Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3060 ธนูทะลุเมฆาหนึ่งดอก กองทัพหมื่นพันมาพบ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3060 ธนูทะลุเมฆาหนึ่งดอก กองทัพหมื่นพันมาพบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3060 ธนูทะลุเมฆาหนึ่งดอก กองทัพหมื่นพันมาพบ

ดวงตาทั้งสองของเทพสงครามจินเปี้ยนดูน่าเกรงขาม เปี่ยมด้วยกลิ่นอายการฆ่า โดยไม่ได้มีความคิดที่จะยอมอ่อนข้อให้ กล่าวน่าเกรงขามว่า “ข้าจะต้องเป็นปฐมบรรพบุรุษให้ได้ ใครขวางทางข้า ตาย! หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน!”

ตูม ตูม ตูม…เสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก ขณะที่เทพสงครามจินเปี้ยนพูดขาดคำ บนท้องฟ้าปรากฎลำแสงแต่ละสายที่ส่องลงมา ทุกๆ ลำแสงล้วนแล้วแต่ดูแวววาว

เมื่อลำแสงแต่ละสายที่สาดส่องลงมานั้น รัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ปรากฎวงแหวนแสงขึ้นตรงนั้น วงแหวนแสงที่ปรากฎขึ้นกับลำแสงทุกๆ สาย คล้ายเป็นการเปิดโลกแห่งความสว่างโลกแล้วโลกเล่าออกมา

ได้ยินเสียงดังปัง ปัง ปังขึ้นภายในวงแหวน กองทัพแต่ละทัพเสมือนดั่งลงมาจากฟ้า และเข้าไปอยู่ในวงแหวนแสง

วงแหวนแสงเป็นร้อยพันได้รายล้อมไปทั่วท้องฟ้าภายในระยะเวลาอันสั้น กองทัพนับร้อยพันพลันถูกส่งมาอยู่บนท้องฟ้าของดาวเคราะห์ดวงนี้

เสียงตูม…ดังสนั่น กองทัพหมื่นพันได้รวมตัวกัน ประกายแสงที่ศักดิ์สิทธิ์พลันส่องสว่างทั่วทั้งโลก แสงสว่างได้ท่วมไปทั่วสมรภูมิรบ

เวลานี้เอง กองทัพจรัสนับล้านได้ปรากฏตัวขึ้น นับรบทุกคนของกองทัพล้วนสวมชุดเกราะที่มันวาว และมีประกายศักดิ์สิทธิ์วูบวาบออกจากตัวของพวกเขา แลดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พวกเขาเสมือนดั่งเป็นกองทัพที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งซึ่งลงมาจากท้องฟ้า

ด้วยกองทัพจรัสเป็นล้านเช่นนี้พลันปรากฏขึ้นมา ไม่เพียงแต่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวเท่านั้น อีกทั้งพลังของพวกมันยังพันธนาการโลกทั้งโลกเอาไว้ ความมืดใดๆ ความชั่วร้ายใดๆ ล้วนได้รับการลงโทษจากพลังแสงสว่างนั้น

ในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าได้ตัดสินโทษทัณฑ์แล้ว เหมือนว่าที่ตรงนั้นก็คือที่ตั้งของแคว้นสวรรค์แสงสว่าง อีกทั้งยังมีฟ้าร้องฟ้าผ่าแวบวับ พร้อมที่จะส่งคำตัดสินจากแคว้นสวรรค์แสงสว่างลงมา

“นี่ นี่ นี่เป็นกองทัพที่มาจากไหนกัน…” ในเวลานี้ได้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองด้วยความมึนงง เมื่อมองเห็นนักรบจรัสจำนวนมาก ทุกคนต่างมองดูด้วยความงงงัน ทุกคนต่างไม่เคยเห็นกองทัพเช่นนี้มาก่อน

“กองทัพจรัสนี้คือกองทัพของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์” ระดับบรรพบุรุษได้กล่าวขึ้น

มีผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกที่ผมเผ้าขาวโพลนหลังจากได้เห็นกองทัพนี้แล้วรู้สึกใจหายใจคว่ำ กล่าวเสียงหลงขึ้นมาว่า “โอ้แม่จ๋า นี่มันบ้าไปแล้วรึ? กี่ปีมาแล้วนี่ที่กองทัพจรัสไม่เคยปรากฏขึ้นมาอีกเลย เวลานี้ถึงกับโผล่ขึ้นมา นี่ นี่ นี่เหลือเชื่อไปแล้ว”

“หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ พวก พวก พวกเขามีกองทัพด้วยรึ?” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ กล่าวเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “หอจรัสศักดิ์สิทธิ์พวก พวก พวกเขาเป็นสถาบันศึกษามิใช่รึ? ทำไมจึงมีกองทัพด้วยเล่า?”

“ไร้สมอง เจ้าคิดว่าหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ก็คือสถาบันศึกษาง่ายดายขนาดนั้นรึ” ระดับบรรพบุรุษส่ายหน้า และกล่าวว่า “หอจรัสศักดิ์สิทธิ์คือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน มีแผ่นดินบริสุทธิ์พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ใต้หล้าต่างต้องการอย่างยิ่ง มีภูเขาที่มีแร่ธาตุ มีแปลงสมุนไพร ทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าอยู่ในแถวหน้าของแดนลัทธิเซียน ถ้าหากพวกเขาไม่มีกำลังที่เพียงพอคงถูกผู้อื่นแย่งชิงไปจนสิ้นแล้ว”

เมื่อมีการพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากถึงกับตะลึงงัน คำพูดเช่นนี้ก็มีเหตุผลอย่างยิ่ง ลองจินตนาการดูว่า หอจรัสศักดิ์สิทธิ์มีทรัพยากรจำนวนเท่าไรอยู่ในครอบครอง แค่บรรดาผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ทำให้ยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรอยากได้ครอบครองอย่างยิ่ง

ถ้าหากว่าหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีกำลังที่จะคุ้มครองตนเอง เกรงว่าทรัพยากรทั้งหมดของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์คงถูกชิงเอาไปจนสิ้น ถูกผู้อื่นขนเอาไปจนหมดแล้ว

“กองทัพจรัสของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน เพียงแต่น้อยครั้งที่ปรากฎตัวขึ้นมาเท่านั้น เนื่องจากหอจรัสศักดิ์สิทธิ์วางท่าทีเป็นกลางตลอดมา ไม่เขาไปพัวพันกับการแย่งชิงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ ดังนั้น ผู้คนในหล้าน้อยคนนักที่มีโอกาสได้พบเห็นกองทัพจรัสของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์” เวลานี้มีบรรพบุรุษได้อธิบายให้ผู้เยาว์ได้รับฟัง

หลังจากที่ผู้คนจำนวนมากได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว จึงได้เข้าใจขึ้นในทันที

ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว กริฟฟอนตัวหนึ่งก้าวเข้ามา ผู้ที่นั่งบนหลังมาก็คือใต้เท้าเซิ่นตู๋ของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง

“ได้ยินมาว่า มีผู้ต้องการทำลายหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ข้า…” เวลานี้ ใต้เท้าเซิ่นตู๋ร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำ และร้องเสียงอันดังขึ้นมาว่า “วันนี้ หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะต้องกำจัดมารผดุงคุณธรรม”

ขาดคำ ใต้เท้าเซิ่นตู๋ได้หยิบเอาเขาสัตว์ส่งสัญญาณขึ้นมา โดยที่เขาสัตว์ดังกล่าวมีความเก่าแก่โบราณและเรียบง่ายยิ่งนัก ไม่ทราบว่าเจียระไนมาจากเขาอะไรกันแน่

“พี่เซิ่นตู๋ เข้าใจผิด เข้าใจผิด เข้าใจผิดมหันต์แล้ว…” เทพผยองสุริยันที่เดิมต่อสู้กันกับเหล่าจวินนัยน์ตาเทพอย่างเอาเป็นเอาตายรู้สึกตกใจยิ่งนัก เมื่อเห็นใต้เท้าเซิ่นตู๋หยิบเอาเขาสัตว์ให้สัญญาณนี้ออกมา จึงผละออกจากการต่อสู้ และร้องเสียงดังขึ้นมาทันที

“อย่าให้เขาเป่าเขาสัตว์…” ระดับบรรพบุรุษของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนจำนวนไม่น้อยต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เมื่อมองเห็นใต้เท้าเซิ่นตู๋หยิบเอาเขาสัตว์ออกมา จึงร้องบอกเสียงดังต่อเทพสงครามจินเปี่ยนทันที

แต่ว่า ทุกอย่างได้สายไปเสียแล้ว วู…วู…วู…ในเวลานี้เสียงเขาสัตว์ดังก้องไปเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ในพริบตาเดียวนั้นเอง เสียงเขาสัตว์ได้ดังก้องจากท้องฟ้าด้านทิศเหนือไปยังทั่วทุกมุมของแดนลัทธิเซียน

ตูม ตูม ตูมหลังจากที่เขาสัตว์ได้ดังขึ้นไปแล้วเพียงครุ่เดียว มองเห็นแสงสว่างแต่ละสายที่ยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า ปรากฏเป็นวงแหวนแสงสว่างขึ้นบนท้องฟ้าวงแล้ววงเล่า

ปัง…ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลง กองทัพสัตว์คลั่งทัพหนึ่งถูกส่งเข้าไปภายในวงแหวนแสงสว่าง เป็นกองทัพของสัตว์ดุร้ายกองทัพหนึ่ง ไม่เคยมีใครได้เห็นกองทัพสัตว์ดุร้ายเช่นนี้มาก่อน เมื่อกองทัพดังกล่าวปรากฏตัวขึ้น เปี่ยมด้วยกลิ่นอายสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ไพศาล

“จ้าวแห่งสัตว์ได้นำทัพสัตว์ดุร้ายมาช่วยอีกแรง!” ราชาผู้มีกระดูกสัตว์ห้อยตัวผู้หนึ่งปรากฏ และกองทัพนับล้านได้ตั้งขบวนอยู่ด้านหลังของเขา

ตูม ตูม ตูมเรือรบปรากฏขึ้นภายในวงแหวนแสงสว่างขึ้นทีละลำๆ ปรากฎผู้เฒ่าที่สวมใส่ชุดคลุมสีม่วงผู้หนึ่งยืนอยู่บนเรือรบ กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า “กองทัพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหยากวงมาช่วยเหลือหอจรัสศักดิ์สิทธิ์!”

ปัง ปัง ปัง…เสียงที่สร้างความโคลงเคลงสั่นไหวกับฟ้าดินแต่ละเสียงที่ดังขึ้น ภายในวงแหวนแสงสว่างปรากฎมนุษย์ยักษ์แต่ละคนขึ้นมา โดยมนุษย์ยักษ์เหล่านี้เสมือนดั่งเป็นภูเขาแต่ละลูกอย่างนั้น มนุษย์ยักษ์ที่เป็นกษัตริย์ได้ร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “ผู้ใดเป็นศัตรูกับหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นศัตรูกับราชาสวรรค์นอกด่านอย่างข้า!”

แว้งค์…หนึ่งกระบี่ทอดข้ามท้องฟ้า เทพกระบี่ผู้หนึ่งอยู่เหนือหมื่นอาณาจักร หากตัวเขาอยู่แคว้นกระบี่ก็คงอยู่ ด้านหลังของเขามีนักกระบี่นับแสนคน เทพกระบี่กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เทพกระบี่ตู๋เต้าอยู่นี่ คุ้มครองหอจรัสศักดิ์สิทธิ์!”

ในเวลานี้ กองทัพนับพันนับหมื่นถูกส่งมาอยู่บนท้องฟ้า กองทัพแต่ละทัพที่ปรากฎล้วนไม่ด้อยทั้งสิ้น กระทั่งเรียกได้ว่าสามารถต่อกรกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเป็นจำนวนมาก

“โอ้แม่จ๋า กองทัพมากมายมาจากที่ไหนกัน” ผู้คนทั้งหมดต่างมองดูจนงุนงง เมื่อถูกกองทัพแต่ละทัพปิดล้อมเอาไว้ทั้งหมด

“นี่แหละคือทัพหนุนของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์!” เมื่อระดับบรรพบุรุษได้เห็นภาพนี้แล้ว ต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ และกล่าวว่า “นี่แหละคือความแข็งแกร่งของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์”

“ผ่านมาพันล้านปี หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ได้กำเนิดนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมมากมายเท่าไร” ระดับคงความอมตะตลอดกาลกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ธาตุแท้ภายในเช่นนี้ใช่ว่าใครก็สามารถมีได้”

“เพราะอะไรจึงมีกองทัพจำนวนมากยินดีให้การสนับสนุนหอจรัสศักดิ์สิทธิ์” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับขนหัวลุกเมื่อมองเห็นกองทัพจำนวนมากปรากฎตัวขึ้นมา

“เพราะบุญคุณยิ่งใหญ่” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เป็นต้นว่า จ้าวแห่งสัตว์ เขาคือปีศาจสุนัขจิ้งจอกที่บรรลุมรรคผล ไม่มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ และนิกายใดๆ ยอมรับเขาเป็นศิษย์ เขาได้สมัครเข้าไปอยู่ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นนักศึกษาที่โดดเด่นมากที่สุดของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกร…”

“…หรืออย่างราชาสวรรค์นอกด่านเคยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง ถูกหอจรัสศักดิ์สิทธิ์นำมาชุบเลี้ยง สุดท้ายกลายเป็นราชามนุษย์ยักษ์ และหรือเทพกระบี่ตู๋เต้า ชาติกำเนิดของเขาเป็นเพียงครอบครัวคนตัดฟืน แต่กลับมีโอกาสเข้าบำเพ็ญเพียรในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นเทพกระบี่ที่ปราศจากผู้เทียบเทียม…”

“ลองนึกดู หอจรัสศักดิ์สิทธิ์มันหาใช่เป็นเพียงสถาบันศึกษาแห่งหนึ่งเท่านั้น มันคือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง มีสถาบันศึกษานับหมื่นนับพัน ในรอบพันล้านปีที่ผ่านมามีนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษานับไม่ถ้วน ให้กำเนิดบุคคลยอดเยี่ยมมาเท่าไร…” เมื่อบรรพบุรุษผู้นี้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้หยุดนิดหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากหอจรัสศักดิ์สิทธิ์จำนวนเท่าไรต่างก็สำนึกในบุญคุณของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ เมื่อหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา พวกเขาก็ต้องให้ความช่วยเหลือสุดความสามารถ”

ผู้คนจำนวนมากต่างรุ้สึกงงงันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ พันล้านปีที่ผ่านมา นักศึกษาที่ทางหอจรัสศักดิ์สิทธิ์เคยรับไว้มีนับไม่ถ้วน อีกทั้งในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา นักศึกษาทั้งหมดก็ล้วนสามารถได้รับผลประโยชน์จากทรัพยากรของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์

ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ร้องขอให้ศิษย์คนใดคนหนึ่งจะต้องสวามิภักดิ์ต่อหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ชั่วชีวิต

การได้รับการปฏิบัติดูแลลักษณะเช่นนี้อาจไม่มีอะไรสำหรับบรรดาอัจฉริยะบุคคลบางคน แต่ว่า สำหรับบรรดาผู้ที่มีชาติกำเนิดมาจากราษฎรธรรมดาทั่วไปแล้ว จะไม่รู้สึกเป็นบุญคุณได้อย่างไรกันเล่า?

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรพลันงงงันเมื่อมองเห็นกองทัพนับพันนับหมื่นเหล่านี้ ทุกคนต่างไม่รู้ว่าหอจรัสศักดิ์สิทธิ์มีกองทัพมากมายถึงเพียงนี้ และมีธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้

ภายในใจของผู้คนจำนวนมากแล้ว หอจรัสศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่มีสถานศึกษาเป็นหลักเท่านั้นเอง แต่ว่า มาวันนี้กลับเปลี่ยนแปลงภาพความทรงจำของทุกคนที่มีต่อหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ไปโดยสิ้นเชิง

“นี่คือการแหย่รังแตนเข้าให้แล้ว” ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยต่างมีสีหน้าขาวซีด เมื่อมองเห็นกองหนุนจำนวนมากของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์

ขณะนี้ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามขึ้นมาเป็นระลอก บรรดากองทัพที่มาให้การสนับสนุนได้ติดตามกองทัพจรัสเข้าปิดล้อมกองทัพของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน

“ภัยพิบัติใหญ่มาถึงแล้ว ให้ถือเป็นการระดมทัพที่อุ่นเครื่องสักครั้ง!” เวลานี้ใต้เท้าเซิ่นตู๋ได้บัญชาการกองทัพด้วยตนเอง ทำการปิดล้อมกองทัพของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน

“เข้าใจผิด เข้าใจผิด เข้าใจผิดอย่างมหันต์ เหล่าสหายทั้งหบาย ตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนพวกเขาไม่ได้ไม่ให้ความเคารพใดๆ ต่อหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ไม่ให้ความเคารพแม้แต่น้อย” มาคราวนี้ ทำเอาบรรดาระดับบรรพบุรุษทั้งหมดของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนตะลึงลานจนสิ้น

ในเวลานี้ ทั่วทั้งสมรภูมิการสู้รบได้หยุดลง และกองทัพของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนได้ถอยหลังไปทำการจัดทัพใหม่อีกครั้ง

ตูม…นาทีนี้ ตำหนักโบราณแต่ละหลังได้บินเข้ามาและปรรากฎอยู่เหนือท้องฟ้า ร่างเงาแต่ละสายปรากฏ มองเห็นร่างเงาที่แก่หง่อมแต่ละสายปรากฏภายในตำหนักโบราณที่มีกลิ่นอายดึกดำบรรพ์

“หากต้องการทำลายตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน นับรวมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารด้วย” เวลานี้ เสียงที่ไพเราะน่าฟังและบุคลิกท่าทางเย้ายวนใจดังขึ้น สุดยอดสาวงามแห่งยุคผู้หนึ่งปรากฎอยู่ท่ามกลางตำหนักโบราณ

“ฮ่องเต้วิหารอมตะ…” มีผู้ที่รู้สึกตกใจยิ่ง เมื่อมองเห็นผู้หญิงที่มีความเป็นกษัตริย์และบุคลิกเย้ายวนใจตรงหน้า

“ทำไมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารก็มาด้วย แม้แต่บรรดาผู้เฒ่าจำนวนมากที่เก็บตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกของวิหารอมตะก็ปรากฎตัวขึ้นมา ต้องการทำอะไรนะเนี่ย?” เวลานี้แม้แต่บุคคลระดับบรรพบุรุษก็ไม่เข้าใจ

ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้าข้า ข้ามองหน้าเจ้า เนื่องจากวิหารอมตะของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารจะปรากฎตัวออกมาน้อยมาก เคยมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า วิหารอมตะมีบรรพบุรุษที่มีความเป็นอมตะจำนวนมาก แต่ว่า บรรดาบรรพบุรุษที่มีความเป็นอมตะเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ปรากฎตัวต่อโลกภายนอกทั้งสิ้น

ทว่า เวลานี้บรรพบุรุษที่มีความเป็นอมตะล้วนปรากฏตัวออกมาแล้ว นับเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเหลือเกิน

…………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด