Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2835 ไม่เคยได้ยิน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2835 ไม่เคยได้ยิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2835 ไม่เคยได้ยิน

ในเวลานี้ นักศึกษาจำนวนไม่น้อยได้ล้อมวงเข้ามาอย่างช้าๆ ทุกคนต่างจ้องเขม็งไปที่ของล้ำค่ากระบือที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่

ไม่ว่าใครล้วนแล้วแต่ดูออกว่าควายดำยักษ์นั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความยอดเยี่ยมและฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งตัวหนึ่ง แล้วของล้ำค่ากระบือของมันจะมีค่าเท่าไร? ยิ่งไปกว่านั้น มันคือของล้ำค่ากระบือที่กลายมาจากข้าวเปลือกของรวงข้าวทองคำเก้าเกสร ซึ่งนับเป็นของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้เลยนะเนี่ย

ในเวลานี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด และอูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง แม้ว่าทุกคนต่างก็จ้องมองดูของล้ำค่ากระบือที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่อยู่ และทุกคนต่างอยากได้ของล้ำค่ากระบือชิ้นนี้มากทีเดียว แต่ว่า ไม่มีผู้ใดยินดีลงมือเข้าแย่งชิงของล้ำค่ากระบือชิ้นนี้เป็นคนแรก จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าใครก็ตามต่างไม่ยอมเป็นผู้ต้องถูกคนอื่นก่นด่า และไม่ยินดีถูกคนอื่นนำเรื่องนี้มาวิพากวิจารณ์ลับหลัง ภายใต้สายตาของผู้คนจำนวนมาก

“เพื่อน ของล้ำค่ากระบือชิ้นนี้ขายหรือไม่?” ในที่สุดก็มีนักศึกษาคนหนึ่งนึกขึ้นมาได้ จึงกล่าวทักทายหลี่ชิเย่ออกไป

ในเมื่อไม่สะดวกในการแย่งชิงของล้ำค่ากระบือภายใต้สายตาผู้คนจำนวนมาก เช่นนั้นแล้วขอซื้อต่อจากหลี่ชิเย่ก็แล้วกัน ไหนๆ ต่างคนต่างยินดีย่อมใช้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น นักศึกษาผู้นี้ยังได้ดีดลูกคิดเอาไว้แล้วว่า ไม่แน่นักกับนักศึกษาจากสถาบันศึกษาล้างบาปเฉกเช่นหลี่ชิเย่แค่ให้ผลประโยชน์เขาเล็กน้อย เขาก็ยินดีขายของล้ำค่ากระบือที่อยู่ในมือของตนให้แล้ว

การที่นักศึกษาผู้นี้ออกปากต้องการซื้อของล้ำค่ากระบือในมือของหลี่ชิเย่ พลันทำให้นักศึกษาทุกคนตาสว่างขึ้นมา ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าได้ทำให้นักศึกษาทุกคนมีความคิดใหม่ทันที ใยจะต้องอาศัยการแย่งชิงเล่า ซื้อเอาก็สิ้นเรื่อง ใครให้ราคาสูงกว่าก็จะได้ไป

“อ๋อ เจ้าจะเอาอะไรมาซื้อล่ะ?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มขึ้นมาเหมือนนึกอะไรได้ มองดูนักศึกษาเหล่านั้นที่อยู่ตรงหน้า

“ที่ข้ามียันต์กันภัยอยู่ใบหนึ่ง เรียกได้ว่ามีอภินิหารอย่างยิ่ง มันมีการป้องกันถึงสามชั้น อีกทั้งยังมีคาถาล่องหนหายตัว ถ้าหากเจ้าพบกับอันตรายถึงแก่ชีวิตให้เสกยันต์นี้ขึ้นมา ไม่เพียงสามารถช่วยต้านศัตรูให้กับเจ้าได้ ยังสามารถนำพาให้เจ้าหนีหายไปไกลในพริบตา” นักศึกษาผู้นี้เห็นว่าไปต่อไป จึงรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นทันที ล้วงหยิบเอายันต์แผ่นหนึ่งออกมาทันที

มองเห็นยันต์วิเศษแผ่นนี้มีประกายวิเศษวูบวาบ บนนั้นมีอักขระยันต์ที่แกร่งเหมือนเหล็กพริ้วไหวเสมือนดั่งเงินเขียนไว้บนนั้น

“ใช้ได้นะเนี่ย” หลี่ชิเย่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง และกล่าวพยักหน้าขึ้นมา

“พูดแบบนี้แสดงว่าเจ้ายินดีแลกเปลี่ยนแล้วสิ? ข้าให้ยันต์วิเศษกับเจ้า เจ้าให้ของล้ำค่ากระบือกับข้า” นักศึกษาผู้นี้ดีใจอย่างยิ่ง รีบเดินเข้าไปหา

“ช้าก่อน” นักศึกษาอีกผู้หนึ่งรีบห้ามเอาไว้ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่มีทีท่าหวั่นไหวอย่างนั้น เขาได้เปิดถุงจักรวาลออกมา มองเห็นข้างในมีประกายวิเศษที่ลอยขึ้นมา และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เพื่อน ที่ตรงนี้ของข้ามีผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ห้ารวมหนึ่งร้อยสามสิบสองลูก ทั้งหมดเป็นของเจ้าเพียงแลกกับของล้ำค่ากระบือชิ้นหนึ่ง”

“ไอ้บ้า มือเติบไม่เบานี่” พลันที่เห็นนักศึกษาผู้นี้ต้องการใช้ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ห้าร้อยกว่าลูกแลกกับของล้ำค่ากระบือชิ้นหนึ่ง ทำให้นักศึกษาจำนวนไม่น้อยรู้สึกตกใจ นับว่ามือเติบมากทีเดียว และเป็นการบ่งบอกว่ากำลังความสามารถของนักศึกษาผู้นี้แข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็ต้องเป็นเทพแท้แจริงขั้นอมตะ

สีหน้าของนักศึกษาเมื่อครู่ดูไม่จืดเมื่อถูกนักศึกษาผู้นี้แย่งโอกาสไป แต่ว่าทำอะไรไม่ได้ จะอย่างไรเสียผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ห้าจำนวนร้อยกว่าลูกมีค่ายิ่งกว่ายันต์วิเศษของเขา

อย่าว่าแต่นักศึกษาเหล่านี้เลย เวลานี้พวกจ้าวชิวสือต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ถ้าหากเป็นพวกเขาล่ะก็ พวกเขายินดีที่จะใช้ของล้ำค่ากระบือชิ้นนี้ไปแลกกับผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ถุงนั้น

“ที่ข้ามีผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ห้าจำนวนหนึ่งร้อยสี่สิบเอ็ดลูก และผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สี่จำนวนสี่ร้อยเจ็ดสิบแปดลูก แลกกับของล้ำค่ากระบือชิ้นนั้นของเจ้า” ในเวลานี้เอง มีนักศึกษาอีกผู้หนึ่งได้เปิดถุงจักรวาลออกมา

“ฮึแข่งกันด้วยปริมาณมีประโยชน์อะไร” นักศึกษาที่ถูกเกทับไม่ยอมแพ้ หยิบเอาถุงจักรวาลออกมาอีกใบ กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ที่ตรงนี้ของข้ามีผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดอยู่หกลูก แลกของล้ำค่ากระบือของเจ้า”

ย่อมไม่ต้องสงสัยผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดหกลูกพลันเกทับผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก่อนหน้าลง จะอย่างไรเสีย ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีขั้นสูงกว่าหนึ่งขั้น สามารถเทียบหนึ่งต่อร้อยได้

“ข้าให้ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดแปดลูก” นักศึกษาอีกผู้หนึ่งส่งเสียงฮึเย็นชา และไม่ยอมแพ้เช่นกัน ด้วยการเพิ่มอีกสองลูก เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แล้วเขาได้หยุดนิดหนึ่ง และพูดกับหลี่ชิเย่ว่า “เพื่อนเอ๋ย รวมทั้งผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นสี่เมื่อครู่ทั้งหมดเป็นของเจ้า ขอเพียงมีผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ถือเป็นผลไม้กินทุกวัน ขอเพียงฝึกปรือบ้างสักหน่อย เกรงว่าไม่นานนัก เจ้าก็สามารถกลายเป็นระดับเทพแท้จริงคนหนึ่ง กระทั่งสามารถกลายเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ จะส่งผลให้เจ้าได้รับประโยชน์ไม่มีสิ้นสุดไปชั่วชีวิต อนาคตไร้ขีดจำกัด ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนี้ มูลค่าของมันเกินกว่าของล้ำค่ากระบือที่อยู่ในมือของเจ้าแน่นอน”

เขากำลังยุยงและหลอกล่อหลี่ชิเย่อยู่ จะอย่างไรเสียมูลค่าของของล้ำค่ากระบือชิ้นนี้สูงกว่าผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มากทีเดียว โดยเฉพาะข้าวเปลือกของรวงข้าวทองคำเก้าเกสรในของล้ำค่ากระบือไม่สามารถประเมินค่าได้

“ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์นะเนี่ย” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง เวลานี้ต้นไม้ที่เขานั่งอยู่ก็คือต้นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ และต้นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ยังเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดอีกด้วย หลังจากหัวเราะแล้ว หลี่ชิเย่เคาะไปตามอารมณ์ ได้ยินเสียงตุบดังขึ้นเสียงหนึ่ง ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดที่สุกงอมได้ร่วงหล่นลงมาตามเสียง ตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่กัดกินคำหนึ่งตามอารมณ์ เคี้ยวกินช้าๆ อย่างเอ้อระเหย จากนั้นกล่าวว่า “ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดลงไปกินแล้วรสฝาด ขั้นแปดพอทนกินและกลืนลงคอได้”

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ใบหน้าของนักศึกษาทั้งสองคนนี้แดงก่ำ ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ในขณะนี้ พวกเขาถือเอาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเจ็ดของตนดั่งของล้ำค่า ขณะที่หลี่ชิเย่เคาะไปตามอารมณ์ก็สามารถเคาะเอาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดลงมาได้ พลันทำให้ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาถูกเบียดตกไป พวกเขายังจะสามารถนำเอาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดมาแลกของล้ำค่ากระบือของหลี่ชิเย่ได้อีกรึ?

สำหรับพวกจ้าวชิวสือต่างมองดูหลี่ชิเย่ด้วยความงุนงง พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่ถึงกับสามารถเคาะเอาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดลงมาได้ และยังทำได้ง่ายดายอะไรอย่างนั้น

เมื่อครู่นี้หลี่ชิเย่ไม่เคยลงมือมาโดยตลอด พวกเขายังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่ไม่สามารถเคาะเอาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดลงมาได้เสียอีก

“สามารถเคาะเอาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดลงมาได้ตามอารมณ์ เขามีความแข็งแกร่งเช่นใดกันแน่นะ?” มีนักศึกษาถึงกับซุบซิบด้วยความกังขา เมื่อเห็นหลี่ชิเย่สามารถเคาะเอาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดลงมาได้ตามอารมณ์เช่นนี้

“เกรงว่าคงไม่ใช่กำลังความสามารถของตัวเขาเอง แต่เป็นกระบี่ล้างบาป” มีนักศึกษาที่มีความอาวุโสมองดูกระบี่ล้างบาปที่สะพายอยู่บนหลังของหลี่ชิเย่แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “กระบี่เล่มนี้ได้สั่งสมพลังจรัสที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ หยิบยืมพลังของของมัน และเคาะเอาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดลงมาได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ใช่จะเป็นไปไม่ได้”

ทุกคนต่างก็เข้าใจเมื่อได้ฟังคำพูดของนักศึกษารุ่นพี่ผู้นี้ จะอย่างไรเสีย กระบี่ล้างบาปคือกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มหนึ่ง การที่มันสามารถทำให้ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดตกลงมาได้ก็ไม่นับเป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิดแต่ประการใด

เวลานี้ นักศึกษาสองคนที่ต้องการอาศัยผลไม้ศักดิ์สิทธิ์แลกกับของล้ำค่ากระบือได้แต่ล่าถอยกลับไป จะได้ไม่เป็นที่อับอายแก่ผู้คนต่อไป

“นักศึกษาผู้นี้ ที่ตรงนี้ของข้ามี ‘ม้วนกระดาษวิเศษแปดศักดิ์สิทธิ์ เป็นลายมือของราชันแท้จริงคนหนึ่ง แลกกับของล้ำค่ากระบือของเจ้าจะเป็นไร?” มีนักศึกษาที่มีชาติกำเนิดมาจากสถาบันศึกษามีชื่อเสียงผู้หนึ่งไอแห้งๆ คำหนึ่ง และหยิบเอา‘ม้วนกระดาษวิเศษแปดศักดิ์สิทธิ์ออกมาแผ่นหนึ่ง กลิ่นอายราชันแท้จริงตลบอบอวล ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้ได้ทันทีว่าออกมาจากฝีมือของราชันแท้จริง

“นักศึกษาผู้นี้ สถาบันศึกษาล้างบาปของเรามีเคล็ดวิชาจรัสสิบกว่าเล่ม และล้วนแล้วแต่ปฐมบรรพบุรุษเป็นผู้ทิ้งเอาไว้ให้ ข้าจะเอาม้วนกระดาษของราชันแท้จริงไปทำอะไร?” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทางยิ้มแต้

นักศึกษาผู้นี้พลันรู้สึกใบหน้าที่ร้อนผ่าวเมื่อถูกคำพูดของหลี่ชิเย่ที่ตอกกลับมา ได้แต่หลบเข้าข้างๆ ด้วยใบหน้าที่หมอง

ความจริงแล้วในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์หากคิดจะเอาเคล็ดวิชาหรือเคล็ดลับอะไรมาแลกเปลี่ยนนั้น เกรงว่าคงจะใช้การไม่ได้ เนื่องจากในครั้งนั้นปราชญ์ไกลกันดารได้ทิ้งเคล็ดวิชาจรัสเอาไว้จำนวนไม่น้อย และสถาบันศึกษาทั้งหมดของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์สามารถใช้ร่วมกันได้ ด้วยเหตุนี้เอง แม้แต่สถาบันศึกษาล้างบาปก็มีเคล็ดวิชาจรัสของปฐมบรรพบุรุษในครอบครอง

สิ่งนี้ก็คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดก็ตาม หากมีเคล็ดวิชาของปฐมบรรพบุรุษจะต้องเก็บไว้เป็นความลับและไม่มีการถ่ายทอด กลายเป็นของล้ำค่าประจำสำนัก ขณะที่หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ต่างกัน ทุกๆ สถาบันศึกษาล้วนแล้วแต่มีเคล็ดวิชาจรัสอยู่ในครอบครอง

“ข้าจะใช้สุดยอดของวิเศษชิ้นหนึ่งแลกกับของล้ำค่ากระบือของเจ้าจะว่าอย่างไร?” นักศึกษาผู้หนึ่งได้หยิบเอาระฆังวิเศษขึ้นมาใบหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ไม่สนใจ” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง ตบกระบี่ล้างบาปที่อยู่บนหลังของตน และกล่าวว่า “กระบี่เล่มนี้คือกระบี่ประจำกายของปฐมบรรพบุรุษ มีกระบี่เล่มเดียวก็เพียงพอแล้ว”

ในเวลานี้ได้ทำให้ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกันกับท่าทีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ เวลานี้เหมือนว่าใช้อะไรก็แลกกับของล้ำค่ากระบือของหลี่ชิเย่ไม่ได้ พูดถึงผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เขาไม่ต้องการ พูดถึงเคล็ดวิชาก็ไร้ประโยชน์ พูดถึงของวิเศษดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบได้กับกระบี่ล้างบาป

“ขอคารวะนักศึกษาผู้นี้” ขณะที่นักศึกษาทั้งหมดต่างก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะเอาสิ่งใดมาแลกกับของล้ำค่ากระบืออยู่นั้น นักศึกษาผู้หนึ่งได้ก้าวเดินเข้ามา

นักศึกษาผู้นี้มีอายุมากแล้ว พลันที่มองเห็นก็รู้ว่าอยู่ในวัยกลางคน แน่นอน ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์อย่าว่าแต่ชายวัยกลางคนเลย ต่อให้เป็นผู้เฒ่าที่ไม้ใกล้ฝั่ง ขอเพียงมีเงื่อนไขที่เหมาะสมก็สามารถสมัครเข้าสถาบันศึกษาใดสถาบันหนึ่ง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนหนุ่มเสมอไป

ชายวัยกลางคนผู้ที่มีท่าทางที่ไม่ธรรมดา พลันที่ก้าวเดินออกมาก็ปรากฏเสียงคำรามของเสือ บริเวณหน้าผากของเขามีลวดลายของเสือ และปักคำว่า ‘หวาง’ โดยที่คำว่า ‘หวาง’ ที่เป็นลายเสือนั้นไม่ได้เป็นการปักลงไปทีหลัง แต่เป็นมาแต่กำเนิด

“ราชาพยัคฆ์…” มีผู้ร้องเสียงแผ่วเบาขึ้นมาเมื่อมองเห็นนักศึกษาวัยกลางคนผู้นี้ มีบางคนที่ถึงกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเงียบๆ

ราชาพยัคฆ์ผู้นี้คือเทพแท้จริงขั้นก้าวสู่สวรรค์ชั้นแปด ในบรรดานักศึกษาทั้งหมดของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ กำลังความสามารถของเขาไม่นับว่าสุดยอดที่สุด และก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ที่ทำให้ผู้คนต้องหวั่นเกรงก็คือชาติกำเนิดของเขา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเขา

“นักศึกษาผู้นี้ ผู้คนเรียกข้าว่าราชาพยัคฆ์” นักศึกษาวัยกลางคนแสดงคารวะแบบจีน และพูดกับหลี่ชิเย่ว่า “อาจารย์ของข้าคือราชันแท้จริงจินผู่”

ราชาพยัคฆ์คือปีศาจเสือที่สำเร็จมรรคผล และสมัครเข้าเป็นศิษย์ของราชันแท้จริงจินผู่ กลายเป็นศิษย์ของราชันแท้จริงจินผู่

ดังนั้น ขณะที่เขาแนะนำตนเองนั้น ต่อให้ผู้ที่ไม่รู้จักเขาก็ต้องรู้สึกสั่นเทาในใจ แม้ว่าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของราชาพยัคฆ์ แต่ว่าชื่อเสียงของราชันแท้จริงจินผู่ เกรงว่าทุกคนที่อยู่ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ต้องเคยได้ยินมาก่อน

“ไม่เคยได้ยิน” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย

ท่าทางของราชาพยัคฆ์พลันรู้สึกผะอืดผะอมอยู่บ้าง เขาไอแห้งๆ ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าเป็นเพียงปีศาจตัวเล็กๆ ที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงเท่านั้น เพื่อนนักศึกษาไม่เคยได้ยินก็เป็นเรื่องปรกติ อาจารย์ของข้าราชันแท้จริงจินผู่ขณะบรรลุธรรมที่สถาบันศึกษาสู่กวงพายัพ ก็เคยไปที่สถาบันศึกษาล้างบาป…”

“อาจารย์ของเจ้าข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ราชันแท้จริงจินผู่ ราชันแท้จริงอิ๋นผู่อะไรนั่น ไม่รู้จัก” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมาได้ทำให้ฮือฮาขึ้นทันที ทุกคนต่างจ้องมองที่หลี่ชิเย่ มีผู้กล่าวว่า “เจ้าหนูนี้หมายความว่าอะไร”

ราชันแท้จริงจินผู่ ราชันแท้จริงแปดลัคนา อย่าว่าแต่ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์เลย แม้แต่ทอดสายตาไปทั่วทั้งแดนลัทธิเซียนก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่ง

……………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *