ตอนที่ 3067 ตรีกายะ

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง สิบสองลัคนาของเทพสงครามจินเปี้ยนพลันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ประกายเจิดจ้า สิบสองลัคนาเสมือนหนึ่งกลายเป็นท้องฟ้าสีครามสูงสุด หนึ่งเดียวนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน

หลังจากสิบสองลัคนากลับกลายเป็นท้องฟ้าสีครามไปแล้วนั้น ไม่เพียงบดบังฟ้าดินเท่านั้น อีกทั้งยังเข้ามาทดแทน ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทำให้ผู้คนรับรู้ถึงพลังแก่นระหว่างฟ้าดินทั้งหมด และพลังสัจธรรมล้วนรวมตัวอยู่บนตัวของเทพสงครามจินเปี้ยน

ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง เทพสงครามจินเปี้ยนได้รวบรวมพลังที่ยิ่งใหญ่ไพศาลและไม่มีสิ้นสุด ร่างกายโลหะที่สูงใหญ่พลันเหมือนสามารถค้ำยันหมื่นยุคขึ้นมาอย่างนั้น ประกายที่เปล่งออกมาจากทั่วร่างเหมือนว่าสามารถก้าวข้ามพันล้านศตวรรษอย่างนั้น

นาทีนี้ เทพสงครามจินเปี้ยนไม่เพียงมีอานุภาพราชันที่ยิ่งใหญ่ไพศาล สัจธรรมที่ปราศจากผู้ต่อกรเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นบนตัวของเขาปรากฏพลังจากพันล้านศตวรรษ ในพริบตาเดียวนั่นเอง เขาได้รวบรวมพลังทุกๆ พลังเท่าที่เขาสามารถรวบรวมมาได้ เหมือนว่าตัวเขาคือผู้บงการของโลกๆ นี้

อานุภาพราชันของเทพสงครามจินเปี้ยนอาละวาดไปทั่วฟ้าดิน ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่หอบหายใจไม่ทัน ภายใต้กลิ่นอายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ได้มีผู้บำเพ็ญตนที่ทักษะยุทธไม่แข็งแกร่งพอต้องหมอบอยู่บนพื้น

“อมิตาพุทธ” เทียบกับเทพสงครามจินเปี้ยนแล้ว หมิงหวังฝอก็จะเป็นอีกชั้นหนึ่ง คำเอ่ยนามพระพุทธองค์คำหนึ่งเช่นนี้ของหมิงหวังฝอเสมือนดั่งได้ก้าวข้ามกาลเวลา ทะลุผ่านช่องว่าง

“อมิตาพุทธ…” จังหวะที่คำเอ่ยนามพุทธองค์จบลง ทั่วฟ้าดินทุกสารทิศได้สะท้อนก้องกังวานคำเอ่ยนามะพุทธองค์ของหมิงหวังฝอ สิ่งนี้ไม่เพียงแค่สะท้อนก้องกังวานมาจากช่องว่างของฟ้าดินทั่วทุกสารทิศเท่านั้น ทั้งยังสะท้อนคำเอ่ยนามพุทธองค์ของหมิงหวังฝอจากทุกสารทิศในกลเวลาอีกด้วย

เวลานี้เหมือนบริเวณปลายน้ำของสายน้ำแห่งกาลเวลาก็ปรากฏเสียง ‘อมิตาพุทธ’ ดังขึ้นมา และต้นน้ำของสายน้ำแห่งกาลเวลาก็มี ‘อมิตาพุทธ’ ที่ดังสะท้อนก้องขึ้นมา

ในพริบตาเดียวนั่นเอง เหมือนว่าในอดีตมีหมิงหวังฝอคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น และหมิงหวังฝอในปัจจุบันยืนอยู่ตรงนี้ ยังมีหมิงหวังฝอในอนาคตคนหนึ่งที่ยืนอยู่ฝั่งโน้น

เมื่อหมิงหวังฝอในปัจจุบันปรากฎคำเอ่ยนามพุทธองค์ดังขึ้น หมิงหวังฝอในอดีตและอนาคตต่างก็ตอบรับ เหมือนว่าในเวลานี้หมิงหวังฝอทั้งสามเป็นร่างเดียวกัน

พริบตาเดียวนั่นเอง รัศมีพุทธบนตัวของหมิงหวังฝอได้จุดสว่างไปทั่วทั้งโลก ส่องสว่างท้องฟ้าด้านทิศเหนือ ส่องสว่างแดนลัทธิเซียน ส่องสว่างอดีต และส่องสว่างอนาคต

“ตรีกายะ…” มีผู้ที่ร้องเสียงหลงขึ้นมาเมื่อเห็นลักษณะเช่นนี้ของหมิงหวังฝอ แม้แต่ระดับบรรพบุรุษที่มีกำลังความสามารถขั้นคงความอมตะตลอดกาลก็อดที่จะตระหนกในใจไม่ได้ กล่าวด้วยความรู้สึกใจหายใจคว่ำว่า “หมิงหวังฝอในขณะนี้เรียกได้ว่าตรัสรู้และรู้แจ้งอย่างแท้จริงแล้ว หากสามารถปล่อยให้เขาสำเร็จตรีกายะล่ะก็ นั่นแหละยอดเยี่ยมโดยแท้จริง ด้วยวาสนาเช่นนี้ต้องบรรลุเป็นพุทธองค์อย่างแน่นอน”

รัศมีพุทธส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ขณะที่รัศมีพุทธอาบเอิบบนตัวนั้น ทำให้ผู้คนมีอารมณ์ซาบซึ้งอย่างประหลาดใจ ทำให้ผู้คนรู้สึกทะเลพุทธไร้ขอบเขต กลับใจคือฝั่งฝันอย่างนั้น

“อมิตาพุทธ…” ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน จำนวนไม่น้อยที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่แกร่งพอได้คุกเข่าลงกราบกับพื้น พนมมือน้ำตานองหน้าขออุปสมบทเป็นพระ และคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่ยอมลุกขึ้นยืน

ภาพเช่นนี้ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง หมิงหวังฝอไม่ได้อาศัยกระบวนท่าใดๆ เพียงแค่รัศมีพุทธส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคเท่านั้นเอง ก็สามารถทำให้ผู้คนสยบ พลังพุทธที่น่ากลัวเช่นนี้ มันเสมือนดั่งเป็นวิชามารอย่างนั้น

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในเวลาเดียวกัน ห้าสหายภูผาเมฆก็ปรากฏเป็นวงแหวนขึ้นมา นาทีนี้มองเห็นเทพม้วนเมฆาพวกเขาทั้งห้าปรากฎเป็นประกายวงแหวนขึ้นที่ด้านหลังศีรษะ

วงแหวนวงแล้ววงเล่าที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ภายในวงแหวนปรากฏภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกลอยล่อง ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทุกลูกล้วนแล้วแต่มีความลึกลับยากจะหยั่งถึง ขณะที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลักษณะเช่นนี้แต่ละลูกที่ลอยล่องและสลับสับเปลี่ยนนั้น เหมือนว่าที่ตรงนั้นคือโลกๆ หนึ่งที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุด ไม่ว่าผู้ใดก็ตามหากตกลงไปยังโลกที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุด ต้องรองรับการหลอมกลั่นอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

“มาเลย” เมื่อเผชิญกับเทพสงครามจินเปี้ยนพวกเขาที่เป็นเจ็ดยอดฝีมือ หลี่ชิเย่ยังคงเอ้อระเหยสบายอกสบายใจและมีความอิสระเสีรีอย่างยิ่ง ยิ้มบางๆ นิดหนึ่ง เพียงแค่ยื่นมือออกไปข้างหนึ่งเท่านั้น

ท่าทีของเจ็ดยอดฝีมือปราศจากผู้ต่อกร ทำให้ฟ้าดินสั่นเทาและสรรพสิ่งสลด ภายใต้กลิ่นอายการสยบหมื่นอาณาจักร มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่คุกเข่าและไม่สามารถลุกขึ้นมาได้

อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่เพียงแค่ยื่นมือออกมาข้างเดียวเท่านั้นเอง ด้วยท่าทีเอ้อระเหยสบายอกสบายใจของหลี่ชิเย่ เหมือนเป็นการบอกกล่าวต่อผู้คนทั่วหล้า แม้พวกของเทพสงครามจินเปี้ยนที่เป็นยอดฝีมือปราศจากผู้ต่อกรทั้งเจ็ดคน คนโหดอันดับหนึ่งก็สามารถอาศัยเพียงแค่มือข้างเดียวก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้

ฝ่ามือข้างเดียวกวาดเหล่าราชัน! พลันที่ทุกคนมองเห็นท่าทีของหลี่ชิเย่เพียงยื่นมือออกมาข้างเดียวเท่านั้น ถึงกับชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง ล้วนอุทานด้วยความชื่นชม ด้วยความพาลเช่นนี้ ด้วยความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญเช่นนี้มันคือปราศจากผู้เทียบเทียมทั่วหล้า

“ฆ่า…” ผู้ที่ลงมือคนแรกยังคงเป็นเทพสงครามจินเปี้ยนที่โหดเหี้ยมและชื่นชอบสงคราม เขาคำรามเสียงยาว และเหินฟ้าเข้ามา

เสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว แม้ว่าเทพสงครามจินเปี้ยนไม่ได้ลงมือ เขาเพียงแค่บุกเข้าไป เมื่อเป็นเช่นนั้นทั่วฟ้าดินก็คล้ายวิ่งเข้าหาตรงหน้า ทั่วฟ้าดินได้กระแทกลงบนใบหน้าของเจ้าอย่างแรง พลันกระแทกจนแหลกละเอียด

เสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง เทพสงครามจินเปี้ยนได้ลงมือแล้ว ทวนยาวเล่มหนึ่งอยู่ในมือ ทวนยาวส่งประกายสัจธรรมแวบวับ สยบวิญญาณผู้คน โดยทวนเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยอักขระยันต์สัจธรรม และมีสัจธรรมเกาะรวมตัวกัน

นี่คือทวนสัจธรรม มันคือทวนยาวเล่มหนึ่งที่อาศัยสัจธรรมราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรของเทพสงครามจินเปี้ยนเกาะรวมตัวกัน เมื่อทวนยาวถูกสำแดงออกไปก็คือการดำรงอยู่ของสัจธรรมเทพสงครามจินเปี้ยน

ดังนั้น เมื่อทวนยาวทิ่มแทงเข้ามาตรงๆ ได้ยินเสียงตึงที่ดังขึ้นเสียงหนึ่ง หมื่นทวนคำรณพร้อมกัน ยกทวนขึ้นหมื่นสัจธรรมคำรณ

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ปรากฏทวนยาวพันล้านเล่มที่แทงใส่จุดสำคัญของหลี่ชิเย่ ทวนพันล้านเล่มไร้รูปไร้เงา แต่ปรากฏอยู่ทุกที่ มันแทนปณิธานของเทพสงครามจินเปี้ยน แทนปณิธานต่อสู้ของเทพสงครามจินเปี้ยน และเป็นสัจธรรมราชันแท้จริงของเทพสงครามจินเปี้ยนเช่นกัน

ท่ามกลางเสียงตึงที่ดังขึ้น ทวนยาวหมื่นพันเล่มพลันแทงทะลุช่องว่างฉีกวิถีจนขาด ตรึงกาลเวลาเอาไว้ ท่ามกลางเสียงตึงมองเห็นประกายเยือกเย็นแวบหนึ่ง พุ่งตรงไปยังลำคอของหลี่ชิเย่ มองเห็นประกายที่แวบผ่านไป ขณะที่ทุกคนยังมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนั้น หนึ่งทวนดังกล่าวได้แทงไปถึงลำคอของหลี่ชิเย่แล้ว

เอิกก…จังหวะที่หนึ่งทวนแทงไปยังลำคอของหลี่ชิเย่ในพริบตาเดียวนั้น ปรากฏมีผู้ที่ล้มตัวลง บริเวณลำคอมีเลือดสดๆ ที่พุ่งกระฉูดออกมา อ้าปากจะส่งเสียงแต่คำพูดนั้นติดอยู่ที่ลำคอ ไม่สามารถพูดออกมาได้

นี่แหละคือปณิธานทวนที่น่ากลัวอย่างยิ่งของเทพสงครามจินเปี้ยน แม้ว่าหนึ่งทวนนี้เพียงมุ่งสังหารแค่หลี่ชิเย่เท่านั้นเอง แต่ทว่า ยังคงมีมีผู้ที่ไม่สามารถรองรับพลังทวนที่น่ากลัวเช่นนี้ได้ แม้จะเป็นเพียงพลังทวนสายหนึ่งเท่านั้น แต่ก็แทงทะลุลำคอของเขาโดยพลัน

นับว่าทวนนี้รวดเร็ว และน่ากลัวมากเหลือเกิน หนี่งทวนถึงตาย แหลมคมเกินจะต้านทาน!

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวที่เทพสงครามจินเปี้ยนลงมือ หมิงหวังฝอก็ลงมือเช่นกัน ทำท่ามุทรา ตราประทับพุทธที่อยู่ในมือได้สยบสังหารลงมาโดยตรง

พริบตาเดียวกับตราประทับพุทธที่สยบสังหารลงมา ได้ยินเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว หมื่นพุทธเสด็จมาโดยพร้อมเพรียงกัน มองจากท้องฟ้าสูงสามารถมองเห็นรัศมีพุทธที่เสมือนดังน้ำตกสวรรค์ที่เทราดลงมา ทำให้สายตาของทุกคนมองอะไรไม่เห็นในฉับพลัน รัศมีพุทธที่เจิดจ้ายิ่งคล้ายเป็นเข็มทองแต่ละเล่มที่แทงเข้าตาของผู้คนในพริบตาเดียว

หมื่นพุทธเสด็จ สภาพการณ์เช่นนี้ช่างสะเทือนหวั่นไหวอะไรอย่างนั้น ภาพเช่นนี้ช่างน่าสยองขวัญอะไรอย่างนั้น

พลันปณิธานพุทธดั่งคลื่นยักษ์ จากการที่ตราประทับพุทธสยบลงมา ทันใดนั้นเองเหมือนมีอรหันต์นับหมื่นองค์ลงมือพร้อมกัน หัตถ์พุทธหมื่นข้างพลันสยบลงมาทันที อย่าว่าแต่แค่คนๆ เดียวเลย ต่อให้ทั่วฟ้าดินก็จะต้องถูกหมื่นอรหันต์สยบเอาไว้ทันที ไม่สามารถหอบหายใจได้ทันอยู่แล้ว

หมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยนลงมือพร้อมกัน ตราประทับพุทธของหมิงหวังฝอที่สยบสังหารลงมานั้นเป็นการทุบลงบนศีรษะโดยตรง ขณะที่หนึ่งทวนของเทพสงครามจินเปี้ยนแทงเข้าไปบริเวณลำคอของหลี่ชิเย่ เรียกได้ว่าการร่วมมือกันของทั้งสองคนดูจะเป็นที่รับรู้กันทั้งสองฝ่ายยิ่งนัก พลันที่ลงมือก็คือการสังหารที่เด็ดขาด ต้องการเอาชีวิตของหลี่ชิเย่

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ที่น่ากลัวที่สุดยังคงเป็นห้าสหายภูผาเมฆที่อยู่ข้างหลังของหลี่ชิเย่ เมื่อห้าสหายภูผาเมฆลงมือพลันโจมตีพร้อมๆ กันกับหมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยน

แม้ว่าห้าสหายภูผาเมฆพวกเขาคือห้าคน แต่ว่า พริบตาเดียวที่พวกเขาทั้งห้าคนลงมือเหมือนเป็นร่างเดียว เหมือนเป็นคนๆ เดียวอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่า จังหวะล้วนแล้วแต่เข้าขากันอย่างไม่มีที่ติ

ได้ยินเสียงปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ห้าสหายภูผาเมฆพลันยิงถล่มเข้ามา พลันที่พวกเขาลงมือหาใช่เป็นเพียงกระบวนท่าเดียว เมื่อทั้งห้าลงมือพร้อมกันก็คือโลกทั้งห้าที่บดขยี้เข้ามาเสียงดังตูม

เมื่อโลกทั้งห้าอันได้แก่ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดินบดขยี้เข้ามา หลอมกลั่นโลกทั้งห้า ปิดกั้นหมื่นชาติ ศัตรูใดๆ ก็ตามเมื่อตกลงไปในโลกทั้งห้าของพวกเขาแล้ว ก็จะถูกหลอมกลั่นจนกลายเป็นเถ้าธุลีไปในพริบตาเดียว

ขณะที่โลกทั้งห้าหลอมกลั่นมาถึงนั้น ได้ยินเสียงตูมดังขึ้นเสียงหนึ่ง ช่องว่างของโลกทั้งโลก กาลเวลาพลันกลายเป็นเถ้าธุลีจนสิ้น ด้วยภาพที่น่าสยองขวัญเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นกายเนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่กายเพชรก็ต้องถูกโลกทั้งห้าที่น่ากลัวเช่นนี้หลอมกลั่นจนสิ้น

“ทรงพลังยิ่งเหลือเกิน…” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่หวาดผวาจนขนลุกซู่ เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว อย่าว่าแต่ยอดฝีมือทั่วไป และระดับบรรพบุรุษทั่วไปเลย ต่อให้เป็นระดับบรรพบุรุษที่มีระดับความสามารถชั้นคงความอมตะตลอดกาล ก็ไม่สามารถต้านรับเอาไว้ได้เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตของเจ็ดยอดฝีมือเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่ต้องตายภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียว ล้วนแล้วแต่หายวับไปกับตาในพริบตา กลายเป็นเถ้าธุลีไป

อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่กลับไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตา…เอ้อระหยสบายอกสบายใจ.. เมื่อต้องเผชิญกับการสังหารเด็ดขาดเช่นนี้

ในพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่แค่ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ด้วยการก้าวเท้าไปข้างหน้าง่ายๆ เช่นนี้ คลาดกันเพียงแค่นิดเดียว ทวนยาวของเทพสงครามจินเปี้ยนก็แทงไม่ถูกลำคอของหลี่ชิเย่

จังหวะที่คลาดกันเพียงนิดเดียว หลี่ชิเย่เพียงถือโอกาสปัดส่งไปทีหนึ่งด้วยท่าทีตามอารมณ์ยิ่ง เหมือนทำไปตามจังหวะ ง่ายๆ สบายๆ

เสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง จังหวะที่หลี่ชิเย่ถือโอกาสปัดส่งไปตามอารมณ์นั้น ร่างของเทพสงครามจินเปี้ยนถูกพาให้หมุนตาม ขณะที่เขายังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบโต้ ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง ทวนยาวพุ่งตรงเข้าหาหมิงหวังฝอทันที

พริบตาเดียวกันนี้เอง ตราประทับพุทธะของหมิงหวังฝอก็คลาดจากหลี่ชิเย่ไปเช่นกัน ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว ได้โจมตีเข้าหาเทพสงครามจินเปี้ยนโดยตรง

ขณะที่หลี่ชิเย่คลาดกันไปจังหวะนั่นเอง เขาแค่ก้าวเท้าไปอีกก้าวหนึ่งเท่านั้นก็เข้าไปอยู่ระหว่างโลกทั้งห้า นิ้วมือทั้งห้าของเขาดุจดั่งดีดพิณ แค่ปัดขึ้นลงเบาๆ ทีหนึ่งเท่านั้น

ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง เสมือนดั่งพิณร้องขับขาน โลกทั้งห้าของห้าสหายภูผาเมฆถูกดีดจนลอยขึ้น และสับสนพันกันวุ่นวาย

…………………………………………….