Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2925 พบผู้เฒ่าลึกลับอีกแล้ว
ตอนที่ 2925 พบผู้เฒ่าลึกลับอีกแล้ว
“ไม่มีปัญหา เจ้าตายเป็นเรื่องที่ดีมาก ข้าจะซื้อประทัดเส้นหนึ่งมาส่งเจ้าไปปรโลก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “อย่างน้อยก็ยังมีคนช่วยส่งเจ้าไปปรโลก นับว่ามีคุณธรรมมากเพียงพอแล้ว”
“ขอบคุณ ขอบคุณ” ผู้เฒ่าผู้นี้กล่าวยิ้มตาหยี ไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย
ไป่จินหนิงยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้นเมื่อได้ฟังคำโต้ตอบของคนทั้งสอง หลี่ชิเย่กับผู้เฒ่าผู้นี้ทั้งดูไม่เหมือนเป็นสหาย แต่ก็เหมือนรู้จักกัน ท่าทีของคนทั้งสองล้วนแล้วแต่แปลกมาก คำพูดก็ไม่สามารถอธิบายได้ ให้ความรู้สึกเหมืออยู่บนเมฆอย่างนั้น
“ใช่ของชิ้นนั้นรึ? ” เวลานี้สายตาของผู้เฒ่าตกอยู่บนกล่องไม้ใบนั้น
“ใบไม้สองใบให้เจ้าได้สุดดมกลิ่นเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ไม่อย่างนั้น เจ้าจะตามมาถึงที่ตรงนี้ได้อย่างไรกันเล่า”
ผู้เฒ่าเงยหน้าจ้องมองหลี่ชิเย่ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดได้พยักหน้า และกล่าวว่า “เป็นความจริง อยู่บนตัวท่านจริงๆ ข้าตามหามานานมากแล้ว เสียดาย ตลอดเวลาที่ผ่านมาถูกเรื่องราวต่างๆ มัดตัว ไม่สามารถค้นพบ”
“เจ้ากำลังตกปลากระมัง” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ที่ว่าตามหามานานมาก นั่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นเอง”
“เช่นนั้นแล้ว ท่านคือปลาหรือไม่? ” ผู้เฒ่าหัวเราะและกล่าวว่า “หรือบางที ท่านน่ะคือผู้ตกปลา และข้าจึงเป็นปลาที่ถูกตก”
หลี่ชิเย่หัวเราะ และไม่วิจารณ์คำพูดนี้
ผู้เฒ่าเอื้อมมือหยิบเอากล่องไม้ที่อยู่บนพื้นขึ้นมา และเปิดมันออกมาดู
พลันที่ผู้เฒ่าเปิดกล่องไม้ออกมา ไป่จินหนิงได้ยืดคอยาวมาก นัยน์ตาคู่นั้นรีบมองเข้าไปในกล่อง เนื่องจากนางอยากรู้ว่าของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้ตามที่หลี่ชิเย่พูดนั้นคืออะไรกันแน่
ภายในใจของไป่จินหนิงไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักว่าหลี่ชิเย่สามารถนำของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้ออกมาได้จริง จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เหมือนจะเป็นคนที่สามารถนำเอาของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ออกมาได้
ผู้เฒ่าเปิดกล่องไม้ออกดู มองเห็นภายในกล่องไม้ได้จัดวางใบไม้อยู่สามใบ เป็นใบไม้สามใบจริงๆ ใบไม้ทั้งสามใบมีความเขียวขจียิ่งนัก
ขณะที่ผู้เฒ่าเปิดกล่องไม้ออกมานั้น พลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่ไพศาลสายหนึ่งได้เข้ามาปะทะใบหน้าโดยพลัน ในพริบตาเดียวนี้เองไป่จินหนิงเองก็บังเกิดเป็นมโนภาพ นางรู้สึกว่าตนเองเหมือนไปอยู่ในป่าที่ดึกดำบรรพ์และกว้างใหญ่ไพศาลขณะที่พลังชีวิตที่เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาได้เข้ามาปะทะใบหน้า ดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง มองเห็นสีเขียวที่ไม่มีสิ้นสุดตรงหน้า…
แต่ว่า ยังไม่ทันที่ไป่จินหนิงจะได้มองดูใบไม้ทั้งสามใบอย่างละเอียดและชัดเจนนั้น ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังปังขึ้นมา ผู้เฒ่าได้ปิดกล่องไม้ดังกล่าวเสียแล้ว
ไป่จินหนิงเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น แม้ว่านางจะมองไม่ชัดเจนว่าใบไม้ทั้งสามใบมีลักษณะเช่นใด แต่ว่า พลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่ไพศาลนั้นทำให้นางมีความทรงจำที่ลึกมาก แม้จะเป็นเพียงใบไม้สามใบเท่านั้น แต่เหมือนเป็นโลกของป่าไม้สามแห่งอย่างนั้น
มาคราวนี้พลันทำให้ภายในใจของไป่จินหนิงบังเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที ใบไม้ลักษณะเช่นนี้สามใบคือของวิเศษประเมินค่าไม่ได้จริงๆ หรือเนี่ย? แต่ว่า ดูไปแล้วไม่เหมือนเป็นของวิเศษประเมินค่าไม่ได้ และไม่เหมือนเป็นสุดยอดโอสถเซียนในหล้าอะไรนั่น
หลังจากที่ผู้เฒ่าได้ปิดกล่องไม้เรียบร้อยแล้ว พยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง ถูกต้อง เป็นใบไม้สามใบนี่แหละ ข้านำมันกลับไปให้พวกเขาดู ให้พวกเขาได้แบ่งปันข่าวที่น่าตระหนกระคนกับความดีใจยิ่งนักข่าวนี้”
ไป่จินหนิงไม่ทราบว่าใบไม้สามใบนี้คืออะไร แต่ว่า ผู้เฒ่ากลับทราบอย่างชัดแจ้ง นี่ก็คือใบไม้ของต้นสามเซียนนั่นเอง การที่หลี่ชิเย่ปล่อยใบไม้ของต้นสามเซียนออกมา ก็เพื่อดึงดูดให้ผู้เฒ่าเข้ามาหา
“อืมมมข้ารอเก็บบัญชีอยู่นะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเอ้อระเหย
ผู้เฒ่ามองดูหลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ท่านต้องการอะไร? หรือจะบอกว่าท่านคิดอย่างไร? ”
“เรื่องนี้น่ะหรือ แหม่พูดยากจริงๆ ” หลี่ชิเย่ถึงกับใช้มือลูบคาง และกล่าวเอ้อระเหยว่า “มิสู้บอกว่าพวกเจ้ามีของอะไรที่เหมาะสมยิ่งกว่าให้ข้าได้เลือก จะอย่างไรเสียคนอย่างข้าเป็นคนมีเหตุผลอยู่แล้ว จะได้ไม่บอกว่าข้าเรียกร้องสูงเกินไป”
“ข้ารู้สึกว่าท่านก็จะต้องมีข้อเรียกร้องที่สูงแน่นอน” ผู้เฒ่าทำตาหยี และกล่าวโดยไม่เกรงใจ
“ฮ่า ฮ่าคำพูดนี้น่าสนใจจริงๆ ” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ทีแรกข้ายังรุ้สึกเขินอยู่เหมือนกัน เมื่อเจ้าพูดออกมาเช่นนี้ หากข้าไม่เรียกร้องให้สูงก็คงดูจะไม่เป็นธรรมกับข้าเอง ไม่สิ ไม่เป็นธรรมกับพวกเจ้าด้วย จะอย่างไรเสียพวกเจ้าทอดแหไปก็นานมากแล้ว และสายเบ็ดก็ปล่อยยาวมากเกินไปแล้ว ต่อให้ข้าเป็นปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง เวลาจะติดเบ็ดก็ควรให้ข้าได้ลิ้มลองของอร่อยบ้าง เจ้าว่าอย่างนั้นมั้ย”
ผู้เฒ่านิ่งเงียบไปทีหนึ่ง มองดูหลี่ชิเย่และกล่าวว่า “คุยกันตรงนี้ไม่สู้จะสะดวก ท่านกับข้าพูดกันปากเปล่าก็ไร้หลักฐาน มิสู้ท่านมาด้วยตนเองสักครั้ง พวกเราคุยกันเปิดอกดีหรือไม่”
“พวกเจ้าจะสามรุมหนึ่งหรือ? ” หลี่ชิเย่ทำตาหยี และกล่าวยิ้มแต้ว่า “จะอย่างไรเสีย เมื่อไปถึงตรงนั้นแล้วก็คือสถานที่เปลี่ยวแล้ว เกิดพวกเจ้าใช้กำลังแย่งชิงแล้วจะทำอย่างไร”
“ท่านกลัวรึ? ” ผู้เฒ่าก็ทำตาหยี และกล่าวยิ้มแต้เช่นกัน
ต่อให้ไป่จินหนิงฟังไม่เข้าใจว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ว่า เมื่อผู้เฒ่าพูดคำๆ นี้ออกมานั้น นางก็สามารถฟังออกว่า นี่เป็นคำพูดท้าทายของผู้เฒ่า
“ไม่ คนที่สมควรกลัวเป็นพวกเจ้า” รอยยิ้มของหลี่ชิเย่ดูจะยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น กล่าวเอ้อระเหยว่า “พวกเจ้ามีปัญหาทั้งภายนอกและภายใน คิดว่าสามารถแยกตัวออกมารับมือกับข้าอย่างนั้นรึ? เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าจะเป็นข้าที่ปล้นพวกเจ้าจนเกลี้ยง! จัดการกวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเจ้ามีจนหมดสิ้น”
“อย่างนั้นรึ? ” ผู้เฒ่าถึงกับหรี่ตาขึ้นมา
“ถูกต้อง” ท่าทางของหลี่ชิเย่ง่ายๆ ตามอารมณ์ แต่ว่า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความพาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ต่อให้ข้าต้องหนึ่งต่อสามแล้วใยต้องหวั่นเกรง ข้าต้องการ เปิดหูเปิดตากับผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกนี้สักหน่อย! ถึงเวลานั้น ผู้ที่สมควรหวั่นเกรงไม่ใช่ข้า แต่เป็นพวกเจ้า ข้ารู้ว่าที่นี่คือแดนสามเซียน ข้าน่ะไม่ได้หวั่นเกรงใดๆ เลย พวกเจ้าล่ะ? ” คำพูดของหลี่ชิเย่ดูเรียบง่าย แต่ กลับมีความพาลอย่างยิ่ง
แม้ว่าหลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่ที่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่เรียบเฉยมาก ไม่ได้แสดงท่าทางแสแสร้งใดๆ
แต่ว่า ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร ขณะที่ไป่จินหนิงมองเห็นท่าทางเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว ทันใดนั้นเองนางรู้สึกว่าหลี่ชิเย่ก็คือผู้บงการของโลกทั้งโลก เขาคือผู้มีอำนาจสูงสุดไม่มีใครเกิน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเสมือนหนึ่งเป็นเพียงมดปลวกที่อยุ้ภายใต้ฝ่าเท้าของเขาเท่านั้น จะเป็นราชันแท้จริงอะไร ปฐมบรรพบุรุษเช่นใดเขาก็แค่ก้มตัวลงมอง กระทั่งแค่ยกเท้าขึ้นมานิดหนึ่งก็สามารถเหยียบพวกเจ้าให้ตายได้ทั้งหมด
ความรู้สึกที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียมนี้พลันทำให้ไป่จินหนิงอึดอัดหายใจไม่ออก พริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าช่างแปลกหน้าอะไรอย่างนั้น เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง
“แม้จะอยู่ในแดนสามเซียน ข้าก็ไม่ตาย! ” หลี่ชิเย่มองดูผู้เฒ่าและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเจ้าล่ะ พวกเจ้าจะไม่ตายได้หรือไม่? ต่อให้พวกเจ้าไม่ตาย แต่ว่า อย่าลืมไปสิว่าที่นี่คือแดนสามเซียน คือพื้นที่ของพวกเจ้า! ”
คำพูดที่ยกตนข่มท่านเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ถึงกับทำให้ผู้เฒ่านิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ไม่ได้ตอบโต้คำพูดของเขา
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่แล้ว ผู้เฒ่ามองดูหลี่ชิเย่และเผยรอยยิ้มออกมา และกล่าวว่า “แต่ว่า ท่านคิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่? ”
“ไม่เกิด” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งและหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ข้าชื่นชอบทรัพย์สินมากกว่า อีกอย่างล้มพวกเจ้าแล้วข้าได้ประโยชน์อะไร? และไม่สามารถนำมาซึ่งความรู้สึกด้านความสำเร็จ”
“พวกเราก็ไม่ใช่เป้าหมายของท่าน” ผู้เฒ่าเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะดำเนินการค้าขายคราวนี้ต่อหรือไม่เล่า? ” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และเอ่ยขึ้นช้าๆ
ผู้เฒ่าจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่และกล่าวว่า “ท่านดูข้าสิ ด้วยทักษะของข้าเพียงเท่านี้เหมือนเป็นคนที่นำของดีติดตัวมาด้วยรึ? ของดีต้องให้ท่านไปหยิบเอาด้วยตนเอง”
“พูดโดยสรุปก็คือเจ้าต้องการให้ข้าส่งของถึงที่” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา
“แล้วทำไมจะไม่ได้เล่า? ” พวกเราก็จะไม่ให้ท่านต้องเสียแรงเปล่า ถูกต้องไหม” คำพูดของผู้เฒ่าพลันดูอ่อนโยนขึ้น หรี่ตาและกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “อีกอย่าง ข้าก็เชื่อว่าท่านจะต้องเดินทางไปสักครั้งแน่นอน ต่อให้ไม่มีการซื้อขายเช่นนี้ท่านก็ต้องไปที่ทะเลปุ๊ตู้ไห่! ใช่หรือไม่? ”
หลี่ชิเย่มองไปที่ผู้เฒ่าด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้ม หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ และกล่าวว่า “ข้าไปหรือไม่ไปก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แน่นอน ให้ข้าส่งสินค้าไปถึงหน้าบ้านเลยก็ใช่จะเป็นเรื่องใหญ่อะไรนักหนา”
“เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่หยุดนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “แต่ว่าเจ้าสมควรทราบว่า ช่วงนี้ถนนหนทางไม่ค่อยสงบนัก และถนนก็เดินทางได้ไม่สะดวกนัก เจ้าคิดว่าข้าควรจะคิดราคาเป็นสองเท่า ไม่ถูกสิ สมควรเก็บราคาเป็นสิบเท่า”
“นี่ถือเป็นการขึ้นราคาโดยไม่มีหลักฐานอ้างอิงอย่างนั้นรึ? ” ผู้เฒ่าถึงกับหรี่ตา
“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่ตอบคำถามได้เด็ดขาดมาก กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ก็ข้านี่แหละขึ้นราคาโดยไม่มีหลักฐานอ้างอิง ค่าเดินทางสิบเท่าเป็นเรื่องจำเป็นอยู่แล้ว มิฉะนั้นล่ะก็เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะส่งของถึงที่? ”
“ไม่มีใครบอกท่านรึ? ท่านเป็นพ่อค้าหน้าเลือดที่ใจดำถึงขีดสุดคนหนึ่ง” ผู้เฒ่ายิ้มตาหยีและเอ่ยขึ้น แต่ไม่ได้มีท่าทีของความโกรธแม้แต่น้อย
“ไม่ เจ้าควรจะพูดว่า ข้าไม่ได้ขึ้นค่าสินค้าไปสิบเท่าก็นับว่ามีความเมตาตคุณธรรมเต็มที่แล้ว ไม่ถูก สมควรบอกว่าเป็นผู้ใจบุญที่ยิ่งใหญ่ เป็นนักบุญที่ปราศจากผู้เทียบเทียม” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้และกล่าวว่า “ถ้าหากข้าเสนอราคาสิบเท่า เจ้าคิดว่ามีจะมีคนซื้อหรือไม่”
“เกรงว่าไม่มีใครสู้ราคานี้ได้” ผู้เฒ่าหัวเราะและส่ายหน้า
หลี่ชิเย่หัวเราะ และกล่าวว่า “อย่างนั้นรึ? หากเป็นอดีต ข้าเชื่อว่าต้องไม่มีใครสามารถจ่ายราคานี้ได้อย่างแน่นอน แต่ว่า มาถึงวันนี้แล้วข้าเชื่อว่าจะต้องมีผู้ที่ยินดีจ่ายราคาที่สูงลิบลิ่วจนน่าตกใจแน่นอน”
คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้ผู้เฒ่านิ่งเงียบทันที ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลยทันที
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ผู้เฒ่าได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ท่านจะทำการค้ากับผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนั้นรึ? ข้าคิดว่า เป้าหมายของท่านเป็นพวกเขาจึงจะถูก”
“ไม่ เป้าหมายของข้าไม่ใช่พวกเขา” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “แน่นอน สักวันหนึ่งข้าก็ต้องกวาดล้างพวกเขาเช่นกัน และเหยียบพวกเขาให้จมธรณีจนสิ้นเช่นกัน! แต่ทว่า เจ้าว่า ข้าจะทำการค้ากับพวกเขาหรือไม่? ”
“ไม่” ผู้เฒ่าส่ายหน้าด้วยท่าทีเด็ดขาด และมั่นใจอย่างยิ่ง
“พูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าเชื่อใจข้ามากเหลือเกิน บางครั้ง แม้แต่ข้าเองยังไม่เชื่อตัวข้าเองเลย” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา
ผู้เฒ่าก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา และกล่าวว่า “ใช่ว่าข้าเชื่อท่าน แต่เชื่อในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของท่านได้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว”
“อืมมมดังนั้น พวกเจ้าจึงปล่อยเชือกออกไปยาวมาก เพื่อตกปลาใหญ่อย่างข้า” หลี่ชิเย่หัวเราะกล่าว
ผู้เฒ่าเองก็อดที่จะหัวเราะและกล่าวว่า “ท่านก็ปล่อยเชือกออกไปยาวเช่นกัน และกำลังตกปลาหลายตัวอย่างพวกข้ามิใช่รึ? หาไม่แล้วล่ะก็ ขณะที่อยู่ข้างล่างท่าไหนเลยจะรับเอามาเล่า? ”
“ตกลง ข้าก็จะทำการค้าที่ขาดทุนสักครั้ง” หลี่ชิเย่พยักหน้า หัวเราะ และกล่าวว่า “ตกลงตามนี้ ข้าจะทำการค้านี้กับพวกเจ้า ข้าจะส่งมันถึงประตูบ้าน”
………………………………………………………………….
Comments