยืนยันได้ก็คือ แคว้นโบราณยันต์แปดทิศมีเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลอยู่คนหนึ่งจริงๆ ทั้งยังเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลที่มีอายุน้อย เป็นถึงเทพแท้จริงขั้นอมตะตั้งแต่ยุคสมัยที่แล้ว”

ทุกคนต่างรู้สึกสะท้านภายในใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเกี่ยวดองสมรสกับแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ นั่นย่อมบ่งบอกว่าด้านหลังของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีเทพแท้จริงขั้นอมตะยืนอยู่คนหนึ่งได้ตลอดเวลา

“เพียงแต่ไม่ทราบว่าผู้ที่อยู่ด้านหลังธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางในครั้งนี้เป็นผู้ใด เทพแท้จริงขั้นอมตะธรรมดาทั่วไปคงไม่สามารถขวางคนโหดอันดับหนึ่งเอาไว้ได้ แต่ว่า ถ้าหามีระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดมาด้วยก็คงพูดยาก เกิดมีเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลโผล่ขึ้นมาคนหนึ่ง เกรงว่าคนโหดอันดับหนึ่งผู้นี้คงมีแต่ความตายเท่านั้น” มีระดับผู้อาวุโสของสำนักเจ้าลัทธิมองไกลไปข้างหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ

มาคราวนี้ การที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางหาญกล้าเข่นฆ่าสังหารเด็ดขาด และมั่นใจเต็มเปี่ยมขนาดนี้ ย่อมบ่งบอกว่านางมีกำลังอย่างเพียงพอ มีความมั่นใจมากพอ ต่อให้นางเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่ง แต่ว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพวกเขามียอดฝีมือนับไม่ถ้วน ระดับบรรพบุรุษมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก ต้องมีผู้ที่สามารถต้านคนโหดอันดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน

“เข้าไปเถอะ” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง ท่าทางอย่างไรก็ได้อย่างสิ้นเชิง

เวลานี้ เฉินเหวยเจิ้งเข็นเก้าอี้ล้อเลื่อนเข้าไปยังบริเวณที่ลึกเข้าไปกว่านี้ของตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราว พวกเขาไม่ได้ก้าวเดินด้วยความเร็ว แม้ว่าพวกของเฉินเหวยเจิ้ง และกัวเจียหุ้ยจะมีท่าทางหนักแน่นจริงจัง แต่ หลี่ชิเย่กลับสงบสบายอกสบายใจ หลับตาเสมือนหนึ่งนอนหลับไปแล้ว

ในขณะนี้ ทุกคนต่างนึกถึงคำๆ หนึ่ง นั่นก็คือตลุยแดนมังกร! เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้าไปยังบริเวณที่ลึกเข้าไปกว่านี้ของตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราว

นาทีนี้ทุกคนตระหนักได้ว่า ไม่ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางจะเป็นถ้ำเสือแดนมังกรอะไรก็ตาม คนโหดอันดับหนึ่งก็สามารถบุกตลุยเข้าไปได้ตลอดเหมือนว่าไม่มีผู้ใดสามารถขวางเขาได้

แม้ว่าตัวเขาในเวลานี้ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน แต่ กลับให้ความรู้สึกถึงภาพลวงตาอย่างหนึ่งว่า ยามที่เก้าอี้ล้อเลื่อนซึ่งอยู่ด้านล่างตัวเขาบดขยี้ผ่านไป ไม่มีใครสามารถต้านเขาเอาไว้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเขาบดขยี้จนแหลกละเอียด

“ถ้าหากเขาสามารถลุกขึ้นยืน จะมีสภาพการณ์เป็นเช่นใด” มียอดฝีมือที่มองดูหลี่ชิเย่ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน ให้บังเกิดความสงสัยเช่นนี้ขึ้นมา

คำพูดเช่นนี้ทำให้ผู้คนถึงกับสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เวลานี้ปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจงนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน หนึ่งกระบี่ก็เข่นฆ่าเป็นล้านแล้ว ถ้าหากเขาลุกขึ้นมา มันจะเป็นสภาพการณ์ที่น่ากลัวเช่นใด

“อย่าลุกขึ้นมาจะดีกว่า” มีระดับบรรพบุรุษกล่าวเสียงแผ่วเบา

“เขาเป็นอะไรไปกันแน่? พิการเช่นนี้เลยรึ?” มียอดฝีมือรู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ จะอย่างไรเสีย ในฐานะที่เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่งสามารถสร้างกายเนื้อของตนขึ้นมาได้ใหม่ จะพิการได้อย่างไรกันเล่า

“สิ่งนี้เรียกว่าบาดเจ็บจากการถูกทำลาย” เทพแท้จริงขั้นอมตะที่เข้าใจถึงความลึกซึ้งภายใน กล่าวว่า “ถ้าหากถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นการบาดเจ็บสาหัสนี้หากเป็นลักษณะของการบาดเจ็บถาวรล่ะก็ ต่อให้สร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ก็ไร้ประโยชน์ เนื่องจากมันได้บาดเจ็บไปจนถึงชะตาแท้ไปแล้ว ไม่เพียงบาดเจ็บแค่กายเนื้อ ดังนั้น เขาไม่ใช่พิการที่ตัวร่างกาย อาจเป็นไปได้ว่าชะตะแท้พิการไม่สมบูรณ์”

“ถ้าเช่นนั้นยังดี” มีผู้ที่ถึงกับโล่งอกไปทีหนึ่ง และกล่าวว่า “คนโหดลักษณะเช่นนี้ ถ้าหามีชะตาแท้สมบูรณ์ล่ะก็ มิเท่ากับต้องมีทะเลเลือดที่ดั่งคลื่นยักษ์”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองดูเงาหลังของหลี่ชิเย่ มีความรู้สึกเหมือนได้ปลดภาระหนักออกจากตัว เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

ตูม…เสียงหนึ่งที่ดังสนั่นขึ้นมา จังหวะที่พวกของหลี่ชิเย่เดินเข้าลึกไปในตำหนักที่มีไว้พักผ่อนเป็นการชั่วคราว ขณะที่เพิ่งจะก้าวเดินเข้าไปยังสนามประลองขนาดยัก์นั้น ท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น ท้องฟ้ามืดมิดไปทั่ว เห็นเท้ายักษ์ข้างหนึ่งที่เหยียบลง พื้นปฐพีถึงกับสั่นเทาทีหนึ่งท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น

แน่นอน เท้ายักษ์ข้างนี้ไม่ได้เหยียบลงบนตัวของหลี่ชิเย่ เป็นสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมากมายืนอยู่ด้านหน้าของหลี่ชิเย่

ในเวลานี้ ทุกคนเงยหน้ามองขึ้นไป มองเห็นมังกรบกที่มีขนาดใหญ่โตตัวหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของหลี่ชิเย่ มังกรบกตัวนี้ยืนด้วยขาสองข้าง มีลำตัวที่สูงใหญ่ เสมือนดั่งหลังแบกท้องนภาเอาไว้อย่างนั้น

มังกรบกลักษณะเช่นนี้ มีเล็บเท้าหน้าที่หดแนบด้านบริเวณอก ยามที่กรงเล็บหน้าค่อยๆ กางออกนั้น คมกริบดั่งดาบศักดิ์สิทธิ์ สามารถฉีกสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าได้ในทันที

ปัง ปัง ปังตามติดด้วยเสียงสั่นสะเทือนที่ดังขึ้นมา อีกสามด้านได้ปรากฎสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารร่อนลงบนทิศทางอีกสามทิศ

โดยสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารนี้ปรากฎขึ้นที่ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก และทิศใต้ตามลำดับดังนี้ ช้างมารงาโลหิต ซวนหนีเกราะศักดิ์สิทธิ์ จอมดาบเม่นใหญ่แผงคอยาว

ช้างงาโลหิตนั้นลำตัวมีขนาดใหญ่โตมากยิ่งกว่า เท้าทั้งสี่เสมือนดั่งเสายักษ์สี่ต้น เมื่อเท้าข้างหนึ่งที่เหยียบกระทืบเขามา สามารถกระทืบพื้น แผ่นดินจนแตกละเอียด งาที่อยู่ใต้งวงยาวนั้นคล้ายดั่งเป็นทวนโลหิต ปรากฏประกายโลหิตแวบวับ

ซวนหนีเกราะศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมด้วยเกราะศักดิ์สิทธิ์ทั้งตัว เล็บเท้านั้นมีความแหลมคมยิ่งนัก หินผาที่อยู่ใต้เท้าของมันคล้ายเป็นเต้าหู้ที่ถูกข่วนทีหนึ่งก็ถูกตัดขาดจนเรียบมาก

จอมดาบเม่นใหญ่แผงคอยาวแลดูคล้ายเป็นจอมดาบคนหนึ่ง เป็นเม่นที่ยืนด้วยเท้าสองข้าง มือซ้ายขวาทั้งสองได้กำดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งประกายศักดิ์สิทธิ์วูบวาบข้างละหนึ่งเล่ม

“นี่มันคืออะไร?” ผู้คนจำนวนมากยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร เนื่องจากผู้คนจำนวนมากต่างก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

ตูม ตูม ตูมติดตามด้วยพื้นดินสั่นไหวโคลงแคลงทีหนึ่ง ปรากฏเสียงดังตูมตามขึ้นมาเป็นระลอก มองเห็นสัตว์ดุวิหคร้ายนับไม่ถ้วนที่โผล่ออกมาโดยพลัน

บรรดาสัตว์ดุวิหคร้ายโผล่ออกมากะทันหันอย่างนี้แหละ โดยที่ทุกคนยังไม่ทันมองเห็นได้อย่างชัดเจน เหมือนว่าพวกมันถูกส่งตัวแวบออกมาอย่างนั้น

เมื่อทอดสายตามองออกไป ด้านหน้าดูยุบยับไปหมด มีสิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดนับไม่ถ้วน มีงูพิษยักษ์ขนาดลำตัวยาวสิบจ้าง มีราชาพยัคฆ์ที่มีสายเลือดถูกเปลี่ยนแปลงไป ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเจ้าอินทรีที่คล้ายดั่งธนูที่วิ่งฝ่าเมฆา…

ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งโลกเสมือนดั่งถูกสัตว์ดุวิหคร้ายนับพันนับหมื่นปกคลุมจนเต็มพื้นที่อย่างนั้น การปรากฎตัวขึ้นของเหล่าสัตว์ดุวิหคร้ายขึ้นมากะทันหันตรงหน้า ได้กลายเป็นกระแสคลื่นสัตว์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

ขณะที่กระแสคลื่นสัตว์ลักษณะเช่นนี้ปกคลุมเข้ามา สามารถเหยียบทุกอย่างจนแหลกละเอียด

“สัตว์ดุวิหคร้ายมาจากไหนกันมากมาย” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมีขาสองข้างที่สั่นเทาด้วยความไม่เอาการเอางาน เมื่อเห็นสัตว์ดุวิหคร้ายนับพันนับหมื่นที่พุ่งเข้ามาเหมือนคลื่นยักษ์

“นี่พวกเราเข้าไปอยู่ในโลกของสัตว์ดึกดำบรรพ์แล้วรึ?” มีผู้ที่กล่าวด้วยท่าทีงุนงง เมื่อเห็นกระแสคลื่นสัตว์ที่น่ากลัวโผล่ขึ้นมาโดยพลัน

“ผู้ที่สังหารศิษย์พวกเรา ต้องถูกป่นกระดูกแล้วโปรย!” เวลานี้ปรากฏเสียงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง มองเห็นบนท้องฟ้าปรากฏเงาทมิฬขนาดยักษ์ขึ้น

ทุกคนแหงนหน้าขึ้นมอง เห็นบนท้องฟ้าปรากฏจ้าวอินทรีขนาดใหญ่โตมโหฬารขึ้นตัวหนึ่ง จ้าวอินทรีตัวนี้มีคู่ดวงตาสีแดงเลือด กรงเล็บคมดั่งกระบี่ และเสียงนี้ออกมามาจากปากของนกอินทรีตัวนี้นี่เอง

“หัวหน้าสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์…” มียอดฝีมือเอ่ยขึ้นช้าๆ เมื่อมองเห็นจ้าวอินทรีที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารตัวนั้น

“ที่แท้หัวหน้าสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์คือนกอินทรีตัวหนึ่งนะเนี่ย” มีผู้ที่มองหน้าซึ่งกันและกัน พวกเขานึกไม่ถึงว่าหัวหน้าสาขาๆ หนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางจะเป็นจ้าวอินทรีตัวหนึ่ง

“อย่าได้ดูแคลนหัวหน้าสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์เลยเชียว เขาสามารถบัญชาการสัตว์ดุวิหคร้ายนับพันนับหมื่น ได้ยินมาว่าค่ายกลสัตว์จตุลักษณ์นับเป็นสุดยอดในหล้า แม้ว่ากำลังความสามารถของตัวเขาเองจะไม่ใช่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ว่า เขาเคยนำกองทัพดึกดำบรรพ์ทัพหนึ่งไปทำลายแคว้นมาแคว้นหนึ่ง” ราชครูของแคว้นๆ หนึ่งกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง

สาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์ เป็นสาขาย่อยที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง สาขาดังกล่าวมีสัตว์ดุวิหคร้ายนับพันนับหมื่นอยู่ในครอบครอง เมื่อไรที่สาขาดังกล่าวทำการโจมตีก็จะมีสัตว์ดุวิหคร้ายกรูกันออกมาทั้งหมดในทันที สามารถฉีกทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าให้ละเอียดภายในเวลาอันสั้น

ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์ไม่ได้เป็นสาขามียอดฝีมือมากที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง แต่เป็นสาขาที่น่ากลัวมากที่สุด เคยช่วยดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางทำสงครามขยายอาณาเขต สร้างผลงานที่โด่งดังเอาไว้

ทุกคนต่างนึกไม่ถึงว่า มาวันนี้ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางจะโยกสัตว์ดุวิหคร้ายนับหมื่นนับพันของสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์มาไว้ที่นี่

“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางต้องการบั่นทอนพลังลมปราณและพลังวัตรของคนโหดอันดับหนึ่ง” มียอดฝีมือที่เข้าใจความคิดของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลาง เมื่อมองเห็นกระแสคลื่นสัตว์นับหมื่นนับพันที่จัดการล้อมพวกของหลี่ชิเย่สามคนเอาไว้จนน้ำยังเล็ดรอดไปไม่ได้

“ยุทธวิธีทะเลสัตว์” ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง ปรากฏกระแสคลื่นสัตว์นับพันนับหมื่นยุบยับเต็มไปหมด เหมือนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด หากต้องการบุกตลุยเข่นฆ่าให้เป็นทางจากกระแสคลื่นสัตว์นับพันนับหมื่นนี้ จะต้องใช้เวลาเท่าไรกัน

“ไม่รู้ว่ากระแสคลื่นสัตว์นับพันนับหมื่นสามารถต้านคนโหดอันดับหนึ่งได้นานเท่าไร” มีเทพแท้จริงขั้นอมตะเอ่ยขึ้นมา

ในสายตาของเทพแท้จริงขั้นอมตะมองว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่คิดจะอาศัยกระแสคลื่นสัตว์มาต้านคนโหดอันดับหนึ่งให้ได้ แต่ว่า ด้วยความน่ากลัวของกระแสคลื่นสัตว์เช่นนี้ เกรงว่าสามารถทำให้คนโหดอันดับหนึ่ง สูญเสียลมปราณและพลังวัตรได้ไม่น้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางก็สามารถตั้งมั่นเพื่อรอรับมือกับศัตรูที่บุกเข้ามาด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“ความจริงแล้วท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์ยังคงเป็นค่ายกลจตุลักษณ์” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งกล่าวขึ้นช้าๆ “เมื่อใดที่ถูกค่ายกลนี้กักขังเอาไว้ ยากที่จะออกไปได้”

“มารนหาที่ตายนะเนี่ย” ในเวลานี้หลี่ชิเย่ได้ลืมตาขึ้น และมองดูเรียบเฉยทีหนึ่ง

“วันนี้ กระแสคลื่นสัตว์นับพันนับหมื่นของข้า จะเหยียบเจ้าให้แหลก” จ้าวอินทรี หัวหน้าสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์ร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *