Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2901 ลาอีกครั้ง
ตอนที่ 2901 ลาอีกครั้ง
หลี่ชิเย่ไม่สนการยุยงของกระบือดำขนาดใหญ่ หยิบเอากระบี่ล้างบาปออกมาแล้วยื่นให้ตู้เหวินรุ่ย และกล่าวว่า “นำกลับไปเถอะ สิ่งนี้จะอย่างไรเสียก็คือของวิเศษประจำสถาบันศึกษาล้างบาป”
“กระบี่ล้างบาปนะเนี่ย ไม่เอาก็ให้ข้า” ตาทั้งสองของกระบือดำขนาดใหญ่ลุกวาวยื่นกีบเท้าไปหมายแย่งเอาทันที เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ส่งคืนกระบี่ล้างบาปให้กับตู้เหวินรุ่ย
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น แต่ว่าพลันที่ชิงเอากระบี่ล้างบาปมาได้ กระบือดำขนาดใหญ่ก็ล้มหงายเท้าชี้ฟ้าทันที โดยกระบี่ล้างบาปไม่ยอมรับเขาอยู่แล้ว หรือจะบอกว่ากระบี่ล้างบาปใส่อารมณ์กับเขามากเป็นพิเศษ พลันเล่นงานกระแทกตัวเขาอย่างแรง เหมือนว่ากระบี่ล้างบาปไม่ค่อยจะชอบในตัวของกระบือดำขนาดใหญ่มากนัก
“ถุย ก็แค่กระบี่ซังกะบ้วยเท่านั้นมิใช่รึ? แน่มากหรือไง ครั้งนั้นปราชญ์ไกลกันดารยังอยู่ เจ้ายังพอจะสำแดงบารมีได้บ้าง เวลานี้ปราชญ์ไกลกันดารได้ตายไปแล้ว ดูว่าเจ้ายังจะเก่งสักแค่ไหนเชียว มา มะ มาเลยเก่งจริงเจ้าก็ออกจากฝักมาสิ คอยดูว่ากระบือสุดหล่ออย่างข้าจะสั่งสอนเจ้าให้เข็ดหลาบอย่างไร…”
ในเวลานี้ กระบือดำขนาดใหญ่โกรธเป็นอันมาก ถึงกับกระโดดขึ้นมาสบถออกไปว่า “…กระบือสุดหล่ออย่างข้าจะเหยียบเจ้าให้จมกีบ เหยียบเจ้าให้แหลก ไม่สิ กระบือสุดหล่ออย่างข้าจะต้องหลอมกลั่นเจ้าให้เป็นเศษเหล็ก แล้วจับโยนลงไปใปในเหวลึก ให้เจ้าไม่ได้ผุดได้เกิด ไม่ได้เห็นตะวันตลอดไป!”
“ในเมื่อเป็นแค่กระบี่ซังกะบ้วยเล่มหนึ่ง เจ้าจะไปถือสากับมันทำไม” หลี่ชิเย่มองดูกระบือดำขนาดใหญ่ที่กำลังด่าสาดเสียเทเสียนั่น
“ก็ถูกนะ” กระบือดำขนาดใหญ่ตะลึงนิดหนึ่ง รู้สึกว่าคำพูดของหลี่ชิเย่มีเหตุผลอย่างยิ่ง ยืดตัวตรงและเชิดหัวขึ้นสูง กล่าวเชิดใส่กระบี่ล้างบาปว่า “แค่กระบี่ซังกะบ้วยเล่มหนึ่งเท่านั้น กระบือสุดหล่ออย่างข้าไม่ใยดีหรอกนะ ไม่เข้าตา เศษเหล็กอย่างเจ้ายังคงรั้งอยู่ที่สถาบันศึกษาล้างบาปสถานที่แย่ๆ จนเน่าผุไปเลย ใครเขาต้องการเจ้า”
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น กระบี่ล้างบาปส่งเสียงคำรามทีหนึ่ง เหมือนว่าก็เชิดใส่กระบือดำขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน ท่าทางเหมือนอยู่สูงเด่นและข่มขวัญผู้คนอย่างนั้น
ดูท่าระหว่างกระบี่ล้างบาป กับกระบือดำขนาดใหญ่เคยมีความแค้นกันมาก่อน ส่วนที่ว่าพวกเขามีความแค้นอย่างไรนั้น คนนอกคงไม่อาจรู้ได้
หลี่ชิเย่หัวเราะ และขี้คร้านจะไปสนใจในกระบือดำขนาดใหญ่ กล่าวกับตู้เหวินรุ่ยว่า “นำมันกลับไป อนาคตจะได้มอบให้กับผู้มีวาสนา” กล่าวพลางยื่นกระบี่ล้างบาปให้
“เรื่องนี้…” ตู้เหวินรุ่ยถึงกับลังเลนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ในเมื่อกระบี่เล่มนี้ยอมรับนักศึกษาหลี่เป็นนาย จากนี้ไปมันก็คือของของนักศึกษาหลี่ ไม่ใช่ของสถาบันล้างบาปอีกต่อไป”
ตู้เหวินรุ่ยเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี เขามองออกว่าหากหลี่ชิเย่ยินดีนำกระบี่ล้างบาปไปด้วยล่ะก็ ตัวของกระบี่ล้างบาปยินดีอย่างยิ่งที่จะติดตามหลี่ชิเย่ไป
“ข้าก็แค่ทดลองดูเท่านั้นเอง นี่เป็นกระบี่ที่ดีเล่มหนึ่ง” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “สุภาพบุรุษจะไม่ชิงเอาของรักของผู้อื่น แม้ข้าจะไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่ว่า ก็ไม่ถึงขั้นแย่งกระบี่ล้างบาป ชิงของวิเศษประจำสถาบันศึกษาล้างบาป”
ตู้เหวินรุ่ยนิ่งเงียบพักหนึ่ง สุดท้าย แสดงคารวะด้วยท่าทีหนักแน่นอีกครั้ง และกล่าวว่า “เช่นนั้นแล้ว ข้าก็รับเอาไว้ด้วยความหน้าหนาแล้ว ขอบคุณนักศึกษาหลี่ที่ส่งเสริม” กล่าวพลาง จึงยื่นมือรับเอากระบี่ล้างบาปมา
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น กระบี่ล้างบาปส่งเสียงคำรามเบาๆ น้ำเสียงเหมือนไม่อยากจากไป ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ความจริงแล้วกระบี่ล้างบาปยินดีที่จะติดตามหลี่ชิเย่ไป
“ไปเถอะ” หลี่ชิเย่ลูบกระบี่ล้างบาปเบาๆ ทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า “ฟ้าดินจะมีการแปรผัน บางทีหอจรัสศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นที่พักพิงที่แท้จริงของเจ้า อนาคตเจ้าต้องได้พบกับนายที่เหมาะสมแน่นอน”
ภายใต้การลูบเบาๆ ของหลี่ชิเย่ จึงทำให้กระบี่ล้างบาปสงบลง สุดท้าย ตู้เหวินรุ่ยได้เก็บกระบี่ล้างบาปเอาไว้ และแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่อีกครั้ง
กล่าวสำหรับสถาบันศึกษาล้างบาปแล้ว กระบี่ล้างบาปคือของวิเศษประจำสถาบันศึกษาล้างบาป มันมีความล้ำค่าเพียงใด แน่นอน หากหลี่ชิเย่จะนำกระบี่ล้างบาปติดตัวไปด้วยจริงๆ ตู้เหวินรุ่ยก็ไม่มีความเห็นเป็นอื่น
เวลานี้หลี่ชิเย่กลับส่งกระบี่ล้างบาปคืนให้กับสถาบันศึกษาล้างบาปอีกครั้ง นี่คือบุญคุณอันใหญ่หลวง การกระทำเช่นนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการที่ปราชญ์ไกลกันดารประทานกระบี่ล้างบาปให้กับสถาบันศึกษาล้างบาปในครั้งนั้น
แม้ว่ากระบี่ล้างบาปจะมีความแข็งแกร่ง แต่ว่ากล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วยังไม่ถึงขั้นที่ว่าจะต้องให้ได้มาให้จงได้ จะอย่างไรเสียในมือของเขายังมีอาวุธอยู่หลายชิ้นที่แข็งแกร่งเฉกเช่นกระบี่ล้างบาป กระทั่งเหนือกว่ากระบี่ล้างบาปด้วยซ้ำ
กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว เขามีอาวุธที่สามารถทดแทนกระบี่ล้างบาปได้อย่างสิ้นเชิง ครั้งนั้นที่เขาหยิบกระบี่ล้างบาปไปจากสถาบันศึกษาล้างบาปนั้นเป็นเพียงนึกสนุกขึ้นมาเท่านั้น เป็นการลองมือเท่านั้นเอง หาใช่ต้องการชิงเอากระบี่ล้างบาปเล่มนี้ไปจากสถาบันศึกษาล้างบาปจริงๆ
“นักศึกษาทั้งหลาย พวกเราขอบคุณคุณชายหลี่ที่คอยดูแลพวกเรามาตลอดทาง” ในเวลานี้ตู้เหวินรุ่ยนำพานักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่อีกครั้ง
บรรดานักศึกษาอย่างจ้าวชิวสือต่างทยอยกันคารวะต่อหลี่ชิเย่ตามตู้เหวินรุ่ย ด้วยท่าทางที่เคารพนอบน้อมและมีความศรัทธาอย่างยิ่ง การแสดงเคารพของพวกเขาก็ดูจริงใจอย่างยิ่ง
เป็นความจริงที่หลี่ชิเย่ได้ให้การดูแลพวกเขาไม่น้อยตลอดทางที่ผ่านมา ให้ผลประโยชน์พวกเขามากมาย ทำให้พวกของจ้าวชิวสือที่เป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปต่างสำนึกในบุญคุณยิ่ง
“ขอให้นักศึกษาหลี่ประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้น” สุดท้าย ตู้เหวินรุ่ยู้สึกทอดถอนใจ และเศร้าใจอยู่บ้าง กล่าวด้วยความจริงใจต่อหลี่ชิเย่
“แน่นอน คิดว่าแสงสว่างก็คงส่องสว่างทั่วสถาบันศึกษาล้างบาปสักวัน” หลี่ชิเย่หัวเราะและเอ่ยขึ้นช้าๆ
สุดท้าย ตู้เหวินรุ่ยคำนับต่อหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง นำพานักศึกษาทั้งหมดของสถาบันศึกษาล้างบาปจากไป ก่อนจาก นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปได้โบกมือลาหลี่ชิเย่ทีละคนๆ มีท่าทางที่ไม่อยากจาก กระทั่งท้ายที่สุดพวกเขาได้หายไปที่นอกหุบเขาปูคริสตัล
“แหะท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราควรจะไปที่ใดรึ?” ครั้นพวกของตู้เหวินรุ่ยจากไปแล้ว กระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับดวงตาสองข้างลุกวาว ท่าทางเหมือนคันไม้คันมืออยากลองเต็มที หัวเราะแหะ แหะและกล่าวว่า “สมควรที่พวกเราจะเข่นฆ่าแปดทิศ ปราศจากผู้ต่อกร ไร้เทียมทานทั่วหล้าเล่า?”
“เดินเล่นสักหน่อย” หลี่ชิเย่มองไปยังที่ที่ลึกเข้าไปยิ่งกว่าของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สมควรเข้าไปเดินในนั้น ควรไปดูสักหน่อย”
“บ้าเอ๊ย จะไปที่นั่นจริงๆ หรือเนี่ย?” กระบือดำขนาดใหญ่ตกใจจนแทบกระโดดตัวลอย ดูหวั่นเกรงอยู่บ้าง และกล่าวว่า “ความจริงแล้ว ข้ามสวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ที่ตรงนั้นไม่ถือเป็นอาณาบริเวณของภูเขาศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว พูดไม่น่าฟังก็คือ ที่ตรงนั่นก็คือคุกแห่งหนึ่ง ใครเข้าไปก็ต้องเศร้าไม่สามารถกลับออกมาได้ แหะรัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคอะไรนั่น หรือยึดความสว่างเป็นสรณะอะไรนั่น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงทั้งสิ้น ต้องการให้เข้าไปรนหาที่ตาย เป็นการเสริมแผ่นอิฐให้กับฐานเต๋าที่นี่เท่านั้นเอง”
“ไหนเจ้าไม่กลัวสิ่งใดมิใช่รึ?” หลี่ชิเย่มองหน้ากระบือดำขนาดใหญ่ด้วยท่าทีเอ้อระเหยทีหนึ่ง
ท่าทางของกระบือดำขนาดใหญ่ดูผะอืดผะอมอยู่บ้าง หัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “แหะ แหะ แหะไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพียงแต่สถานที่แห่งนั้นมีอะไรแตกต่างนิดหนึ่ง แตกต่างนิดหนึ่ง และเมื่อไปสถานที่แห่งนั้นแล้ว ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวทั้งตัว ไม่สบายตัว”
“เจ้าคงไม่ใช่กลัวปีศาจต้นไม้เฒ่าแล้วสิ” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเอ้อระเหยขึ้นมา
“ผายลม” กระบือดำขนาดใหญ่กระโดดขึ้นมาทันที ท่าทางโอหังอวดดียิ่งนัก มีท่าทีที่หมางเมินทั่วหล้า และกล่าวว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่กระบือสุดหล่ออย่างข้าจะต้องกลัวปีศาจต้นไม้เฒ่านั้น ฮึ ฮึ ฮึเขาก็แค่มีอาวุโสมากหน่อยเท่านั้น คนอย่างข้าให้ความเคารพผู้อาวุโสและเอ็นดูเด็กที่สุด ฮึ ฮึ ฮึ หากสู้กันจริงๆ ล่ะก็…”
“แข่งโอ้อวดรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง เหลือบมองกระบือดำขนาดใหญ่ทีหนึ่ง
กระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก แหะ แหะ แหะความจริงแล้ว เรื่องนี้น่ะ ข้าก็แค่มีเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยกับปีศาจต้นไม้เฒ่า เข้าใจผิดเล็กน้อย เข้าใจผิดเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
“เข้าใจผิดเล็กน้อย?” หลี่ชิเย่จ้องเขม็งกระบือดำขนาดใหญ่ทีหนึ่ง กล่าวเอ้อระเหยว่า “เจ้าคงไม่ใช่ทำเรื่องอะไรที่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้นะสิ”
“แหะไม่มีอะไร แค่เล็มใบไม้ของปีศาจต้นไม้เฒ่าไม่กี่ใบเท่านั้นเอง” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ แม้ว่าคำพูดนี้ทำให้เขารู้สึกผะอืดผะอมอยู่บ้าง แต่ว่า ยังคงมีท่าทีลำพองอยู่หลายส่วน สามารถดูออกว่า เรื่องที่กระบือดำขนาดใหญ่ทำไปนั้นต้องไม่ใช่แค่เล็มใบไม้เพียงไม่กี่ใบเท่านั้น
“ฮึแค่ปีศาจต้นไม้เฒ่าใจแคบเกินไป งกมากไปแล้ว มันก็แค่ของเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ต้องถึงขนาดเต้นเป็นฟืนเป็นไฟเชียวรึ? ชั่วดีอย่างไรพวกเราสองคนก็เป็นเพื่อนบ้านมาช้านาน นี่มันขี้เหนียวเกินไปแล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับบ่นโทษคนอื่นหลังจากลำพองใจ ท่าทางดูจะมีความแค้นเคืองอยู่บ้าง
สามารถดูรู้ว่า กระบือดำขนาดใหญ่จะต้องเสียเปรียบต่อปีศาจต้นไม้เฒ่ามาแน่นอน ดังนั้นจึงมีท่าทีเช่นนี้
“ข้างในมีอะไรอยู่?” หลี่ชิเย่ไม่สนใจต่อการบ่นและโทษคนอื่นของกระบือดำขนาดใหญ่ มองดูกระบือดำขนาดใหญ่ทีหนึ่ง
“ไม่รู้ ข้าไม่ได้ไปพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด” กระบือดำขนาดใหญ่ทำท่ายักไหล่ และกล่าวว่า “สรุปก็คือข้าไม่ได้ให้ความสนใจโดยสิ้นเชิงในวิธีการของปราชญ์ไกลกันดารนั่น ส่วนที่ว่าเขาเคยทำอะไรในนั้นข้าไม่ให้ความสนใจอยู่แล้ว แหะ สรุปก็คือข้าต้องการเพียงภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ยกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ให้ข้าก็พอแล้ว ขี้คร้านจะไปสนใจเรื่องบ้าๆ บอๆ เหล่านั้น”
“แต่ว่า ปีศาจต้นไม้เฒ่าน่าจะรู้ดีที่สุด” สุดท้าย กระบือดำขนาดใหญ่ได้กล่าวเสริมขึ้นมาคำหนึ่ง “แหะ แหะตามความเห็นของข้า ปีศาจต้นไม้เฒ่าจะต้องเล่นหนักแน่ เขาอัดอั้นมานานมากแล้ว”
หลี่ชิเย่มองไปยังที่ที่ห่างไกลกว่านี่ “ไปเดินดูสักหน่อยก็ดี ได้เวลาควรยุติการเดินทางของเที่ยวนี้ได้แล้ว”
“เช่นนั้นแล้ว ข้าก็จะไม่อยู่เป็นเพื่อนท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แล้วล่ะ” กระบือดำขนาดใหญ่ไม่คำนึงถึงคุณธรรมแม้แต่น้อย ฉากหลบไปทันที โดยกล่าวว่า “แหะกระบือสุดหล่ออย่างข้ายังมีธุระอื่น ลาก่อนล่ะ ไว้พบกันใหม่”
กระบือดำขนาดใหญ่พูดยังไม่ทันจบก็หนีออกไปนอกหุบเขาแล้ว
“จริงสิ ถ้าหากปราชญ์ไกลกันดารได้ทิ้งสิ่งไม่ดีอะไรไว้ด้านในล่ะก็ ขอท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้โปรดช่วยข้ากระทืบมันอย่างแรงสักหลายๆ ที เจ้าสุภาพบุรุษจอมปลอมคนนี้ต้องไม่ทำเรื่องดีเอาไว้ ไม่ทิ้งสิ่งดีๆ เอาไว้อย่างเด็ดขาด” หลังจากที่กระบือดำขนาดใหญ่หนีไปไกลแล้วยังคงบ่นไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้น
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้ไปจากหุบเขา โดยมีปูคริสตัลและนกสาลิกาสันติภาพมาส่งด้วยตนเอง โดยเฉพาะนกสาริกาสันติภาพได้รับการช่วยเหลือชีวิตมาสองครั้งสองครา พวกมันต่างไม่อยากจะจาก
“ส่งกันพันลี้ ยังคงต้องจากกัน นี่ก็จะออกจากสวนดึกดำบรรพ์แล้ว กลับไปเถอะ” หลี่ชิเย่สั่งการออกไป เมื่อปูคริสตัลกับนกสาลิกาสันติภาพมาส่งหลี่ชิเย่ไกลมาก
สุดท้าย คริสตัลกับนกสาลิกาสันติภาพได้คำนับต่อหลี่ชิเย่แล้วจึงได้กลับไป
หลี่ชิเย่ไปจากสวนดึกดำบรรพ์ หันหลังมองดูแวบหนึ่งก็จากไปทันที
เอี๊ยดดด เอี๊ยดดด เอี๊ยดดด…หลังจากที่หลี่ชิเย่ไปจากสวนดึกดำบรรพ์ได้ระยะหนึ่งแล้ว สวนดึกดำบรรพ์ก็เริ่มปิดตัวลง มีผู้อาวุโสจากหอจรัสศักดิ์สิทธิ์แจ้งให้นักศึกษาที่อยู่ในสวนดึกดำบรรพ์ถอนตัวออกไปทั้งหมด
สุดท้าย หลังจากที่นักศึกษาได้ถอนตัวออกจากสวนดึกดำบรรพ์แล้ว ได้ยินเสียงดังปัง สวนดึกดำบรรพ์ปิดตัวลง และหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
………………………………………………………….
Comments