Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2828 ค่ายกลเสือดาวเหล็ก

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2828 ค่ายกลเสือดาวเหล็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2828 ค่ายกลเสือดาวเหล็ก

เสือดาวเหล็กที่ตัวสูงดั่งภูเขาตัวหนึ่ง เมื่อมันก้าวขาออกไปก็จะได้ยินเสียงดังตูม ตูม ตูมขึ้นมา ร่างกายที่มีขนาดยักษ์ของมันพลันชนภูเขาจำนวนไม่น้อยพังถล่มลงมา เห็นเพียงมันยกเท้าขึ้นมาก็จะได้ยินเสียงแตกหักที่ดังคร๊ากกกขึ้นมา ต้นไม้และหินผาที่อยู่ใต้เท้าของมันพลันถูกเหยียบจนแตกละเอียด

ขณะที่มันสะบัดหางได้ยินเสียงดังผับ ผับ ผับดังขึ้น เสมือนดั่งเป็นเส้เหล็กที่พลันฟาดใส่หินผาจนแตกละเอียด และผ่าพื้นพสุธาจนแยกออกจากกัน

นักศึกษาที่ดูชมอยู่ในที่ที่ห่างไกลถึงกับตื่นตระหนกเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว พวกเขาต่างทยอยกันถอยหลังเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองต้องพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย

“ค่ายกลเสือดาวเหล็ก!” มีนักศึกษาที่ร้องเสียงหลงขึ้นมา เมื่อมองเห็นเสือดาวขนาดยักษ์ที่อยูตรงหน้า รู้สึกหวาดผวาและร้องกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “นี่เป็นค่ายกลเสือดาวเหล็กที่สร้างขึ้นโดยราชันหญิงจื่อหลง”

“ค่ายกลเสือดาวเหล็กนี้ยังนับว่าจัดอยู่ในระดับเริ่มต้น” นักศึกษาสถาบันสู่กวงพายัพผู้หนึ่งได้กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “ได้ยินมาว่า ราชันหญิงจื่อหลงเคยสร้างค่ายกลสัตว์ขึ้นมาค่ายกลหนึ่ง ค่ายกลดังกล่าวมีอานุภาพที่ยอดเยี่ยมยากจะหาใดเทียม เสมือนหนึ่งสัตว์เทพที่แท้จริงมาด้วยตนเองอย่างนั้น กระทั่งมีผู้กล่าวว่า ค่ายกลดังกล่าวสามารถสังหารราชันแท้จริงได้”

“นับว่าราชันหญิงจื่อหลงมีความยอดเยี่ยมจริงๆ นะเนี่ย มิน่าเล่านางถึงได้ก่อตั้งกองทัพสัตว์เทพเทียบหรงขึ้น และดึงเอายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ไม่ใช่คนของตำหนักมังกรแท้จริงมาเป็นจำนวนมาก ดูท่าราชันหญิงจื่อหลงมีปณิธานยิ่งใหญ่ที่หมางเมินต่อใต้หล้านะเนี่ย” แม้แต่นักศึกษาที่มีกำลังกล้าแข็งก็รู้สึกหวาดเสียว เมื่อมองเห็นเสือดาวเหล็กขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้

ราชันหญิงจื่อหลงแค่ก่อตั้งค่ายกลใหญ่ขึ้นมาสักค่ายกลตามอารมณ์ก็มีอานุภาพที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ลองนึกภาพดู ถ้าหาราชันหญิงจื่อหลงนางออกโรงด้วยตนเองล่ะก็ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น

“ค่ายกลเสือดาวเหล็กไม่เพียงเป็นค่ายกลขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ก็เป็นค่ายกลสัตว์อีกด้วย” นักศึกษาที่เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลผู้หนึ่งกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “ค่ายกลนี้ไม่เพียงหลอมรวมเอาพลังของพวกอู๋เคอเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังได้หลอมรวมพลังพาหนะที่เป็นสัตว์ประหลาดของพวกเขาอีกด้วย สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นการหลอมรวมพลังที่สมบูรณ์แบบระหว่างคนและสัตว์ และสามารถสำแดงอานุภาพที่แข็งแกร่งมากขึ้นมา ตามความเห็นของข้า ค่ายกลเสือดาวเหล็กเช่นนี้ท้าสู้กับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่เก้าได้ไม่มีปัญหา”

“สามารถต้านหนึ่งกระบี่ล้างบาปได้หรือไม่?” มีนักศึกษารุ่นน้องกลั่นลมหายใจ มองดูเสือดาวเหล็กที่สูงใหญ่ปราศจากผู้เทียบเทียมตรงหน้า

นักศึกษาที่มีทักษะยุทธแข็งแกร่งก็มองดูเสือดาวเหล็กตัวนี้ด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เรื่องนี้พูดยาก ลำพังอาศัยนักศึกษาคนหนึ่งของสถาบันศึกษาล้างบาปเกรงว่าไม่สามารถสำแดงพลานุภาพของอาวุธปฐมบรรพบุรุษเล่มหนึ่งได้ เกรงว่าเขาไม่สามารถขับเคลื่อนอาวุธปฐมบรรพบุรุษได้กระมัง”

แม้ว่าอาวุธปฐมบรรพบุรุษนั้นจะมีความแข็งแกร่งยิ่ง แต่ว่า ใช่ว่าใครคนหนึ่งก็สามารถขับเคลื่อนมันได้อยู่แล้ว หากไม่มีกำลังความสามารถที่เพียงพอก็จะไม่สามารถควบคุมขับเคลื่อนอาวุธปฐมบรรพบุรุษได้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไปสำแดงอานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรของอาวุธปฐมบรรพบุรุษเล่มหนึ่งอยู่แล้ว

ในสายตาของนักศึกษาอื่นๆ มองว่า เฉกเช่นหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงนักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปคนหนึ่ง ต่อให้มีความโดดเด่นยอดเยี่ยมมากกว่านี้ ทักษะยุทธก็มีจำกัด ไม่สามารถขับเคลื่อนกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ได้อยู่แล้ว

“ต้องดูที่กระบี่ล้างบาปเล่มนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ถึงระดับไหนกันแล้ว ถ้าหากมันมีความศักดิ์สิทธิ์จริงล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องไปขับเคลื่อน ควบคุม ตัวของมันเองก็สามารถสำแดงอานุภาพที่แข็งแกร่งได้ กระทั่งหนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันออกไปก็มีอานุภาพของปฐมบรรพบุรุษ” นักศึกษาอีกคนที่มีความอาวุโสมองดูกระบี่ล้างบาปแล้วอิจฉายิ่งนัก

จะอย่างไรเสียอาวุธปฐมบรรพบุรุษที่มีความศักดิ์สิทธิ์ย่อมมีค่ายิ่งกว่าอาวุธปฐมบรรพบุรุษทั่วไป และทรงพลังยิ่งกว่า

“ก็ใช่” นักศึกษาที่มีกำลังความสามารถสูงก็รู้สึกว่ามีเหตุผล “ถ้าหากว่ากระบี่ล้างบาปเล่มนี้เชื่อมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแท้จริง มันยังจะปกป้องนาย สามารรถต่อต้านศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่ง ต่อต้านอาวุธที่ทรงพลังยิ่ง”

“หนังดีกำลังจะเริ่มแล้ว” ไม่ว่าใครชนะหรือแพ้ บรรดานักศึกษาที่เฝ้าดูต่างลืมตาเต็มที่ เหมือนเกรงว่าจะพลาดรายละเอียดใดๆ ไปอย่างนั้น กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว สามารถมองเห็นอานุภาพของอาวุธปฐมบรรพบุรุษก็นับเป็นบุญตาอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง

“พี่อู๋ สู้ๆ ต้านรับกระบี่นี้ไว้ได้ กระบี่ล้างบาปก็เป็นของท่านแล้ว” จางติงยวี่ที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงดังขึ้นมา

ไม่ว่าจะเป็นอู่เคอ หรือว่าจางติงยวี่ พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จิตใจของตนจะตรงไปตรงมา และมีความสง่างาม ลองถามดูใครบ้างที่ในใจไม่มีความคิดชั่วร้ายเล่า? เว้นแต่เป็นปราชญ์ที่แท้จริง

ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาสามารถฝากฝังได้ก็คือ อาศัยกำลังความสามารถของตนให้รับมือกับกระบี่ล้างบาปเอาไว้ได้

“เริ่มได้…” เวลานี้ เสือดาวเหล็กอ้าปาก เสียงที่ออกมาเสมือนดั่งเป็นแผ่นเหล็กสองแผ่นที่เสียดสีกันอย่างนั้น เป็นเสียงที่ไม่น่าฟังอย่างยิ่ง ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง อีกทั้งเสียงที่ไม่น่าฟังนี้ยังเปี่ยมด้วยการฆ่าฟัน

“เช่นนั้นก็ดี เริ่มได้ สมควรแก่เวลาที่พวกเจ้าต้องเผชิญกับความสว่างได้แล้ว” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มขึ้นมา และกล่าวว่า “ปล่อยให้รัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคก็แล้วกัน ขับไล่ความชั่วร้าย ทำให้ความมืดบริสุทธิ์”

แวงค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ กระบี่ล้างบาปทั้งเล่มพลันพวยพุ่งประกายที่ต่อเนื่องออกมา ประกายทุกๆ สายก็เหมือนดั่งเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้น สว่างไสวศักดิ์สิทธิ์และมีสูงสุด

อีกทั้งขณะกระบี่ล้างบาปพวยพุ่งแสงสว่างออกมานั้นเหมือนไม่มีการหยุดนิ่ง เป็นการพวยพุ่งขึ้นมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จากการที่ประกายศักดิ์สิทธิ์นี้พวยพุ่งขึ้นมา เสมือนดั่งเป็นคลื่นที่โหมสาดซัดอย่างนั้น เสมือนดั่งกลายเป็นทะเลแสงสว่าง ด้วยพลังกระเพื่อมของแสงสว่างที่แข็งแกร่งนี้ พลันสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ไกลออกไปกว่านี้ ในเวลานี้ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ห่างไกลทยอยกันมองมาทางด้านนี้

“พลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาลยิ่ง” แม้แต่นักศึกษาที่อยู่ห่างไกลออกไปมาก ก็รับรู้ได้ถึงพลังแสงสว่างที่เสมือนดั่งมหาสมุทร

สำหรับบรรดานักศึกษาที่ดูชมอยู่ในเหตุการณ์ไม่ต้องพูดถึง ล้วนแล้วแต่ถูกทำให้ตกใจยิ่งนัก พลังแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ไพศาลเหมือนมีอยู่ทุกที่ พวกเขาทุกคนต่างถูกพลังที่ยิ่งใหญ่ไพศาลปกคลุมเอาไว้ พวกเขารู้สึกว่าตนเองนั้นเสมือนหนึ่งเป็นเมล็ดข้าวฟ่างเมล็ดหนึ่งท่ามกลางมหาสมุทรแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ไพศาล ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง

“ปฐมบรรพบุรุษมาถึงรึ?” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยต่างหวาดหวั่นพรั่นพรึง กระทั่งมีนักศึกษาไม่อาจไม่หมอบกราบกับพื้น ไม่สามารถรับได้กับพลังแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ไพศาลนี้ได้อยู่แล้ว

ตึง…เสียงกระบี่คำรามสะเทือนเก้าชั้นฟ้าดังขึ้นเสียงหนึ่ง จังหวะที่ทุกคนหวั่นไหวกับพลังแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตอยู่นั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง เหมือนว่าพลังแสงสว่างทั้งหมดพลันหดรวมเข้าด้วยกัน

คล้ายมหาสมุทรแสงสว่างทั้งผืนพลันไปรวมตัวกันอยู่กับกระบี่ล้างบาปอย่างนั้น และกระบี่ล้างบาปพลันกลืนกินแสงสว่างเข้าไปทั้งหมด แล้วเปล่งประกายกระบี่ออกมาเป็นสายๆ

ขณะที่ประกายกระบี่เป็นสายๆ ที่เปล่งออกมานั้น ดุจดั่งเป็นเส้นไหมทองแต่ละสายอย่างนั้น โดยที่ประกายกระบี่แต่ละสายล้วนแล้วแต่รวบรวมพลังแสงสว่างที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้

ทุกคนต่างรู้สึกสั่นเทาขึ้นในใจเมื่อมองเห็นประกายกระบี่แต่ละสายที่วูบวาบขึ้นมา แม้ว่าประกายกระบี่แต่ละสายไม่ได้แผ่พลังกระบี่ที่เกิดจากการร่ายรำกระบี่ด้วยควาเร็วสูงที่ดั่งคลื่นยักษ์ และไม่ได้แผ่กลิ่นอายฆ่าฟันที่ไร้ความปราณี แต่ กลับทำให้ผู้คนอดที่จะสั่นเทาไม่ได้ เนื่องจากภายใต้ประกายกระบี่แต่ละสาย ไม่ว่าเจ้าจะดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งเช่นใดก็ต้องถูกประกายกระบี่นี้ตรึงสังหารอย่างนั้น

แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง เห็นเพียงประกายกระบี่สายหนึ่งที่ยิงออกไป และพุ่งตรงไปยังจางติงยวี่

“มันเกี่ยวอะไรกับข้า…” เมื่อจางติงยวี่เห็นประกายกระบี่สายหนึ่งที่ยิ่งเข้ามาหา ถึงกับตกใจอย่างยิ่ง หันหลังออกวิ่งหนีไปทันที ร้องเสียงแหลมขึ้นมาว่า “ข้า ข้าไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะพิสูจน์เรื่องความสว่าง!”

ในเวลานี้ จางติงยวี่ได้วิ่งสุดแรงเกิดแล้ว โดยอาศัยความเร็วสูงสุดเพื่อหนีไปให้พ้น แต่ว่า ยังคงไม่สามารถหลบหลีกพ้นไปจากประกายกระบี่สายนี้ไปได้ ความเร็วของเขารวดเร็วยิ่ง แต่ประกายกระบี่เร็วยิ่งกว่า

“ไม่…” จางติงยวี่หวาดผวายิ่ง ได้อาศัยของวิเศษปกป้องกายาทันที แต่ แม้ว่าจะอาศัยของวิเศษเหล่านั้นมาคุ้มกายก็ไร้ประโยชน์ ภายใต้ประกายกระบี่นี้ประดุจดั่งฟันเต้าหู้ทะลุผ่านของวิเศษเหล่านั้น และยิงเข้าไปในร่างของจางติงยวี่ในทันที

ในเวลานี้ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น มองเห็นประกายศักดิ์สิทธิ์สายแล้วสายเล่าที่มุดออกมาจากร่างกายของจางติงยวี่ ขณะที่ประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายเบ่งบานอยู่ภายในร่างกายของเขานั้น เสมือนดั่งต้องการดันให้ร่างกายของเขาระเบิดแตกออกอย่างนั้น

อ๊ากกก…สุดท้าย จางติงยวี่ร้องเสียงแหลมขึ้นมาเสียงหนึ่ง ได้ยินเสียงดังปุ เห็นร่างทั้งร่างของจางติงยวี่เกิดระเบิดขึ้น ทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วน และกลับกลายเป็นอนุภาคแสงนับไม่ถ้วนปลิวกระจายและโปรยปรายลงผืนแผ่นดิน ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อยนิด เหมือนว่าเขาไม่เคยได้ปรากฏตัวบนโลกนี้อย่างนั้น

“นี่คือการทำให้บริสุทธิ์อย่างนั้นรึ?” มีนักศึกษาถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึง เมื่อมองเห็นจางติงยวี่กลายเป็นอนุภาคแสง ปลิวกระจายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้

“ฆ่า…” เสือดาวเหล็กร้องเสียงดังขึ้นมาเมื่อมองเห็นภาพนี้ ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง มองเห็นเสือดาวเหล็กได้เผยให้เห็นถึงเล็บที่แหลมคมอย่างยิ่ง คล้ายเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเล่มที่ส่งประกายเยือกเย็นแวบวับ สะกดวิญญาณผู้คน

ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น เสือดาวเหล็กได้อาศัยฝ่ามือตะปบเข้าหาหลี่ชิเย่ มันคิดว่าชิงลงมือก่อนได้เปรียบ ขอเพียงตะปบหลี่ชิเย่ให้ตายกระบี่ล้างบาปก็จะกลายเป็นสิ่งที่ปราศจากเจ้าของ และกลายเป็นของๆ พวกเขา

ท่ามกลางเสียงปังเสียงนี้ หนึ่งฝ่ามือเหล็กที่ตะปบลงมานั้นมากด้วยอานุภาพ ภายใต้หนึ่งฝ่ามือสามารถตะปบจนภูเขาแต่ละลูกแตกละเอียดโดยพลัน

หลี่ชิเย่ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อยเมื่อต้องเผชิญกับหนึ่งฝ่ามือที่ตะปบลงมา ได้ยินเสียงตึงของ ’กระบี่ล้างบาป’ ที่ดังขึ้น หลี่ชิเย่ไม่จำเป็นต้องลงมือ กระบี่ล้างบาปได้เงื้อขึ้นมาและฟันลมาตรงๆ

การฟันลงมาตรงๆ ของกระบี่ล้างบาปนั้น ได้ลากประกายไฟเป็นหางที่ยาวมากๆ ด้านหลัง แลดูอลังการยิ่งนัก ประกายไฟที่ลากเป็นหางยาวพลันส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน คล้ายเกิดการเผาไหม้บนท้องฟ้าจนทิ้งเป็นร่องรอยที่ไม่สามารถลบเลือนไปได้

เสียงตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น สะเก็ดไฟแตกกระจาย หนึ่งกระบี่ล้างบาปที่ฟาดฟันลงมาไม่มีลังเล หนึ่งกระบี่นี้ไม่เพียงฟันฝ่ามือเหล็กของเสือดาวเหล็กที่ตะปบลงมาจนขาด ทั้งยังผ่าเสือดาวเหล็กออกเป็นสองซีก

อ๊ากกก…อ๊ากกก…อ๊ากกกเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นเป็นระลอก ในพริบตาเดียวนั่นเอง สมาชิกทั้งหมดของกองทัพสัตว์เทพเทียนหรงที่อยู่ในค่ายกลล้วนแล้วแต่ถูกฟันโดยกระบี่ล้างบาป ประกายแต่ละสายพลันมุดเข้าไปภายในร่างกายของพวกเขา

ได้ยินเสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง ร่างกายของพวกเขาล้วนแล้วแต่ระเบิดขึ้นในพริบตาเดียว ในเวลานี้บนท้องฟ้าปรากฎอนุภาคแสงที่ปลิวกระจายอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ดุจดั่งเป็นเศษชิ้นส่วนของดวงดาวที่ร่วงหล่นลงมาจากบนฟ้าอย่างนั้น มีความงดงามยิ่ง คล้ายอยู่ในความฝันอย่างนั้น

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่สะเทือนหวั่นไหวกับสิ่งนี้ เมื่อมองเห็นอนุภาคแสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปลิวกระจัดกระจาย เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นวิธีการตายเช่นนี้ ปราศจากโลหิต ไร้เศษชิ้นส่วนของร่างกาย ขณะถูกฟันและเสียชีวิตนั้น ทั้งหมดได้กลายเป็นอนุภาคแสง ครั้นอนุภาคแสงทั้งหมดปลิวกระจายออกไปก็ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้อีกเลย เหมือนว่าบุคคลผู้นี้ไม่เคยได้ปรากฎตัวบนโลกมาก่อนอย่างนั้น

“น่าสยองขวัญเหลือเกิน” มีนักศึกษาที่เหม่อมองการปลิวกระจายไปของอนุภาคแสงแล้ว ถึงกับรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง และพึมพำขึ้นมาว่า “นี่หรือคือการทำให้บริสุทธิ์?”

…………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *