Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3003 ตัวอะไรก่อกวน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3003 ตัวอะไรก่อกวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3003 ตัวอะไรก่อกวน

แว้งค์…ในพริบตาเดียวนั่นเอง ประกายศักดิ์สิทธิ์ของราชันแท้จริงเซิ่นซวงดูจะสว่างไสวยิ่งขึ้น ประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายดูพร่างพราวอย่างยิ่ง คล้ายสามารถแทงทะลุแดนสามเซียนอย่างนั้น รัศมีแสงสามารถส่งประกายส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค โปรดเหล่าเวไนยสัตว์นับล้านล้านชีวิต

เสียงจี๊ด…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในขณะนี้โครงกระดูกโครงนี้ได้ส่งเสียงร้องน่าเวทนาขึ้นมา ภายใต้การสาดส่องของประกายศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์และทรงพลังยิ่งเช่นนี้ เชื้อไฟที่เคลื่อนไหวในเบ้าตาของโครงกระดูกพลันดับวูบลงทันที ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ที่คอยให้การสนับสนุนโครงกระดูกโครงนี้ก็คือเชื้อไฟที่อยู่ภายในเบ้าตาของมันนั่นเอง

น่าแปลกมาก คิดไม่ออกเลยว่ามันเป็นไปได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกรงว่าเชื้อไฟดังกล่าวคือไฟประหลาดชั่วร้าย มีพลังอำนาจประหลาดชั่วร้ายของความมืด ภายใต้การทำให้บริสุทธิ์ของประกายศักดิ์สิทธิ์ สุดท้ายพลังอำนาจประหลาดชั่วร้ายของความมืดก็ได้หายวับไปกับตาในพริบตา

จากเสียงคร๊ากกกที่ดังขึ้น โครงกระดูกโครงนี้ได้แยกชิ้นส่วน และกลายเป็นกระดูกกองหนึ่งหลังจากที่สูญเสียพลังอำนาจประหลาดชั่วร้ายของความมืดนี้ไป โครงกระดูกแห้งพลันร่วงกระจัดกระจายเต็มพื้นทันที

ราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อมองเห็นโครงกระดูกที่ร่วงกระจัดกระจายเต็มพื้น อย่างน้อยที่สุดโครงกระดูกนี้ยังคงมีร่องรอยที่สามารถติดตามได้ อย่างน้อยทำให้เข้าใจได้ว่า นี่หาใช่เป็นเรื่องราวประหลาดอะไร แต่เป็นพลังอำนาจประหลาดชั่วร้ายของความมืดที่ก่อกวน

สำหรับราชันแท้จริงที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในครอบครองเฉกเช่นราชันแท้จริงเซิ่นซวงแล้ว เรียกได้ว่าปราศจากความยำเกรงแม้แต่น้อยเมื่อต้องเผชิญกับพลังอำนาจประหลาดชั่วร้ายของความมืด กระทั่งกล่าวได้ว่า การทำให้ความมืดบริสุทธิ์คือสิ่งที่ทรงพลังที่สุดของนาง

เสียงตูมดังขึ้นเสียงหนึ่ง จังหวะที่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงหายใจด้วยความโล่งอกนั้น ปากปล่องพลันปะทุเป็นเชื้อไฟขึ้นกะทันหัน โดยเชื้อไฟได้แลบออกมาจากด้านในของภูเขาเสมือนดั่งงูเพลิงอย่างนั้น

พริบตาเดียวนั่นเอง เชื้อไฟที่แลบและพุ่งออกมาพลันตวัดเอาโครงกระดูกที่หล่นกระจัดกระจายบนพื้นเข้าไปในภูเขาลูกนั้น เปลวไฟที่ลุกไหม้อย่างรุนแรงพลันลุกไหม้ท่วมโครงกระดูกนั่น เหมือนต้องการเผาไหม้มันให้หมดสิ้นอย่างนั้น

ภายในใจของพวกราชันแท้จริงเซิ่นซวงกำลังคาดเดาอยู่ ขณะมองเห็นไฟลุกไหม้รุนแรงที่กำลังลุกไหม้ท่วมกระดูกดังกล่าว

แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เองได้ยินเสียงตูมดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ภายในภูเขาที่มีไฟซึ่งลุกไหม้รุนแรงได้แวบวับขึ้นมา ภาพที่แปลกประหลาดได้เกิดขึ้นอีกครั้ง มองเห็นคนชุดดำได้คลานออกมาจากปากปล่องอีกครั้ง เขายังคงมีชุดดำที่ปกคลุมร่าง หลังจากที่คลานออกมาแล้วก็ไม่ได้เข้าโจมตีต่อราชันแท้จริงเซิ่นซวง กระทั่งกล่าวได้ว่า เหมือนว่าตัวเขาไม่เคยรับรู้ว่าเมื่อครู่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

โครงกระดูกที่คลานออกมาจากปากปล่องแล้วได้อาศัยพลังที่แข็งแกร่งมากเป่าลมเข้าไป ภายใต้พลังลมที่ทรงพลังดังฟู่ ฟู่ ฟู่ ทำให้ไฟที่อยู่ภายในภูเขาโหมลุกไหม้รุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลให้น้ำทองแดงที่อยู่ภายในหม้อเหล็กถูกเคี่ยวจนเดือดพล่านยิ่งขึ้น

“นี่มัน…” ไม่เพียงราชันเซียนเซิ่นซวงเท่านั้น แม้แต่กระบือดำขนาดใหญ่ก็ตกใจเป็นอันมาก เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว

“อาจารย์ มันฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกแล้ว” หลิ่วเยี่ยนไป๋ทั้งตระหนกทั้งแปลกใจเมื่อเห็นคนชุดดำได้คลานออกมาจากไฟที่ลุกไหม้อย่างรุนแรงอีกครั้ง นางที่ยังอ่อนต่อโลกรู้สึกว่านี่มันคล้ายเป็นเวทมนตร์อย่างนั้น

“มองเห็นชัดเจนแล้วสิ” หลี่ชิเย่มองดูคนชุดดำที่กำลังเป่าลมเข้าไปกองไฟ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ปัญหาไม่ได้มาจากคนชุดดำผู้นี้”

“มาจากไฟที่ประหลาดชั่วร้ายนั่น” เวลานี้ราชันเซียนเซิ่นซวงอดที่จะมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจังขึ้นมา ขณะมองดูไฟที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรงภายในภูเขาลูกนั้น นาทีนี้เองราชันเซียนเซิ่นซวงจึงมองว่า ไฟที่ลุกไหม้อย่างรุนแรงภายในภูเขาเสมือนหนึ่งมีชีวิตที่กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างนั้น ในเวลานี้เอง ราชันเซียนเซิ่นซวงจึงได้ให้ความสำคัญต่อไฟประหลาดชั่วร้ายนี้อย่างจริงจังขึ้นมา

แรกทีเดียวราชันเซียนเซิ่นซวงยังเข้าใจว่าเป็นการก่อกวนของคนชุดดำ เวลานี้นางเข้าใจแล้วว่า คนชุดดำเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้นเอง ที่เป็นตัวก่อกวนจริงๆ นั้นคือไฟประหลาดชั่วร้ายนั่นเอง

นางที่มีความศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์แต่กำเนิด และฝึกบำเพ็ญเพียรด้านความสว่างมา เวลานี้พบว่าไฟประหลาดชั่วร้ายนี้เต็มไปด้วยพลังความมืด แรกทีเดียวนางยังเข้าใจว่าพลังความมืดนี้เป็นของคนชุดดำ เวลานี้มองไปแล้วความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ พลังความมืดนี้คือสิ่งที่อยู่ในความครอบครองของของไฟที่ลุกไหม้อย่างรุนแรงภายในภูเขาลูกนั้น

สำหรับคนชุดดำเป็นเพียงกองกระดูกแห้งๆ ที่ใช้การไม่ได้กองหนึ่งเท่านั้น มีเพียงไฟประหลาดชั่วร้ายประทานพลังความมืดให้กับมัน มันจึงคืนชีพขึ้นมาได้

“ทั้งหมดนี้ เกรงว่าเป็นการก่อกวนเล่นกลของไฟประหลาดชั่วร้าย!” ราชันเซียนเซิ่นซวงถึงกับเสียวสันหลังวาบ และกล่าวว่า “ในตาของทหารอเวจีก็มีประกายไฟ ที่ให้การประคับประคองการเดินทัพของทหารอเวจีจำนวนมากนี้หาใช่เป็นตัวของทหารอเวจีเอง บางที คือพลังอำนาจประหลาดชั่วร้ายของความมืดนั่น”

“บอกได้แต่เพียงว่าถูกครึ่งหนึ่ง” หลี่ชิเย่มองดูคนชุดดำที่เป่าลมนั่นแล้ว ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง

“สถานที่บ้าๆ เช่นนี้เต็มไปด้วยความประหลาดชั่วร้าย” กระบือดำขนาดใหญ่ใช้กีบเท้าขูดกับพื้นดินและกล่าวว่า “บางทีปัญหาไม่ได้มาจากไฟประหลาดชั่วร้าย สถานที่บ้าๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังความมืดมาแต่แรกอยู่แล้ว”

“ถือว่าใช่เหมือนกัน” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ กวาดสายตายังฟ้าดินรอบๆ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นี่หาใช่เป็นเพียงปัญหาที่เกิดจากการก่อกวนของพลังเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของจิตที่มุ่งมั่นปรารถนา”

“จิตที่มุ่งมั่นปรารถนา?” ราชันเซียนเซิ่นซวงตะลึงงันนิดหนึ่ง ไม่ได้นึกถึงสิ่งที่ลึกซึ้งมากกว่านี้

สิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะราชันเซียนเซิ่นซวงไม่ฉลาดพอ แต่เป็นเพราะนางมีจิตใจที่สว่าง จึงไม่ได้จึงถึงสิ่งที่มืดกว่านั้นเท่านั้นเอง

“ไอ้บ้า คงไม่มั้ง” ต่างกับกระบือดำขนาดใหญ่ ตัวเขาเดิมทีก็คือผู้ที่ดูเผินๆ เป็นคนจิตใจดีแต่ความจริงแอบซ่อนความชั่วร้ายอยู่ในใจ กระทั่งอาศัยเจตนาที่ชั่วร้ายที่สุดไปศึกษาวิเคราะห์ผู้อื่น ดังนั้นพลันที่หลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ กระบือดำขนาดใหญ่ก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ทันที และรู้สึกหวั่นไหวในใจ

“กองทัพปราบปรามไกลจบสิ้นกันแล้ว” เมื่อกระบือดำขนาดใหญ่นึกถึงตรงนี้แล้วจึงพึมพำขึ้นมาว่า “กองทัพปราบปรามไกลที่ขึ้นชื่อว่าแกร่งที่สุดล่มจมทั้งกองทัพแล้ว”

“เป็นเช่นนี้จริงๆ รึ?” ราชันเซียนเซิ่นซวงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และกล่าวว่า “ปฐมบรรพบุรุษอัคคีแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร ทั้งยังมีปฐมบรรพบุรุษอีกสี่คนติดตามไปด้วย ราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลอีกจำนวนมาก โลกนี้ยังจะมีพลังอะไรที่สามารถสังหารพวกเขาได้ทั้งหมดเล่า?”

คำพูดเช่นนี้ของราชันเซียนเซิ่นซวงใช่จะไม่มีเหตุผล ปฐมบรรพบุรุษอัคคีได้รับการตัดสินให้เป็นหนึ่งในสิบยอดปฐมบรรพบุรุษ ลองนึกภาพดูว่ากำลังความสามารถของเขาแข็งแกร่งเพียงใด

แดนสามเซียนนับแต่อดีตถึงปัจจุบันได้ให้กำเนิดปฐมบรรพบุรุษไม่น้อยทีเดียว แต่ว่า ผู้ที่สามารถได้รับการตัดสินให้เป็นหนึ่งในสิบยอดปฐมบรรพบุรุษมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

การที่ปฐมบรรพบุรุษอัคคีสามารถได้รับการคัดเลือกเป็นสิบยอดปฐมบรรพบุรุษ ย่อมสามารถจินตนาการได้โดยสิ้นเชิงว่าเขานั้นแข็งแกร่งเช่นใดแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือจากปฐมบรรพบุรุษอัคคีในครั้งนั้นแล้ว ยังมีระดับปฐมบรรพบุรุษอีกสี่ร่วมเดินทางไปด้วย ราชันแท้จริงขั้นสุดยอดอีกหลายสิบคน ยิ่งระดับคงความอมตะตลอดกาลปราศจากผู้ต่อกรด้วยแล้วมีจำนวนร่วมร้อย

ด้วยกองทัพที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะไปอยู่ในยุคใด ไม่ว่าจะไปอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่ปราศจากผู้ต่อกร ล้วนแล้วแต่ไร้เทียมทาน ไม่มีใครต้านได้

เวลานี้มากล่าวว่า กองทัพดังกล่าวนี้หมดทั้งกองทัพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนสุดจะจินตนาการได้

ความจริงแล้ว ขณะที่นึกถึงเรือปราบปรามทางไกลในครั้งนั้น ภายในใจของราชันเซียนเซิ่นซวงก็มีความคิดเช่นนี้ แต่ว่า นางยังคงคิดในทางที่ดีเอาไว้ก่อน

จะอย่างไรเสีย ในปโลกปัจจุบัน ถ้าหากจะบอกว่าเฉกเช่นกองทัพปราบปรามทางไกลเช่นปฐมบรรพบุรุษอัคคียังคงล่มสลายทั้งกองทัพล่ะก็ สิ่งนี้กล่าวสำหรับแดนสามเซียนทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไม่ใช่เรื่องดี แต่เป็นภัยพิบัติ

น่าแปลกมาก คิดไม่ออกเลยว่ามันเป็นไปได้อย่างไร คิดดูก็แล้วกัน ถ้าหากแม้นกองทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรปราศจากผู้ต่อกรอย่างปฐมบรรพบุรุษอัคคียังหายวับไปกับตาในพริบตาทั้งกองทัพล่ะก็ ถ้าอันตรายล่อแหลมเช่นนี้ตกอยู่ที่แดนลัทธิเซียนล่ะก็ ยังจะมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใด ยังจะมีผู้ใดสามารถต้านได้กับอันตรายที่ล่อแหลมเช่นนี้ได้อีกเล่า?

“แหะด้วยความที่พวกเขาแข็งแกร่งมากเหลือเกิน” กระบือดำขนาดใหญ่จึงนึกออกถึงความลับอะไรบางอย่าง และหัวเราะแหะแหะทีหนึ่ง

“หมดกัน แดนลัทธิเซียน…” ภายในใจของราชันเซียนเซิ่นซวงรู้สึกหวั่นไหว นาทีนี้นางเองก็ตระหนักได้ว่า มาคราวนี้แดนลัทธิเซียนยากจะรอดพ้นจากเคราะห์กรรมไปได้ เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว ทำให้จิตใจของนางรู้สึกถึงความกดดันที่สูงมาก

“แหะดังนั้นแดนลัทธิเซียนของพวกเราจำเป็นต้องอาศัยพระเจ้าผู้ช่วยโลกอย่างท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ มิฉะนั้นล่ะก็ แดนลัทธิเซียนคิดจะรอดพ้นจากภัยพิบัติในครั้งนี้ดูริบรี่มากยิ่งนัก!” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ ท่าทางเหมือนกอดขาของหลี่ชิเย่เอาไว้แน่นอย่างนั้น

ภายในใจของราชันเซียนเซิ่นซวงรู้สึกหนักอึ้ง ขณะที่นางมองดูหลี่ชิเย่

“โลกนี้ไม่มีพระเจ้าผู้ช่วยโลกอะไร” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าเองก็หาใช่พระเจ้าผู้ช่วยโลก สุดท้ายแล้วยังคงต้องอาศัยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าได้จับเอาพระเจ้าผู้ช่วยโลกมานึกฝันเสียสวยหรู พระเจ้าผู้ช่วยโลกในวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะเป็นผู้ทำลายล้างโลก”

“เพราะอะไร…” ราชันเซียนเซิ่นซวงเอ่ยถามขึ้นด้วยจิตใต้สำนึก

“ไม่เพราะอะไร” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “จิตใจมนุษย์! ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับชั่ววูบเท่านั้นเอง ดังนั้น โลกนี้ไม่จำเป็นต้องอาศัยพระเจ้าผู้ช่วยโลก! เมื่อปราศจากพระเจ้าผู้ช่วยโลก บางทีก็จะไม่มีผู้ทำลายล้าง”

ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้มองดูราชันเซียนเซิ่นซวงทีหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ด้วยคำพูดที่มีความหมายลึกซึ้ง

เมื่อราชันเซียนเซิ่นซวงได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว รู้สึกสะท้านภายในใจ จะอย่างไรเสียนางก็คือราชันแท้จริง มีประสบการณ์มาไม่น้อย

สมควรทราบว่า ในฐานะที่นางเป็นราชันแท้จริง เป็นผู้คงความเป็นความสว่างตลอดกาล บนตัวของนางได้แบกรับความคาดหวังของผู้คนจำนวนมาก และนางเองก็เคยถือเอาสิ่งนี้เป็นหน้าที่ของตน เวลานี้ด้วยคำพูดของหลี่ชิเย่ได้ทำให้ภายในใจของนางบังเกิดความระแวดระวังตัวขึ้นมา และทำการรักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนให้แน่นหนามากยิ่งขึ้น

“มีจิตที่ระแวดระวังเป็นเรื่องดี” หลี่ชิเย่มองเห็นท่าทางของราชันเซียนเซิ่นซวงแล้วยิ้มบางๆ พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นการบ่งบอกว่าเจ้าตระหนักรู้แล้ว การเตรียมการล่วงหน้าก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงย่อมเป็นการดีที่สุด”

ราชันเซียนเซิ่นซวงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และพยักหน้าด้วยความหนักแน่น

อ๊ากกก…อ๊ากกก…อ๊ากกก…ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงร้องน่าเวทนาแต่ละเสียงที่ดังขึ้น เสียงร้องน่าเวทนาที่ดังขึ้นแหลมและเศร้ารันทดยิ่ง ทำให้ผู้คนที่ได้ยินถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึง

“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” เมื่อกระบือดำขนาดใหญ่ได้ยินเสียงที่น่าเวทนาจึงมองตามเสียง และพึมพำขึ้นมา

“พวกเราไปดูกัน…” ราชันเซียนเซิ่นซวงกระโจนไปยังทิศทางที่ปรากฎเสียงร้องน่าเวทนาทันที เพียงชั่วพริบตาเดียวก็หายไปบนท้องฟ้า

กระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับพึมพำขึ้น เมื่อมองเห็นท่าทางราชันเซียนเซิ่นซวงที่รีบเร่งต้องการช่วยเหลือผู้คนว่า “นังหนูคนนี้นับว่าจิตใจดีงาม กลายเป็นราชันแท้จริงแล้วยังคงรักษาจิตใจที่เมตตาเอาไว้ได้ หาได้ยากนัก”

“หากสำเร็จขั้นสมบูรณ์ต้องเป็นเรื่องดีแน่นอน” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “แต่ หากได้รับบาดเจ็บ พลันที่จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรพังทลายลง ก็จะกลายเป็นอาวุธแหลมคม ยิ่งมีความน่ากลัวมากขึ้น”

“ทุกอย่างย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย” กระบือดำขนาดใหญ่ก็ต้องพยักหน้าและยอมรับ

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่และกระบือดำขนาดใหญ่ต่างกระโจนไปยังทิศทางที่เสียงน่าเวทนาดังขึ้นนั่น

บริเวณที่กำเนิดเสียงน่าเวทนาคือบริเวณที่เป็นหุบเขาของยอดเขาที่โอบเข้าหากัน สถานที่ตรงนี้มีภูเขาเขาตั้งตระหง่าน มีภูเขาขนาดใหญ่หลายลูกโอบล้อมหุบเขาขนาดใหญ่มากเอาไว้

ที่แท้มียอดฝีมือที่ขึ้นมาบนเรือและพบแปลงสมุนไพรที่มีขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่งที่หุบเขาแห่งนี้ โดยที่แปลงสมุนไพรดังกล่าวก็ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่งคนใด หรือผู้ยิ่งใหญ่ที่ยอดเยี่ยมคนใดเหลือทิ้งเอาไว้

ภายในแปลงสมุนไพรแห่งนี้ มีสมุนไพรที่ล้ำค่ายิ่งขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก และบรรดาสมุนไพรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ขึ้นมาแล้วนานนับพันนับหมื่นปี

ยอดฝีมือเหล่านี้ย่อมดีใจอย่างที่สุดเมื่อได้พบเห็นสมุนไพรที่ล้ำค่าเช่นนี้

……………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด