Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2943 ห้างประมูลเจียวเหิง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2943 ห้างประมูลเจียวเหิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2943 ห้างประมูลเจียวเหิง

เป็นความจริงที่ห้างเจียวเหิงมีความสามารถที่สูงมาก ขณะที่หลี่ชิเย่พักอาศัยอยู่ที่บ้านของไป่จินหนิงนั้น ก่อนงานประมูลจะเริ่มขึ้น ห้างเจียวเหิงได้ส่งเทียบเชิญมาให้กับหลี่ชิเย่เป็นการเฉพาะ

บนเทียบเชิญจารึกอักษรคำว่า “เรียนคุณชายหลี่โดยเฉพาะ” ตัวเทียบเชิญล้ำค่าอย่างยิ่ง ลักษณะเป็นจานหยก ดิ้นทอง สลักตัวอักษร โดยเทียบเชิญปรากฏกลิ่นอายสัจธรรมที่ตลบอบอวล สัจธรรมยิ่งใหญ่ไพศาล รับรู้ได้ถึงความสนิทสนท เมื่อลูบคลำจะรู้สึกสบายอย่างยิ่ง

ย่อมไม่ต้องสงสัย ตัวของเทียบเชิญเองก็คือของวิเศษที่ล้ำค่ายิ่งชิ้นหนึ่ง มันสามารถนำมาใช้เป็นของวิเศษได้ สิ่งนี้สามารถบ่งบอกว่าห้างเจียวเหิงนั้นมือเติบเพียงใดแล้ว

“ว้าวห้างเจียวเหิงนับว่ารู้จริงนะเนี่ย นี่คือการจัดวางฐานะไว้ในระดับสูงสุดแล้ว โดยทั่วไปมีเพียงระดับปฐมบรรพบุรุษเท่านั้นจึงจะได้เทียบเชิญลักษณะเช่นนี้” กระบือดำขนาดใหญ่เป็นผู้รับเทียบเชิญนี้มา

กระบือดำขนาดใหญ่ยังได้เหลือบมองผู้ที่ส่งเทียบเชิญเป็นพิเศษ คนผู้นี้เป็นหนึ่งในเถ้าแก่ร้านของห้างเจียวเหิง พลันที่มองดูก็รู้ได้ทันทีว่า เถ้าแก่ร้านผู้นี้มีกำลังความสามารถอยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ

ลองนึกภาพดู ผู้มีกำลังความสามารถระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะต้องมาทำงานรับใช้ ด้วยการนำส่งเทียบเชิญถึงที่ด้วยตนเอง ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า ทางห้างเจียวเหิงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพียงใด และบ่งบอกถึงฐานะของหลี่ชิเย่ในห้างเจียวเหิงของพวกเขา

ในด้านนี้ห้างเจียวเหิงนับว่ามีความยอดเยี่ยมมาก พวกเขาไม่เพียงรู้ว่าหลี่ชิเย่พักอยู่ที่ใดเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังรู้เป็นอย่างดีว่าแขกผู้มีเกียรติที่ตนเองต้องการเชิญมานั้น ดำรงอยู่ในสถานะอย่างไร อยู่ในระดับเช่นใด

มิน่าเล่าเจ้ากระบือดำขนาดใหญ่จึงได้พูดขึ้นว่า ห้างเจียวเหิงของพวกเขารู้จริง เนื่องจากห้างเจียวเหิงได้จัดให้หลี่ชิเย่ได้รับการปฏิบัติในระดับสูงสุดแล้ว ซึ่งเป็นระดับสำหรับปฐมบรรพบุรุษ และไม่มีผู้ได้รับการปฏิบัติที่สูงมากไปกว่านี้อีกแล้ว

หลี่ชิเย่เพียงมองดูเทียบเชิญที่ล้ำค่ายิ่งแวบหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าจะไปร่วมงาน อย่าได้รบกวน”

เถ้าแก่ร้านผู้นี้ไม่พูดมากทำเพลง แค่แสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่ จากนั้นหันหลังจากไปทันที

นี่แหละคือการทำงานของห้างเจียวเหิงที่ตรงไปตรงมา กระฉับกระเฉง ไม่มีการอืดอาดยืดยาดแม้แต่น้อย พวกเขาไม่ไปรบกวนหลี่ชิเย่มากมาย เนื่องจากพวกเขามองว่า จะเสียมารยาทกับแขกผู้มีเกียรติระดับนี้ไม่ได้เด็ดขาด แต่ ก็ไม่อาจไม่รบกวนได้

หลังจากที่เถ้าแก่ร้านผู้นี้จากไปแล้ว หลี่ชิเย่ได้โยนเทียบเชิญนี้ให้กับไป่จินหนิงที่อยู่ด้านข้างตามอารมณ์

“นี่ ข้า ข้า…” ไป่จินหนิงถือเทียบเชิญในมือ ในเวลานี้นางไม่เข้าใจความหมายของหลี่ชิเย่ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

“เอาไปเถอะ ของชิ้นนี้ไม่เลวนัก นับเป็นของป้องกันตัวชิ้นหนึ่ง มันเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่ง” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉย

ไป่จินหนิงถึงกับงงงัน แค่เทียบเชิญใบหนึ่งถึงกับนำมาเป็นของวิเศษได้ นี่เป็นมาดที่ฟุ่มเฟือยเพียงใด แม้แต่นายด่านของด่านเทียนสงกวานไทอิ๋นสี่ก็ไม่ได้มีมาดเช่นนี้

“พวกเราไปงานประมูลดูสักหน่อยก็ดี” หลี่ชิเย่หัวเราะ งานประมูลในครั้งนี้ของวิเศษอื่นๆ สำหรับเขาแล้วอย่างไรก็ได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่มีของอยู่สิ่งหนึ่งเขาได้เล็งเอาไว้แล้วจริงๆ

“แหะไป ไป พวกเราไปแน่นอน” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ได้เห็นคู่มือโฆษณาของห้างเจียวเหิงมาก่อนหน้าแล้ว ดวงตาทั้งสองส่งประกายแวววาว กล่าวท่าทียิ้มแต้ว่า “ในนั้นมีของอยู่หลายอย่าง กระบือสุดหล่ออย่างข้าชอบๆ จริงๆ”

“เจ้าควักกระเป๋าจ่ายเอง” หลี่ชิเย่มองดูกระบือดำขนาดใหญ่ด้วยท่าทีเรียบเฉยทีหนึ่ง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า เจ้ากระบือถ่านดำที่หน้าไม่อายต้องการเอาเปรียบเขา

“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทำอย่างนี้ได้อย่างไร ข้าน้อยเป็นวัวเป็นควายให้กับท่าน ชั่วดีอย่างไรท่านก็ควรให้รางวัลเพื่อเป็นกำลังใจใช่หรือไม่เล่า?” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ร้องขอความเป็นธรรมขึ้นมาทันที กล่าวไม่พอใจขึ้นมาบ้าง

หลี่ชิเย่มองดูเขาด้วยท่าทีเฉยเมย และกล่าวว่า “ของดีๆ ที่เจ้าได้มาด้วยความโลภขณะอยู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ยังน้อยไปอีกรึ?”

“ไม่มี ไม่มีแน่นอน ไม่มีอย่างแน่นอน” กระบือดำขนาดใหญ่ทำท่าสาบานทันที และกล่าวว่า “ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ พื้นที่เฉกเช่นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ผืนนั้น หากจะมีของดีอะไรก็ถูกปราชญ์ไกลกันดารเจ้าแก่ตายยากกวาดจนหมดเกลี้ยงไปแล้ว เหลือแต่เศษๆ ก็ถูกบรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นแบ่งปันกันไปหมดแล้ว กระบือแก่ๆ อย่างข้าร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถไปแย่งชิงกับพวกมันได้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่ได้ของดีอะไรมาเลย”

กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวพลาง แสดงท่าทางน่าสงสารยิ่งออกมา

“ในเมื่อร่างกายอ่อนแอก็ให้มันน้อยๆ หน่อย ควบคุมสักนิด ไม่ต้องไปหากระบือตัวเมียทุกวัน” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉย

ไป่จินหนิงที่อยู่ข้างๆ พลันมีสีหน้าที่แดงก่ำขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดที่หยาบโลนเช่นนี้ จะอย่างไรเสียนางก็เป็นสาวเป็นนาง

“ถุย ถุย ถุยท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ คำพูดนี้ของท่านพูดเกินไปแล้ว กระบือสุดหล่อเช่นข้าเป็นคนแบบนี้รึ? ไม่สิ เป็นกระบือแบบนี้รึ? กระบือสุดหล่ออย่างข้ามือสะอาดเปี่ยมด้วยจิตใจที่ซื่อตรง” กระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับกระโดดตัวลอย และร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา

“เป็นกระบือเช่นนี้แหละ…” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา

กระบือดำขนาดใหญ่ถูกหลี่ชิเย่สยบจนดิ้นไม่ได้ ต่อให้เขามีปากคอที่เราะร้ายก็เอาชนะหลี่ชิเย่ไม่ได้ ได้แต่ทำท่าห่อเหี่ยวเหมือนมะเขือเทศที่ถูกลูกเห็บตกใส่

หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันจัดงานประมูลได้มาถึงแล้ว หลี่ชิเย่นำพากระบือดำขนาดใหญ่และไป่จินหนิงสองคนรุดไปยังงานประมูลครั้งยิ่งใหญ่ของห้างเจียวเหิงแต่เข้า

หลี่ชิเย่ไม่ได้อาศัยเทียบเชิญของห้างเจียวเหิง แม้ว่าห้างเจียวเหิงจะไม่ได้รบกวนเขา แต่ เขามั่นใจได้ว่าห้างเจียวเหิงได้สืบหาประวัติของเขา และจะต้องทำการจัดทำประวัติความเป็นมาของเขาแน่นอน ซึ่งเป็นการกระทำที่เขาไม่ชอบ แน่นอน เขาเองก็ไม่ได้ไปถือสา

ครั้นพวกของหลี่ชิเย่มาถึงแต่เช้า ปรากฏว่าบริเวณด้านนอกของห้างเจียวเหิงเต็มไปด้วยผู้คน มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เข้าแถวรอเข้างานแต่วันแล้ว

แน่นอน หากถือเทียบเชิญมาด้วยก็จะได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่เฉพาะของห้างเจียวเหิง ไม่จำเป็นต้องเข้าแถว สามารถเข้าไปในงานได้ตลอดเวลา

บริเวณที่จัดงานของห้างเจียวเหิงกินพื้นที่อาณาบริเวณที่กว้างขวางมากในด่านเทียนสงกวาน เรียกว่าได้ยึดครองพื้นที่มุมๆ หนึ่งด่านเทียนสงกวาน ลองจินตนาการดูว่า ด่านเทียนสงกวานนั้นมีขนาดใหญ่เพียงใด ขณะที่ห้างเจียวเหิงได้ยึดครองไปมุมๆ หนึ่ง ด้วยมาดเช่นนี้ช่างเป็นอะไรที่แข็งแกร่งเพียงใด ลำพังแค่จุดนี้ก็เป็นสิ่งที่ห้างอื่นๆ ห่างชั้นไม่สามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว

สถานที่จัดงานประมูลของห้างเจียวเหิงมีลักษณะคล้ายเป็นลำเรือลำใหญ่อย่างนั้น และลำเรือที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารนี้ สำหรับผู้คนจำนวนมากเกรงว่าจะเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาชั่วชีวิตแล้ว

การที่เรือลำใหญ่ลำนี้ตั้งตระหง่านอยู่ภายในด่านเทียนสงกวาน เสมือนหนึ่งพร้อมที่จะชักใบออกเดินทางได้ทุกเมื่ออย่างนั้น ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือ หัวเรือของเรือที่ใหญ่โตมโหฬารลำนี้หันหน้าไปยังทะเลปุ๊ตู้ไห่ ดูไปแล้วด่านเทียนสงกวานก็คล้ายเป็นอ่าวๆ หนึ่ง ขณะที่เรือลำใหญ่ลำนี้เหมือนหนึ่งเป็นเรือรบที่พร้อมจะออกเดินทาง พร้อมยกทัพมุ่งไปยังทะเลปุ๊ตู้ไห่ทุกเวลา

ลักษณะการจัดวางเช่นนี้ไม่ทราบว่าเป็นเพราะความบังเอิญโดยแท้ หรือว่าเป็นความตั้งใจของห้างเจียวเหิง

“เป็นการลงทุนที่หนักมาก” หลี่ชิเย่อดที่จะพยักหน้ากล่าวชื่นชม เมื่อมองเห็นเรือลำนั้นที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร มองเห็นสถานที่ที่จัดงานประมูลของห้างเจียวเหิงจากระยะไกล

“ได้ยินมาว่า ห้างเจียวเหิงเคยสร้างเรือรบลำหนึ่งให้กับปฐมบรรพบุรุษผู้หนึ่ง เป็นเรือรบที่เดินทางไกลเพื่อพิชิตทะเลปุ๊ตู้ไห่ ดังนั้น ภายหลังห้างเจียวเหิงจึงได้สร้างห้างขายประมูลที่มีลักษณะเป็นเรือรบเช่นนี้” ไป่จินหนิงรีบอธิบาย

นางกำเนิดและเติบโตที่ผืนแผ่นดินไกลกันดาร ทั้งยังเฝ้ารักษาการณ์อยู่ในด่านเทียนสงกวานเป็นเวลานาน จึงทราบเรื่องประวัติศาสตร์เกี่ยวกับด่านเทียนสงกวานอยู่ไม่น้อย

“แหะไหนเลยจะง่ายดายเพียงนี้” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “เรื่องนี้นับว่าดึกดำบรรพ์มากแล้ว ดึกดำบรรพ์จนบนทึกมากมายก็หายสาบสูญไปแล้ว แต่ว่า บังเอิญกระบือสุดหล่ออย่างข้าพอรู้มาบ้าง”

กระบือดำขนาดใหญ่มองดูเรือลำยักษ์ที่เป็นสถานที่ขายประมูล และกล่าวว่า “เกี่ยวกับคำเล่าลือต่างๆ นานา มีที่ค่อนข้างแน่ชัดคือ ห้างเจียวเหิงเคยสร้างเรือรบที่เก่าแก่โบราณยิ่งลำหนึ่งให้กับปฐมบรรพบุรุษอัคคี เพื่อใช้สำหรับพิชิตทะเลปุ๊ตู้ไห่”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่า ประวัติความเป็นมาของปฐมบรรพบุรุษอัคคีผู้นี้เรียกได้ว่าสะเทือนเลื่อนลั่นทีเดียว” ครั้นกระบือดำขนาดใหญ่เอ่ยถึงตรงนี้ได้มองดูไป่จินหนิงแวบหนึ่ง อวดอ้างความรู้ของตน โดยกล่าวว่า “ปฐมบรรพบุรุษอัคคีผู้นี้เล่าลือกันว่า เขาเป็นศิษย์ของจักรพรรดิซุ่ยที่เป็นหนึ่งในสามเซียนในตำนาน”

“มีสามเซียนจริงรึ?” ไป่จินหนิงถึงกับงุนงงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก เนื่องจากสามเซียนเป็นเพียงตำนาน ไม่เคยมีผู้พบเห็นมาก่อน

“ใครบอกว่าไม่มีสามเซียน” กระบือดำขนาดใหญ่ทำท่ายืดอก ท่าทางหยิ่งผยอง และกล่าวว่า “นี่แหละคือความรู้อันน้อยนิดของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเช่นพวกเจ้า คิดว่าไม่เคยมีผู้พบเห็นมาก่อน ไม่มีการบันทึกอย่างละเอียดก็คือไม่มี นึกว่าไม่มีมูลความจริง แหะเรื่องราวบนโลกไหนเลยมีเรื่องที่ไม่มีมูลเหตุความเป็นจริง ถ้าหากไม่มีก็คงไม่มีการเขียนขึ้นมา”

“จะเป็นเซียนหรือไม่ก็คงพูดยาก” หลี่ชิเย่ที่อยู่ข้างๆ ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “แต่ว่า ถ้าไล่เรียงตามประวัติศาสตร์โบราณของแดนสามเซียนแล้ว แดนสามเซียนมีคนสามคนนี้จริงๆ และนับได้ว่าเป็นปฐมบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดดึกดำบรรพ์ที่สุดของแดนสามเซียน”

“ดูสิ ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็พูดออกมาแล้ว ไม่ผิดใช่มั้ยล่ะ” กระบือดำขนาดใหญ่ดูจะยิ่งลำพองมากขึ้น เมื่อได้รับการยืนยันจากหลี่ชิเย่

แม้ว่าไป่จินหนิงจะเป็นเพียงบุคคลที่ไม่มีความสำคัญอะไร แต่ว่านางกำเนิดที่แผ่นดินไกลกันดาร ทั้งยังเฝ้ารักษาการณ์อยู่ในด่านเทียนสงกวาน ได้ยินเรื่องราวโบราณประหลาดต่างๆ เป็นประจำ จึงมีความรู้เกี่ยวกับระดับปฐมบรรพบุรุษแต่ละคนในแดนลัทธิเซียน

“เรื่อง เรื่องนี้ด้านเวลาดูจะไม่เข้ากันนะ” ใช่ว่าไป่จินหนิงดึงดันจะไปสงสัยในคำพูดของกระบือดำขนาดใหญ่ นางรู้สึกแปลกใจ และกล่าวว่า “เล่ากันว่า สามเซียนนั้นดำรงอยู่ในฐานะของยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มาก หากเป็นศิษย์ของสามเซียน เช่นนั้นแล้วก็ต้องถือกำเนิดในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มากจึงจะถูก แต่ว่า ห้างเจียวเหิงไม่ได้เก่าแก่ถึงเพียงนั้น เล่ากันว่าผู้ก่อตั้งห้างเจียวเหิงที่ชื่อเจียวเหิงก็แค่อยู่ในยุคเดียวกันกับปฐมบรรพบุรุษสี่ไป๋ฮุย”

คำพูดของไป่จินหนิงก็ไม่ผิด สามเซียนนั้นอยู่ในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มาก มากจนไม่สามารถไล่ย้อนไปถึง ถ้าหากว่าเป็นศิษย์ของสามเซียน ย่อมหมายถึงต้องเป็นบุคคลในยุคดึกดำบรรพ์เช่นใด

“แหะเรื่องนี้เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ใครบอกว่าปฐมบรรพบุรุษอัคคีจะต้องอยู่ในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งเสมอไป บอกได้แต่เพียงสามเซียนนั้นดำรงอยู่ในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มาก”

“เรื่อง เรื่องนี้มีข้อแตกต่างรึ?” หลี่ชิเย่ดูจะไม่สามารถตอบสนองได้ และกล่าวว่า “ตามตำนานดำเหมือนปฐมบรรพบุรุษอัคคีจะไม่ใช่ปฐมบรรพบุรุษในยุคสมัยดึกดำบรรพ์นะ”

“นี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด” หลี่ชิเย่มองดูไป่จินหนิงที่ดูตาค้างพูดอะไรไม่ออก หัวเราะส่ายหน้าและกล่าวว่า “อาจารย์เป็นคนในยุคดึกดำบรรพ์ ศิษย์ไม่แน่เสมอไป ผู้คนจำนวนมากเข้าใจผิด ดังนั้นจึงเกิดคำวิจารณ์ที่ไร้สาระขึ้น และด้วยเหตุนี้เองผู้คนจำนวนมากจึงสงสัยในเรื่องการคงอยู่จริงของสามเซียน”

“ถ้าเช่นนั้น เจ้ารู้ถึงยุคสมัยของปฐมบรรพบุรุษอัคคีหรือไม่?” กระบือดำขนาดใหญ่ดูจะมีท่าทีอวดรู้ กล่าวและหัวเราะแหะแหะ

“เรื่อง เรื่องนี้ไม่ค่อยจะชัดเจนนัก” หลี่ชิเย่ตะลึงนิดหนึ่ง ตรึกตรองอย่างละเอียดและกล่าวว่า “ดูเหมือนจะไม่ได้ดึกดำบรรพ์ขนาดนั้น อย่างน้อยไม่ได้ดึกดำบรรพ์เช่นสามเซียน ถ้าอาศัยการคาดคะเน ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเกินไปกว่าสี่ไป๋ฮุย และเป็นไปไม่ได้ที่จะเกินไปกว่าผู้ก่อตั้งห้างเจียวเหิง”

………………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *