Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3017 เตาหงส์ กับ พิณโบราณ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3017 เตาหงส์ กับ พิณโบราณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3017 เตาหงส์ กับ พิณโบราณ

คำพูดของกระบือดำขนาดใหญ่ทำให้ภายในใจของราชันแท้จริงเซิ่นซวงรู้สึกผิดหวัง อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง

“ภายในเตามีอะไรอยู่…” เวลานี้หลิ่วเยี่ยนไป๋ส่งเสียงร้องขึ้นมา และชี้ไปที่เตาไฟ

ทุกคนมองตามไป เป็นจริงดังว่า ภายในเตาหงส์ที่กองเต็มไปด้วยสิ่งที่ดำทมึนคล้ายเป็นถ่านไม้อย่างนั้น ถ้าหากไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่เห็นอะไร แต่ หากมองดูให้ละเอียดล่ะก็ จะพบว่าภายในถ่านไม้เหมือนมีอะไรฝังกลบอยู่ โดยที่ของสิ่งนี้ถูกฝังอยู่กับถ่านไม้เสียเป็นส่วนใหญ่ มองเห็นไม่ชัดเจนทั้งหมด มองจากระยะห่างไกลเหมือนเป็นก้อนหินก้อนหนึ่งที่ถูกฝังอยู่ข้างใน

‘ตูมิซีปามีชือ…’เวลานี้คาถาที่สิ่งปราศจากชีวิตได้เปล่งออกมานั้นดังก้องไปทั่วทั้งเมืองขนาดยักษ์ เต็มไปด้วยจังหวะจะโคน เวลานี้เหมือนว่าทั่วทุกมุมภายในเมืองโบราณล้วนมีคาถานี้สนองตอบอย่างนั้น ทำให้รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่ได้ยิน

ตูม…เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้จากการเปล่งเสียงคาถาของสิ่งปราศจากชีวิตดังขึ้นเรื่อยๆ ก๊าซสีดำที่พวกมันแผ่กระจายออกมาเหมือนได้รับพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมดึงดูดอย่างนั้น เห็นเพียงก๊าซสีดำล้วนแล้วแต่มุ่งไปยังเตาหงส์

เวลานี้เอง เตาหงส์เหมือนหนึ่งเป็นสัตว์ขนาดยักษ์ที่อ้าปากกว้างอย่างนั้น มันต้องการกลืนกินก๊าซสีดำลงท้องไปทั้งหมด

ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังขึ้น ก๊าซสีดำทั้งหมดล้วนมุ่งหน้าไปยังเตาหงส์ แต่ว่า ที่ดูดกลืนเอาก๊าซสีดำนั้นหาใช่ปากเตาหงส์ แต่เป็นบริเวณด้านข้างของเตา

เห็นเพียงก๊าซสีดำทั้งหมดพลันไหลทะลักไปอยู่ด้านหน้าของเตาหงส์ เหมือนได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้น ก๊าซสีดำทั้งหมดพลันปกคลุมอยู่ด้านข้างของเตาหงส์

ด้านข้างของเตาหงส์เสมือนหนึ่งเป็นฟองน้ำที่ดูดซับน้ำอย่างนั้น พลันดูดเอาก๊าซสีดำที่ไหลทะลักมาเข้าไปข้างเตา เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ดูดเอาก๊าซสีดำทั้งหมดจนไม่เหลือ

เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น หลังจากการที่เตาหงส์ได้ดูดเอาก๊าซสีดำทั้งหมดเข้าไปแล้ว เตาหงส์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ด้านข้างของตัวเตาหงส์เริ่มกลายเป็นสีแดง เหมือนถูกเผาด้วยไฟที่ร้อนแรงจนค่อยๆ กลายเป็นสีแดงอย่างนั้น

จากการที่เตาหงส์เริ่มกลายเป็นสีแดงและดูเจิดจ้าขึ้นมา หงส์ที่สลักเอาไว้บนเตาหงส์ก็เริ่มมีความชัดเจนขึ้น ขนที่อยู่บนตัวก็ค่อยๆ ดูแจ่มชัดและมีชีวิตชีวาขึ้น ปรากฏให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน เมื่อด้านข้างของเตาหงส์กลายเป็นสีแดงเพิ่มมากขึ้น ตัวของหงส์ก็คล้ายฟื้นคืนชีพขึ้นมาช้าๆ อย่างนั้น

เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ด…ดังขึ้น จากการที่ด้านข้างเตาหงส์กลายเป็นสีแดง สิ่งที่ดูคล้ายเป็นถ่านไม้ในเตาก็เริ่มเจิดจ้าขึ้นมาเช่นกัน

ลักษณะเช่นนี้ก็คล้ายเป็นการจุดติดเตาอย่างนั้น จากการที่อุณหภูมิในเตาเพิ่มสูงขึ้น ถ่านไม้ที่อยู่ในเตาก็เริ่มติดไฟขึ้น และเมื่อถ่านไม้เริ่มกลายเป็นสีแดง เริ่มให้ความรู้สึกผู้คนถึงการฟื้นขึ้นมาของเตาหงส์

“พลังกำลังรวมตัว” ในเวลานี้ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนยิ่ง รู้สึกได้ว่าในพริบตาเดียวนั่นเองเตาหงส์กำลังรวบรมพลังฟ้าดิน รวบรวมพลังตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยที่เตาหงส์กำลังฟื้นตื่นขึ้น เหมือนว่าเตาหงส์ใบนี้มีผู้ได้รับความเคารพสูงสุดจะฟื้นตื่นขึ้นมาอย่างนั้น

ในเวลานี้เตาหงส์เริ่มมีการแผ่กระจายพลังสูงสุดออกมาแล้ว มันก็คืออาวุธปฐมบรรพบุรุษชิ้นหนึ่ง มันสามารถยิงถล่มฟ้าดิน ทำลายสรรพสิ่ง ถือเป็นอาวุธที่ปราศจากผู้ต่อกรและน่าสยองขวัญอย่างยิ่งชิ้นหนึ่ง

‘ตูมิซีปามีชือ…’ เสียงร่ายคาถาแต่ละคำดังมากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เตาหงส์ดูเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ บรรดาสิ่งปราศจากชีวิตที่อยู่ภายในสนามประลองก็ยิ่งทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ พวกเขาไม่เพียงเปล่งเสียงร่ายคาถาให้ดังมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวโยกและบิดร่างกายของพวกเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เหมือนว่าพวกมันยิ่งเต้นยิ่งคึกคักอย่างนั้น

เสียงตูม…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ขณะที่ถ่านไม้ที่อยู่ภายในเตาหงส์ได้ลุกไหม้จนแดงถึงระดับหนึ่งแล้วนั้น ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังขึ้น เปลวไฟได้พุ่งพรวดออกมาจากถ่านไม้นั่น

ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังขึ้น เปลวไฟพลันเต้นวูบวาบอยู่ภายในเตา แม้ว่าเปลวไฟยังมีขนาดเล็ก แต่เหมือนว่ามันเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่ไม่มีสิ้นสุด คล้ายสามารถเผาผลาญเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินในทันที

เปลวไฟที่พุ่งออกมาจากถ่านไม้มีความแตกต่างจากเปลวไฟทั่วไป โดยประกายของเปลวไฟปรากฎสีดำแวบวับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านนอกของเปลวไฟมีเปลวสีดำปกคลุมเอาไว้ เหมือนว่าเปลวไฟลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่ไฟของโลกมนุษย์ แต่เป็นไฟมรณะที่สามารถนรกเอวจี

เสียงตูม…ตูม…ตูม…แต่ละเสียงที่ดังขึ้น หลังจากที่เตาหงส์ได้ปรากฏเปลวไฟขึ้นมาแล้ว มองเห็นบรรดาสิ่งปราศจากชีวิตบนสนามประลองก็มีเปลวไฟที่วิ่งออกมาทั่วตัว

ในขณะนี้ บนตัวของสิ่งปราศจากชีวิตล้วนมีเปลวไฟที่วูบวาบ ดูไปแล้วก็คล้ายเป็นมนุษย์ไฟคนหนึ่งอย่างนั้น แต่ว่า เปลวไฟบนตัวของพวกมันกลับเป็นเปลวไฟสีดำที่แวบวับ ทำหผู้คนพลันมองเห็นพวกมันก็รู้ว่า พวกมันออกมาจากนรกอเวจี

เมื่อบนตัวของสิ่งปราศจากชีวิตทั้งหมดปรากฏเปลวไฟขึ้นมาแล้ว ดูเหมือนพวกเขาได้กลับกลายเป็นมีชีวิตชีวามายิ่งขึ้น เสมือนหนึ่งกลายเป็นคนที่มีชีวิตคนหนึ่งอย่างนั้น ก่อนหน้านั้นจะมากหรือน้อยก็ตาม ดูเหมือนมีพลังชีวิตไม่ค่อยเพียงพอนัก แต่ว่า เมื่อปรากฏเปลวไฟที่ลุกไหม้ขึ้นมา ก็เหมือนเป็นคนๆ หนึ่งที่มีเลือดเติมเต็มแล้วคืนชีพ กระทั่งเหมือนฉีดยาโดปเข้าไป เปี่ยมด้วยชีวิตชีวายิ่ง กระทั่งสามารถอาศัยคำว่าคึกคักมาเปรียบเปรยแล้ว

‘ตูมิซีปามีชือ…’ ในเวลานี้ เสียงคาถาที่เปล่งออกมาดังกังวานมากยิ่งขึ้น บนตัวของสิ่งปราศจากชีวิตทั้งหมดปรากฎเปลวไฟขึ้นมา และพวกเขายิ่งบิดและโยกตัวอย่างเต็มที่ เต้นด้วยท่าเต้นที่แปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น

จากการที่สิ่งปราศจากชีวิตทั้งหมดต่างเปล่งคาถาขึ้นมาอย่างเต็มที่ ขณะที่เต้นรำอยู่นั้นเปลวไฟที่อยู่ในเตาหงส์ก็จะลุกโชนมากยิ่งขึ้น ได้ยินเสียงแต่ละเสียงที่ดังตูม ตูม ตูมขึ้นมา มองเห็นเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นทีละน้อยๆ เหมือนว่าเปลวไฟดังกล่าวมีชีวิต มันสามารถเติบโตขึ้นทีละนิดๆ

“จะเริ่มแล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวพึมพำว่า “แหะ แหะเรียกคนตาย กระบือสุดหล่ออย่างข้ากลับต้องการดูว่านี่เป็นคนตายแบบไหนกัน!” กล่าวพลาง ดวงตาทั้งสองดูน่าเกรงขาม

ราชันแท้จริงเซิ่นซวงเองก็อดที่จะจ้องเขม็งไปที่เตาหงส์ใบนั้น เมื่อสิ่งปราศจากชีวิตทั้งหมดล้วนมารวมตวกันอยู่ที่นี่ และทำพิธีที่ชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้นที่นี่ สมควรทราบว่า บรรดาสิ่งปราศจากชีวิตเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ปราศจากจิตสำนึกทั้งสิ้น พวกมันเป็นเพียงผีดิบเท่านั้นเอง

เวลานี้พวกมันต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ จัดให้มีพิธีกรรมเรียกวิญญาณลักษณะเช่นนี้ เบื้องหลังของมันจะต้องมีพลังที่ชั่วร้ายมากคอยบงการพวกมันอยู่

ดังนั้น สิ่งนี้ได้ทำให้ในใจของราชันแท้จริงเซิ่นซวงรู้สึกตื่นเต้น นางต้องการรู้ว่าผู้ที่ทำการเรียกวิญญาณเป็นใครกันแน่!

‘ตูมิซีปามีชือ…’ สิ่งปราศจากชีวิตทั้งหมดต่างเปล่งเสียงดังขึ้นมา พวกมันโยกและบิดตัวอย่างบ้าคลั่ง และจากการที่พวกมันเปล่งเสียงเป็นเสียงที่สูงขึ้นมากเท่าใด เปลวไฟของเตาหงส์ก็จะลุกโชนรุนแรงมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน เปลวไฟบนตัวของพวกเขาก็มีขนาดสูงขึ้น และลุกโชนมากขึ้น

แกร็ง แกร็ง แกร็ง……ขณะที่พิธีกรรมเรียกวิญญาณกำลังจะถึงจุดสำคัญอยู่นั้น ทันใดนั้น ปรากฏเสียงพิณที่ดังขึ้นมา

ขณะที่เสียงพิณดังขึ้นมานั้น คลื่นเสียงพลันเสมือนดั่งคลื่นที่โหมสาดซัดโจมตีเข้ามา และคล้ายเป็นของมีคมที่คมกริบปราศจากผู้เทียบเทียมเฉือนเขามา

เสียงฟรุบ…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ขณะที่เสียงพิณดังแกร็ง แกร็ง แกร็งขึ้นมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเปลวไฟของเตาหงส์ หรือเปลวไฟบนตัวของคนตาย ล้วนอับแสงลงไม่น้อยทีเดียว

ลักษณะเช่นนี้ก็คล้ายเป็นลมพายุที่โหมพัดเข้ามา ทำเอาเปลวไฟทั้งหมดล้วนโอนเอนไปมาไม่หยุด เกือบจะทำให้เปลวไฟทั้งหมดต้องดับวูบลงอย่างนั้น

พวกหลี่ชิเย่จ้องมองไป เห็นบนท้องฟ้าพลันปรากฏพิณโบราณขึ้นมาหลังหนึ่ง ไม่ทราบว่าพิณโบราณหลังนี้โผล่มาจากไหน มีความงดงามเรียบง่ายแบบโบราณ ดูเก่าแก่โบราณยิ่งนัก และตัวของพิณโบราณทั้งหลังเหมือนผ่านการชำระล้างจากสายน้ำแห่งกาลเวลามาอย่างยาวนาน ให้ความรู้สึกผู้คนเหมือนผ่านสิ่งต่างๆ มาอย่างโชกโชนอย่างนั้น

โดยพิณโบราณหลังนี้ที่โผล่ออกมาดังขึ้นมาเองโดยไม่ต้องมีคนดีด ท่ามกลางเสียงพิณที่ดังแกร็ง แกร็ง แกร็งขึ้นมา ได้ซ่อนพลังที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ พลังเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นพลังสูงสุด เสียงพิณทุกๆ เสียงล้วนสามารถสังหารสิ้นเหล่าภูติผีทั้งหลาย!

“นี่มันคือพิณอะไร…” เมื่อราชันแท้จริงเซิ่นซวงมองไปแล้วถึงกับตกใจยิ่งนัก “เสียงพิณนี้คล้ายกับเสียงพิณที่สยบหินสีดำมากทีเดียว เหมือนมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน”

“ก็มาจากต้นกำเนิดเดียวกันนั่นแหละ” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉย สายตาตกไปอยู่ที่พิณโบราณหลังนี้

ในเวลานี้ เสียงพิณที่ดังแกร็ง แกร็ง แกร็งขึ้นมาไม่ขาดสาย จากการที่เสียงพิณเสมือนดั่งกระบี่และดาบที่เชือดเฉือนเข้ามา พลันทำให้เปลวไฟในเตาหงส์ และบนตัวคนตายติดๆ ดับๆ เหมือนเป็นเทียนที่ใกล้ดับที่อยู่ท่ามกลางพายุอย่างนั้น พร้อมที่จะดับมอดลงทุกเมื่อก็เป็นได้

“อาจารย์ พิณโบราณกับพวกมันเป็นศัตรูกันรึ?” หลิ่วเยี่ยนไป๋ก็รู้สึกแปลกใจ เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว

“ถูกต้อง” กระบือดำขนาดใหญ่พยักหน้า และกล่าวว่า “นี่เป็นการประลองกำลังของผู้ที่มีฐานะสูงสุด แม้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว กระทั่งในจำนวนนั้นมีผู้ที่ได้ตายไปแล้วด้วย แต่ว่า หลังจากผ่านมานับพันล้านปี ปณิธานของพวกเขายังคงประลองกำลังซึ่งกันและกันอยู่”

ตุง ตุง ตุง…จังหวะที่เปลวไฟกำลังติดๆ ดับๆ นั้น เสียงกลองที่สะเทือนเลื่อนลั่นได้ดังขึ้นเป็นระลอก เสียงกลองที่ดังเป็นระลอกพุ่งโจมตีขึ้นไปจากพื้นดิน

ผู้ที่ลงมือก็คือสิ่งปราศจากชีวิตหลายคนนั้น คือฮ่องเต้รถศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอิทธิพลอาชาศึก…แม้ว่าพวกมันจะตายไปแล้ว แต่ว่า ในเวลานี้พวกมันก็รู้ว่าตนเองควรจะทำอะไร

พวกมันได้หยิบเอาไม้ตีกลองที่อยู่บนชั้นวางกลอง ทำการลั่นกลองรบขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

ท่ามกลางเสียงกลองที่ดังตุง ตุง ตุง มองเห็นเสียงกลองคล้ายดั่งคลื่นยักษ์ที่พุ่งขึ้นท้องฟ้า และเข้าโจมตีเสียงพิณในทันที

นาทีนี้ เสียงกลองที่ดังตุง ตุง ตุงก็เสมือนดั่งเป็นคลื่นยักษ์ที่ไม่ขาดสาย และขวางเสียงพิณที่ฟาดฟันลงมา

แกร็ง แกร็ง แกร็ง…เสียงพิณดูจะกระชั้นรีบเร่งมากขึ้น การโจมตีรุนแรงยิ่งขึ้น พุ่งโจมตีเสียงกลอง และต้องการแทงทะลุเสียงกลองเพื่อทำให้เปลวไฟดับมอดลง

ขณะที่พวกของฮ่องเต้รถศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอิทธิพลอาชาศึก…ที่เป็นสิ่งปราศจากชีวิตก็รู้ว่า หากปล่อยให้เสียงพิณทำให้เปลวไฟดับลง เท่ากับว่าความพยายามที่พวกมันทุ่มเทไปล้วนสูญเปล่า ดังนั้น พวกมันจึงพยายามลั่นกลองรบอย่างเต็มที่

เสียงกลองดังขึ้นมาเป็นระลอก เสมือนดั่งคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัด เข้าโจมตีต่อเสียงพิณครั้งแล้วครั้งเล่า

เนื่องเพราะถูกรบกวนจากเสียงกลอง ทำให้อานุภาพเสียงพิณที่ฟาดฟันไปลดลงอย่างมากทีเดียว จากการที่อานุภาพเสียงพิณลดลงไปมาก ได้ยินเสียงตูม ตูม ตูมที่ดังขึ้นมา

ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเปลวไฟที่ยอู่ภายในเตาหงส์ หรือจะเป็นเปลวไฟบนตัวของสิ่งปราศจากชีวิต ล้วนลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง และสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง และมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น

‘ตูมิซีปามีชือ…’ ในเวลานี้เอง การเปล่งคาถาของสิ่งปราศจากชีวิตได้ดังกังวานไปถึงขีดสุดแล้ว พวกมันแทบจะตะโกนจนสุดเสียงแล้ว และพยายามโยกบิดตัวร่างกายของพวกมัน ทำให้พิธีกรรมเรียกวิญญาณถูกพลักดันให้ก้าวไปถึงจุดสูงสุด

…………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด