Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2979 การไขปริศนาที่แตกต่าง
ตอนที่ 2979 การไขปริศนาที่แตกต่าง
คำพูดของเสินกู่จ้านพูดได้ตรงมากแล้ว ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ในเวลานี้ เพียงแต่ไม่มีใครลงมือเท่านั้นเอง
แม้ว่ามีผู้ยิ่งใหญ่บางส่วนมีความคิดเช่นนี้จริงๆ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว คำทำนายของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้ไม่ผิดอย่างแน่นอน
ในเมื่อคนโหดอย่างหลี่ชิเย่ก็คือคนโหดตามคำทำนายของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้ เขากระทั่งมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหนามยอกอกของแดนลัทธิเซียนก็ได้
กล่าวสำหรับ ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนเท่าไรเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขายินดีที่จะชิงลงมือก่อน และรู้สึกสะใจที่ได้กำจัดเสีย กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว หากสามารถทำลายภัยพิบัติตั้งแต่ยังเพิ่งจะเริ่มต้นได้ พวกเขายอมฆ่าคนผิดหมื่นคน แต่จะไม่ยอมปล่อยให้รอดไปแม้แต่คนเดียว
แม้ว่าภายในใจของผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยมีความคิดเช่นนี้ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าลงมือบุ่มบ่ามเท่านั้นเอง ยังไม่ต้องพูดถึงว่ากำลังความสามารถของหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด ตัวเองจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาหรือไม่
เมื่อสักครู่นี้เอง ทุกคนต่างมองออกว่า นางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซานโปรดปรานในตัวของหลี่ชิเย่อย่างชัดเจน หากก่อการขึ้นต่อหลี่ชิเย่ในเวลานี้ มิเท่ากับเป็นศัตรูกับนางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซาน เป็นศัตรูกับเขาหวู่สิงซานรึ?
ขอเพียงเป็นคนฉลาดล้วนไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเขาหวู่สิงซาน ต่อให้พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะกำจัดหลี่ชิเย่เสียด้วยความสะใจก็ตามที ก็จะไม่ลงมือในเวลานี้
“เข้ามาเลย” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง ไม่เห็นเสินกู่จ้านอยู่ในสายตาอยู่แล้ว กล่าวคำๆ นี้ออกมาด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สิ่งนี้พลันทำให้สีหน้าของเสินกู่จ้านเปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อหลี่ชิเย่มองเขาเหมือนไม่มีตัวตน ลักษณะท่าทางนั้นดูไม่จืดเลยทีเดียว ตัวเขาที่มีชาติกำเนิดมาจากแคว้นเสินฉีเจียงมีกำลังความสามารถที่ทะนงองอาจปราศจากผู้ต่อกร เคยถูกคนอื่นดูถูกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
“ศิษย์พี่ต้าเจวี๋ ข้ามองต่างมุมโดยสิ้นเชิง” จังหวะที่ผู้คนจำนวนมากคิดว่าหลี่ชิเย่ก็คือ ‘คนโหด’ ตามคำทำนายของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้คนนั้น เสียงที่ใสกังวานไพเราะเสนาะหูเสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งได้ลุกขึ้นยืน
ผู้หญิงคนนี้สวมชุดดำทั้งชุด โดยมีผ้าแพรบางปิดบังโฉมหน้าเอาไว้ แต่ว่า นัยน์ตาคู่นั้นดุจดวงดาวในฤดูหนาว เสมือนหนึ่งสามารถสาดส่องท้องฟ้ายามค่ำคืนให้สว่างไสวได้อย่างนั้น นัยน์ตาคู่นี้งดงามยิ่งนัก
ผู้หญิงคนนี้ก็คือ สวีเซียวจิ่นที่เคยพบกับหลี่ชิเย่มาก่อนที่ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเซียนมาร นางเคยบอกว่ามีกัมมปัจจัยกับหลี่ชิเย่
“ที่แท้คือแม่นางเสวีจากหอทำนายฟ้า” ไท่อิ๋นสี่ได้แสดงคารวะแบบจีนต่อผู้หญิงคนนี้ หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้ได้ลุกขึ้นยืนแล้ว
“ว่าไงนะ หอทำนายฟ้า!” ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับหวั่นไหวเมื่อได้ยินคำพูดของไท่อิ๋นสี่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบางส่วนร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
ในขณะนี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างทยอยกันลุกขึ้นยืน ล้วนแล้วแต่ต้องการมองเห็นโฉมหน้าของสวีเซียวจิ่นให้ชัดเจน
“ยุคนี้หอทำนายฟ้าก็มีศิษย์เข้าสู่ยุทธภพแล้ว” แม้แต่ราชันแท้จริง คงความอมตะตลอดกาลก็รู้สึกประทับใจบนใบหน้าหลังจากมองเห็นสวีเซียวจิ่นแล้ว กล่าววิพากวิจารณ์เบาๆ
ในแดนลัทธิเซียน หอทำนายฟ้ามีความหมายที่ไม่ธรรมดา ผู้คนจำนวนมากต่างเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา เมื่อได้ยินหอทำนายฟ้าชื่อนี้
ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิฉงปี้คือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยปฐมบรรพบุรุษฉงปี้ ภายในระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิฉงปี้มีสำนักตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ดั่งเช่นจักรวรรดิมี่เทียนก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรวรรดิมี่เทียนนั้นก่อตั้งขึ้นโดยศิษย์คนหนึ่งของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้ กล่าวได้ว่าจักรวรรดิมี่เทียนก็คือหนึ่งในสำนักผู้สืบทอดของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้เช่นกัน
แต่ว่า สำนักที่ถือว่าได้รับการสืบทอดจากปฐมบรรพบุรุษฉงปี้โดยแท้จริงในระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิฉงปี้นั้น จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหอทำนายฟ้า แล้ว
เหตุผลนั้นง่ายมาก หอทำนายฟ้าก็คือสถานที่ที่ปฐมบรรพบุรุษฉงปี้พักอาศัยอยู่ กระทั่งในโลกนี้ไม่มีใครรู้ละเอียดว่าหอทำนายฟ้านั้นตั้งอยู่ที่ใด เว้นแต่ได้รับการเชื้อเชิญเท่านั้น บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปในหอทำนายฟ้าได้อยู่แล้ว
หอทำนายฟ้านั้นมีความลึกลับอย่างยิ่ง แต่ว่า พวกเขามีศิษย์ที่เข้าสู่ยุทธภพน้อยมาก แม้จะเป็นเชนนี้ก็ตาม ในระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิฉงปี้ ผู้ที่สามารถบัญชาการระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งหมดได้นั้น หาใช่จักรวรรดิมี่เทียนที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นหอทำนายฟ้าที่เป็นตัวแทนของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้
มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหวั่นไหวในใจเมื่อได้ยินว่าสวีเซียวจิ่นนั้นมาจากหอทำนายฟ้าจะอย่างไรเสีย ที่นี่คือสถานที่ที่ปฐมบรรพบุรุษพักอาศัยอยู่ กล่าวในระดับหนึ่งแล้ว หอทำนายฟ้านั้นแทนท่าทีของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คำนับต่อสวีเซียวจิ่น แสดงความเคารพต่อนาง หลายปีมานี้ไม่รู้ว่ามีผู้ยิ่งใหญ่จำนวนเท่าไรที่เคยคิดจะเข้าไปยังหอทำนายฟ้า หวังจะขอคำชี้แนะจากปฐมบรรพบุรุษฉงปี้เกี่ยวกับสถานการณ์ของอนาคต แต่ว่า ล้วนได้รับการปฏิเสธ
“ศิษย์พี่ต้าเจวี๋ จริงอยู่ไม่ผิดที่ปฐมบรรพบุรุษเคยมีคำทำนายเอาไว้จริง” สวีเซียวจิ่นเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “แต่ว่า อาศัยการทำนายของข้าเอง บังเอิญตรงกันข้ามกับศิษย์พี่ต้าเจวี๋พอดี สถานการณ์ของแดนลัทธิเซียนในอนาคตจะต้องอาศัยคุณชายหลี่ คุณชายหลี่คือความหวังของแดนลัทธิเซียน ถ้าหากคำทำนายปฐมบรรพบุรุษที่เอ่ยถึงคนโหดก็คือคุณชายหลี่ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วสิ่งที่ปฐมบรรพบุรุษต้องการพูดก็คือ มีเพียงคุณชายหลี่เท่านั้นที่อาศัยความพยายามอย่างสุดความสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดีขึ้นในจังหวะที่ใต้หล้าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”
คำพูดของ สวีเซียวจิ่นพลันทำให้ผู้ที่อยู่ในงานทั้งหมดต่างมองหน้ากันและกัน ในเวลานี้ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าคำพูดของใครจึงเป็นจริงที่สุด คำพูดของใครที่เชื่อถือได้มากที่สุด
ทุกคนต่างก็รู้ว่า ไม่ว่าจะเป็น สวีเซียวจิ่นหรือว่าพระต้าแจว๋พวกเขาต่างก็สืบทอดวิชามาจากปฐมบรรพบุรุษฉงปี้ กล่าวโดยไม่ต้องสงสัยว่า ในด้านของการทำนาย อย่าวาแต่ใต้หล้าเลย เกรงว่าแม้แต่อดีตถึงปัจจุบันก็ไม่มีใครสามารถเทียบได้กับปฐมบรรพบุรุษฉงปี้อีกแล้ว
ขณะที่ฝีมือด้านการทำนายของพระต้าแจว๋นั้น เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคนตลอดยุคสมัยที่ผ่านมา ความแม่นยำในด้านการทำนายของเขานั้น เว้นแต่ปฐมบรรพบุรุษฉงปี้แล้ว เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดเทียบได้อีกแล้ว
แต่ว่า สวีเซียวจิ่นนั้นกำเนิดมาจากหอทำนายฟ้าเลยเชียวนะ แม้ว่านางอายุยังน้อย ชื่อเสียงและฐานะก็ไม่เท่าพระต้าแจว๋
อย่าลืมไปสิ หอทำนายฟ้านั้นมีความสะอาดบริสุทธิ์และชอบธรรมมากยิ่งกว่าระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิมี่เทียนมากทีเดียว หอทำนายฟ้าคือสถานที่พักของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้ กล่าวในระดับหนึ่ง ในความเป็นผู้สืบทอดแล้วหอทำนายฟ้าย่อมต้องเหนือว่าระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิมี่เทียนอยู่มากทีเดียว มิฉะนั้นล่ะก็ ฐานะของหอทำนายฟ้าในระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิฉงปี้คงไม่สูงไปกว่าจักรวรรดิมี่เทียนอยู่แล้ว
ในเมื่อสวีเซียวจิ่นสามารถได้รับอนุญาตจากหอทำนายฟ้าให้นางเข้าสู่ยุทธภพได้ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่า ฝีมือของนางได้บรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้ว มิฉะนั้นล่ะก็ ด้วยท่วงท่าของหอทำนายฟ้าแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะอนุญาตให้สวีเซียวจิ่นเข้าสู่ยุทธภพได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลานี้คำทำนายคำเดียวกันของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้ เมื่อออกจากปากของสวีเซียวจิ่นกับพระต้าแจว๋มันคือคำไขปริศนาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กระทั่งกล่าวได้ว่า คำเฉลยของพวกเขาสองคนตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
ในเวลานี้ ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ทราบว่าควรจะเชื่อคำพูดของใครดี
หากจะพูดถึงเรื่องชื่อเสียงบารมี จิตใต้สำนึกของทุกคนล้วนแล้วแต่เลือกพระต้าแจว๋ จะอย่างไรเสียพระต้าแจว๋มีชื่อเสียงมานาน และเคยมีผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากที่ได้ขอรับการชี้แนะจากพระต้าแจว๋มาก่อน เขาสามารถทำนายได้แม่นยำมาก
เพียงแต่ สวีเซียวจิ่นนั้นมีชาติกำเนิดมาจาก หอทำนายฟ้า ซึ่งสามารถเป็นตัวแทนของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้ในระดับหนึ่ง แม้จะไม่เท่ากับปฐมบรรพบุรุษฉงปี้ แต่อย่างน้อยก็คือท่าทีอย่างหนึ่ง
“แม้คำพูดของศิษย์น้องจะมีเหตุผล” พระต้าแจว๋เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “แต่ว่าอาตมายังคงยืนยันในการทำนายของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นมันเกี่ยวพันกับแดนลัทธิเซียนทั้งหมด เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของชีวิตประชาชนนับล้านล้านชีวิต เรื่องนี้จะประมาทไม่ได้ ต้องมีการป้องกัน ก้าวผิดเพียงก้าวเดียว ไม่แน่นักแดนลัทธิเซียนจะไม่สามารถฟื้นคืนได้ตลอดไปแน่นอน”
คำพูดของพระต้าแจว๋ได้ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากที่อยู่ในงานเห็นพ้องด้วย ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยพยักหน้าเงียบๆ มีผู้ที่กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “คำพูดนี้มีเหตุผล”
กล่าวสำหรับผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว พวกเขายอมฆ่าคนผิดไปหมื่นคน แต่ก็จะไม่ยอมละเว้นแม้แต่คนเดียว จะอย่างไรเสียมาเกี่ยวกับแดนลัทธิเซียนทั้งหมด เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างแดนลัทธิเซียนทั้งหมดกับฆ่าคนผิดไปสักคนนับเป็นอะไรได้เล่า พวกเขาไม่เคยใส่ใจกับสิ่งนี้อยู่แล้ว
“ศิษย์พี่ คำพูดนี้ผิดแล้ว” สวีเซียวจิ่นส่ายหน้า และกล่าวหนักแน่นจริงจังว่า “พวกเราเพียงมองอนาคต ประเมินสถานการณ์เท่านั้น การก้าวก่ายใต้หล้าหาใช่สิ่งที่พวกเราควรทำ และเป็นการฝ่าฝืนความตั้งใจเดิมของวิชานี้ ยิ่งไปกว่านั้นการแพร่งพรายความลับสวรรค์ ต้องนำมาซึ่งสวรรค์ลงทัณฑ์แน่นอน”
“ชะตาฟ้าใช้สำหรับแก้ไข” ท่าทีของพระต้าแจว๋หนักแน่นจริงจัง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หากทำเพื่อประชาราษฎร์ใต้หล้าแล้ว อาตมายินดีแบกรับการลงทัณฑ์จากสวรรค์ที่ไม่มีวันฟื้นคืนกลับมาได้อีก เพื่อค้นหาความสุขให้กับอาณาประชาราษฎร์…”
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเจ้าก็อย่าได้พูดมากน่ารำคาญอยู่ตรงนั้น” หลี่ชิเย่โบกมือตัดบทคำพูดของพระต้าแจว๋ และกล่าวว่า “ด้วยมาตรฐานเพียงเท่านี้ก็ทำเป็นอวดเก่ง ทำขายหน้าอยู่ตรงนี้ ด้วยมาตรฐานเท่านี้หาญกล้าบอกว่าเป็นวิชาคำนวณทำนาย เป็นการหัวเราะจนฟันหักชัดๆ ข้าหลับตาคำนวณยังทำนายได้แม่นยำกว่าเจ้า หลบไปอยู่ข้างๆ เสีย อย่าพูดมาก”
พลันที่หลี่ชิเย่เอ่ยปากก็กล่าวตัดบทการอภิปรายของพระต้าแจว๋กับสวีเซียวจิ่น ทำให้ทุกคนต้องมองตากันและกัน แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะมีการเฉลยปริศนาคำทำนายของปฐมบรรพบุรุษฉงปี้ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทว่า ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยก็ได้มีการระมัดระวังในการเผชิญกับหลี่ชิเย่แล้ว
อามิตาพุทธ สาธุ สาธุ พระต้าแจว๋ประนมมือ และเอ่ยนามพุทธองค์ดังขึ้น
อามิแม่ง…หลี่ชิเย่รู้สึกรำคาญ โบกมือและกล่าวว่า “ข้าก็คือจอมโหดแล้วอย่างไร ไม่พอใจก็เข้ามาสิ ข้าคนเดียวรับมือพวกเจ้าทั้งหมด มีใครไม่พอใจก็เข้ามาได้เลย ข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมดภายในสามถึงห้ากระบวนท่า จะได้ไม่รำคาญลูกตา”
คำพูดที่พาลถืออำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้พลันพูดออกมา ทำให้ทุกคนล้วนงงงันไปสิ้น พลันที่พูดคำนี้ออกมาเท่ากับเป็นการยั่วยุผู้คนทั่วหล้า และเป็นการมองผู้คนทั่วหล้าไม่มีตัวตน
ภายในงาน ระดับราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรมีอยู่หลายคน ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้อยู่ในฐานะคงความอมตะตลอดกาลที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร กระทั่งแม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นไท่อิ๋นสี่ก็อยู่ตรงนี้ด้วย
หลี่ชิเย่กลับไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีนักหนาโดยสิ้นเชิง คำพูดที่พูดออกมาเหมือนว่าอาศัยมือข้างเดียวก็สามารถจับพวกเขาทั้งหมดแขวนเอาไว้ตีตามอารมณ์ได้อย่างนั้น
ด้วยคำพูดที่พาลและเหยียดหยามเช่นนี้ พลันทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ในเวลานี้แววตาของคนจำนวนไม่น้อยที่จ้องเขม็งไปยังหลี่ชิเย่ก็มีอารมณ์เดือดแล้ว กระทั่งแววตาของผู้คนจำนวนไม่น้อยมีประกายเยือกเย็นแวบวับขึ้นมาแล้ว
“ทำไม คิดจะลงมือรึ?” เข้ามา ยิ่งคนมากเท่าไรยิ่งดี จัดการจบไปทีเดียว” หลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ยิ้มเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อต้องเผชิญกับแววตาที่พ่นเป็นเพลิงความโกรธออกมานั่น
ด้วยลักษณะท่าทางเช่นนี้ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่สบอารมณ์มากขึ้น ในเวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา
“วาจาสามหาวมาก เจ้าคิดว่าอาศัยกำลังคนๆ เดียวสามารถเป็นศัตรูกับผู้คนใต้หล้าได้จริง…” เสินกู่จ้านกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา
“ถูกต้อง นี่แหละสามารถเป็นศัตรูกับใต้หล้า” หลี่ชิเย่ตัดบทคำพูดของเสินกู่จ้าน หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “พวกเจ้ามีกี่คนที่สามารถเป็นตัวแทนของใต้หล้า มา มะ มาข้ามือเดียวสังหารสิ้น! ” กล่าวพลาง ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาช้าๆ
กำแหงและพาลยากจะหาใดเทียม ในเวลานี้ทุกคนคิดได้เพียงคำๆ นี้เท่านั้น ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน นาทีนี้มีบางคนที่ไม่พอใจในหลี่ชิเย่ก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ลงมือก็ไม่ใช่ ไม่ลงมือก็ไม่ใช่!
………………………………………………………………………………………….
Comments