Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2971 เขาหวู่สิงซาน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2971 เขาหวู่สิงซาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2971 เขาหวู่สิงซาน

ในแดนลัทธิเซียนเมื่อมีการเอ่ยถึงชื่อของเขาหวู่สิงซานชื่อนี้แล้ว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรรู้สึกนับถือในใจขึ้นมา

ในแดนลัทธิเซียนเคยให้กำเนิดระดับปฐมบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อย อาจมีคนถามว่า ระดับปฐมบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดคือใคร บางทีคำตอบของทุกคนอาจจะแตกต่างกัน บางคนบอกว่าคือปฐมบรรพบุรุษเป้าผู ซึ่งเป็นปฐมบรรพบุรุษคนแรกของแดนสามเซียน และมีบางคนจะบอกว่าคือเกาหยางที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งที่ยากจะหาผู้ใดเทียม ยังมีผู้ที่บอกว่าคือปฐมบรรพบุรุษอัคคีที่เดินทางไกลเพื่อปราบปรามยังทะเลปุ๊ตู้ไห่…

แต่ เหมือนว่าหากว่ากันด้วยยุคสมัยหนึ่งแล้ว ปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดแข็งแกร่งที่สุดล่ะก็ บางทีผู้คนจำนวนมากจะนึกถึงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งเป็นอันดับแรก ซึ่งก็คือเขาหวู่สิงซาน

ปฐมบรรพบุรุษของเขาหวู่สิงซานได้รับการเรียกขานจากชนรุ่นหลังว่า ปฐมบรรพบุรุษหวู่สิง แต่ว่า ถ้าเข้าใจแค่ว่าเป็นเพียงปฐมบรรพบุรุษหวู่สิงเท่านั้นล่ะก็ นั่นคือคิดผิดอย่างมหันต์

มีความเป็นไปได้ว่าปฐมบรรพบุรุษหวู่สิงอาจมีถึงสองคน ตามคำบอกเล่าเกี่ยวกับปฐมบรรพบุรุษหวู่สิงดูแปลกประหลาดมาก และมีความพิเศษมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังดูลึกลับมาก

เนื่องจากเขาหวู่สิงซานก่อตั้งขึ้นมาในยุคสมัยที่ยาวนานมาก และปฐมบรรพบุรุษหวู่สิงก็ถือเป็นยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งนัก ดังนั้น บันทึกเกี่ยวกับปฐมบรรพบุรุษหวู่สิงอย่างละเอียดจึงมีน้อยมาก และทำให้ปฐมบรรพบุรุษหวู่สิงดูลึกลับยิ่งนัก

แต่ว่า ในยุคหลังสามารถมั่นใจได้ว่า ปฐมบรรพบุรุษหวู่สิงไม่ได้มีปฐมบรรพบุรุษเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น อย่างน้อยมีปฐมบรรพบุรุษสองคน

ลองนึกภาพดู ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งหนึ่งให้กำเนิดปฐมบรรพบุรุษพร้อมกันทีเดียวสองคน อีกทั้งปฐมบรรพบุรุษสองคนได้ก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิชั้นแดนลัทธิเซียนขึ้นมาลัทธิหนึ่งพร้อมกัน ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออะไรอย่างนั้น

ในแดนลัทธิเซียนใช่ว่าจะมีปฐมบรรพบุรุษเพียงคนเดียวในยุคสมัยหนึ่งๆ บางยุคสมัยที่ค่อนข้างพิเศษยังมีปฐมบรรพบุรุษได้สองถึงสามคน แต่ว่า โดยหลักการปรกติแล้วจะมีเพียงหนึ่งปฐมบรรพบุรุษต่อหนึ่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเท่านั้น

ถ้าหากผู้บำเพ็ญตนสักกคนคิดจะกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษล่ะก็ จะต้องฝ่าวิถีทางของบรรพชนออกไป กระโดดออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน ท้ายที่สุดแล้วจึงสามารถกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษได้

เฉกเช่นปราชญ์อัจฉริยะหลันซูในยุคปัจจุบันอย่างนั้น เขามีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งเฉ่า แต่ว่า หลังจากที่เขากลายเป็นปฐมบรรพบุรุษแล้วก็ไม่สามารถให้สิ่งจัดตั้งเพื่อสืบทอดของตนคงอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งเฉ่า เขาจะต้องกระโดดออกไปจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งเฉ่า จึงสามารถสืบทอดต่อไปได้ และทำให้เขาก้าวเดินไปได้ไกลยิ่งขึ้น

จะอย่างไรเสียเขาก็ได้กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษไปแล้ว ทางระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งเฉ่าก็ไม่สามารถบุ่มฝักเขาได้อีก เปรียบเหมือนสระน้ำที่ตื้นเขินย่อมไม่สามารถบุ่มฟักมังกรแท้จริงได้

แต่แล้ว เขาหวู่สิงซานกลับมีลักษณะที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง มันถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยปฐมบรรพบุรุษอย่างน้อยสองคนด้วยกัน และกระทั่งมีตำนานเล่าว่าเขาหวู่สิงซานมีต้นกำเนิดสัจธรรมยากจะหาใดเทียม

หนึ่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจะมีต้นกำเนิดสัจธรรมได้เพียงหนึ่งเดียว ถ้าหากมีต้นกำเนิดสัจธรรมสองต้นกำเนิดก็จะขัดแย้งกัน กระทั่งส่งผลให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิล่มสลายลงได้

ทว่า เขาหวู่สิงซานกลับเป็นอะไรที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองเช่นนี้ ในยุคสมัยเดียวกันให้กำเนิดปฐมบรรพบุรุษถึงสองคน และสร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองเช่นนี้

ตำนานเกี่ยวกับปฐมบรรพบุรุษของเขาหวู่สิงซานมีอยู่หลากหลาย มีผู้กล่าวว่า ปฐมบรรพบุรุษสองคนของเขาหวู่สิงซานเป็นพี่น้องฝาแฝด มีจิตใจตรงกันแต่กำเนิด ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษได้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน และสร้างเขาหวู่สิงซานร่วมกัน

และมีตำนานที่คิดว่า ปฐมบรรพบุรุษของเขาหวู่สิงซานคือคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่มีจิตเชื่อมถึงกัน มีวิถีการฝึกคู่กัน ดังนั้น จึงสามารถสร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเช่นเขาหวู่สิงซานที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองขึ้นมาได้

ยังมีอีกหนึ่งคำเล่าลือที่ไร้เหตุผล นั่นก็คือปฐมบรรพบุรุษของเขาหวู่สิงซานไม่ได้มีเพียงสองคน แต่เป็นห้าคน และปฐมบรรพบุรุษทั้งห้าล้วนอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน บรรลุสัจธรรมพร้อมกัน และทั้งห้าคนได้ร่วมมือกันสร้างเขาหวู่สิงซานขึ้นมา ส่งผลให้เขาหวู่สิงซานมีต้นกำเนิดสัจธรรมถึงห้าต้นกำเนิดสัจธรรม

แน่นอนที่สุด คำกล่าวลักษณะเช่นนี้มันเกินไปแล้วจึงไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากหนึ่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิมีห้าต้นกำเนิดสัจธรรมมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น คำกล่าวเช่นนี้จึงไม่ได้รับการเชื่อถือ

แต่ทว่า ที่ทุกคนมั่นใจได้ก็คือ เขาหวู่สิงซานถูกสร้างขึ้นร่วมกันจากปฐมบรรพบุรุษอย่างน้อยสองคน และปฐมบรรพบุรุษทั้งสองล้วนอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน

นอกเหนือจากนี้ เขาหวู่สิงซานในยุคหลังก็ได้ให้กำเนิดบุคคลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งเช่นกัน ในยุคหลังมานี้เขาหวู่สิงซานได้เคยปรากฎผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรเช่นหย่วนเต้า และยังให้กำเนิดปฐมบรรพบุรุษที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งผู้หนึ่งซึ่งก็คือปฐมบรรพบุรุษชิงเหลียนมู่จู่

ปฐมบรรพบุรุษชิงเหลียนมู่จู่คือผู้ที่สำเร็จมรรคในยุคหลัง โดยอาศัยกรอบที่มีอยู่เดิมของเขาหวู่สิงซาน ท่ามกลางสัจธรรม่ของปฐมบรรพบุรุษ เขาบรรลุสัจธรรมกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษ ท้ายสุดก้าวขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์

หลังจากที่ปฐมบรรพบุรุษชิงเหลียนมู่จู่บรรลุสัจธรรมแล้ว ได้กลายเป็นวิถีทางที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากในยุคหลังใช้ในการคลำหาทาง

เนื่องจากทุกคนต่างรู้ดีว่า ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนสักคนหากคิดจะกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษ จะต้องหลุดพ้นจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน และทำลายระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ ของปรัชญาเมธี ท่ามกลางสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษของตนจะไม่สามารถบรรลุเป็นปฐมบรรพบุรุษได้อยู่แล้ว เมื่อฝึกไปถึงระดับหนึ่งจะต้องออกจากสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษของตน จึงสามารถบรรลุสัจธรรมกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษได้ในที่สุด

แต่ว่า ปฐมบรรพบุรุษชิงเหลียนมู่จู่กลับสร้างปาฏิหาริย์ขึ้น เขาได้ฝึกฝนสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษของเขาหวู่สิงซานจนมีความครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น มีความสมบูรณ์ดีเลิศมากยิ่งขึ้น ภายใต้กรอบที่มีอยู่เดิมของปฐมบรรพบุรุษหวู่สิง ท่ามกลางสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษหวู่สิง เขาถึงกับบรรลุสัจธรรมกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษ กลายเป็นความมหัศจรรย์ที่ยากจะหาใดเทียมในหล้า

ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่คาดหวังให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนสามารถรองรับปฐมบรรพบุรุษสองคนได้ ถ้าหากว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนรองรับปฐมบรรพบุรุษได้สองคน ก็จะทำให้กำลังความสามารถของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตนเพิ่มขึ้นทวีคูณ

แต่ว่า พันล้านปีผ่านไป นอกเหนือจากปฐมบรรพบุรุษชิงเหลียนมู่จู่ที่ทำได้สำเร็จแล้ว ยุคหลังมานี้ไม่มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดทำสำเร็จได้อีกเลย

ด้วยเหตุนี้เอง ปฐมบรรพบุรุษชิงเหลียนมู่จู่จึงถูกยกย่องว่าเป็นมหัศจรรย์ ขณะที่เขาหวู่สิงซานก็ยิ่งอยู่เหนือบรรดาเหล่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่มีอยู่ในแดนลัทธิเซียน

เล่าลือกันว่า ปฐมบรรพบุรุษชิงเหลียนมู่จู่ยังคงรั้งอยู่ในเขาหวู่สิงซาน นอกเหนือจากนี้ยังมีผู้ที่คาดการณ์โดยมองโลกในแง่ดีว่า ภายในเขาหวู่สิงซานอย่างน้อยที่สุดยังมีผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นหย่วนเต้าอยู่อีกคนหนึ่ง

ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใดที่หนึ่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิยังคงมีระดับปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนคงอยู่ และยังมีผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นหย่วนเต้ามีชีวิตอยู่ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลักษณะเช่นนี้ช่างมีกำลังที่น่ากลัวเพียงใด สามารถอยู่เหนือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ ได้อย่างแน่นอน

น้อยครั้งนักที่เขาหวู่สิงซานปรากฏตัวในยุทธภพ กระทั่งผู้คนบนโลกไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขาหวู่สิงซานตั้งอยู่ที่ใด

แต่ทว่า สิ่งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะที่เป็นหนึ่งไม่มีสองของเขาหวู่สิงซาน แม้ว่าเขาหวู่สิงซานจะไม่ได้มีศิษย์ออกท่องในยุทธภพก็ตาม เขาหวู่สิงซานยังคงอยู่เหนือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดอยู่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากเขาหวู่สิงซานมีศิษย์ที่ท่องไปในยุทธภพ โดยเฉพาะศิษย์ที่เป็นสายตรง นั่นเป็นการบ่งบอกว่าจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในอนาคตแน่นอน หรือไม่ก็จะมียุคสมัยที่ใหม่ทั้งหมดมาถึง

ศิษย์ของเขาหวู่สิงซานที่เป็นที่ทราบดีของผู้คนในแดนลัทธิเซียนนั้นก็คือไท่อิ๋นสี่แล้ว แต่ว่า เขาเป็นเพียงศิษย์นอกสำนักเท่านั้น กระทั่งมีผู้กล่าวว่าไท่อิ๋นสี่เป็นเพียงผู้ที่ผ่านการฝึกจากตึกด้านนอกสำนักของเขาหวู่สิงซานมาหลายปีเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ด้วยศิษย์นอกสำนักที่ฝึกมาได้ไม่กี่ปีอย่างไท่อิ๋นสี่กลับประสบความสำเร็จกลายเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะยืนอยู่จุดสูงสุดของแดนลัทธิเซียนในวันนี้ กลายเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลขั้นสูงสุด

จากจุดนี้สามารถมองออกได้ว่า เขาหวู่สิงซานนั้นมีความแข็งแกร่งเช่นใด มีความน่ากลัวเพียงใด

เวลานี้มีข่าวแพร่ออกมาว่า มีคนของเขาหวู่สิงซานมาที่ด่านเทียนสงกวาน ทั้งยังเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งอีกด้วย แล้วจะให้ผู้คนรู้สึกตกใจได้อย่างใด

ทุกคนต่างรู้ดีว่า ศิษย์ของเขาหวู่สิงซานจะไม่ปรากฏตัวโดยง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับผู้ยิ่งใหญ่ เวลานี้กลับจะมีคนของเขาหวู่สิงซานปรากฏตัว มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด

ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างวิพากวิจารณ์เรื่องนี้กันลับๆ

จากวันเวลาที่ผ่านไป วันที่ไท่อิ๋นสี่จัดงานเลี้ยงบรรดาเหล่าผู้กล้าก็มาถึงแล้ว บุคคลที่ได้รับการเชื้อเชิญจากไท่อิ๋นสี่ต่างทยอยกันเดินทางเข้าสู่จวนของไท่อิ๋นสี่

จวนที่ไท่อิ๋นสี่พักอาศัยนั้นตั้งอยู่บริเวณมุมๆ หนึ่งของด่านเทียนสงกวาน กินเนื้อที่อาณาบริเวณที่กว้างมาก ท่าทางยิ่งใหญ่ไพศาล

แน่นอน ในฐานะที่ไท่อิ๋นสี่เป็นถึงระดับผู้ดำรงอยู่ในจุดสูงสุด การที่จะมีจวนที่ยิ่งใหญ่ไพศาลเช่นนี้ในด่านเทียนสงกวานนับว่าใช่เรื่องที่เกินเลยไป

ในวันนี้ หลี่ชิเย่ก็ได้บรรลุทะลุปรุโปร่ง ประสบความสำเร็จออกจากการกักตน ในเวลานี้ไป่จินหนิงได้รายงานต่อหลี่ชิเย่เรื่องงานเลี้ยง

“อ๋อ เจ้าหนูไท่อิ๋นสี่นั่นน่ะรึ ไปกินข้าวฟรีที่บ้านเขาสักหน่อยก็ดี” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่พลันที่ได้ยินเรื่องงานเลี้ยงก็มีท่าทีอย่างไรก็ได้ คนอื่นให้ความเคารพในตัวไท่อิ๋นสี่อย่างยิ่ง แต่ว่าในทัศนะของเจ้ากระบือดำขนาดใหญ่มองว่า นั่นก็แค่เจ้าหนูที่มีไหวพริบคนหนึ่งเท่านั้น

“ไปกัน ข้าจะทวงสิ่งหนึ่งจากเขา” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง กล่าวตามอารมณ์ขึ้นมา

“ไปกัน” กระบือดำขนาดใหญ่พาหลิ่วเยี่ยนไป๋ศิษย์ของตนติดตามหลี่ชิเย่ไปร่วมงานเลี้ยงใหญ่ของไท่อิ๋นสี่

หลังจากหลิ่วเยี่ยนไป๋ผ่านการแต่งเนื้อแต่งตัวแล้ว มีความงดงามน่าประทับใจ ผมสีทองทั้งหัว นัยน์ตาฟ้าสดใส เต็มไปด้วยความงดงามของต่างแดน และนางก็นับว่าเหมือนสาวงามอย่างยิ่ง

กลุ่มของหลี่ชิเย่มาถึงด้านหน้าจวนของไท่อิ๋นสี่ กระบือดำขนาดใหญ่มองดูจวนผู้รักษาด่านที่ดูยิ่งใหญ่หลังนี้แล้ว เขาหัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ดูท่าเจ้าหนูผู้นี้หาเงินมาได้ไม่น้อยทีเดียว หาโอกาสรีดเขาสักหน่อย สมควรแก่เวลาที่เขาต้องตอบแทนกระบือสุดหล่ออย่างข้าได้แล้ว”

ในมือของไท่อิ๋นสี่กุมอำนาจกองทัพเทียนเชี่ยน และรับผิดชอบดูแลด่านเทียนสงกวาน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญ ดังนั้น จวนของเขาจึงมีเวรยามแน่นหนา สามารถมองเห็นทหารจากกองทัพเทียนเชี่ยนได้ทุกที่

ไป่จินหนิงคือหัวหน้ากองเล็กๆ ของกองทัพเทียนเชี่ยนคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้นางได้ขอโควตาผู้เข้าร่วมงานให้กับหลี่ชิเย่ได้มาหนึ่งที่นั่ง

แต่ว่า เวลานี้พลันโผล่พวกของกระบือดำขนาดใหญ่ขึ้นมากะทันหัน จำนวนผู้เข้าร่วมงานจึงเกินไปมาก ทำให้ไป่จินหนิงรู้สึกลำบากใจ จะอย่างไรเสียงานเลี้ยงผู้กล้าทั่วหล้าในครั้งนี้ของผู้เฝ้ารักษาด่านนั้น ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้

หลังจากที่ไป่จินหนิงไปถึงหน้าประตูแล้ว ก็กล่าวทักทายต่อทหารรักษาการณ์ หวังพาตัวพวกของหลี่ชิเย่เข้างานทั้งหมด

แต่ว่า หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ไป่จินหนิงรู้สึกลำบากใจ และกล่าวต่อพวกหลี่ชิเย่เสียงแผ่วเบาว่า “พวกเรามีเทียบเชิญใบเดียวเท่านั้น ทหารองครักษ์ให้คุณชายเข้าได้เพียงคนเดียว”

ไป่จินหนิงเป็นเพียงหัวหน้ากองเล็กๆ คนหนึ่ง อำนาจในมือยังห่างชั้นและไม่เพียงพอ การที่นางสามารถทำให้หลี่ชิเย่ได้ที่นั่งหนึ่งก็นับว่าไม่ง่ายนักแล้ว

“เชอะ เจ้าหนูนี่หาญกล้าวางมาดกับกระบือสุดหล่ออย่างข้า เชื่อหรือไม่ว่ากระบือสุดหล่ออย่างข้าจะรื้อรังมันทิ้งไป” กระบือดำขนาดใหญ่รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

คำพูดที่อวดดีเช่นนี้ของกระบือดำขนาดใหญ่ทำให้เป็นเป้าสายตาของบรรดาองครักษ์ที่อยู่ในเหตุการณ์ทันที สายตาที่ดั่งคมกระบี่ของเหล่าองครักษ์ได้จ้องมองไปที่กระบือดำขนาดใหญ่ในทันที

“มีอะไรน่าดู…” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ยิ่งจ้องถมึงด้วยตากระบือด้วยความอวดดียิ่งนัก และกล่าวว่า “เชื่อหรือไม่ว่ากระบือสุดหล่ออย่างข้าจะกระทืบพวกเจ้าให้แบน”

ด้วยคำพูดที่อวดดีเช่นนี้ของกระบือดำขนาดใหญ่พลันทำให้สีหน้าของบรรดาเหล่าองครักษ์เปลี่ยนไป นี่คือด่านเทียนสงกวานนะ ไม่มีใครกล้าทำกำเริบเสิบสานหน้าจวนของนายด่าน ยิ่งไม่มีใครกล้ามาก่อเรื่องบริเวณนี้

ในเวลานี้ได้มีองครักษ์เดินเข้ามาแล้ว พวกเขาได้ขวางทางเดินของพวกหลี่ชิเย่เอาไว้ ท่าทางพวกเขาไม่ได้มาดี

……………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *