Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2933 มูลค่าที่แท้จริง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2933 มูลค่าที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2933 มูลค่าที่แท้จริง

หลังจากที่หลี่ชิเย่ไปไกลจากนายและบ่าวคู่นั้นแล้ว ได้พลิกดูพระพุทธรูปไม้ที่อยู่ในมือ พลิกไปมาหลายครั้ง จากนั้นก็ได้มองดูไป่จินหนิงที่อยู่ข้างๆ

ไป่จินหนิงเองก็อดที่จะมองดูพระพุทธรูปไม้ที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ จ้องมองดูชนิดไม่อยากจะละสายตาไปที่อื่น สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงเพราะว่าพระพุทธรูปไม้องค์นี้ซื้อมาด้วยเงินหนึ่งร้อยล้าน

“ดูท่า เจ้าจะชอบพระพุทธรูปไม้นี้เป็นพิเศษ” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง

สายตาของไป่จินหนิงเหมือนถูกพระพุทธรูปไม้นี้ดึงดูดเอาไว้ตั้งแต่ต้น รู้สึกจะไม่เคยละสายตาไปเลยอย่างนั้น

“มัน มันเคยเป็นสิ่งที่ถูกพวกเราเอาไปจำนำ” ไป่จินหนิงเองก็ไม่รู้ว่าตนเองมีอากัปกิริยาอย่างไรในขณะนี้ ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง จำเป็นต้องละสายตาไปจากนั่น และพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามากๆ คำหนึ่ง “มัน มัน มันเคยเป็นสมบัติประจำตระกูลของพวกเรา เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมายาวนานจากบรรพบุรุษ”

“ตระกูลเจ้ามีวาสนากับศาสนาพุทธรึ? ” หลี่ชิเย่หัวเราะ และโยนพระพุทธรูปไม้ที่อยู่ในมือ

ไป่จินหนิงถึงกับอกสั่นขวัญแขวนขณะที่หลี่ชิเย่โยนพระพุทธรูปไม้ไปตามอารมณ์ สายตาของนางอดที่จะมองตามพระพุทธรูปไม้ที่ขึ้นลง หัวใจของนางหล่นไปถึงตาตุ่ม นางเกรงว่าหลี่ชิเย่ไม่ทันระวังและไม่สามารถรับพระพุทธรูปไม้นี้เอาไว้ได้ เกิดหล่นลงพื้นจนแตกละเอียดไปแล้วจะทำอย่างไร

“ข้า ข้า ข้าก็ไม่ชัดเจนนัก” จิตใจของไป่จินหนิงในเวลานี้ไม่สงบ สายตาของนางมองขึ้นลงตามจังหวะการขึ้นลงของพระพุทธรูปไม้ และกล่าวว่า “สรุปคือขณะที่ข้ายังเด็กมาก มัน มันก็อยู่ในบ้าน ภายหลัง ภายหลังที่บ้านนำมันไปจำนำเพื่อให้ข้าได้ไปบำเพ็ญตน”

ไป่จินหนิงมีชาติกำเนิดมาจากผืนแผ่นดินไกลกันดาร แต่ว่า ตามคำกล่าวอ้างผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านของนาง พวกเขาย้ายมาจากแดนลัทธิเซียน ส่วนย้ายมาด้วยเหตุผลใดนั้น ผู้อาวุโสในบ้านของนางก็ไม่ชัดเจนแล้ว

จากปากคำของผู้อาวุโสในบ้านทราบมาว่า ช่วงที่ยังอยู่ที่แดนลัทธิเซียนนั้น ฐานะทางบ้านของพวกเขามีฐานะที่ร่ำรวยมาก ภายหลังได้เสื่อมลง และยิ่งเสื่อมโทรมลงทุกวันหลังจากที่ได้ย้ายมาอยู่ที่แผ่นดินไกลกันดารแล้ว จากการที่ความเป็นอยู่ยิ่งยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่มีค่าภายในบ้านได้ถูกจำนำไปทีละชิ้นๆ ท้ายที่สุดก็เหลือไว้เพียงพระพุทธรูปไม้องค์นี้เท่านั้น

ฟังจากผู้อาวุโสที่อยู่ในบ้านเล่าว่า พระพุทธรูปไม้องค์นี้คือสมบัติประจำตระกูลของพวกเขา สมาชิกในบ้านล้วนแล้วแต่เคารพบูชาพระพุทธรูปไม้องค์นี้มาทุกยุคทุกสมัย ฟังว่า เป็นเพราะพระพุทธรูปไม้องค์นี้นี่เอง ที่คอยคุ้มครองตระกูลของพวกเขาอยู่ร่มเย็นเป็นสุขมาทุกยุคทุกสมัย

แต่ทว่า จากการที่ไป่จินหนิงเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในบ้านของพวกเขาก็ไม่ได้มีสิ่งใดสามารถมีค่าเพียงพอที่จะนำไปจำนำได้อีกแล้ว

เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลของพวกเขาก็ได้เสื่อมลงจนไม่เหลือสภาพอีกแล้ว ในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสในตระกูลของพวกเขาก็คิดอยากจะผงาดขึ้น จะอย่างไรเสีย ผู้บำเพ็ญตนในตระกูลของพวกเขาดูจะลดน้อยลงไปทุกทีๆ แล้ว หากไม่ผงาดขึ้นมาอีกครั้งล่ะก็ ตระกูลของพวกเขาก็จะต้องตกต่ำกลายเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาๆ ตัดขาดจากโลกของผู้บำเพ็ญตนอย่างสิ้นเชิงแล้ว

สุดท้าย เพื่อให้ไป่จินหนิงได้ไปบำเพ็ญตน ผู้อาวุโสของตระกูลจึงตัดสินใจเด็ดขาดด้วยการจำนำพระพุทธรูปไม้องค์นี้ออกไป เพื่อสามารถมีปัจจัยเพียงพอที่จะให้ไป่จินหนิงได้ไปฝึกบำเพ็ญตน

นับว่าไป่จินหนิงเองก็ไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลต้องผิดหวัง และทำให้นางประสบความสำเร็จที่เป็นอยู่ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยเล็กๆ หน่วยหนึ่งของกองทัพเทียนเชี่ยน

แม้ว่าความสำเร็จในภาพรวมของไป่จินหนิงนี้ ไม่สามารถกล่าวได้ว่ายอดเยี่ยมปราศจากผู้ต่อกรเมื่อทอดสายตามองไปทั่วทั้งแดนลัทธิเซียน แต่ว่า ก็นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ทว่า กล่าวสำหรับตระกูลของพวกเขาแล้ว นั่นคือศิษย์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดสำหรับบุคคลยุคหลังๆ หลายยุคที่ผ่านมาแล้ว

ไป่จินหนิงเองก็นึกไม่ถึงว่าเวลาล่วงเลยมาถึงวันนี้แล้ว ยังสามารถมองเห็นพระพุทธรูปไม้องค์นี้ที่ถูกตระกูลจำนำไปในครั้งนั้นอีกครั้ง ก็นับว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง

ดังนั้น เมื่อไป่จินหนิงมองเห็นพระพุทธรูปไม้องค์นี้อยู่ในตู้จึงถูกมันดึงดูดเอาไว้ โดยไม่อาจละสายตาไปไหนได้อีกเลย แต่ว่า ด้วยราคาสามแสนมันเป็นสิ่งที่นางไม่สามารถรับได้อยู่แล้ว

เพียงแต่ เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความจินตนาการของนางไปมากทีเดียว หลี่ชิเย่ถึงกับอาศัยราคาที่ไร้เหตุผลที่สุดซื้อพระพุทธรูปไม้องค์นี้เอาไว้

“ผู้อาวุโสของตระกูลบอกว่า พระพุทธรูปไม้องค์ องค์นี้ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยตลอดกาล” เวลานี้ ไป่จินหนิงดูจะตื่นเต้นมาก ขณะมองดูหลี่ชิเย่ที่โยนพระพุทธรูปไม้ในมือขึ้นลง ทำให้นางตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ในเวลานี้ ไป่จินหนิงอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ว่า พระพุทธรูปไม้ที่คุ้มครองตระกูลของนางให้ปลอดภัยองค์นี้จะต้องตกจนแตกละเอียดไปด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่ แม้ว่าพระพุทธรูปไม้องค์นี้จะไม่ใช่ของนางอีกต่อไปแล้ว และนางก็รู้ว่าชาตินี้ก็ไม่สามารถนำเอาพระพุทธรูปไม้องค์นี้กลับมาได้อีก จะอย่างไรเสียด้วยราคาหนึ่งร้อยล้านนี้ชั่วชีวิตของนางก็ไม่สามารถเอาจำนวนเงินมากมายเช่นนี้ออกมาได้

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม แม้ว่าพระพุทธรูปไม้องค์นี้จะไม่ได้เป็นของตระกูลนางอีกต่อไป แต่ว่า ไป่จินหนิงเองก็ไม่ต้องการให้ถูกทำให้แตกละเอียดไปด้วยมือของหลี่ชิเย่

“พระพุทธรูปสามารถคุ้มครองคนให้ปลอดภัยรึ? ” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งและไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น ยังคงโยนพระพุทธรูปไม้ในมือขึ้นลงเหมือนเดิม

เจ้าอย่าโยนอีกเลย…สุดท้าย ไป่จินหนิงที่ถูกทำให้ตกใจไม่น้อยรีบห้ามหลี่ชิเย่เอาไว้ อดที่จะจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “เกิดเจ้าโยนมันแตกไปจะทำอย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรก็มีค่าถึงหนึ่งร้อยล้านเลยนะ”

หลี่ชิเย่จับพระพุทธรูปไม้แน่นอยู่ในมือ อดหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ถ้าหากมันง่ายต่อการถูกโยนจนแตกละเอียดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปกป้องคุ้มครองตระกูลของเจ้าให้สงบสุขมาทุกยุคทุกสมัยแล้ว แค่ตกลงไปเบาๆ ก็แตกละเอียดได้ล่ะก็ นี่มันคือแม้แต่ตัวเองยังรักษาไม่ได้ ไหนเลยจะปกป้องผู้อื่นให้ปลอดภัยได้? ” ไป่จินหนิงถึงกับตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ฟังทัศนะที่ประหลาดเช่นนี้ ทัศนะเช่นนี้นับว่าแปลกประหลาดมากเกินไปแล้ว แต่ว่า เมื่อฟังดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผล

เพียงแต่พระพุทธรูปไม้องค์นี้ถูกตั้งบูชาอยู่ภายในบ้านตลอดมา ไป่จินหนิงเองก็ไม่ทราบว่ามันจะทนต่อการโยนหรือไม่อย่างใด

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การที่ไป่จินหนิงเห็นหลี่ชิเย่จับพระพุทธรูปไม้เอาไว้ใสมืออย่างมั่นคงนั้น ทำให้นางรู้สึกโล่งอกไปเปราะหนึ่ง มองดูหลี่ชิเย่ที่ดูจะมีท่าทีไม่แคร์เลย นางไม่เข้าใจเสียเลยว่า ของที่มีมูลค่าหนึ่งร้อยล้านเมื่ออยู่ในมือของเขาแล้ว เขาไม่แคร์เลยแม้แต่น้อย

“เหตุใดเจ้า เจ้าจะต้องเสียเงินถึงร้อยล้านไปซื้อมัน? ” ไป่จินหนิงที่มองดูหลี่ชิเย่แล้วรู้สึกฉงนอยู่บ้าง และกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าใช่เงินแค่สามสิบล้านก็สามารถซื้อมันได้อยู่แล้ว”

แรกทีเดียวไป่จินหนิงยังเข้าใจว่า การที่หลี่ชิเย่ขึ้นราคาอย่างบ้าคลั่ง เสียเงินถึงหนึ่งร้อยล้านเพื่อซื้อพระพุทธรูปไม้องค์หนึ่งนั้น เป็นเพราะหลี่ชิเย่ชอบพระพุทธรูปไม้องค์นี้มากจริงๆ กระทั่งไม่อยากจะวางมันลง

เวลานี้ดูไปแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เห็นหลี่ชิเย่จับพระพุทธรูปไม้ที่มีมูลค่าถึงหนึ่งร้อยล้านโยนแล้วโยนอีกตามอารมณ์ เหมือนเป็นของเล่นที่ไม่มีราคาอย่างนั้น ทำให้ไป่จินหนิงเข้าใจทันทีว่า การที่หลี่ชิเย่ซื้อพระพุทธรูปไม้องค์นี้เอาไว้ใช่ว่าเขาชอบมากอะไรทำนองนั้น บางทีอาจเป็นไปได้ว่าเขาแค่ซื้อเอาไว้ตามอารมณ์เท่านั้นเอง

“มันมีข้อแตกต่างกันรึ? ” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง และเอ่ยขึ้นตามอารมณ์ว่า “เหมือนดั่งตอนเช้าที่เจ้าไปซื้อซาละเปาข้างถนน ด้วยฐานะในวันนี้ของเจ้าแล้ว ซาลาเปาลูกหนึ่งจะซื้อด้วยราคาสามอีเปะ หรือสิบอีเปะ ราคานี้มีข้อแตกต่างรึ? ”

“ไม่ ไม่มีข้อแตกต่าง” ไป่จินหนิงกล่าว และรู้สึกงงงันอยู่นิดหนึ่ง

แม้ว่าในโลกของแดนลัทธิเซียน ในโลกของเหล่าเทพแท้จริงขั้นอมตะ ในโลกของราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรแล้ว นางเป็นเพียงบุคคลที่ไม่มีความสำคัญอะไร และไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงเลยเท่านั้นเอง

แต่ทว่า หากในโลกของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาแล้ว อาศัยกำลังทรัพย์ของนางในวันนี้ ใช้สามอีเปะหรือสิบอีเปะเพื่อซื้อซาละเปาสักลูกในโลกของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา จะเป็นสามอีเปะหรือสิบอีเปะก็ช่าง ด้วยราคาเช่นนี้กล่าวสำหรับนางแล้วเป็นยอดที่ไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง

ต่อให้เป็นซาลาเปาที่มีมูลค่าเพียงสามอีเปะนางก็สามารถจ่ายด้วยสิบอีเปะตามอารมณ์ได้

“ก็ถูกแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวตามอารมณ์ไปว่า “สามสิบล้านกับหนึ่งร้อยล้านสำหรับข้าแล้วไม่ได้แตกต่างอะไร มันเหมือนกันทั้งนั้น”

คำพูดที่ง่ายๆ ตามอารมณ์ของหลี่ชิเย่ พลันทำให้ไป่จินหนิงถึงกับอึดอัดหายใจไม่ออก

ไม่ว่าจะเป็นสามสิบล้านหรือหนึ่งร้อยล้าน กล่าวสำหรับนางแล้วก็เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่เอื้อมไปไม่ถึง กระทั่งสำหรับยอดฝีมือจำนวนมากใต้หล้า อย่าว่าแต่บุคคลที่ไม่มีความสำคัญเช่นนาง แม้แต่บรรดาศิษย์ผู้บำเพ็ญตน โอรส กระทั่งเหมือนดั่งกุมารซ้ายหมิงหวัง กุมารขวาหมิงหวัง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว สามสิบล้านหรือหนึ่งร้อยล้านล้วนแล้วแต่เป็นยอดเงินมหาศาลทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของหลี่ชิเย่แล้ว นั่นเป็นเพียงจำนวนเงินที่เล็กน้อยไม่คู่ควรจะกล่าวถึง เฉกเช่นสำหรับนางแล้ว เหมือนเช่นยอดเงินสามอีเปะอย่างนั้น

ความแตกต่างลักษณะเช่นนี้ช่างเป็นอะไรที่ทำให้ผู้คนอึดอัดจนหายใจไม่ออก ในเวลานี้เอง ไป่จินหนิงนึกถึงคำพูดคำหนึ่ง นั่นก็คือต่างกันราวฟ้ากับดิน

“แต่ว่า มันคุ้มกับราคาเช่นนี้” ขณะที่ไป่จินหนิงกำลังอึดอัดจนหายใจไม่ออก หลี่ชิเย่ได้กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา

“มัน มัน มันคุ้มค่ากับเงินหนึ่งร้อยล้าน? ” ไป่จินหนิงตะลึงนิดหนึ่ง รู้สึกไม่น่าเชื่อ นัยน์ตาคู่นั้นของนางเบิกกว้าง

ในความทรงจำของนาง ครั้งนั้นคนในตระกูลขณะนำเอาพระพุทธรูปไม้องค์นี้ไปจำนำ ได้ยินมาว่ามันก็แค่หนึ่งถึงสองหมื่นเท่านั้นเอง ภายหลังได้ผ่านมือไปหลายทอด จึงขึ้นไปถึงสามแสน

ในความคิดของไป่จินหนิง ราคาเช่นนี้ก็นับว่าเกินไปแล้ว ราคาเช่นนี้อาศัยกำลังทรัพย์ของนางในวันนี้ไม่สามารถซื้อกลับมาได้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เวลานี้หลี่ชิเย่กลับบอกว่ามันคุ้มกับราคาหนึ่งร้อยล้าน แล้วจะไม่ทำให้ไป่จินหนิงตกใจจนตะลึงได้อย่างไร

แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พระพุทธรูปไม้องค์นี้จะเป็นสมบัติประจำตระกูลของพวกเขา กล่าวสำหรับไป่จินหนิงแล้ว มูลค่าของมันอยู่ที่ความหมายเชิงสัญลักษณ์ สัญลักษณ์ของความสามัคคีของคนในตระกูล ชั่วกาลนาน และเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลที่สงบสุขปลอดภัยตลอดกาล

ในทัศนะของไป่จินหนิงมองว่า พระพุทธรูปไม้องค์นี้หาใช่ของวิเศษอะไร มันเป็นเพียงหลักฐานอย่างหนึ่งเท่านั้น

ถ้าหากในราคาสามแสน และนางมีเงินจำนวนนี้จริง นางจะซื้อมันกลับมาอย่างแน่นอน หากเป็นราคาสามล้าน นางจะพิจารณาสักนิด

ถ้าหากเป็นหนึ่งร้อยล้าน เมื่อเป็นเช่นนี้กล่าวสำหรับไป่จินหนิงแล้ว เกรงว่าต่อให้นางมีเงินจำนวนนี้ก็จะไม่ซื้อมันกลับมา จะอย่างไรเสีย พระพุทธรูปไม้เช่นนี้มันเป็นเพียงหลักฐานหาใช่ของวิเศษอะไร ราคาหนึ่งร้อยล้านมันเกินไปแล้ว

แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับบอกว่าพระพุทธรูปไม้องค์นี้สมกับราคาหนึ่งร้อยล้าน แล้วจะไม่ทำให้ไป่จินหนิงตกใจจนทำอะไรไม่ถูกได้อย่างไร

“ต่อให้เพิ่มมูลค่าขึ้นไปอีกก็ยังคุ้ม แค่ศิลาแกร่งอมตะเท่านั้นไหนเลยจะเทียบกับมันได้” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะมีเงินมาก แต่ทว่า ยังไม่ถึงขั้นเสียเงินไปซื้อขยะมา หากเป็นขยะก็ไม่เข้าตาข้าอยู่แล้ว”

ไป่จินหนิงตะลึงนิดหนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาก็รู้สึกว่าคำพูดของหลี่ชิเย่ก็มีเหตุผล ลองนึกดูก่อนไปจาก ของวิเศษในร้านตั้งมากมาย หลี่ชิเย่ไม่ได้มองสักแวบหนึ่งด้วยซ้ำ และของวิเศษเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มอบให้ได้ฟรีๆ เขากลับไม่หวั่นไหว ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าของวิเศษเหล่านี้ไม่เข้าตาของหลี่ชิเย่

“มัน มัน มันมีค่ามากขนาดนี้จริงๆ รึ? ” ในเวลานี้ ไป่จินหนิงเองก็รู้สึกมึนงงขณะมองดูพระพุทธรูปไม้องค์นั้นที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่

นางเติบโตมาพร้อมกับมองเห็นพระพุทธรูปไม้องค์นี้ ไม่รู้ว่าได้มองดูมาแล้วกี่ครั้ง แต่ นางไม่เคยมองออกว่าพระพุทธรูปไม้องค์นี้จะมีค่ามหาศาลเพียงนี้

“ถ้าหากเจ้าสามารถมองออกได้ล่ะก็ เรียกว่ายอดเยี่ยมมากแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “บรรพบุรุษของเจ้าก็นับว่ามีความสามารถ ในเมื่อมีความสามารถแล้ว พวกเขาจะเอาไม้แกะสลักง่ายๆ สักชิ้นมาเป็นสมบัติประจำตระกูลอย่างนั้นรึ? ”

“มันก็ใช่” ไป่จินหนิงตะลึงนิดหนึ่ง

แม้ว่าตระกูลของพวกเขาตกต่ำเสื่อมลงอย่างสิ้นเชิงแล้วในเวลานี้ แต่ว่า ฟังจากผู้เฒ่าในตระกูลบอกเอาไว้ว่า บรรพบุรุษของพวกเขาก็เคยเป็นมหาเศรษฐีมาก่อน

ในเมื่อบรรพบุรุษพวกเขาเคยมั่งมีเป็นมหาเศรษฐี ย่อมต้องมีทรัพย์สินที่สะเทือนเลื่อนลั่นในครอบครอง ในยุคที่มีเงินทองมากมายบรรพบุรุษพวกเขายังคงถือเอาพระพุทธรูปไม้องค์หนึ่งมาเป็นสมบัติประจำตระกูล

ลองนึกภาพดู พระพุทธรูปไม้เช่นนี้องค์หนึ่งจะเป็นไม้แกะสลักที่ธรรมดาๆ เท่านั้นเองรึ?

ก่อนหน้านั้น ไป่จินหนิงไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้ให้ลึกซึ้ง เวลานี้เมื่อถูกหลี่ชิเย่เตือนสติแล้ว ไป่จินหนิงพลันรู้สึกว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายดายเช่นนี้

“นั่น นั่น นั่นมันคืออะไร?” ไม่ง่ายนักกว่าจะได้สติกลับมา และกล่าวว่า “มัน มัน มันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมากับมือของพระลังกาจริงหรือ? ”

ในอดีต พระพุทธรูปไม้องค์นี้เป็นเพียงสิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งในใจของนางเท่านั้น

…………………………………………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *