Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2813 ละครเรื่องหนึ่ง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2813 ละครเรื่องหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2813 ละครเรื่องหนึ่ง

พลันที่ใต้เท้าเซิ่นตู๋โกรธขึ้นมา ไม่รู้ว่าได้ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรสั่นเทาในใจ นักศึกษาจำนวนมากถึงกับเข่าอ่อนทั้งสองข้าง

ตำแหน่งเช่นใต้เท้าเซิ่นตู๋เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่พิเศษมากในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ เขาจะไม่ก้าวก่ายสถาบันศึกษาแห่งใดแห่งหนึ่งของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ และไม่ก้าวก่ายข้อขัดแย้งใดๆ แต่ว่า เขาดำรงอยู่ตลอดเวลา ทำการตรวจตราทั่วหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด เมื่อใดที่เขาคิดว่าจะต้องออกหน้า เขาก็จะปรากฏตัว

กล่าวสำหรับหอจรัสศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถาบันศึกษาใดก็ตาม เมื่อใดที่ใต้เท้าเซิ่นตู๋ออกหน้าย่อมจะต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก แม้แต่เรื่องที่นักศึกษาบางส่วนก่อเรื่อง กระทั่งทรยศต่อสถาบันศึกษา ใต้เท้าเซิ่นตู๋มักจะไม่แน่เสมอไปว่าจะปรากฏตัวออกมา

แน่นอนที่สุด เมื่อใดที่ใต้เท้าเซิ่นตู๋ออกหน้า ย่อมต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับการฝ่าฝืนกฎเหล็กของปฐมบรรพบุรุษ

เวลานี้ ใต้เท้าเซิ่นตู๋พลันปรากฏตัวขึ้นที่สถาบันศึกษาล้างบาปของพวกเขา แล้วจะไม่ทำให้นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปทั้งหมดต้องตกใจจนเข่าอ่อนได้อย่างไร ความจริงแล้วอาจารย์จำนวนไม่น้อยก็รู้สึกขนลุกซู่ในใจ ในความทรงจำของพวกเขานั้น ใต้เท้าเซิ่นตู๋ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นที่สถาบันศึกษาล้างบาปมาก่อน

แต่ว่า เมื่อนึกดูอีกที มันก็เป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง รูปแกะสลักของปฐมบรรพบุรุษแตกละเอียด กระบี่ล้างบาปซึ่งเป็นของวิเศษประจำสถาบันศึกษาถูกศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งได้ไป สองเรื่องนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่สถาบันศึกษาใดก็ตามล้วนเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก

แต่ว่า พูดไปก็ให้รู้สึกแปลกใจ ใต้เท้าเซิ่นตู๋เพียงถามถึงเรื่องรูปแกะสลักของปฐมบรรพบุรุษแตกละเอียด และกระบี่ล้างบาปหายไปสองเรื่องนี้เท่านั้น โดยไม่ถามถึงเรื่องที่พวกของเติ้งเหรินเซินเสียชีวิต ซึ่งก็ทำให้ภายในใจของนักศึกษาจำนวนไม่น้อยรู้สึกโล่งอก ถ้าหากนำเรื่องสามเรื่องรวมเข้าด้วยกันล่ะก็ เรียกได้ว่าเป็นโทษหนักของโทษหนักแล้วล่ะ

นักศึกษาทั้งหมดต่างตัวสั่นงันงกกับการเดินทางมาทวงถามความผิดของใต้เท้าเซิ่นตู๋ แต่ว่า ตู้เหวินรุ่ยในฐานะที่เป็นอธิการบดีกลับสงบนิ่งเป็นอันมาก

“ใต้เท้าเซิ่นตู๋ อะไรคือความผิดเล่า” ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “นี่คือวาสนา เวลาได้มาถึงแล้ว การทิ้งกระบี่ล้างบาปเอาไว้ที่นี่ในครั้งนั้นของปฐมบรรพบุรุษก็เคยกล่าวเอาไว้ว่า กระบี่เล่มนี้ให้กับผู้มีวาสนา มาวันนี้ นักศึกษาสถาบันศึกษาของข้าได้ไปก็คือวาสนา เป็นการสืบทอดปณิธานของปฐมบรรพบุรุษ”

“ส่วนรูปปฐมบรรพบุรุษแตกละเอียดเป็นเพราะกระบี่ล้างบาปมีเจ้าของแล้วจึงไม่จำเป็นต้องเฝ้าอีกต่อไป ดังนั้นรูปนี้จึงแตกเอง” ตู้เหวินรุ่ยพูดได้น่าฟังและมีเหตุผลเสียเต็มประดา “ในเมื่อผู้ที่ได้กระบี่ล้างบาปเล่มนี้ไป การสูญหายของกระบี่ล้างบาปก็ว่าไม่ได้แล้ว จากเรื่องราวต่างๆ นานา หวังว่าใต้เท้าเซิ่นตู๋ได้ตรวจสอบให้ชัดเจน”

สายตาของใต้เท้าเซิ่นตู๋เพ่งตรงไปข้างหน้า จ้องเขม็งไปที่ตู้เหวินรุ่ย ไม่ได้พูดอะไรออกมาทันที

จังหวะที่ใต้เท้าเซิ่นตู๋จ้องเขม็งไปที่ตู้เหวินรุ่ยนั้น นักศึกษาทั้งหมดของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างรู้สึกขนลุกซู่ในใจ ต่างรู้สึกสั่นเทา ด้วยเกรงวว่าใต้เท้าเซิ่นตู๋จะโกรธขึ้นมา แล้วพาลโกรธสถาบันศึกษาล้างบาปทั้งหมด

“ที่ท่านพูดมาก็มีเหตุผลบ้างเหมือนกัน” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ใต้เท้าเซิ่นตู๋จึงได้ปริปากพูดขึ้นมาช้าๆ ซึ่งทำให้บรรดานักศึกษาทั้งหมดต่างหายใจด้วยความโล่งอก ยังดีที่ใต้เท้าเซิ่นตู๋ไม่ได้ถือโทษและตำหนิ

“แต่ว่า ข้าได้ข่าวว่านักศึกษาของท่านคือชนเผ่าบาป!” ใต้เท้าเซิ่นตู๋พลันเบี่ยงเบนหัวเรื่อง กล่าวน่าเกรงขามว่า “เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบ ใช่เป็นเรื่องเล็ก”

พลันที่ใต้เท้าเซิ่นตู๋เปลี่ยนหัวข้อ ทำให้นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปถึงกับรู้สึกใจไม่ดีทีเดียว

“ข่าวของใต้เท้าเซิ่นตู๋เร็วมาก” ตู้เหวินรุ่ยไม่เห็นจะตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ยิ้มกล่าวว่า “คนอื่นล้วนแล้วแต่พูดว่า นักศึกษาของข้าคือชนเผ่าบาป แต่ว่า เรื่องนี้ยังต้องรอการปรึกษาหารือ โลกนี้ยังมีชนเผ่าบาปหรือไม่ยังรอสรุป การสรุปเวลานี้ยังเร็วเกินไป”

“หรือว่าเรื่องนี้ ท่านคิดจะปล่อยผ่านไปเช่นนี้รึ?” ท่าทางของใต้เท้าเซิ่นตู๋เหมือนไม่พอใจ ส่งเสียงฮึเย็นชาทีหนึ่ง และกล่าวว่า “บางที ควรให้เขามาพบข้า!”

“เรียนใต้เท้าเซิ่นตู๋ นักศึกษาของพวกเราไม่เคยผ่านโลกมาก่อน มีนิสัยซ่อนความรู้สึกและขี้อาย เกรงว่าจะไม่สะดวกนัก” ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะและกล่าวว่า “เช่นนี้ดีหรือไม่ วันหน้า นักศึกษาของพวกเราจะต้องไปที่เขาศักดิ์สิทธิ์รับการชำระกายา ข้าเชื่อว่านี่จะเป็นการแสดงตนได้ดีที่สุด และสามารถอุดปากผู้อื่น ใต้เท้าเซิ่นตู๋มีความเห็นเป็นประการใด?”

ใต้เท้าเซิ่นตู๋จ้องเขม็งที่ตู้เหวินรุ่ย ชั่วครู่จึงได้พูดขึ้นมาว่า “ตกลง เช่นนั้นพบกันที่เขาศักดิ์สิทธิ์ รักษาตัวให้ดี”

“ใต้เท้าเซิ่นตู๋มิสู้เข้ามานั่งในสถาบันศึกษาพวกเราสักหน่อย ให้ข้าได้ชงชาเป็นการต้อนรับ” ตู้เหวินรุ่ยให้การรับรองที่อบอุ่นยิ่งนัก

ใต้เท้าเซิ่นตู๋ส่งเสียงฮึเย็นชา จากนั้น เสียงตูมดังขึ้น เห็นเพียงสิงโตตัวผู้สีเหลืองทองใช้ขาหลังยันพื้นทีหนึ่งพลันพุ่งตัวออกไปหายวับไปกับตาในพริบตาเดียวอย่างไร้ร่องรอย

“น้อมส่งใต้เท้าเซิ่นตู๋” ตู้เหวินรุ่ยแสดงคารวะต่อเงาหลังที่จากไปไกลของใต้เท้าเซิ่นตู๋

บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากที่เห็นใต้เท้าเซิ่นตู๋ได้จากไปไกลแล้ว ต่างทยอยกันลุกขึ้นยืน การไปจากของใต้เท้าเซิ่นตู๋ทำให้พวกเขาเสมือนหนึ่งได้ปลดภาระหนักอึ้งลงจากบ่า

“พวกเจ้าต่างได้ยินกันแล้ว อีกไม่นานล้วนแล้วแต่มีโอกาสไปที่เขาศักดิ์สิทธิ์ จำนวนมีจำกัด พวกเจ้าพยายามเข้าไว้ก็แล้วกัน” จังหวะที่นักศึกษาทั้งหมดต่างรู้สึกปลดภาระหนักอึ้งออกจากบ่า ตู้เหวินรุ่ยได้กล่าวด้วยท่าทียิ้มแต้

“ไปเขาศักดิ์สิทธิ์…” นักศึกษาทั้งหมดต่างตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของตู้เหวินรุ่ย เมื่อได้สติกลับมารู้สึกตื่นตระหนกตกใจระคนกับความดีใจอย่างยิ่ง

“ใต้เท้าอธิการบดีจงเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” ในเวลานี้ นักศึกษาจำนวนไม่น้อยต่างส่งเสียงร้องดังขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกตกใจระคนกับความดีใจอย่างยิ่ง

“เวลานี้ยังดีใจเร็วเกินไป” ตู้เหวินรุ่ยยิ้มตาหยีและกล่าวว่า “ใครสามารถได้รับเลือก ยังต้องดูที่ความสามารถของพวกเจ้า”

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม บรรดานักศึกษายังคงตื่นเต้นยิ่งนัก ส่งเสียงร้องดังว่าใต้เท้าอธิการบดีจงเจริญหมื่นปี

ตู้เหวินรุ่ยได้ใจผู้คนเป็นอันมากในสถาบันศึกษาล้างบาป บางทีอาจเป็นเพราะสถาบันศึกษาล้างบาปของพวกเขาอ่อนแอเกินไป และอาจเป็นเพราะทักษะของใต้เท้าอธิการบดีพวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงเข้ากับคนได้ง่าย ไม่เคยวางมาดในฐานะที่เป็นอธิการบดี ไม่เพียงสามารถเข้ากับอาจารย์ในฐานะอยู่ในระดับเดียวกัน และสามารถเข้ากับนักศึกษาในฐานะอยู่ในระดับเดียวกันเช่นกัน นักศึกษาจำนวนมากต่างก็ชอบเขา

หลังจากที่ตู้เหวินรุ่ยส่งใต้เท้าเซิ่นตู๋ไปแล้วได้มาพบกับหลี่ชิเย่ หลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นไม่ได้ให้ความสนใจ ขณะที่ตู้เหวินรุ่ยได้ชงชาเสร็จแล้วและรินเต็มถ้วยให้กับหลี่ชิเย่ถ้วยหนึ่ง

“คำพูดเมื่อครู่ นักศึกษาหลี่ก็ได้ยินแล้ว อธิการบดีอย่างข้าเป็นได้ไม่ง่ายนัก ไม่ง่ายนักเลย” ตู้เหวินรุ่ยดื่มชาไป เล่าความทุกข์ในใจออกมาให้หลี่ชิเย่ฟัง

ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่จึงได้ลืมตาทั้งสองขึ้น มองดูตู้เหวินรุ่ยทีหนึ่ง และกล่าวว่า “แสดงละครได้ไม่เลวนี่ กลับสามารถฉกฉวยโอกาสให้ตนได้ไปเขาศักดิ์สิทธิ์สักครั้ง”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก” ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ที่ข้าทำไปก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้าน่ะบริสุทธิ์ เพียงแต่ใต้เท้าเซิ่นตู๋มีความเข้มงวดยุติธรรม และฉลาดเฉียบแหลม”

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “เข้มงวดยุติธรรมดูจะไม่เห็นนะ พวกเจ้าเล่นกันเป็นลูกคู่ เขาได้มอบผลประโยชน์มหาศาลให้กับเจ้า”

“ไม่มีเรื่องเช่นนั้น ไม่มีเรื่องเช่นนั้น” ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง

แม้ว่าเมื่อครู่นี้ ใต้เท้าเซิ่นตู๋ดูท่าทางสูงเด่น และไม่พอใจในตู้เหวินรุ่ยหลายเรื่อง ความจริงแล้ว ใต้เท้าเซิ่นตู๋กับตู้เหวินรุ่ยรู้จักกันอยู่ก่อนนานแล้วตั้งแต่ครั้งอดีต

เพียงแต่คนอื่นไม่รู้เท่านั้นเอง ความจริงแล้วผู้คนจำนวนมากก็นึกไม่ถึง จะอย่างไรเสียใต้เท้าเซิ่นตู๋ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งมาก ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเช่นใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่ให้ความเคารพเขาอยู่สามส่วน

ขณะที่ตู้เหวินรุ่ยเป็นเพียงอธิการบดีคนหนึ่งของสถาบันศึกษาล้างบาปเท่านั้นเอง เทียบไม่ได้กระทั่งสถาบันศึกษาเล็กๆ เสียด้วยซ้ำ

เฉกเช่นตู้เหวินรุ่ยทีเป็นเพียงอธิการบดีตัวน้อยๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไหนเลยจะไปรู้จักกับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นใต้เท้าเซิ่นตู๋ได้อย่างไรเล่า

หลี่ชิเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากความอีก เพียงจิบน้ำชาไปถ้วยหนึ่งเท่านั้นเอง

“นักศึกษาหลี่ก็ได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว นักศึกษาหลี่ก็สมควรไปที่เขาศักดิ์สิทธิ์สักครั้งหนึ่ง ท่านว่าอย่างนั้นหรือไม่?” ตู้เหวินรุ่ยกล่าวด้วยท่าทางอบอุ่นยิ่งต่อหลี่ชิเย่

“ทำไมจะต้องไป?” หลี่ชิเย่จิบน้ำชาคำหนึ่ง เอ่อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่าทางดูไม่มีอารมณ์อย่างนั้น

“พิสูจน์ต่อผู้คนทั่วหล้า และเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่หาได้ยาก ทุกคนต่างใฝ่ฝันถึง” ตู้เหวินรุ่ยรีบเอ่ยขึ้นมา

“ไม่มีอารมณ์” หลี่ชิเย่กล่าวตามอารมณ์ว่า “ข้าไหนเลยต้องพิสูจน์ต่อผู้คนใต้หล้า!”

“นั่นสิ นั่นสิ” ตู้เหวินรุ่ยรีบทำหน้ายิ้มแย้ม และกล่าวว่า “นักศึกษาหลี่ก็สมควรทราบว่า เขาศักดิ์สิทธิ์พวกเรานั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ มี นักศึกษาหลี่ไปถึงเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วเก็บผลไม้เซียนสักกองหนึ่ง ทำไมถึงไม่อยากทำล่ะ อีกอย่าง เขาศักดิ์สิทธิ์พวกเรามีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ นักศึกษาหลี่รับเอาหงส์ หรือมังกรแท้จริงไปสักหลายตัว ช่างเป็นเรื่องที่ดีงามอะไรอย่างนั้น และจะกลายเป็นเรื่องราวดีๆ ที่ถูกนำมากล่าวขวัญถืง”

“ไม่มีอารมณ์” หลี่ชิเย่พูดตามอารมณ์ว่า “ล้วนแล้วแต่เป็นพวกผลไม้ป่า ไก่ป่าเท่านั้นเอง ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง”

เมื่อตู้เหวินรุ่ยได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ ยิ่งนัก สมควรทราบว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องการขึ้นไปเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วไม่ได้ ยิ่งบุคคลภายนอกแล้วยิ่งไม่มีสิทธิ์ และผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์นั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องการได้มันมายิ่งนัก

เวลานี้ออกจากปากของหลี่ชิเย่แล้ว ถึงกับกลายเป็นผลไม้ป่า และไก่ป่า หากมีศิษย์ของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ได้ยินล่ะก็ จะต้องถูกร้องตำหนิเสียงดังว่าวาจาไร้ยางอาย

“นักศึกษาหลี่ อธิการบดีอย่างข้านี่วางตัวลำบากเสียแล้ว ท่านหยิบเอากระบี่ล้างบาปไป เบื้องบนมีผู้คนจำนวนมากตั้งข้อสงสัยกับท่าน ท่านไปเขาศักดิ์สิทธิ์อธิบายสักหน่อยก็ดี” ตู้เหวินรุ่ยกล่าวพร้อมกับทำหน้าเจื่อนๆ

“แค่กระบี่ห่วยๆ เล่มหนึ่งเท่านั้น” หลี่ชิเย่กล่าวตามอารมณ์ว่า “หากพวกเจ้าต้องการก็เอากลับคืนไป”

ตู้เหวินรุ่ยถึงกับยิ้มเจื่อนๆ กล่าวด้วยท่าทีจนด้วยเกล้าว่า “ปัญหาก็คือ กระบี่เล่มนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่พกพาไปด้วย พวกเราไม่สามารถใช้การได้”

“จิตใจบริสุทธิ์ย่อมสามารถครอบครอง” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และกล่าวว่า “ข้าประทานให้ก็ได้แล้ว”

ตู้เหวินรุ่ยจนปัญญา ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ยอมไปจริงๆ เขาก็จนหนทาง เขาเองก็ไม่มีกำลังพอที่จะไปบีบบังคับให้หลี่ชิเย่ต้องไปเขาศักดิ์สิทธิ์ให้ได้

“เอาเถอะ ข้าจะไปสักครั้ง” จังหวะที่ตู้เหวินรุ่ยทำท่าหมดอาลัยตายอยากอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา

“นักศึกษาหลี่ไปจริงรึ” เมื่อตู้เหวินรุ่ยได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว รู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมา ดีใจอย่างยิ่ง

หลี่ชิเย่เหลือบมองเขาทีหนึ่ง และกล่าวเรียบเฉยว่า “เจ้าก็แค่ต้องการนำพานักศึกษากลุ่มหนึ่งขึ้นไปยังเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น คิดจะเอาเปรียบด้วยการเอาข้าไปอ้างทำไม ขึ้นเขาศักดิ์สิทธิ์ไปรับการทดสอบอะไรนั่น แค่ข้ออ้างบ้าบอเท่านั้น อย่าบอกนะว่าเซิ่นตู๋ไม่รู้เรื่อง พวกเจ้าสองคนแค่สอดรับกันเป็นลูกคู่เท่านั้น”

ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะเจื่อนๆ ท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนอื่นย่อมไม่รู้ถึงความตั้งอกตั้งใจอย่างยิ่งของเขา แต่หลี่ชิเย่กลับมองขาดในทันที

ที่ตู้เหวินรุ่ยต้องการให้หลี่ชิเย่ไปทดสอบที่เขาศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้าง ตู้เหวินรุ่ยต้องการยืมโอกาสนี้นำนักศึกษากลุ่มหนึ่งไปได้เปรียบที่เขาศักดิ์สิทธิ์

จะอย่างไรเสีย ฐานะในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันศึกษาล้างบาปพวกเขา คิดจะเข้าแถวขึ้นไปยังเขาศักดิ์สิทธิ์ ไม่รู้ว่าจะต้องเข้าแถวไปถึงเดือนไหนปีไหน เวลานี้สามารถโดยสารเกาะหลี่ชิเย่ไปได้ ทำไมถึงไม่ทำเล่า

ถ้อยคำโต้ตอบระหว่างตัวเขากับใต้เท้าเซิ่นตู๋นั้น เป็นเพียงพูดให้คนอื่นฟังเท่านั้น

………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *