Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2816 เข้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2816 เข้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2816 เข้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์

“เข้าไปเถอะ” ขณะที่นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปดูจะท้อถอยและขลาดกลัวอยู่บ้าง หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและกระโดดลงจากเรือ ท่าทางสบายอกสบายใจอิสระเสรี มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปตามอารมณ์

มองดูท่าทางหลี่ชิเย่ที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรอย่างนั้น ทำให้สถาบันศึกษาล้างบาปจำนวนไม่น้อยมองตากันและกัน พวกเขาต่างรู้สึกอิจฉาในอุปนิสัยที่ทำอะไรโดยไม่ต้องคิด กับสถานที่เช่นนี้ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร แม้แต่นักศึกษาจากสี่สถาบันศึกษาใหญ่เดินผ่านหน้าเขาไป เขาก็เหมือนมองไม่เห็นอย่างนั้น

“พยายามเข้า สักวันหนึ่ง พวกเจ้าก็สามารถเหมือนเช่นพวกเขาที่เดินเหินบนที่สูงได้สบาย” ตู้เหวินรุ่ยกล่าวให้กำลังใจ เมื่อเห็นท่าทางของเหล่านักศึกษาแล้ว “เรื่องต่างๆ ไม่ได้อยู่ที่ระยะทาง อยู่ที่ปณิธานสูง สักวันพวกเจ้าก็สามารถต่อสู้อยู่บนท้องฟ้า ขอเพียงพวกเจ้ามีความพยายามไม่ท้อถอย”

บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เงยหน้าขึ้นเพิ่มความฮึกเหิมให้ตนเอง หลังจากได้รับกำลังใจจากตู้เหวินรุ่ยแล้ว นักศึกษาจำนวนไม่น้อยยืดอกขึ้นโดยจิตใต้สำนึก ให้กำลังใจตนเอง เพิ่มความเชื่อมั่นให้ตนเอง จะอย่างไรเสียสถาบันศึกษาล้างบาปพวกเขาก็ได้รับสิทธิ์ในการมาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน มีอะไรต้องไปกลัว

สุดท้าย นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างทยอยกันลงจากเรือ และมายืนอยู่บนผืนแผ่นดินผืนนี้ของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ภายในใจของพวกเขารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งขณะที่ยืนอยู่บนผืนแผ่นดินผืนของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า พวกเขาก็มีโอกาสมาถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้

แม้ว่าสถาบันศึกษาล้างบาปมีจำนวนนักศึกษาที่มาไม่น้อยทีเดียว แต่ว่า นักศึกษาจากสถาบันศึกษาอื่นๆ มามากกว่า จะอย่างไรเสีย สถาบันศึกษาอื่นๆ มีโควต้ามากกว่าสถาบันศึกษาล้างบาป

สถาบันศึกษาในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนนับไม่ถ้วน มีผู้กล่าวว่า สถาบันศึกษาที่มีการก่อตั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิบล้านแห่งก็ต้องมีเป็นล้านแห่ง สถาบันศึกษาขนาดเล็กนั้นนับกันไม่ถ้วน แน่นอน ในจำนวนนี้ต้องยกให้สี่สถาบันศึกษาใหญ่เป็นหลัก

โดยปรกติแล้ว สี่สถาบันศึกษาใหญ่ต่างอยู่กันคนทิศคนละทาง และสถาบันศึกษาขนาดเล็กก็ต่างคนต่างอยู่ ปราศจากเรื่องใดๆ

ถ้าหากจะมีสถานที่ใดในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์สามารถให้นักศึกษาจากสถาบันศึกษาทั้งหมดมารวมตัวกันได้ก็คงมีภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้ว

รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้น ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจน มีการพูดกันว่า ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่ปราชญ์ไกลกันดารฝึกฝนบรรลุสัจธรรมในครั้งนั้น

ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้ศักดิ์สิทธิ์นานาชนิด และเป็นสถานที่ที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์หลากชนิดมาอาศัยอยู่รวมกันที่ตรงนี้ กล่าวสำหรับนักศึกษาของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์แล้ว หากสามารถเข้ามายังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็จะมีโอกาสเก็บสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ มีโอกาสได้อุ้มหรือสยบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กลับไปเลี้ยงดูได้

ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ของภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงมาก ถ้าหากสามารถรับประทานผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ย่อมจะมีประโยชน์กับบุคคลผู้นั้นมากทีเดียว ต่อให้ไม่ใช่ศิษย์ของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ หากสามารถรับประทานผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นแล้ว ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์สามารถช่วยให้ใจสงบจิตนิ่ง สยบมารขจัดสิ่งชั่วร้าย โดยเฉพาะกับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่กำลังจะทะลุคอขวดแล้ว ในขั้นตอนที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อหากมีผลไม้ศักดิ์สิทธิ์สักผล สามารถช่วยในเรื่องป้องกันธาตุไฟเข้าแทรกได้

กล่าวสำหรับนักศึกษาของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงให้มากความ โดยเฉพาะนักศึกษาที่มีชาติกำเนิดเป็นคนพื้นที่อยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาได้ฝึกเคล็ดวิชาจรัสมาแต่เด็ก ถ้าหากสามารถรับประทานผลไม้ศักดิ์สิทธิ์สักผล สามารถเพิ่มพลังวัตรให้แกร่งขึ้น มีข้อดีเป็นอันมาก

แน่นอน ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้ ในทุกๆ ช่วงเวลาก็จะมีจำกัดจำนวน มีเพียงนักศึกษาที่ได้รับอนุญาตตามหลักเกณฑ์จำกัดจำนวนจึงสามารถเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้

เมื่อพวกของหลี่ชิเย่เดินขึ้นไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้น ก็มีผู้ตรวจสอบสิทธิ์ของพวกเขา แน่นอน สิ่งนี้ต้องขอบคุณใต้เท้าเซิ่นตู๋ มาเที่ยวนี้ทางใต้เท้าเซิ่นตู้ได้อนุญาตจำนวนคนให้กับสถาบันศึกษาล้างบาปสูงมาก

แม้ว่าการมาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันศึกษาล้างบาปในครั้งนี้เพื่อทดสอบหลี่ชิเย่ แต่ว่า บรรดานักศึกษาที่ร่วมเดินทางมาด้วยต่างได้รับสิทธิ์เป็นหนึ่งในจำนวนได้เข้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์

สิ่งนี้จึงไม่อาจโทษหลี่ชิเย่ที่หัวเราะเยาะตู้เหวินรุ่ยที่แสดงละครกับใต้เท้าเซิ่นตู๋ได้ไม่เลวนัก จะอย่างไรเสีย ลำพังอาศัยเพียงสถาบันศึกษาล้างบาป เกรงว่าจะได้รับจำนวนสิทธิ์ขนาดนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อหลี่ชิเย่ที่เป็นกลุ่มนักศึกษาจากสถาบันศึกษาล้างบาปก้าวขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้น มีนักศึกษาจากสถาบันศึกษาอื่นๆ ได้จ้องมองพวกเขาหลายครั้ง

เนื่องจากนักศึกษาจากสถาบันศึกษาล้างบาปนับว่าอ่อนด้อยมากเหลือเกิน ในบรรดากลุ่มนักศึกษาพวกเขานั้น เฉกเช่นจ้าวชิวสือก็คือนักศึกษาที่โดดเด่นมากที่สุดแล้ว ตัวเขามีกำลังความสามารถอยู่ในฐานะกษัตราแท้จริง เรียกได้ว่าในสถาบันศึกษามีนักศึกษาไม่กี่คนที่สามารถเทียบกับเขาได้แล้ว

แต่ว่า สมควรทราบว่าสำหรับสถาบันศึกษาหนึ่งแห่งนั้นจะมีจำนวนที่จำกัด สามารถเข้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ล้วนแล้วแต่เป็นนักศึกษาที่โดดเด่นยอดเยี่ยมที่สุดของสถาบันศึกษาแห่งนั้นแล้ว นักศึกษาของสถาบันศึกษาหลายแห่งล้วนแล้วแต่เริ่มต้นด้วยปราชญ์แท้จริง กระทั่งระดับเทพแท้จริง เฉกเช่นนักศึกษาจากสี่สถาบันศึกษาใหญ่เกรงว่าคงต้องเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์จึงมีสิทธิ์มาได้

ขณะที่พวกของจ้าวชิวสือที่มีกำลังความสามารถอ่อนด้อยเช่นนี้ เข้ากับที่นี้ไม่ได้เอาเสียเลย ดังนั้น ขณะนักศึกษาจากสถาบันศึกษาจำนวนไม่น้อยมองมาที่พวกเขานั้น แววตาจะมากหรือน้อยก็ต้องเหยียดหยามอยู่บ้าง

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้พวกเขาที่เป็นนักศึกษาเหล่านี้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่สู้คนอื่นไม่ได้ จะอย่างไรเสีย นักศึกษาที่โดดเด่นเยี่ยมที่สุดของพวกเขา เกรงว่าเทียบไม่ได้กระทั่งสารถีของคนบางคน สิ่งนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว นับว่าส่งผลกระทบอยู่บ้างอย่างแท้จริง

‘สถาบันศึกษาล้างบาป’ มีนักศึกษาที่มองเห็นสัญลักษณ์สถาบันของพวกหลี่ชิเย่แวบหนึ่ง กล่าวเหยียดหยามว่า “สถานที่แห่งนั้นแม้แต่แสงสว่างยังส่องเข้าไปไม่ถึงใช่ไหม? สถานที่แห่งนั้นมิใช่กระทั่งปฐมบรรพบุรุษยังละทิ้งมิใช่รึ? พวกทายาทรุ่นหลังของผู้ร้ายที่มีโทษฉกรรจ์ก็มีสิทธิ์มาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์รึ?”

เสียงนี้ไม่เบา แสบแก้วหูยิ่ง แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้สนใจพวกของจ้าวชิวสือต่างทยอยกันจ้องมองมา

“เป็นสถาบันศึกษาล้างบาป พวกเขามาที่นี่ได้อย่างไรกัน? ก่อนหน้านั้นสถาบันศึกษาล้างบาปสามารถมาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยหรือ?” มีนักศึกษาที่รู้สึกแปลกใจ

มีนักศึกษาผู้หนึ่งกล่าวว่า “ต่อให้สามารถมาได้ก็ต้องเป็นคิวท้ายๆ กระมัง มาปีนี้พวกเขาถือสิทธิ์อะไรมาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นกลุ่มแรก โดยทั่วไปแล้ว หลังจากสี่สถาบันศึกษาใหญ่แล้ว สถาบันศึกษาที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุดจึงสามารถมาเป็นกลุ่มแรก”

“อ่อนด้อยขนาดนี้ก็มาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ สามารถเก็บผลไม้ศักดิ์สิทธิ์สักกี่ลูกเชียว เกรงว่าคงกลับบ้านมือเปล่ากระมัง” มีนักศึกษาที่แข็งแกร่งกำลังอวดว่าตนเองนั้นยอดเยี่ยมและเชิดใส่

ในเวลานี้ ได้ดึงดูดสายตามาได้ไม่น้อย โดยเฉพาะภายใต้แววตาที่เหยียดหยาม และพูดจาแหน็บแนม ทำให้พวกของจ้าวชิวสือถึงกับขลาดกลัวอยู่ในใจ นักศึกษาจำนวนไม่น้อยก้มหน้าลง รู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์อยู่ในใจ

ขณะที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองล้างบาปนั้นจะไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากพวกเขาต่างก็เหมือนๆ กันใช้ชีวิตอย่างเป็นปรกติสุข ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาเอง หรือว่ารุ่นบิดา ล้วนแล้วแต่ไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายที่ทรยศต่อฟ้าดิน

แต่ว่า เมื่อออกจากเมืองล้างบาป พวกเขาก็กลายเป็นทายาทรุ่นหลังของนักโทษฉกรรจ์ในสายตาของผู้อื่น มาจากสถานที่ที่ตกต่ำ เหมือนว่าพวกเขาคือผู้มีฐานะต่ำชั้นกว่าอย่างนี้แหละ

“พวกสวะกลุ่มหนึ่ง!” หลี่ชิเย่จ้องมองนักศึกษาเหล่านี้ทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ยังมีหน้ากล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักศึกษาของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ทำขายหน้าหอจรัสศักดิ์สิทธิ์จนสิ้น!”

“วาจาสามหาวนัก!” มีนักศึกษารู้สึกไม่พอใจทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ หัวเราะเยาะทีหนึ่งและกล่าวว่า “อาศัยทายาทรุ่นหลังของคนโหดจากสถาบันศึกษาล้างบาป บังอาจกล้ากล่าววาจาไม่รู้จักละอาย…”

“สวะก็คือสวะ ไม่ต้องทำอวดเก่งอวดดีที่นี่” หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทคำพูดของนักศึกษาผู้นี้ “แสงสว่างคืออะไร? รัศมีแสงสว่างส่องสว่างเหล่าเวไนยสัตว์อย่างเสมอภาค โปรดความทุกข์และโรคภัยไข้เจ็บ! หวังว่าโลกไร้ซึ่งความกังวล ภายใต้แสงสว่าง ไม่แบ่งแยกสรรพสิ่งมีชีวิต มนุษย์ปุถุชนธรรมดาก็ดี คนโหดก็ช่าง ล้วนแล้วแต่สมควรได้รับการโปรด และหลุดพ้นจากความมืด…”

“…ดูสารรูปพวกเจ้าสิ เหมือนตัวอะไร? ก็แค่กำเนิดในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์มิใช่รึ? แค่ได้เรียนในสถาบันศึกษาที่ดี มีบิดาที่ดีใช่หรือไม่? จึงทำอวดดีอวดเก่งไม่หยุด อวดความรู้สึกที่เหนือกว่าของตนเอง” หลี่ชิเย่มองดูพวกเขาด้วยท่าทีเฉยเมยทีหนึ่ง และกล่าวว่า “พวกเจ้าคิดว่าตนเองนั้นแข็งแกร่งจริง คิดว่าตนเองนั้นโดดเด่นยอดเยี่ยม ก็มีเปรียบกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าข้างหน้า ยืดอกตนเองเข้าไว้แล้วไปท้าสู้กับยอดฝีมือที่เหนือกว่าเจ้า ไปท้าสู้กับราชันเท้จริงเหล่านั้น ไปท้าสู้ปฐมบรรพบุรุษ ไปต่อสู้กับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเหนือเก้าชั้นฟ้านั่น!”

ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้ได้มองดูพวกเขาด้วยท่าทีเย็นชา และกล่าวเรียบเฉยว่า “พวกเจ้าตบอกและถามตัวเองว่า มีความมั่นใจที่จะไปท้าสู้กับผู้ที่เหนือกว่าเจ้าหรือไม่ มีความมั่นใจว่าจะแซงล้ำหน้าพวกราชันแท้จริงเหล่านั้น แซงล้ำหน้าปฐมบรรพบุรุษเหล่านั้น! ถ้าหากไม่มีก็หุบปากเสีย แล้วไสหัวไปข้างๆ เจ้าต่างอะไรกับผู้อ่อนด้อยอื่นๆ ตรงไหน ทำได้แค่อวดดีอวดเก่งต่อความโดดเด่นที่มีอยู่น้อยนิดจนน่าสมเพสต่อหน้าผู้อ่อนด้อยกว่าเท่านั้น”

คำพูดที่เย็นชาและเฉียบขาดของหลี่ชิเย่ที่พูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ ในเวลานี้ทำเอาพวกนักศึกษาถึงกับหน้าแดงหูแดง ไม่สามารถหาคำพูดใดๆ มาโต้แย้งหลี่ชิเย่ได้

“เจ้าก็ทำปากกล้าต่อไปเถอะ” สุดท้าย มีนักศึกษาหัวเราะเยาะทีหนึ่ง ยังคงดูถูกเหยียดหยามว่า “หลักการพวกนี้ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย ความจริงจะเป็นตัวสอนพวกเจ้าเอง! อ่อนด้อยก็คืออ่อนด้อย มดปลวกย่อมเป็นมดปลวกวันยังค่ำ” กล่าวขาดคำ ส่งเสียงฮึเย็นชาหันหลังจากไปทันที

นักศึกษาจำนวนไม่น้อยต่างทยอยกันจากไปอย่างรวดเร็ว คงไว้แต่พวกของจ้าวชิวสือ

ท่าทางของพวกจ้าวชิวสือแตกต่างกันไป มีผู้ที่รู้สึกตนเองสู้เขาไม่ได้ มีผู้ที่ขลาดกลัว และมีผู้ที่เหมือนนึกอะไรได้บางอย่าง…

“มีอะไรจะต้องคิดว่าสู้คนอื่นไม่ได้และขลาดกลัว” หลี่ชิเย่มองดูพวกจ้าวชิวสือทีหนึ่ง และกล่าวว่า “คนเรา จะอย่างไรเสียก็เป็นแค่มดปลวก แต่ว่า จำคำๆ หนึ่งให้ดี ต่อให้เป็นแค่มดปลวก ก็ต้องเผยเขี้ยวของตนออกมา ให้สวรรค์โจรได้ดูเขี้ยวของเจ้า! ขอเพียงเจ้าไม่ยอมรับชะตา คงมีสักวันที่เขี้ยวซึ่งเล็กและสั้นของเจ้าสามารถพลิกฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะของเจ้าได้! ” พูดจบ ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า

บรรดานักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปอย่างจ้าวชิวสือต่างเหม่อลอย เมื่อได้ฟังคำบอกเล่านี้ของหลี่ชิเย่ มันเหมือนเป็นการเตือนให้พวกเขาตื่นจากความฝัน

ก่อนหน้านั้น ภายในใจของพวกเขารู้สึกว่าตนเองสู้คนอื่นเขาไม่ได้ และเกิดความขลาดกลัว

แต่เวลานี้ลองคิดดู ทำไมพวกเขาจะต้องไปคิดว่าตัวเองต่ำต้อย? พวกเขาไม่เคยทำเรื่องที่ทรยศต่อฟ้าดินอะไร? ต่อให้ชีวิตคนเรามีชนชั้นมากมาย ขอเพียงพวกเขามีความพยายามไปต่อสู้ คงมีสักวันที่พวกเขาก็สามารถก้าวถึงจุดสูงสุดได้!

“ไม่ยอมรับชะตา!” จ้าวชิวสือถึงกับกำหมัดแน่น พึมพำขึ้นมาว่า “ต่อให้เป็นแค่มดปลวก ก็ต้องแสดงเขี้ยวของตนออกมา!”

คำบอกเล่าเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ทำให้สะท้อนอยู่ภายในใจของนักศึกษาจำนวนไม่น้อย

“ไปเถอะ สวนผลไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างหน้าแล้ว” ขณะที่นักศึกษาเหล่านี้กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ตู้เหวินรุ่ยยิ้มๆ และกล่าวว่า “โอกาสหาได้ยากยิ่ง ทนุถนอมให้ดีล่ะ สามารถเก็บผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้เท่าไร ขึ้นอยู่กับโชควาสนาของตนเองแล้ว”

บรรดานักศึกษาต่างทยอยกันก้าวเดินตามให้ทัน และเข้าไปในสวนผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อได้สติกลับมา

ในเวลานี้ พวกจ้าวชิวสือต่างรู้สึกว่าเหมือนหลี่ชิเย่เปลี่ยนไป ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นพวกเขาก็บอกไม่ถูก แต่ว่า พวกเขารู้สึกว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้เหมือนแรกทีเดียวในจินตนาการว่าเป็นคนที่ทำอะไรไม่คิด

……………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *