Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3002 ศพทอด
ตอนที่ 3002 ศพทอด
ราชันแท้จริงเซิ่นซวงรู้สึกตกใจและสำนึกได้ในทันที เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของหลี่ชิเย่แล้ว เป็นความจริงที่นางไม่ได้นึกถึงจุดนี้ ซึ่งก็เป็นเพราะนางยังไม่ได้แข็งแกร่งจนถึงขั้นนั้น
“ถึงแล้ว รีบมาดูกัน…” ในเวลานี้เอง กระบือดำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าได้ร้องกล่าวขึ้นมา ยิ่งหลิ่วเยี่ยนไป๋ด้วยแล้วถึงกับร้องเสียงหลงขึ้นมา
หลี่ชิเย่และราชันแท้จริงเซิ่นซวงรีบเร่งก้าวขึ้นไปเมื่อได้ยินเสียงร้องของพวกเขา
เวลานี้ พวกเขาได้ก้าวเดินไปถึงสุดปลายทางของขบวนทัพทหารอเวจีแล้ว มันคือหุบเขาที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก ขณะที่ยังก้าวไม่ถึงหุบเขาแห่งนี้ก็สามารถรับรู้ถึงคลื่นความร้อนที่ลอยเข้ามาปะทะใบหน้า
คลื่นความร้อนลักษณะเช่นนี้ร้อนแผดเผาอย่างยิ่ง กระทั่งผิวหนังยังแห้งจนแตก อีกทั้งท่ามกลางคลื่นความร้อนสายนี้ยังเต็มไปด้วยกลิ่นของเหล็กและทองแดงที่มีความเข้มข้นอย่างยิ่ง
เมื่อบุกเข้าไปยังหุบเขาก็ได้เห็นภาพที่แปลกประหลาดมากภาพหนึ่ง มองเห็นภาพที่ประหลาดชั่วร้ายยิ่งภาพหนึ่ง
หลังจากบุกเข้าไปยังหุบเขาแล้วก็จะพบว่า ที่ตรงนั้นเป็นหุบเขาเสียเมื่อไหร่กัน ที่ถูกต้องยิ่งกว่าคือหม้อเหล็กที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร และหรือบางทีมันคือหม้อดินที่ใหญ่โตมโหฬาร
เวลานี้ ภายในหุบเขา ไม่ใช่สิ ต้องเป็นภายในหม้อดินขนาดใหญ่โตมโหฬารนี้มองเห็นฟองที่ผุดปุดปุดขึ้นมา และคลื่นความร้อนที่ร้อนแผดเผาเข้ามาปะทะใบหน้าก็ออกมาจากหม้อดินนี้นี่เอง
ขณะที่สิ่งที่ต้มอยู่ในหม้อถึงกับเป็นน้ำทองแดง เป็นน้ำทองแดงที่เต็มหม้อ โดยที่น้ำทองแดงเต็มหม้อนี้หาใช่เป็นน้ำทองแดงทั่วๆ ไป แต่เป็นน้ำทองแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก เป็นการหลอมรวมเอาโลหะศักดิ์สิทธิ์หลายสิบชนิดมาอยู่ในหม้อเดียวกัน
ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่อยู่ในวงการก็ดูออกได้ว่า น้ำทองแดงสีแดงชาดทองหม้อนี้มีน้อยและพบเห็นได้ยากมาก พวกมันถูกหลอมกลั่นโดยอาศัยโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่ามากที่สุด
หากน้ำทองแดงลักษณะเช่นนี้มาสร้างเป็นอาวุธ และทำการติดอาวุธให้กับกำลังทหารให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งล่ะก็ เกรงว่าสามารถสร้างกองทัพที่มีกำลังติดอาวุธนับล้านคน ทั้งยังเป็นกองกำลังที่นับว่ายอดเยี่ยมของยอดเยี่ยมอีกด้วย
ลำพังแค่น้ำทองแดงลักษณะเช่นนี้หม้อหนึ่ง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่น่าหวาดผวาอย่างยิ่ง เกรงว่ามูลค่าของมันหาใช่สำนักทั่วๆ สามารถรองรับได้
ที่สร้างความหวาดผวายิ่งกว่าหาใช่น้ำทองแดงที่เต็มเปี่ยมหม้อนี้ แต่เป็นบรรดาทหารอเวจีเหล่านั้น
ทหารอเวจีเรียงเป็นแถวเป็นแนวยาวมาก พวกมันเดินเข้าไปในหม้อดินตามลำดับทีละคนๆ จากนั้น พวกมันต่างจมลงไปในน้ำทองแดงทีละคนๆ ทั้งหมด
หม้อเหล็กลักษณะเช่นนี้ดูเหมือนว่ามันจะลึกไม่มีสิ้นสุดอย่างนั้น ต่อให้นำทหารเป็นหมื่นเป็นพันถมลงไปก็จะไม่เห็นทหารคนหนึ่งคนใดลอยขึ้นมา และต่อให้ทหารจำนวนมากกว่านี้ที่เดินเข้าไป ก็ไม่สามารถถมหม้อเหล็กลักษณะเช่นนี้ให้เต็มได้
ทหารอเวจีจำนวนนับไม่ถ้วน พวกมันได้ต่อแถวเป็นขบวนทัพที่ยาวเหยียดต่อเนื่องกัน หลังจากผ่านการเดินทัพมานานนับพันล้านปีแล้ว สุดท้าย พวกเขาได้เดินเข้าไปในเตาเหล็กตามลำดับ แช่อยู่ในน้ำทองแดงและจมหายลงไปในเตาท้ายที่สุด
ภาพเช่นนี้มองดูแล้วช่างเหลือเชื่ออะไรอย่างนั้น และน่ากลัวอะไรอย่างนั้น มันคือเรื่องที่สุดจะจินตนาการได้อยู่แล้ว
แม้แต่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงที่ได้เห็นภาพเช่นนี้แล้วยังคงต้องใจหายใจคว่ำ การเดินทัพของทหารอเวจีก็น่ากลัวเพียงพอแล้ว ที่ไร้เหตุผลยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาถึงกับจมร่างลงไปในก้นหม้อทั้งหมด เป็นการหลอมละลายตัวเอง
“นี่มันเล่นพิเรนทร์อะไรกัน…” แม้แต่กระบือดำขนาดใหญ่ก็รู้สึกหวาดผวา เมื่อมองเห็นทหารอเวจีทั้งหมดเข้าแถวเดินลงไปในหม้อเหล็ก ปล่อยให้น้ำทองแดงที่เดือดพล่านแช่ร่างของตน สุดท้ายค่อยๆ จมลงก้นหม้อไป
กระบือดำขนาดใหญ่มีประสบการณ์มากมาย และกล้าหาญ ในเวลานี้เมื่อมองเห็นทหารอเวจีเข้าแถวหลอมร่างตัวเอง และจมลงสู่ก้นหม้อ เขาอดที่จะรู้นึกสันหลังเย็นวาบ
“เป็นสิ่งใดกันแน่ที่ทำให้พวกเขาหนุนเนื่องกันจมลงก้นหม้ออย่างไม่ขาดสายเล่า?” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงไม่เข้าใจ ทหารอเวจีเดนทางเป็นหมื่นพันลี้ก็เพื่อหลอมร่างตนเองในที่สุด ท้ายสุดพวกเขาได้จมร่างตนเองลงสู่ก้นหม้อทั้งหมด
ต่อให้ราชันแท้จริงเซิ่นซวงที่มีประสบการณ์กว้างขวางกับเรื่องเช่นนี้ก็ดูแล้วไม่เข้าใจ มองไม่ทะลุถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่อยู่ภายใน
“ทองแดงเคี่ยวทหารอเวจี…” หลี่ชิเย่มองดูภาพที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาทั้งสองเพ่งไปข้างหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ
“หรือนี่ก็คือหม้อทอดที่อยู่ในตำนานรึ?” กระบือดำขนาดใหญ่มองดูทหารอเวจีทั้งหมดที่จมร่างลงใต้หม้อ มองเห็นน้ำทองแดงที่เดือดพล่านแล้ว หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ฟังว่าคนเราหลังจากตายไปแล้ว คนที่สร้างบาปสร้างกรรมมากจะถูกจับโยนลงหม้อทอดไปทอด เสียงร้องน่าเวทนาดังก้องไปทั่วนรกอเวจี”
“อาจารย์ นี่เป็นเรื่องจริงรึ?” หลิ่วเยี่ยนไป๋เมื่อได้ฟังเรื่องราวเช่นนี้แล้วถึงกับหวาดผวา
กระบือดำขนาดใหญ่ทำยักไหล่ และกล่าวว่า “ใครจะไปรู้ว่าเรื่องจริงหรือเท็จ ยังไงอาจารย์ของเจ้าก็ไม่ได้ทำเรื่องที่น่าละอายใจอยู่ดี”
“เรื่องน่าละอายไม่ได้ทำก็ใช่ เพียงแต่ใจดำจนมันวาวเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ หักหน้ากระบือดำขนาดใหญ่
“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านจะใส่ร้ายป้ายสีข้าแบบนี้ไม่ได้นะ” กระบือดำขนาดใหญ่ร้องเสียงดังด้วยความไม่พอใจยิ่งขึ้นมาทันที “กระบือสุดหล่ออย่างช้ามีจิตใจใสซื่อ ไม่เคยทำเรื่องที่ก่อกรรมทำเข็ญ”
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นสำหรับความหน้าไม่อายของกระบือดำขนาดใหญ่
“พี่ท่าน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงที่มองเห็นทหารอเวจีเดินลงไปในหม้อเหล็กอย่างไม่ลังเลทีละคนๆ สุดแล้วแต่น้ำทองแดงจะทอด และจมลงก้นหม้อในที่สุด นางเองก็มองไม่ออกถึงเส้นสนกลใน จึงขอคำชี้แนะจากหลี่ชิเย่
“การต่อสู้จะคงอยู่” หลี่ชิเย่มองดูภาพตรงหน้า เพ่งตาทั้งสองไปข้างหน้า จากนั้นเห็นร่างเงาแวบหนึ่งกระโดดตัวขึ้นไป
พวกของกระบือดำขนาดใหญ่เมื่อมีปฏิกิริยาสนองตอบ ต่างทยอยกันกระโดดตามไป
ด้านหลังของหุบเขาใหญ่มีหน้าผาอยู่ เหมือนจะลึกมากจนมองไม่เห็นก้นหุบเขา หลี่ชิเย่ร่อนลงไปตรงๆ โดยมีพวกของกระบือดำขนาดใหญ่ตามมาทางด้านหลังติดๆ
เมื่อลงไปถึงก้นหุบเขาแล้ว พวกของกระบือดำขนาดใหญ่ต่างมองเห็นประกายไฟที่แวบวับ เปลวไฟเสมือนหนึ่งเป็นมังกรไฟแต่ละตัวที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น
หากจะกล่าวว่าหุบเขาที่ทำการทอดทหารอเวจีด้านบนนั้นคือหม้อเหล็กใบหนึ่งล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว ก้นเหวที่มองเห็นมีเปลวไฟแวบวับตรงหน้าก็คือเตาไฟแล้วล่ะ
เวลานี้ พวกของกระบือดำขนาดใหญ่มองเห็นหน้าผาที่อยู่ตรงหน้าคือปากปล่องไฟแต่ละแห่ง โดยมีเชื้อไฟแต่ละสายที่พุ่งออกมาจากปากปล่องไฟดังกล่าว เหมือนมังกรไฟที่กำลังเคลื่อนไหว
จากปากปล่องไฟแต่ละปากสามารถมองเห็นได้ว่า ภายในตัวภูเขามีไฟที่ลุกไหม้อย่างรุนแรง เหมือนว่าตัวของภูเขาด้านในจะกลวงทั้งลูก ไฟที่โหมใลุกไหม้อยู่ด้านในบ้าคลั่งและรุนแรงยิ่ง
เมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว น่าจะเป็นไฟที่โหมลุกไหม้รุนแรงภายในภูเขานี่เองที่เคี่ยวจนน้ำทองแดงด้านบนเดือดพล่าน
เวลานี้เอง ด้านหน้าของปากปล่องไฟมีคนชุดดำคนหนึ่ง โดยที่คนชุดดำดังกล่าวถูกปกคลุมด้วยหมอกดำ ในเวลานี้คนชุดดำได้อาศัยพลังที่แข็งแกร่งมากยากจะหาผู้ใดเทียมทำการขับเคลื่อนไฟที่โหมลุกไหม้รุนแรงภายในตัวของภูเขา ภายใต้การขับเคลื่อนด้วยพลังแกร่งยิ่งของเขา ทำให้ไฟที่โหมลุกไหม้รุนแรงยิ่งทวีความคึกคักมากขึ้น ทวีความดุดันมากยิ่งขึ้น
ย่อมไม่ต้องสงสัย เป็นคนชุดดำคนนี้เองที่คอยเติมอากาศให้กับไฟที่โหมลุกไหม้ภายในภูเขาให้ไหมลุกไหม้หนักขึ้นไปอีก เพื่อต้มน้ำทองแดงที่อยู่ด้านบน
“ที่แท้เป็นคนชั่วอย่างเจ้าที่ทำเรื่องเลวร้ายอยู่ตรงนี้” กระบือดำขนาดใหญ่ร้องเสียงดังขึ้นเมื่อมองเห็นคนชุดดำที่กำลังเติมอากาศ ยกเท้าถีบเข้าไปอย่างแรง
เสียงปังดังขึ้น คนชุดดำผู้นี้ถูกกระบือดำขนาดใหญ่ถีบเข้าให้จนร่างเข้าไปในปากกล่องไฟ ตกไปอยู่ท่ามกลางไฟที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรงนั่น
ได้ยินเสียงตูมดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง มองเห็นไฟที่ลุกไหม้อยู่ภายในภูเขาพลันลุกไหม้รุนแรงยิ่งขึ้น และปกคลุมร่างของคนชุดดำเอาไว้ทั้งหมดในทันที คล้ายต้องการเผาผลาญตัวเขาให้สิ้นซากอย่างสิ้นเชิง
“แหะดูซิว่าเจ้ายังกล้าทำชั่วอยู่ที่นี่หรือไม่” กระบือดำขนาดใหญ่รู้สึกพึงพอใจกับผลงานอย่างยิ่ง หลังจากเห็นว่าตนเองอาศัยเท้าที่ถีบไปทีหนึ่ง ก็จัดการถีบคนชุดดำเข้าไปในปากกล่องไฟได้
“อาจารย์ เขาออกมาแล้ว” ขณะที่กระบือดำขนาดใหญ่กำลังมีท่าทีที่ลำพองใจเต็มเปี่ยมนั้น หลิ่วเยี่ยนไป๋ร้องเสียงดังขึ้นด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่มองออกไป เห็นเพียงเสียงตูมที่ดังขึ้น คนผู้หนึ่งได้คลานออกมาจากปากปล่องไฟ คนผู้นี้ปรากฏไฟที่ลุกท่วมทั่วตัวอย่างรุนแรง คือคนชุดดำที่เพิ่งจะถูกกระบือดำขนาดใหญ่ถีบเข้าไปนั่นเอง
เมื่อคนชุดดำคลานออกมาจากปากปล่องไฟแล้วก็ได้ลุกขึ้นยืน ตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น ไฟที่โหมลุกไหม้รุนแรงพลันดับลง จากนั้น เขายังคงสำแดงพลังที่แข็งแกร่งมาก ยังคงเป่าลมเข้าไปอย่างไม่หยุดไม่หย่อน
ตั้งแต่คนชุดดำผู้นี้ถูกถีบเข้าไปในปล่องไฟ กระทั่งคลานออกมา เขาไม่เคยมองดูกระบือดำขนาดใหญ่สักครั้งตั้งแต่ต้นจนจบ และไม่ได้มองดูพวกของหลี่ชิเย่สักแวบหนึ่ง
“กระบือสุดหล่ออย่างข้าไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่รู้สึกว่ามันชั่วร้ายแล้วล่ะ เมื่อเห็นคนชุดดำไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ร้องเสียงดังขึ้นมา ยกเท้าขึ้นถีบมันเข้าไป
เสียงปังดังขึ้นมาอีกครั้ง คนชุดดำถูกถีบเข้าไปในปล่องไฟทันที ได้ยินเสียงตูมที่ดังขึ้น ไฟที่อยู่ภายในปล่องไฟซึ่งลุกไหม้อย่างรุนแรงก็ได้ปกคลุมร่างของมันเอาไว้ทันที
อย่างไรก็ตามมันไร้ประโยชน์ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ คนชุดดำที่เนื้อตัวปรากฏไฟที่ลุกไหม้อย่างรุนแรงก็ได้คลานออกมาอีกครั้ง จากนั้นไฟที่ลุกไหม้อย่างรุนแรงก็ได้ดับลงอีกภายใต้เสียงตูมที่ดังขึ้น เขายังคงขับเคลื่อนพลังที่แข็งแกร่งมากทำการเป่าลมให้กับไฟที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง
“นี่ไม่ใช่คนเป็น” ในที่สุดกระบือดำขนาดใหญ่ก็ได้เข้าใจแล้ว เมื่อเห็นคนชุดดำไม่เคยมองดูพวกเขาเลยแม้แต่แวบหนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ และกล่าวว่า “นี่มันผี ไม่สิ ควรจะบอกว่าเป็นหุ่นเชิด และหรือจะกล่าวว่ามันกับพวกทหารอเวจีเป็นพวกเดียวกัน”
“นี่มันคืออะไรกันแน่นะ?” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงรู้สึกตกใจยิ่งในใจเมื่อมองเห็นภาพที่ประหลาดเช่นนี้ เรื่องแปลกประหลาดในวันนี้ช่างมีมากมายเหลือเกิน
“เจ้าเข้าไปดูสักหน่อยก็จะรู้เอง” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย
ราชันแท้จริงเซิ่นซวงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ก้าวขึ้นไปข้างหน้าร้องเสียงทุ้มต่ำ ตะโกนเสียงดัง “คืนร่างแท้จริงของเจ้า” ขาดคำ เสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง
พริบตาเดียวนั่นเอง บนตัวของราชันแท้จริงเซิ่นซวงปรากฏประกายศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา แม้ว่าประกายศักดิ์สิทธิ์บนตัวของนางจะไม่ใช้เป็นเปลวศักดิ์สิทธิ์ที่ดั่งคลื่นยักษ์ แต่ว่า มีความบริสุทธิ์ยิ่งนัก ขณะที่ประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายวูบวาบอยู่นั้น นางก็คล้ายเป็นต้นกำเนิดความสว่าง นางมีพลังแสงสว่างที่บริสุทธิ์ที่สุดและทรงพลังที่สุดในโลก
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ภายใต้ความสว่าง ความมืดทุกอย่างย่อมปราศจากที่หลบซ่อนอย่างแน่นอน และทุกสิ่งก็ต้องถูกทำให้บริสุทธิ์
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ด…ดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง เสื้อชุดดำบนตัวของคนชุดดำพลันหายวับไปกับตาในพริบตาเมื่อถูกทำให้บริสุทธิ์โดยพลังแสงศักดิ์สิทธิ์ มันหาใช่เป็นชุดดำอะไร แต่เกิดจากการปกคลุมของหมอกสีดำ
เมื่อหมอกสีดำถูกทำให้บริสุทธิ์แล้วได้เผยร่างที่แท้จริงออกมา มันคือโครงกระดูกโครงหนึ่ง ภายในเบ้าตาของมันปรากฏเชื้อไฟที่วิ่งเคลื่อนไหวไปมา
“พลังแสงสว่างที่ทรงพลังมาก เป็นพลังแสงสว่างที่บริสุทธิ์ยิ่ง เป็นความจริงที่นังหนูได้สืบทอดวิชาของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์แล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่อดที่จะกล่าวชื่นชมขึ้นมา เมื่อมองเห็นพลังแสงสว่างของราชันแท้จริงเซิ่นซวงแล้ว
จี๊ด จี๊ด จี๊ด…เสียงที่น่าเวทนาแต่ละเสียงได้ดังขึ้น ขณะที่ประกายศักดิ์สิทธิ์ของราชันแท้จริงเซิ่นซวงปกคลุมโครงกระดูกโครงนี้ มันถึงกับร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมา
……………………………………………..
Comments