Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3048 ชาชั้นเลิศ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3048 ชาชั้นเลิศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3048 ชาชั้นเลิศ

ท่ามกลางทะเลเพลิงมีทะเลที่ยิ่งใหญ่ไพศาล ฟองคลื่นเป็นลูกๆ น้ำทะเลที่มีสีเขียวครามสุดลูกหูลูกตาไร้ขอบเขต

พลันที่เหยียบย่ำเข้าไปในพื้นที่แห่งนี้ก็ปรากฎลมทะเลที่พกพาเอาความเค็มบางเบาโชยเข้ามาปะทะใบหน้า และลมทะเลที่นำพาความชื้นที่เย็นชุ่มชื่นมาด้วย ทำให้รู้สึกสบายตัวอย่างยิ่ง อดที่จะใช้ปลายลิ้นแตะเพดานปากส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาด้วยความประหลาดใน ทำให้รู้สึกมีรสมีชาติขึ้นมา

ทะเลลักษณะเช่นนี้ปรากฏขึ้นท่ามกลางทะเลเพลิง มันหาใช่สถานที่ที่สร้างสรรคขึ้นโดยทะเลเพลิง มันเป็นมหาสมุทรที่มาจากนอกโลก และมหาสมุทรลักษณะเช่นนี้ที่ปรากฏอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงนี้ไม่มีผุ้ใดสามารถมองเห็นมันได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เกรงว่าผู้ที่แข็งแกร่งเฉกเช่นราชันแท้จริงก็เข้ามาไม่ได้เช่นกัน

หลี่ชิเย่แค่ก้าวเท้าไปก้าวเดียวก็ก้าวเข้าสู่มหาสมุทรที่ไร้ขอบเขตนี้แล้ว ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง จากนั้นก็ได้ก้าวเข้าไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปของมหาสมุทร

ลึกเข้าไปด้านในของมหาสมุทรนี้มีเกาะเล็กๆ อยู่เกาะหนึ่ง มีความเงียบสงบและเขียวขจี คล้ายเป็นไข่มุกเม็ดหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอย่างนั้น

ณ มุมด้านหนึ่งของเกาะเล็กๆ แห่งนี้ มีชายหาดที่เป็นสีขาว เม็ดทรายทั้งขาวและมีขนาดเล็กละเอียดมาก เมื่อก้าวเดินบนทรายด้วยเท้าเปล่า จะเสมือนดั่งเหยียบลงบนปุยนุ่นที่อ่อนนุ่มอย่างนั้น

เหนือศีรษะปรากฏดวงตะวันที่อยู่สูงเด่น ท้องฟ้าปลอดโปร่งปราศจากเมฆา ตรงหน้าคือชายหาดสีเงินและน้ำทะเลสีเขียวคราม ภาพลักษณะเช่นนี้นับว่างดงามอย่างยิ่ง เสมือนดั่งดินแดนในอุดมคติ

ในขณะนี้ ภายใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว หากสวมชุดที่เรียบง่ายนอนอยู่ท่ามกลางเก้าอี้ที่นุ่มนิ่ม จิบชาที่ที่เย็นชื่นใจ กับลมทะเลที่พัดโชยเข้ามา ช่างเป็นเรื่องที่มีความสุขและสบายเหลือเกิน

นาทีต่อมา พริบตาเดียวนั่นเองหลี่ชิเย่ก็ได้ไปนอนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าวแล้ว ในมือถือถ้วยน้ำชาใส่น้ำแข็ง และจิบเบาๆ

ชาน้ำแข็งคือน้ำชาที่อาศัยเกล็ดน้ำแข็งแปดพันปีที่อยู่บนยอดภูเขาเซียน ส่วนใบชาได้จากการนำใบอ่อนจากต้นดึกดำบรรพ์ฟ่งชีมานวด และใบอ่อนจะต้องเป็นประเภทสีม่วงทองมีขนสีขาว ซึ่งสามหมื่นปีจึงจะแตกใบอ่อนเช่นนี้ครั้งหนึ่ง

ชาลักษณะเช่นนี้ต้องผ่านการนวดถึงแปดครั้ง การกลั่นครั้งแรกอาศัยไฟเต๋าอูหลง กลั่นครั้งที่สองใช้ไฟสัจธรรมอ้าวจิน การกลั่นครั้งที่สามใช้ไฟทมิฬอเวจี…

ชาลักษณะเช่นนี้อย่าว่าแต่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่สามารถปรุงได้ แม้แต่ราชันแท้จริงก็ปรุงขึ้นมาไม่ได้ ทำให้แค่ต้องมาจากระดับปฐมบรรพบุรุษเท่านั้น

ชาเช่นนี้อาศัยชาคุณภาพชั้นเลิศต้มด้วยน้ำแช่แข็ง แล้วแช่แข็งด้วยน้ำค้างแข็งมังกร ท้ายสุดแล้วเติมด้วยเกล็ดน้ำแข็งยอดภูเขาเซียนแปดพันปี น้ำแข็งที่สุดยอดเช่นนี้จึงปรากฏขึ้นบนมือของหลี่ชิเย่

ชาคุณภาพเลิศเช่นนี้ ในโลกนี้นอกเหนือจากผู้ชงชาแล้วก็มีเพียงหลี่ชิเย่เท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้ดื่ม

“ชาดี คุณภาพเลิศ” หลี่ชิเย่จิบไปคำหนึ่ง กล่าวชื่นชม ชาคุณภาพเลิศสามารถได้รับคำชื่นชมเช่นนี้จากหลี่ชิเย่

ข้างๆ มีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังวุนวายอยู่ ชายหนุ่มผู้นี้ในขณะนี้ดูผ่อนคลายอย่างยิ่ง สวมกางเกงขาสั้น ท่าทางสบายๆ แต่ว่า บนตัวเขาให้ความรู้สึกผู้คนถึงการเคลื่อนไหวของประกายดาวอย่างหนึ่ง

“ชาดีก็จำเป็นต้องอาศัยคนเช่นอาจารย์ที่เป็นมนุษย์เทพจึงสามารถลิ้มลองและแยกแยะได้” ชายหนุ่มวุ่นวายพลางและยิ้มกล่าวพลาง

“ถ้าจะให้ข้าพูด ด้วยน้ำชาที่ดีเช่นนี้ถ้วยหนึ่ง คู่ควรให้ข้าละเว้นโทษตายให้กับผู้เฒ่าตระกูลเจ้าสักครั้ง” หลี่ชิเย่จิบน้ำชาไปคำหนึ่ง และยิ้มกล่าวขึ้นมา

“ข้าได้บอกเขาไปแล้วว่า การหาแก้แค้นเองเป็นการรนหาที่ตายเอง” ชายหนุ่มหัวเราะเจื่อนๆ ส่ายหัว และกล่าวว่า “เสียดาย เขาฟังไม่เข้าหู ได้ลูกชายตอนแก่นับเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เขาถูกความแค้นปิดบังนัยน์ตาสองข้างไปแล้ว”

“ชาถ้วยนี้คู่ควร” หลี่ชิเย่หัวเราะ

ชายหนุ่มทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “ลักษณะของอาจารย์ย่อมมีความคิดของตน ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าไปก้าวก่าย หนทางยาวไกลย่อมมีผู้ที่ไม่สามารถก้าวข้ามวิบากนี้ไปได้ หากจะต้องไปห่วงกังวลเสียทุกเรื่อง เกรงว่าปฐมบรรพบุรุษหมื่นยุคก็คงต้องเหนื่อยตาย”

“คำพูดนี้มีเหตุผล” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ดังนั้น ผู้ปราดเปรื่องน่าทึ่งบางคนจึงถือโอกาสไม่ก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขึ้นให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ไปมาเพียงลำพังผู้เดียว เนื่องจากลูกหลานมักจะอกตัญญูเป็นอันมาก”

“แต่ละคนย่อมมีโชคชะตาเป็นของตนเอง ต่างให้การยอมรับลิขิตสวรรค์ก็แล้วกัน” ชายหนุ่มหัวเราะและกล่าวว่า “แม้ต่อระดับปฐมบรรพบุรุษก็มีเรื่องราวมากมายที่จนด้วยเกล้า”

“เรื่องนี้ก็ใช่” หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวว่า “ทุกยุคทุกสมัยล้วนยากลำบาก แม้ว่ากล่าวสำหรับ ผู้บำเพ็ญตนแล้ว หากมีชาติกำเนิดจากตระกูลที่มากด้วยทรัพย์สินและอิทธิพล ย่อมมีสิ่งดีๆ มากมาย แต่ว่า เมื่อก้าวเดินไปไกลมากขึ้นๆ สิ่งที่แบกอยู่บนบ่าก็ยิ่งมาก เสมือนดั่งเป็นเหยี่ยวตัวผู้ตัวหนึ่งที่แบกเอาภูเขาลูกหนึ่งบินร่อนไป ท้ายที่สุดย่อมต้องร่วงหล่นลงมา!”

“ใครบ้างที่บริสุทธิ์ด้วยตัวของเขาเอง” ชายหนุ่มก็ทอดถอนใจขึ้นมาคำหนึ่ง

“แน่นอน ครุฑแบกภูเขาลูกหนึ่งหาใช่เป็นปัญหา” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าก็คือครุฑที่สามรถแบกภูเขาลูกนั้น!”

“ข้าถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับคำพูดของอาจารย์” ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะขึ้นมา

“ดังนั้น เจ้าไม่ก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขึ้นมา?” หลี่ชิเย่มองดูชายหนุ่มด้วยใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้ม

“เคยคิด” สำหรับคำถามลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ชายหนุ่มได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ทุกคนต่างก็มีความเห็นแก่ตัว ไม่ว่าใครก็ต้องการให้สิ่งจัดตั้งเพื่อการสืบทอดได้คงอยู่สืบต่อไปเรื่อยๆ จะอย่างไรเสีย คนผู้หนึ่งเมื่อเสียชีวิตแล้วยังไม่ถือว่าเสียชีวิต แต่ว่า วันใดมีผู้ลืมเลือนเจ้าไป นั่นก็คือการเสียชีวิตอย่างแท้จริง ระหว่างชนรุ่นหลัง ผู้ที่จดจำเจ้าได้ง่ายที่สุดก็คือทายาทของเจ้า”

“แต่ ลูกหลานส่วนใหญ่มักอกตัญญู” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีเจ้าเล่ห์

“ก็ใช่” ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ลูกหลานทุกคนย่อมมีบุญกรรมของตนเอง เรื่องของวาสนานั้นใครเล่าจะพูดได้ชัดเจน เหมือนเช่นข้าที่สามารถพานพบกับอาจารย์ก็นับเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง”

“วาสนาเช่นนี้หาใช่เป็นเรื่องของความบังเอิญแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า

“ความสำเร็จอยู่ที่คน” ชายหนุ่มเองก็มีจิตใจเยือกเย็น หัวเราะและกล่าวว่า “สามารถได้รับเกียรติจากอาจารย์ สิ่งนี้ไม่ใช่วาสนาอย่างหนึ่งรึ?”

“ก็ใช่” หลี่ชิเย่พยักหน้าจริงจัง มองดูชายหนุ่มทีหนึ่ง และกล่าวว่า “เจ้ามีความยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ แต่ครุ่นคิดพิจารณาพินิจพิเคราะห์อยู่กับเรื่องดื่มกินทุกวัน มิเท่ากับเป็นการเสียของ เกรงว่าผู้คนบนโลกล้วนคิดว่าเจ้าไม่เอาถ่าน นับเป็นเรื่องน่าเสียดาย”

“ที่ข้าทำเช่นนี้คือการช่วยเหลือโลก ไหนเลยที่ผู้คนจะรู้” ชายหนุ่มพูดคำพูดเช่นนี้อย่างสบายใจ และไม่สะทกสะท้านอย่างยิ่ง

ถ้าหากมีบุคคลที่สามได้ฟังคำของชายหนุ่มผู้นี้แค่ทำเรื่องดื่มกินอะไรบ้างก็คือการช่วยโลก จะต้องคิดว่าเขากำลังโอ้อวด

“เจ้าช่วยโลกเช่นนี้ก็ดูจะพิเศษมากแล้ว” หลี่ชิเย่ก็ไม่ปฏิเสธ

“วิธีการช่วยโลกมีหลายวิธี ทักษะของข้าอ่อนด้อย ได้แต่ทำวกวนเช่นนี้” ชายหนุ่มกล่าวว่า “สิ่งนี้เป็นเพราะจนด้วยเกล้าที่ข้าไม่ได้พบผู้ที่เข้าใจข้าเล่า”

“คำพูดเช่นนี้ของเจ้าดูจะถ่อมตัวมากแล้ว หากเจ้าเองก็มีทักษะอ่อนด้อยล่ะก็ แดนสามเซียนคงไม่มียอดฝีมือแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหัว

“ไหนเลยสามารถเทียบได้กับยุคนี้ได้” ชายหนุ่มกล่าวด้วยความจนด้วยเกล้า “ข้าเองก็แค่ในป่าไร้เสือ ลิงกลายเป็นอ๋องเท่านั้นเอง ท้ายที่สุดแล้ว ระดับบรรพบุรุษที่ปราดเปรื่องปราศจากผู้ต่อกรก็มิใช่เสื่อมโทรมลงรึ ด้วยทักษะเพียงเท่านี้ของข้า ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถยืนหยัดไปได้นานเท่าไร”

ชายหนุ่มอดที่จะทอดถอนใจเบาๆ เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว

มือหลี่ชิเย่ที่ถือแก้วนั้นชะงักนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “จิตใจคนไร้ขอบเขต ขึ้นอยู่ที่การเลือกของแต่ละคน ความคิดเพียงแวบเดียวไม่เพียงแต่ตัดสินใจชะตาชีวิตของตน และเป็นการติดสินชะตาชีวิตถึงโลกของตน”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วหยุดนิดหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ปราดเปรื่องน่าทึ่งมากเกินไปก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องเป็นเรื่องดี ผู้ที่มีความสามารถ และนิสัยโดดเด่น ย่อมง่ายต่อการถูกอิจฉาและตำหนิ ผู้ได้รับเลือกใช่จะไม่มีสาเหตุ และใช่จะไม่มีเหตุผล”

“ที่อาจารย์พูดมาก็ถูก” ชายหนุ่มหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “หวังว่าแดนสามเซียนจะสงบสุขและปลอดภัย ข้าเองก็ไม่สามารถถึงพร้อมทุกๆ ด้านสำหรับอาณาประชาราษฎร์นับล้านล้านชีวิต”

“เห็นเจ้ามีจิตใจที่เอ้อระเหย” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ยังคงมีใจผูกพันอยู่กับใต้หล้านี่ แม้เจ้าจะจับปลาอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร หรือตัดไม้ท่ามกลางสถานที่ที่อันตราย แต่ว่า หูที่เคลื่อนไหวของเจ้ายังคงรับฟังความเคลื่อนไหวของแดนสามเซียนอยู่”

“ข้าก็ไม่อยาก” ชายหนุ่มกล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า “มนุษย์ย่อมเห็นแก่ตัวเสมอ ถ้าหากให้ข้าเลือก ข้าย่อมยินดีก้าวไปข้างหน้าโดยลำพัง แต่ว่า พลันที่ข้าถือกำเนิดขึ้นมาก็ถูกลิขิตให้ผูกมัดอะไรไว้มากเกินไป ยังคงเป็นคำๆ นั้น ความสามารถข้ามีมากเท่าใด ความรับผิดชอบก็มีมากเท่านั้น”

หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ โดยไม่ได้พูดอะไร

“ศึกใหญ่กำลังจะมาแล้ว เจ้าเตรียมพร้อมแล้วยัง” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ

การกระทำในมือของชายหนุ่มพลันหยุดลง นิ่งเงียบทีหนึ่ง และกล่าวว่า “อาจารย์คิดว่าจะมีศัตรูเช่นใดปรากฏ”

“ปฐมบรรพบุรุษ” หลี่ชิเย่มองหน้าเขาทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “จะมีพวกอ่อนด้อยบางส่วนมาเป็นกองหน้า แต่ว่า เมื่อทัพใหญ่บุกเข้ามาจะต้องเป็นระดับปฐมบรรพบุรุษ”

“ข้าได้แต่ต้องสู้แล้ว ยังสามารถหนีได้รึ?” ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ต่อให้ข้าคิด แต่ก็ทำไม่ได้ จะอย่างไรเสียด้านหลังก็คือบ้านของข้า! หากเปลี่ยนเป็นอาจารย์ก็จะเป็นเช่นนี้”

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “หากเทียนเชี่ยนไม่แตกยังคงสามารถยันเอาไว้ได้ระยะหนึ่ง จะอย่างไรเสียเทียนเชี่ยนยังคงมีประโยชน์มากทีเดียว”

“เกรงว่าที่ไม่ควรมาจะเข้ามา” ท่าทางของชายหนุ่มดูจะมีความกังวล

“พูดยาก” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ระดับเช่นนี้มักจะไม่สามารถศึกษาอย่างละเอียดได้เสมอๆ เป็นไปได้อาจจะมา และอาจเป็นไปได้จะไม่มา หากไม่มาย่อมเป็นการดีทุกอย่าง และเจ้าก็ควรจะจุดธูป”

“ข้าเข้าใจ” ท่าทางชายหนุ่มหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “หากแดนสามเซียนไม่สู้…”

“ต่อให้สิ่งที่ไม่ควรมาและมา ข้าจะต้องลงมือแน่…” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “แต่ว่า เจ้าสมควรทราบว่า การสู้รบฟ้าจะถล่มทลาย เรื่องอื่นๆ ข้าไม่อาจรับประกันแล้ว”

“อาจารย์สามารถลงมือได้ นั่นก็คือความโชคดีของแดนสามเซียน” ชายหนุ่มพยักหน้าหนักแน่นจริงจัง ท่าทางดูเหมือนมีความกังวลอยู่ในที

ตัวเขาที่เป็นถึงระดับผู้ปราศจากผู้ต่อกรย่อมเข้าใจคำว่าการสู้รบฟ้าจะถล่มทลายตามที่หลี่ชิเย่พูดถึง ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญอย่างยิ่ง เมื่อใดที่ถึงขั้นนั้นจริงๆ ไม่แน่นักแดนสามเซียนอาจถูกโจมตีจะแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี

แต่ว่าเมื่อใดที่พัฒนาถึงสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่อให้เขามีใจที่จะไปเฝ้าปกป้องโลกใบนี้ก็ไม่สามารถเฝ้าปกป้องได้อีกต่อไปเช่นกัน

“คงเป็นทะเลปุ๊ตู้ไห่” หลี่ชิเย่มองดูทะเลที่มีสีเขียวคราม ด้วยสายตาที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้ายิ่งเฝ้ารอคอยทะเลปุ๊ตู้ไห่ ที่ตรงนั้นจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการสู้รบ อีกทั้งจะยิ่งมีความหมาย และยิ่งตื่นเต้น”

เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว ปรากฏรอยยิ้มที่ลึกซึ้งขึ้นที่มุมปาก

ชายหนุ่มถึงกับยิ้มเจื่อนๆ ทีหนึ่ง เขาเข้าใจว่าคำว่ายิ่งตื่นเต้นที่หลี่ชิเย่พูดถึงนั้นแทนสิ่งใด ถ้าหากแม้แต่หลี่ชิเย่ยังพูดว่ายิ่งตื่นเต้น เช่นนั้นแล้ว อาณาประชาราษฎร์ของเหล่าชั้นฟ้าและหมื่นแดนล้วนแล้วแต่ต้องถูกทำให้ต้องอกสั่นขวัญแขวน และต้องหมอบสั่นเทาอยู่กับพื้น

“หวังว่าจะไม่มา” ชายหนุ่มจนด้วยเกล้า และกล่าวว่า “นี่คือพลังที่แดนสามเซียนไม่สามารถยอมรับได้”

“วางใจเถอะ ต่อให้จะมาจริงๆ บรรดาตาเฒ่าก็จะให้สมรภูมิสู้รบอยู่ที่ทะเลปุ๊ตู้ไห่” หลี่ชิเย่ที่เรียบเฉยและอิสระเสรีกล่าวว่า “พวกเขาเฝ้าปกป้องมากี่ปีแล้ว พวกเขาย่อมไม่คาดหวังแดนสามเซียนกลายเป็นสมรภูมิรบ ยิ่งไปกว่านั้นย่อมไม่คาดหวังแดนสามเซียนถูกโจมตีจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนี้” ชายหนุ่มได้แต่อธิฐานเช่นนี้แล้ว

…………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด