Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2864 คลังสมบัติกระดูกขาว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2864 คลังสมบัติกระดูกขาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2864 คลังสมบัติกระดูกขาว

สถานที่แห่งนี้คือโลกของกระดูกขาว ขอเพียงที่ที่มองเห็นได้ก็สามารถมองเห็นกระดูกขาว เหมือนว่าการมาอยู่ ณ ที่ตรงนี้ เว้นแต่กระดูกขาวแล้วก็จะไม่มีสิ่งอื่นใดอีกเลย

อย่างไรก็ตาม ในโลกของกระดูกขาวนี่ กระดูกขาวทุกๆ โครงล้วนแล้วแต่มีขนาดที่ใหญ่โตมาก ถ้าหากจะมีกระดูกขาวสักโครงมีขนาดเท่าภูเขาลูกหนึ่งล่ะก็ เมื่ออยู่ในโลกของกระดูกขาวแล้ว บอกได้แต่เพียงว่าเป็นแค่จุดเล็กๆ จุดหนึ่งเท่านั้น

โลกแห่งกระดูกขาวเช่นนี้ มีจำนวนกระดูกขาวนับไม่ถ้วนที่ทอดยาวไปนับพันนับหมื่นลี้ เมื่อมองเห็นโครงกระดูกขนาดยักษ์เช่นนี้แล้ว ย่อมสามารถจินตนาการได้อย่างสิ้นเชิงว่า บรรดาสิ่งมีชีวิตสัตว์ยักษ์เหล่านี้ขณะมีชีวิตอยู่นั้นใหญ่โตมโหฬารขนาดไหน เป็นสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตเพียงใด

ก่อนหน้านี้ พวกของจ้าวชิวสือได้เคยเห็นสัตว์ยักษ์เหล่านี้ในสวนดึกดำบรรพ์มาแล้ว บรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่โบราณเหล่านั้น แต่ว่า เมื่อเทียบกับกระดูกขาวที่อยู่ตรงหน้า บรรดาสัตว์ยักษ์ในสวนดึกดำบรรพ์ดูเหมือนจะเล็กไปนิดหนึ่ง

แค่โครงกระดูกที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารก็สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนมากเหลือเกิน ขณะที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือโครงกระดูกจำนวนนับพันนับหมื่นชิ้น ช่างมีความอลังการเพียงใด และสร้างความสะเทือนหวั่นไหวจิตใจผู้คนเช่นใดเล่า

นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปไม่เคยพบเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ไม่เคยได้เห็นภาพที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวได้เพียงนี้ กล่าวได้ว่า พวกเขาต่างถูกทำให้ตกใจเมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้านี้

ในเวลานี้นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปถึงกับอ้าปากค้าง ไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้เป็นเวลานาน

นี่ นี่ นี่คือสถานที่อะไร หลังจากผ่านไปนานมากแล้ว มีนักศึกษาได้สติกลับมารู้สึกเสียวและถึงกับร่างสั่นเทา ยิ่งนักศึกษาที่ใจเสาะถึงกับทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น

หลี่ชิเย่กลับไม่ได้พูดอะไรขณะมองดูกระดูกขาวที่อยู่ตรงหน้า สายตาดูลึกล้ำยิ่งนัก เหมือนว่าสามารถมองทะลุผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง

“สถานที่อะไร?” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ที่ตรงนี้ยังจะเป็นที่ไหนได้ ย่อมต้องเป็นสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์น่ะสิ ที่ตรงนี้ย่อมเป็นที่พักพิงสุดท้ายของบรรพาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

“เจ้า เจ้าหมายความว่า สัตว์ขนาดยักษ์ของสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่มาตายอยู่ที่ตรงนี้รึ? ก่อนที่พวกมันจะตายก็จะเดินเข้ามาอยู่ในนี้รึ?” นักศึกษาอีกผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา

“แหะแหะไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “เจ้าดูนี่สิ มีโครงกระดูกของพวกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็กหรือไม่? ประเภทหมูป่า แรดอะไรทำนองนั้น พวกมันมาตายอยู่ที่นี่หรือไม่?”

พวกจ้าวชิวสือมองไปรอบๆ เป็นจริงดังว่าที่ตรงนี้ไม่ได้มีโครงกระดูกของหมูป่า หรือแรด เมื่อทอดสายตามองออกไป กระดูกที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารล้วนแล้วแต่เป็นโครงกระดูกขนาดใหญ่ทั้งสิ้น

“นี่เขาเรียกว่าเมื่อผลสุกงอมขั้วย่อมจะหลุด” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะว่า “ใช่ว่าใครก็มีสิทธิ์มาตายอยู่ที่ตรงนี้ เหมือนพวกเจ้าไปจับปลาในบ่อปลาอย่างนั้น เจ้าจะจับปลาตัวเล็กมารึ? แน่นอนต้องเป็นปลาตัวใหญ่จึงจะจับมาตุ๋นกิน”

“เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” มีนักศึกษาที่ไม่เชื่อ และกล่าวว่า “สัตว์ขนาดยักษ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งมากขณะมีชีวิตอยู่ ใครสามารถจับพวกมันมาตุ๋นกินได้”

“แหะข้าแค่เปรียบเทียบเท่านั้นเอง แต่ว่าก็ใกล้เคียง” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ

“พวกเขายังไม่ถึงระดับความสูงเช่นนั้น เจ้าไม่ต้องไปขู่พวกเขาให้ตกใจกลัว” หลี่ชิเย่ละสายตากลับมา ส่ายหัวและยิ้มกล่าวขึ้นมา

เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ยักไหล่และกล่าวว่า “กระบือสุดหล่ออย่างข้าเพียงต้องการบอกพวกเขาว่า ใจคนน่ากลัวและอันตราย โลกนี้ไม่มีพระเจ้าช่วยโลก แหะดังนั้นจึงให้พวกเขาได้เรียนรู้ก่อน”

บรรดานักศึกษาอย่างจ้าวชิวสือต่างมองตากันและกัน พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

จะอย่างไรเสีย การที่สถานที่ตรงนี้ปรากฏโลกของกระดูกขาวขึ้นมา ทำให้ภายในใจของพวกเขารู้สึกแปลกๆชอบกล จะอย่างไรเสีย หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาคือสถานที่ที่รัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค โปรดเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกัน เป็นสวนสนุกของสิ่งมีชีวิตทั่วฟ้าดิน เวลานี้ที่ตรงนี้ปรากฏโลกของกระดูกขาวที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ ทำให้ภายในใจของพวกเขามีอะไรที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง

หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าไปตามอารมณ์ เพียงแต่ จ้องมองดูท้องฟ้าเป็นระยะๆ เท่านั้นเอง

“ดูสิ รีบมาดูกัน ข้าเก็บมุกวิเศษได้เม็ดหนึ่ง” ในเวลานี้เอง นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปก็ติดตามอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่ พวกเขาเดินไปพลาง เที่ยวเล่นไปพลาง ในเวลานี้ มีนักศึกษาผู้หนึ่งเก็บมุกวิเศษจากซอกกระดูกขาวมาได้เม็ดหนึ่ง

มุกวิเศษเม็ดนี้มีขนาดพอๆ กับกำปั้นของผู้ใหญ่ มันเปล่งประกายสีแดงเพลิงออกมา หลังจากที่นักศึกษาผู้นี้เก็บมุกวิเศษเม็ดนี้ได้แล้ว ได้บอกต่อเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ ด้วยความดีใจอย่างยิ่ง

หลี่ชิเย่เพียงมองดูแวบหนึ่ง มองดูโครงกระดูกที่มีขนาดเขื่องและยาวมากโครงนั้น และกล่าวว่า “นี่คืองูเกล็ดไฟ ขณะที่มีชีวิตอยู่ก็นับเป็นพันธุ์ประหลาด เมื่อเข้ามาอยู่ในนี้แล้ว ได้รับแสงสว่าง ได้บำเพ็ญเพียร จึงบังเกิดเป็นมุกขึ้นที่กระดูกสันหลัง เจ้าสามารถพลิกกระดูกสันหลังข้อที่สิบแปดถึงสามสิบหก จะได้พบมุกวิเศษชนิดนี้จำนวนไม่น้อยทีเดียว”

“จริงหรือ?” นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างตื่นเต้นดีใจขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ต่างทยอยกันวิ่งเข้าไป พวกเขาต่างร่วมแรงร่วมใจกันขนย้ายกระดูกขาวแต่ละชิ้นที่มีขนาดใหญ่กว่าภูเขาเสียอีก

“ว้าวจริงด้วย มุกวิเศษมากเหลือเกิน” เมื่อนักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปได้ยกเอากระดูกท่อนหนึ่งออกไปแล้ว พลันปรากฏประกายไฟที่เต้นวูบวาบ เป็นความจริงที่ข้างใต้ของกระดูกท่อนนั้นเต็มไปด้วยมุกวิเศษสีแดงเพลิง

“พวกเราพลิกขึ้นมาให้หมด” ในเวลานี้นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างรู้สึกตื่นเต้นดีใจ ทำตามคำพูดของหลี่ชิเย่ ทยอยกันเคลื่อนย้ายกระดูกข้อเหล่านี้ ในขณะนี้เอง บรรดากระดูกข้อเหล่านี้ได้เผยประกายแสงออกมา มุกวิเศษได้ปรากฏตรงหน้าพวกเขาเต็มไปหมด

“รวยแล้ว” ในเวลานี้ นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปได้หยิบเอามุกวิเศษเหล่านี้ขึ้นมาทั้งหมด พวกเขาต่างยิ้มหน้าบานกันเลยทีเดียว

ครั้นนักศึกษาเหล่านี้ได้หยิบเอามุกวิเศษเหล่านี้ขึ้นมาได้ทั้งหมดแล้ว ได้นำไปมอบให้กับหลี่ชิเย่ จะอย่างไรเสีย เป็นเพราะได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่พวกเขาจึงสามารถค้นพบ จึงไม่กล้าเก็บเอาไว้เอง

“พวกเจ้าเอาไปแบ่งๆ กันก็แล้วกัน มุกเพลิงโลกันตร์สามารถขจัดพิษจากกไอเย็น เอาไว้ป้องกันตัวน่ะดีมากทีเดียว” หลี่ชิเย่เพียงมองดูแวบหนึ่งไม่ได้รับเอาไว้ ตบรางวัลให้พวกเขาไป

ของวิเศษเช่นนี้กล่าวสำหรับนักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปแล้ว มันคือของวิเศษที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง แต่ว่ากล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ไม่ได้ต่างอะไรกับทรายหรือกรวดสักเท่าไร

นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างร้องออกมาด้วยความดีใจ พวกเขาได้นำมุกวิเศษมาแบ่งๆ กันไป

“แหะแหะแหะกระบือสุดหล่ออย่างข้าไม่ได้โกหกพวกเจ้า ข้าบอกว่าพาพวกเจ้ามาหาของวิเศษ ก็สามารถหาของวิเศษได้มากมายแล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวและหัวเราะแหะแหะ

นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปเวลานี้ก็รู้สึกว่าคำพูดของกระบือดำขนาดใหญ่ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง และเขาไม่ได้หลอกพวกเขาจริงๆ

“เห็นเสือดาวเหล็กเหิงซานตัวนั้นหรือไม่?” หลังจากที่นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปได้แบ่งมุกวิเศษด้วยความตื่นเต้นดีใจไปแล้วนั้น หลี่ชิเย่หัวเราะและชี้ไปที่โครงกระดูกขนาดยักษ์ที่อยู่ห่างไกล และกล่าวว่า “ไปจัดการแกะกระดูกหางของมันลงมาแล้วผ่าออก ภายในไขกระดูกคือโลหะแท้จริง นับเป็นวัตถุดิบที่เหมาะสำหรับสร้างอาวุธ”

พวกนักศึกษาต่างส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่

“พวกเจ้าก็สามารถค้นหาด้วยตัวเอง ของดีที่นี่จะอยู่เหนือจินตนาการของพวกเจ้า สามารถได้รับของดีเช่นใดก็ต้องขึ้นอยู่กับโอกาสและวาสนาของตัวเองแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย

พวกนักศึกษาต่างวิ่งเข้าไป ยกเอากระดูกท่อนหางลงมาและผ่าออก เป็นความจริงที่ไขกระดูกภายในได้กลับกลายเป็นโลหะแท้จริงแล้วจริงๆ เป็นแท่งเหล็กแต่ละแท่ง และดูล้ำค่ายิ่งนัก

ในขณะนี้ บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างตื่นเต้นดีใจสุดจะเปรียบเปรย พวกเขาต่างยุ่งวุ่นวายจนคล้ายเป็นมดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง พวกเขาวิ่งไปมาระหว่างโครงกระดูกชนาดใหญ่โตมโหฬาร เพื่อตามหาของดีที่โครงกระดูกทุกๆ โครงได้ทิ้งเอาไว้

สมควรทราบว่า บรรดาโครงกระดูกเหล่านี้ขณะมีชีวิตอยู่ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์ขนาดยักษ์ที่แข็งแกร่งยากจะหาใดเทียม หลังจากที่พวกมันตายแล้ว แม้ว่าลมปราณและพลังแก่นล้วนแล้วแต่จางหายไปแล้วก็ตาม แต่ว่า ยังคงเหลือทิ้งของล้ำค่าบางส่วนเอาไว้

“ดูนี่ ดูนี่สิ พวกเจ้ามาดูสิ ฟันซี่นี้เป็นอย่างไรบ้าง…” มีนักศึกษาได้ค้นพบฟันซี่หนึ่งจากโครงกระดูก เสมือนดั่งเป็นดาบยาวอย่างนั้น มีประกายเย็นยะเยือกที่เต้นวูบวาบขึ้นมา

“ไม่เลว มันเป็นฟันของจระเข้ต้วนสุ่ยเอ้อ แกร่งและแหลมคมยิ่ง” หลี่ชิเย่กล่าววิจารณ์

“ข้าเก็บกระดูกอ่อนได้ชิ้นหนึ่ง” มีนักศึกษาค้นพบกระดูกสีขาวที่เรียบดั่งหยกท่ามกลางโครงกระดูกมาชิ้นหนึ่ง ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง

“พวกเจ้าดูนี่ ข้าพบเจออะไร?” และมีนักศึกษาที่ลากเอากระดูกนิ้วเท้าที่ทั้งหนาใหญ่และยาวมาชิ้นหนึ่ง โดยที่กระดูกนิ้วเท้าชิ้นนี้คล้ายหลอมสร้างขึ้นมาจากทองคำอย่างนั้น

……

ในขณะนี้ นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างดีใจจนแทบจะคลั่งไปแล้ว พวกเขาร่อนหาของวิเศษอย่างบ้าคลั่งไปทั่ว ในเวลานี้ โลกที่เต็มไปด้วยกระดูกขาวจำนวนมากไม่ได้เป็นโลกของกระดูกขาวที่สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงในสายตาของพวกเขาอีกแล้ว แต่เป็นโลกของกองของวิเศษกองใหญ่

นอกเหนือจากหลี่ชิเย่จะให้คำชี้แนะกับพวกเขาในบางครั้งแล้ว ที่เหลือก็อาศัยพวกเขาไปค้นหาเอง

หลี่ชิเย่เองก็เดินๆ หยุดๆ ของวิเศษทั่วไปไม่อยู่ในสายตาของเขา ในบางครั้งเขาจึงจะหยุดอยู่ตรงโครงกระดูกขนาดยักษ์บางชิ้น และลงมือผ่ากระโหลกศีรษะเพื่อนำเอาไฟประหลาดออกมา และหรือผ่ากระดูกสันหลังนำผลึกหยก…

ที่ตรงนี้ แม้ว่าสัตว์ยักษ์จะทิ้งของวิเศษเอาไว้เป็นจำนวนมาก แต่ว่า ที่สามารถเข้าตาหลี่ชิเย่ได้นั้นมีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

มีเพียงหนึ่งถึงสองชิ้นเท่านั้นที่ทำให้หลี่ชิเย่ลงมือหยิบมันมาในบางครั้ง ที่เหลือก็แค่มองดูแวบหนึ่งเท่านั้นเอง

“ที่เจ้าพาข้ามาที่นี่ หรือจะให้ข้ามาเก็บของห่วยๆ อย่างนั้นรึ?” จังหวะที่บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปกำลังร่อนหาสมบัติจนถอนตัวไม่ขึ้นอยู่นั้น หลี่ชิเย่มองดูเจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ข้างกายด้วยท่าทางสงบและสบายอกสบายใจทีหนึ่ง

กระบือดำขนาดใหญ่ที่ติดตามหลี่ชิเย่มาโดยตลอด ตัวเขาเองไม่ได้ไปร่อนหาสมบัติ

“แหะไม่ใช่ ข้าเพียงต้องการบอกท่านว่า ปราชญ์ไกลกันดารหาใช่คนดิบดีอะไร ดังนั้น ข้าจึงพาท่านมาดูอะไรที่นี่ ท่านคือท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ น่าจะมองออกถึงเบาะแสอะไรบางอย่างกระมัง” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ

หลี่ชิเย่มองไปบนท้องฟ้าทีหนึ่ง หัวเราะตามอารมณ์ว่า “สำหรับปราชญ์ไกลกันดารนั้น ความเข้าใจที่ข้ามีต่อเขานั้นเหนือกว่าเจ้ามากทีเดียว”

“ถ้าเช่นนั้น ท่านคิดว่าเขาเป็นปราชญ์ หรือว่า แหะ แหะ แหะจอมมารที่แฝงตัวอยู่เล่า?” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวเรียบเฉย

“ในโลกนี้ ผู้ที่เป็นมารร้ายแต่กำเนิดนั้นมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ไม่ว่าใครก็ต้องเคยดิ้นรน บางคนเคยดิ้นรนเพื่อเป็นพระเจ้าที่ช่วยโลก และมีบางคนดิ้นรนเพื่อต่อต้านความชั่วร้าย ยิ่งกว่านั้นยังมีบางคนดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือตัวเอง ไม่ได้เพื่อสวรรค์ ไม่ได้เพื่อคนอื่น เพียงเพื่อตนเองเท่านั้น…”

ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้หยุดนิดหนึ่ง มองไปยังระยะห่างไกล กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เพียงแต่ มีผู้ที่ไม่สามารถยืนหยัดได้ตลอด บางคนกลับสามารถยืนหยัดได้ตลอด ดังนั้น มักจะมีคนบางคน ไม่สามารถอาศัยช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่ง หรือเรื่องๆ หนึ่งมาตัดสินว่าเขาคือปราชญ์หรือจอมมารได้”

“ปราชญ์ไกลกันดารก็เคยดิ้นรนมาก่อน และเคยตั้งปณิธานมาก่อน” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ สุดท้ายกล่าวเรียบเฉยว่า “เสียดาย เรื่องราวของชีวิตคนเรา เก้าในสิบมักจะไม่สมดั่งปรารถนาทั้งสิ้น”

…………………………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *