Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3043 หนึ่งต่อสี่

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3043 หนึ่งต่อสี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3043 หนึ่งต่อสี่

คำพูดที่ถืออำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ไม่เพียงแต่ทำให้สีหน้าของเทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่มปั้นยากเท่านั้น แม้แต่พวกของเสินกู่จ้าน กระบี่เหินเทียนเจียวก็มีสีหน้าที่ดูไม่จืดยิ่งเช่นกัน

พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญผู้มีอำนาจอิทธิพลในยุคปัจจุบันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านชาติกำเนิดหรือกำลังความสามารถล้วนแล้วแต่อยู่ในจุดสูงสุดของยุคปัจจุบัน จะมีสักกี่คนบนโลกที่มองพวกเขาเหมือนไร้ตัวตนกันเล่า?

“เจ้าคนแซ่หลี่ เจ้าออกจะผยองมากเกินไปแล้ว” กระบี่เหินเทียนเจียวอดทนต่อไปไม่ไหว ร้องเสียงดังขึ้นมา

ความเป็นศัตรูของกระบี่เหินเทียนเจียวกับหลี่ชิเย่ใช่เป็นเรื่องทีเกิดขึ้นมาเพียงวันสองวันเท่านั้น ในที่สุดมาวันนี้นางทนไม่ได้จนต้องระเบิดมันออกมา ถึงกับส่งเสียงดังขึ้นมด้วยความโกรธ

“อืมม ผยองแล้วอย่างไร” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มบางๆ นิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ฉวยโอกาสข้ายังไม่คิดจะฆ่าคน ไสหัวไปให้หมด”

“ดี ดี ดี…” เสินกู่จ้านถึงกับหัวเราะขึ้นมาด้วยความโกรธจัด และกล่าวว่า “เจ้าคิดจะอาศัยคนเดียวท้าสู้พวกเราสี่คนจริงๆ รึ?”

ภายในใจของเสินกู่จ้านก็เพลิงโกรธลุกโชน ตัวเขาที่มีชาติกำเนิดมาจากแคว้นเสินฉีเจียง มีท่าทีที่สูงเด่นตลอดมา เวลานี้ท่าทีของหลี่ชิเย่เหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอย่างนั้น สิ่งนี้ทำให้ในใจของเขาอึดอัดยิ่งนัก

“แค่มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้นเอง อย่าว่าแต่พวกเจ้าทั้งสี่คน ต่อให้เป็นสี่สิบคนก็ฆ่าตามระเบียบ” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ โดยไม่ได้ใส่ใจ เหมือนกำลังบอกว่าเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากไม่คู่ควรจะกล่าวถึง

คำพูดเช่นนี้พลันทำให้สีหน้าของพวกเทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่มปั้นยากถึงขีดสุด ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างใจหายใจคว่ำ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากก็อดที่จะมองหน้าซึ่งกันและกัน ในเวลานี้เจ้ามองดูข้า ข้ามองดูเจ้า

ไม่ว่าจะเป็นเทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่ม หรือว่าพวกเสินกู่จ้าน พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในฐานะสูงสุดของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในวันนี้ หากพวกเขาร่วมมือกันละก็ กลุ่มคนรุ่นใหม่น้อยคนนักที่จะต่อกรกับพวกเขาได้ เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับบอกว่าต่อให้พวกเขาสี่สิคนก็จะฆ่าไปตามระเบียบ

ลองนึกภาพดู ผู้ที่มีกำลังความสามารถเฉกเช่นพวกของเทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่มสี่สิบคน มันคือการรวบรวมยอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งหมดของแดนลัทธิเซียนแล้ว คำพูดลักษณะเช่นนี้เป็นการดูแคลนยอดฝีมือทั้งหมดใต้หล้า กระทั่งไม่เห็นผู้คนใต้หล้าอยู่ในสายตา

“ดุดันโหดร้าย มิน่าเล่าถึงมีชื่อว่าคนโหดอันดับหนึ่ง” มียอดฝีมืออดที่จะส่งเสียงจี๊ดจ๊าด และพึมพำออกมา

ทุกคนต่างรู้สึกว่าคำพูดของหลี่ชิเย่นับว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่เหลือเกิน และโหดร้ายมากเหลือเกิน ทอดสายตามองออกไปทั่วทั้งแดนลัทธิเซียน แล้วจะมีสักกี่คนที่กล้าอวดดีถึงขั้นนี้ เกรงว่าแม้แต่พวกที่อยู่ในฐานะเช่นปราชญ์อัจฉริยะหลันซูก็คงไม่กล้ามองใต้หล้าเหมือนไม่มีตัวตนกระมัง

ในเวลานี้ พวกของเสินกู่จ้านต่างมองตากันและกัน พลันปรากฏปณิธานการฆ่าที่รุนแรงยิ่งขึ้นมา พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือที่มีอำนาจสยบทั่วหล้าทั้งสิ้น จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไรกัน

“แหะพวกเจ้าเหล่านี้จะสู้หรือไสหัวไป?” ขณะที่การพูดจาของกระบือดำขนาดใหญ่ ในเวลานี้เป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ถ้าหากไม่มีกำลังความสามารถเช่นนั้นก็ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ เจ้าหนูกระบี่ครึ่งเล่มอะไรนั่นให้นำคำพูดกลับไปยังตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน สัญญาแต่งานแคว้นอีเดนอะไรนั่นให้ยกเลิกตั้งแต่บัดนี้”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้สีหน้าของเทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่มกับอำมาตย์เต่าปั้นยากถึงขีดสุด ท่าทางของพวกเขาเหมือนถูกยั่วโมโหจนแทบระเบิดขึ้นมา

“เรื่องของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนไหนเลยอนุญาตให้บุคคลภายนอกมาชี้มือชี้ไม้ได้” อำมาตย์เต่าส่งเสียงฮึเย็นชา และกล่าวน่าครั่นคร้ามว่า “ใครกล้าก้าวก่ายเรื่องราวของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน ฆ่าไม่มีละเว้น”

เมื่ออำมาตย์เต่าเอ่ยมาถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งสองส่งประกายเยือกเย็นยิ่งขึ้นมา กล่าวน่าครั่นคร้ามว่า “ผู้ใดกล้าทำลายเรื่องดีๆ ของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน สุดหล้าฟ้าเขียวก็จะไม่มีที่หลบซ่อนตัว ตายอย่างไร้ที่ฝัง”

คำพูดนักเลงของอำมาตย์เต่าที่พูดออกมา ใช่เป็นการพูดจาสามหาว และใช่เป็นเพียงคำพูดที่โมโห คำพูดของเขาไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่กระบือดำขนาดใหญ่เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กอัศจรรย์สามตา

ย่อมไม่ต้องสงสัย คำพูดของอำมาตย์เต่าเป็นการเตือนเด็กอัศจรรย์สามตา อย่าได้คิดอะไรกับราชันแท้จริงหลิงซิน หาไม่แล้วก็คือเป็นศัตรูกับตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน กระทั่งเผ่าจินเปี้ยนทั้งหมด เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะมีชาติกำเนิดมาจากสำนักใด ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใดก็ตาม เกรงว่าจะไม่มีที่หลบซ่อนตัว และตายอย่างไร้ที่ฝังเช่นกัน

“กลัวมาก กลัวเหลือเกิน” กระบือดำขนาดใหญ่ทำท่าเหมือนหวาดกลัวอย่างยิ่ง แอบซ่อนตัวไปข้างหลัง ยิ้มแต้กล่าวว่า “กระดูกแก่ๆ อย่างข้ารับการทรมานไม่ได้ แต่ว่า นังหนู เวลานี้มีผู้บอกว่าจะทำลายหอจรัสศักดิ์สิทธิ์พวกเรา เจ้าว่าควรจะทำเช่นใดดีเล่า?”

กระบือดำขนาดใหญ่เกรงว่าจะไม่วุ่นวาย ไม่เพียงหาเรื่องกับตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนเท่านั้น เวลานี้แม้แต่หอจรัสศักดิ์สิทธิ์เขาก็จะลากลงน้ำด้วย

เดิมราชันแท้จริงเซิ่นซวงยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ตลอดมา ทุกคนก็ถือว่านางเป็นเพียงผู้ชมคนหนึ่งเท่านั้นเอง

เวลานี้สายตาจำนวนไม่น้อยตกลงบนตัวของราชันแท้จริงเซิ่นซวง และทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับสะท้านในใจ

แม้แต่พวกเสินกู่จ้านก็มีดวงตาทั้งสองที่เยือกเย็น จะอย่างไรเสียราชันแท้จริงเซิ่นซวงคือราชันแท้จริงสิบสองลัคนา ความแข็งแกร่งด้านกำลังความสามารถเพียงพอที่จะเทียบเคียงกับพวกหมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยน

“ฝ่าบาทเซิ่นซวง หอจรัสศักดิ์สิทธิ์คือไข่มุกที่สว่างสดใส ทำไม่จะต้องไปอยู่กับคนที่ไม่ได้ความเหล่านี้เล่า” กระบี่เหินเทียนเจียวกล่าวเตือนราชันแท้จริงเซิ่นซวงว่า “สิ่งนี้จะนำพาภัยพิบัติให้กับหอจรัสศักดิ์สิทธิ์โดยไม่คาดคิดมาก่อน และสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อหอจรัสศักดิ์สิทธิ์…”

เวลาที่กระบี่เหินเทียนเจียวพูดออกมานั้นนับว่าค่อนข้างมีน้ำหนัก แม้ว่ากำลังความสามารถของนางจะไม่เท่าพวกเสินกู่จ้าน เทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่มเหล่านั้น แต่ว่า นางเป็นน้องภรรยาของพระอาจารย์จินกวง ไม่ว่าใครก็ต้องให้เกียรตินางสามส่วน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำพูดของกระบี่เหินเทียนเจียวก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล หอจรัสศักดิ์สิทธิ์อาศัยชื่อความสว่างไสวที่ส่องสว่างแดนลัทธิเซียน หากราชันแท้จริงเซิ่นซวงเกิดมีสิ่งใดผิดพลาด ไม่แน่นักอาจนำชื่อเสียงที่ไม่ดีให้กับหอจรัสศักดิ์สิทธิ์

“เทียนเจียวพูดได้ถูกต้อง…” เทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่มพยักหน้าหนักแน่นจริงจัง และกล่าวว่า “ฝ่าบาทเซิ่นซวงควรเห็นแก่ส่วนรวม อย่าได้อยู่กับคนโหดเช่นนี้ สร้างความเสื่อมเสียให้กับหอจรัสศักดิ์สิทธิ์…”

“ข้าทำเรื่องอะไรยังต้องรอให้พวกท่านมาสอนและแนะนำอย่างนั้นรึ?” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงยืนอยู่ตรงนั้นกล่าวเรียบเฉยว่า “ข้าจะทำอะไรย่อมตัดสินใจเองได้ หากพวกท่านไม่พอใจ ข้าหนึ่งต่อสี่ก็ได้!”

พลันที่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงพูดออกมากะทันหันเช่นนี้ พลันทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับลิ้นจุกปากพูดอะไรไม่ออก ราชันแท้จริงเซิ่นซวงมีภาพของสงบเงียบอันเป็นที่ทราบกันดีของทุกคนตลอดเวลาที่ผ่านมา เวลานี้พลันพูดออกมาก็ยกตนข่มท่าน มาคราวนี้ทำเอาผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องงงงันอยู่ตรงนั้น

“ราชันแท้จริงเซิ่นซวงออกจะดุดันเกินไปแล้วกระมัง” มีผู้รู้สึกแปลกใจและซุบซิบขึ้นมา

“เจ้าจะไปรู้อะไร” ระดับบรรพบุรุษส่ายหน้าเบาๆ ว่า “สิ่งนี้มันคือระดับที่แตกต่างกัน คนละชั้นกัน ราชันแท้จริงเซิ่นซวงแข็งแกร่งกว่าพวกเขาไม่น้อย การกระทำของนางไหนเลยต้องให้พวกของเทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่มมาชี้แนะ”

ยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยลองนึกดูอย่างละเอียดอีกครั้งก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของบรรพบุรุษผู้นี้แล้ว

ราชันแท้จริงเซิ่นซวงคือราชันแท้จริงสิบสองลัคนา นางแข็งแกร่งกว่าพวกของเทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่มมากทีเดียว นางคิดจะทำอะไรหรือยังจะต้องให้ผู้ที่อ่อนแอกว่ามาชี้แนะอย่างนั้นรึ? พวกกระบี่เหินเทียนเจียวคิดไปเอง การที่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงไม่ได้ตบเข้าให้หนึ่งฉาด ก็นับว่าเกรงใจแล้ว

เมื่อถูกคำพูดของราชันแท้จริงเซิ่นซวงที่ซัดเข้ามา พลันทำให้พวกของเทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่ม กระบี่เหินเทียนเจียวมีสีหน้าที่แดงก่ำ โดยเฉพาะกระบี่เหินเทียนเจียวท่าทีดูจะอึดอัดใจยิ่งนัก

เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่านางยังต้องให้เกียรตินางสามส่วน เวลานี้ราชันแท้จริงเซิ่นซวงไม่สนใจนางเลย กระทั่งคำพูดเช่นนี้คล้ายเป็นการตบหน้านางฉาดหนึ่งต่อหน้าผู้คน แล้วจะไม่ให้นางรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนักได้อย่างไรเล่า?

“แหะนังหนู คำพูดแบบนี้แหละที่อันธพาลพอ” กระบือดำขนาดใหญ่เกรงว่าเรื่องราวจะไม่วุ่นวาย ยิ้มแต้และกล่าวว่า “เจ้าไม่ลงมือ คนอื่นเข้าใจว่าราชันแท้จริงสิบสองลัคนาของเจ้าปั้นมาจากดิน มา มะ มาเจ้าลองลงมือสักหน่อย สังหารพวกเขาทิ้งสี่ภายในสามถึงห้ากระบวนท่า ให้พวกเขาได้รู้จักแสงสว่างแห่งการเข่นฆ่าสังหารของเจ้า แหะนี่คือฝีมือถนัดของเฒ่าไกลกันดาลในครั้งนั้น”

คำพูดเช่นนี้ของกระบือดำขนาดใหญ่พลันทำให้พวกของเสินกู่จ้านสีหน้าเปลี่ยนไป ลำพังหลี่ชิเย่คนหนึ่ง พวกเขายังพอมีกำลังที่จะสู้สักครั้ง หากว่าเพิ่มราชันแท้จริงเซิ่นซวงอีกคน สถานการณ์ก็จะไม่ดีต่อพวกเขา

ความจริงแล้ว คำพูดเช่นนี้ของกระบือดำขนาดใหญ่กลับทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกสนใจ เนื่องจากราชันแท้จริงเซิ่นซวงมีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้คนจำนวนมากต่างก็รู้ว่านางคือราชันแท้จริงสิบสองลัคนา แต่ผู้ที่เคยเห็นนางสู้เต็มที่นั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ถ้าหากเวลานี้มีโอกาสได้เห็นราชันแท้จริงเซิ่นซวงลงมือโจมตีล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว ในใจของผู้คนจำนวนมากต่างเฝ้ารออยู่แล้ว

“เอาล่ะเจ้าก็อย่าได้มัวแต่เสนอความคิดที่ไม่เข้าท่า” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้า มองดูพวกของเสินกู่จ้านทีหนึ่งและกล่าวว่า “เวลานี้พวกเจ้าคิดจะหนีเกรงว่าคงสายไปเสียแล้ว” กล่าวพลางและเดินเข้าหาอย่างช้าๆ

หลี่ชิเย่เดินเข้าไปและยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทีตามสบาย และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ให้โอกาสพวกเจ้าลงมือก่อน มิฉะนั้นแล้วจะหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก!”

ท่าทีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้พวกของเสินกู่จ้านมีสีหน้าที่ดำคล้ำ บุคลิกลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เป็นการถือว่าพวกเขาเป็นเพียงมดปลวก พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ผ่านสมรภูมิสู้รบมามากมาย ล้วนเป็นยอดฝีมือที่เกรียงไกรทั่วหล้า เคยถูกผู้อื่นมองเป็นมดปลวกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ”อาศัยเจ้าคนเดีวสู้กับพวกเราทั้งสี่คนรึ?” อำมาตย์เต่าสีหน้าบึ้งตึง กล่าวเสียงดังขึ้นมา ขณะพูดคำๆ นี้ เขาทำมองแต่ก็เหมือนไม่มองราชันแท้จริงหลิงซินทีหนึ่ง

คำพูดของอำมาตย์เต่าชัดเจนยิ่ง เป็นการส่งสัญญาณว่าหากหลี่ชิเย่สู้ไม่ได้ อย่าให้ราชันแท้จริงเซิ่นซวงเข้าไปช่วย

“อำมาตย์เต่า เจ้าออกจะคิดว่าตนเองมีอะไรดีนักหนา” หลี่ชิเย่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ราชันแท้จริงเซิ่นซวงมองหน้าเขาทีหนึ่งกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “สังหารพวกเจ้า คุณชายหลี่แค่อาศัยสองสามกระบวนท่าเท่านั้น ไหนเลยต้องให้ข้าช่วย”

คำพูดของราชันแท้จริงเซิ่นซวงพูดมานั้นเป็นความจริง แต่ว่า ผู้อื่นไม่คิดเช่นนั้น ผู้คนจำนวนมากที่มองไปยังหลี่ชิเย่แล้วนั้น ต่างรู้สึกว่าคำพูดของราชันแท้จริงเซิ่นซวงออกจะยกยอหลี่ชิเย่มากเกินไปแล้ว

แม้ว่าอำมาตย์เต่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของราชันแท้จริงเซิ่นซวง แต่ว่า เมื่อได้ยินว่าราชันแท้จริงเซิ่นซวงจะไม่ลงมือ พวกเขาก็โล่งอกไปทีหนึ่ง เนื่องจากมีศัตรูที่กล้าแข็งน้อยลงคนหนึ่ง

“ดี เช่นนั้นพวกเราทั้งสี่ของรับการสอนสั่งจากกรบวนท่าอันสูงส่งของเจ้า” อำมาตย์เต่าร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำทันที และส่งสายตาเป็นสัญญาณกับพวกของเทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่ม

“ลงมือ…” ดวงตาทั้งสองของเสินกู่จ้านพลันดูน่าเกรงขาม ได้บรรลุข้อตกลงลับๆ กับพวกกระบี่เหินเทียนเจียวและเทพสวรรค์กระบี่ครึ่งเล่ม

“มาวันนี้ หากไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย” เวลานี้กระบี่เหินเทียนเจียวกล่าวน่าเกรงขามขึ้น ขณะพูดคำๆ นี้ออกมา นางเรียกว่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทีเดียว

นางผูกศัตรูกับหลี่ชิเย่มานานแล้ว และไม่มีโอกาสสังหารหลี่ชิเย่ตลอดมา อาศัยกำลังของนางเพียงลำพังก็หาใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่

แต่ว่า มาวันนี้แตกต่าง พวกเขาสี่ยอดฝีมือร่วมมือกัน ต่อให้เป็นราชันแท้จริงสิบสองลัคนาพวกเขาก็ไม่หวั่น พร้อมต่อสู้ตามระเบียบ!

………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด