Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3066 มีคำสั่งเสียอะไรมั้ย

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3066 มีคำสั่งเสียอะไรมั้ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3066 มีคำสั่งเสียอะไรมั้ย

หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ สำหรับความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เช่นนี้ของเทพม้วนเมฆา และกล่าวว่า “ก็ดี เช่นนั้นแล้วข้าก็จะสงเคราะห์เจ้า ส่งเจ้าไปอยู่ร่วมทางกับลูกชายของเจ้าบนเส้นทางสู่ปรโลก เพื่อเขาจะได้ไม่โดดเดี่ยวบนเส้นทางมุ่งหน้าสู่ปรโลก”

เทพม้วนเมฆาส่งเสียงฮึน่าเกรงขามออกมา เขามาด้วยใจที่พร้อมจะตาย เขาพร้อมเพื่อแก้แค้นให้กับลูกชายของตนโดยไม่คำนึงว่าจะต้องแลกด้วยอะไร มิฉะนั้นแล้วเขาจะนอนตายตาไม่หลับ

“แล้วพวกเจ้าล่ะ?” หลี่ชิเย่กวาดสายตามองออกไป ผ่านไปบนตัวของหมิงหวังฝอและเทพสงครามจินเปี้ยน

ในเวลานี้ สายตาของทุกคนล้วนรวมตัวกันอยู่บนตัวของหมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยน

ก่อนหน้านี้ ผู้คนจำนวนมากต่างคิดว่าการร่วมมือกันของหมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยนและห้าสหายภูผาเมฆมีโอกาสชนะสูงมาก จะอย่างไรเสียด้วยกำลังความสามารถของเจ็ดยอดฝีมือมันคือระดับสุดยอดของแดนลัทธิเซียนแล้ว ถ้าหากพวกเขาทั้งเจ็ดร่วมมือกัน โลกนี้ยังจะมีผู้ใดต่อกรได้? แต่แล้ว นับตั้งแต่หลี่ชิเย่กับปราชญ์อัจฉริยะหลันซูปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมๆ กัน พลันส่งผลให้ภายในใจของผู้คนจำนวนมากเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครู่หลี่ชิเย่แค่ดีดนิ้วทีหนึ่งก็โจมตีเทพสงครามจินเปี้ยนจนลอยออกไป สิ่งนี้ได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่าศึกครั้งนี้อันตรายเสียแล้ว

นาทีนี้ ความรู้สึกของทุกคนมีเพียงคำๆ นี้เท่านั้น นั่นก็คือไร้เทียมทาน!

เวลานี้ ทุกคนล้วนไม่สามารถประเมินกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่ได้อีกแล้ว ตัวเขาเสมือนดั่งเป็นปริศนาที่ทำให้ผู้คนมองไม่ทะลุ ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง

“สาธุ สาธุ” หมิงหวังฝอพนมมือ ดูจะมีความสง่างดงามอยู่บ้าง และกล่าวว่า “ปรกติแล้วอาตมาจะเป็นผู้โปรดคนอื่นตลอดมา ยังไม่เคยถูกผู้อื่นมาโปรดตน”

“งั้นวันนี้ข้าก็จะโปรดเจ้าก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่หัวเราะ และกล่าวว่า “ส่งเจ้าไปแดนสุขาวดี ไปเป็นพระอรหันต์ที่แคว้นพุทธ”

“อมิตาพุทธ พุทธองค์ทรงเมตตา” เวลานี้หมิงหวังฝอก็ไม่เศร้าไม่โกรธ ประนมมือและมีท่าทีเป็นปรกติไม่สะทกสะท้าน เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หากถูกโปรดโดยประสกจริงๆ นั่นก็เป็นเพราะผลกรรมได้กำหนดไว้แล้ว ใยต้องเสียใจ ปล่อยไปตามกรรมก็แล้วกัน”

“นึกไม่ถึงเลยว่า เจ้านับว่ามีท่วงทีของอริยสงฆ์อยู่บ้าง” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ดูท่า เจ้าบรรลุมาไม่น้อยทีเดียว ก่อนหน้าข้าดูแคลนเจ้าไปแล้ว เจ้าอาวาสวัดลังกา ผู้นำศาสนาพุทธเช่นเจ้าก็ใช่จะเป็นเพียงชื่อเสียงจอมปลอม”

“สาธุ อาตมารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” เวลานี้หมิงหวังฝอเปล่งรัศมีพุทธวูบวาบ เหมือนว่าในพริบตาเดียวนั่นเอง เขาได้เข้าสู่ระดับสังเวชอนัตตา ภาพรวมของตัวเขากลับกลายเป็นมีจิตใจที่ไม่ธรรมดา นาทีนี้เขาเสมือนหนึ่งได้ตรัสรู้ในทันที

นาทีนี้ ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยได้อุทานด้วยความตื่นตะลึงเมื่อได้เห็นหมิงหวังฝอในขณะนี้ นับว่าหมิงหวังฝอมีความยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงกับมียังคงมีความมุ่งมั่นในขณะนี้ นับว่าไม่เสียทีที่เป็นพระอริยะสงฆ์ที่บรรลุมรรค การที่เขาสามารถกลายเป็นเจ้าอาวาสวัดลังกา สามารถเป็นผู้นำศาสนาพุทธใช่เป็นเพราะอาศัยโชคช่วย นับว่ามีกำลังความสามารถและความสามารถในการบรรลุมรรคโดยแท้

“หลวงจีน มีคำสั่งเสียหรือไม่?” หลี่ชิเย่จ้องมองหมิงหวังฝออีกที และยิ้มกล่าวขึ้นมา

“อาตมาบรรลุความบริสุทธิ์สัมผัสทั้งหก ปราศจากความห่วงใยบนโลกสักเท่าไร” หมิงหวังฝอหลับตาลง และกล่าวว่า “หากจะมี ก็คงมีเพียงสำนักเท่านั้นเอง วันนี้คือบุญคุณความแค้นส่วนตัวระหว่างอาตมากับประสกเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น”

“ตกลง” หลี่ชิเย่ถูมือ หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าจะให้เจ้าสมปรารถนาในคำขอสุดท้าย ข้าสังหารเพียงเจ้าไม่ทำลายสำนักพุทธของเจ้า เจ้าวางใจในการเดินทางก็แล้วกัน”

“สาธุ สาธุ พุทธองค์ทรงเมตตา พุทธองค์ทรงเมตตา” หมิงหวังฝอประนมมือ โค้งคำนับ ไม่สะทกสท้าน เวลานี้ใจของเขาดั่งกระจกเงา เข้าสู่ระดับสังเวชอนัตตา

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง เมื่อมองเห็นสภาพเช่นนี้ของหมิงหวังฝอ

“เสียดาย” ระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมองเห็นความนัยบางอย่าง เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ของหมิงหวังฝอ นาทีนี้หมิงหวังฝอถึงกับบรรลุการตื่นรู้อย่างสิ้นเชิง ทำให้การบำเพ็ญเพียรด้านพุทธของเขาได้ก้าวสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

เสียดายวันนี้เขายากจะหนีความตายได้พ้น ในทัศนะของผู้คนจำนวนเท่าไรมองว่า การบรรลุระดับที่สูงขึ้นไปกว่าเดิมก่อนตาย มันช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายอะไรอย่างนั้น

“เชาได้สัมผัสสัจธรรม คืนนั้นแม้ต้องตายก็ยินดี” ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยนึกถึงคำๆ หนึ่งเมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ของหมิงหวังฝอ รู้สึกปลงอนิจจังในใจเหลือเกิน

“เจ้าล่ะ…” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง มองดุเทพสงครามจินเปี้ยน

ภาพเช่นนี้ทำให้ผู้คจำนวนมากอึดอัดหายใจไม่ออก จะเป็นหมิงหวังฝอก็ดี เทพสงครามจินเปี้ยนก็ช่าง กระทั่งห้าสหายภูผาเมฆ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งที่สุดในยุคปัจจุบัน ล้วนเคยเป็นผู้มีอำนาจมาก สามารถทำให้สถานการณ์สำคัญเปลี่ยนแปลงไปได้ เคยเกรียงไกรและปราศจากผู้ต่อกร

แต่ว่า นาทีนี้ในสายตาของหลี่ชิเย่เหมือนว่าพวกเขาล้วนกลายเป็นคนตายไปแล้ว ยังไม่ทันลงมือก็ต้องการให้สั่งเสียเอาไว้ก่อน ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ และทำให้ในใจของคนบางคนรู้สึกสะเทือนใจ

“ไม่สู้รบจนตัวตาย เร็วไปที่จะพูดถึง!” พลังสังหารของเทพสงครามจินเปี้ยนไม่ขาดสาย ปณิธานการฆ่าสูงลิ่ว ดูเข้มและน่าเกรงขามยิ่งนัก เขาอยู่ในสภาพที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับหมิงหวังฝอ และเทพม้วนเมฆา

เทพสงครามจินเปี้ยน ณ นาทีนี้ยังคงคาดหวังในใจว่าจะเป็นฝ่ายชนะ ไม่ตายไม่เลิก ต่อให้หลี่ชิเย่มีความแข็งแกร่งมากกว่านี้ เขายังคงไม่รู้สึกหวั่นไหวในใจ ยังคงองอาจห้าวหาญเปี่ยมด้วยพลังและดุร้าย

ภายในใจของเทพสงครามจินเปี้ยนในเวลานี้มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น เขาคือเทพสงครามจินเปี้ยน สู้รบจนตัวตาย ไม่ตายไม่เลิก

ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกเลื่อมใสเมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของเทพสงครามจินเปี้ยน ไม่ว่าใครก็เข้าใจได้ว่า หากสู้กันตัวต่อตัว เทพสงครามจินเปี้ยนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่งอย่างเด็ดขาด

แต่ว่า ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม แต่ว่าภายในใจของเทพสงครามจินเปี้ยนยังคงไม่หวั่น เขาไม่ได้ถูกความแข็งแกร่งของหลี่ชิแย่ทำให้ต้องตกใจ และไม่ได้ถอยเพราะความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ สภาพจิตของเขานั้นมั่นคงอย่างยิ่ง ไม่สังหารศัตรูกล้าแข็ง ไม่ตายไม่เลิก

แม้ว่าในทัศนะของบางคนมองว่า สภาพจิตลักษณะเช่นนี้ของเทพสงครามจินเปี้ยนดูจะงมงายไปบ้าง ทว่าจะมีสักกี่คนที่มีสภาพจิตฆ่าฟันที่ไม่หวาดหวั่นเช่นเทพสงครามจินเปี้ยนเล่า?

“นับว่ายอดเยี่ยมโดยแท้” หลี่ชิเย่มองดูเทพสงครามจินเปี้ยนที่ยังคงมีปณิธานการฆ่าที่สูงลิ่ว กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ที่ผู้คนใต้หล้ายกย่องเจ้าเป็นเทพสงคราม นับว่าเจ้าไม่ได้ทำให้ฉายานี้ต้องเสื่อมเสีย นับว่ามีปณิธานการฆ่าเช่นนี้อย่างแท้จริง แม้ว่าเจ้าจะงมงายอวดดี แต่ว่า จิตแห่งการต่อสู้ดวงนี้ของเจ้าก็นับว่ามีความแข็งแกร่งโดยแท้”

“แต่ว่า เมื่อพบกับข้าเจ้ามีเพียงตายสถานเดียว” หลี่ชิเย่บิดขี้เกียจทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน ประสบความสำเร็จเพราะเจ้า ล่มสลายก็เพราะเจ้า เป็นเจ้าที่ทำลายระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน”

“ขอปฏิญาณสู้ตายร่วมกับนาย เลือดสาดทั่วหล้า” อย่างไรก็ตาม กองทัพนับล้านของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนกลับมีปณิธานการฆ่าที่รุนแรง ยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับเทพสงครามจินเปี้ยน มองความตายเป็นเรื่องธรรมดา!

แม้ว่าระดับบรรพบุรุษบางส่วนของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนไม่ต้องการเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แต่ว่า มันเป็นเรื่องที่พวกเขาจนด้วยเกล้า เทพสงครามจินเปี้ยนมีบารมีสุงมากในตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน เมื่อกองทัพทั้งหมดยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับเขา ต่อให้มีระดับบรรพบุรุษที่ต้องการเหลือเชื้อให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนเองเอาไว้บ้าง แต่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

“รอให้เจ้าเอาชนะให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดคำนี้ก็ยังไม่สาย” เทพสงครามจินเปี้ยนยังคงมีปณิธานการฆ่าฟันเย็นชา ปณิธานการฆ่าไม่ได้ถอยแม้แต่น้อย

การมองเห็นกองทัพทั้งหมดต่างยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับเทพสงครามจินเปี้ยน ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยรู้สึกอิจฉา กล่าวสำหรับผู้ยิ่งใหญ่จำนวนเท่าไรนั้น ตนเองสามารถกุมอำนาจกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเอาไว้อย่างแน่นหนา นับเป็นสิ่งที่พวกเขากระหายให้ได้มา และเป็นสิ่งที่พวกเขามุ่งมั่นปรารถนาให้ได้มา แต่ว่า กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ ใดลัทธิหนึ่งแล้ว มีกำลังที่พัวพันกันอยู่มากมายเหลือเกิน จะมีสักกี่คนที่สามารถกุมกำลังทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนได้อย่างสิ้นเชิงเล่า?

“ตกลง เช่นนั้นแล้วพวกเราเริ่มกันได้” หลี่ชิเย่บิดขี้เกียจทีหนึ่งกล่าวตามอารมณ์ว่า “ข้าส่งพวกเจ้าออกเดินทาง พวกเจ้าเข้ามาด้วยกันก็แล้วกัน มีเทคนิคการรบอะไร หรือมีเคล็ดวิชาสังหารเด็ดขาดอะไรก็รีบๆ สำแดงออกมา หาไม่แล้วหากสายเกินไป ถึงตอนนั้นพวกเจ้าคิดจะตอบโต้ก็ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”

ขณะนี้ หลี่ชิเย่ยืนอยู่บนท้องฟ้าสูง ดูสบายๆ ไม่มีการป้องกันใดๆ เหมือนกำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตนอย่างนั้น

ในเวลานี้พวกหมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยน ห้าสหายภูผาเมฆที่เป็นยอดฝีมือทั้งเจ็ดมองตากันและกัน และต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนสายตากัน

แม้ว่าพวกเขาต่างไม่ได้พูดคุยกัน แต่ว่า ได้บรรลุสัญญาลับที่รู้กันด้านกลยุทธแล้ว จากสายตาของกันและกัน

ในเวลานี้ พวกหมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยน และห้าสหายภูผาเมฆต่างล้อมวงเข้าหาหลี่ชิเย่อย่างช้าๆ ไม่ว่าจะเป็นการยึดครองทิศทาง จังหวะการก้าวเดินล้วนพิถีพิถันอย่างยิ่ง ทุกย่างก้าวล้วนเข้ากันกับจังหวะจะโคนของสัจธรรม

ทุกคนต่างกลั้นหายใจเอาไว้ ขณะมองดูพวกหมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยน และห้าสหายภูผาเมฆที่ล้อมวงหลี่ชิเย่เข้าไป

พวกหมิงหวังฝอที่เป็นเจ็ดยอดฝีมือร่วมมือกันสามารถสร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทั้งแดนลัทธิเซียนได้ แต่ว่า มาวันนี้พวกเขากลับดูระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ และดูหนักแน่นจริงจังเป็นพิเศษ

สายตาแต่ละคู่ของทุกคนก็เบิกกว้าง ทุกคนต่างไม่ต้องการพลาดการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ กล่าวสำหรับทุกๆ คนแล้ว นี่คืออาหารตายิ่งใหญ่ยากจะหาใดเทียมในหล้าอีกแล้ว ใครๆ ก็ไม่ต้องการพลาด

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการสู้รบยิ่งใหญ่ในหล้าเช่นนี้ กล่าวสำหรับบรรดาระดับบรรพบุรุษ อัจฉริยะบุคคลที่แข็งแกร่งแล้ว พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์แน่นอน พวกเขาสามารถบรรลุถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของสัจธรรมบางอย่างจากศึกยิ่งใหญ่ในครั้งนี้

แม้แต่ราชันหญิงจื่อหลง ราชันแท้จริงเซิ่นซวง พวกนางต่างกลั้นหายใจเอาไว้เช่นกัน

โดยเฉพาะกล่าวสำหรับราชันแท้จริงเซิ่นซวงแล้ว ในทัศนะของนางมองว่า หลี่ชิเย่นั้นต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด เพียงแต่หลี่ชิเย่จะอาศัยกี่กระบวนท่าในการสังหารพวกของเทพสงครามจินเปี้ยนเท่านั้นเอง

สิ่งนี้ได้ทำให้ภายในใจของราชันแท้จริงเซิ่นซวงเปี่ยมด้วยการรอคอย แน่นอน สิ่งที่นางรอคอยหาใช่การสังหารพวกของเทพสงครามจินเปี้ยน แต่เป็นการรอคอยการลงมือของหลี่ชิเย่ จะมีกระบวนท่าอะไรที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบันหรือไม่ กล่าวสำหรับนางแล้วสิ่งนี้ต่างหากเป็นสิ่งที่นางต้องการ นางต้องกาการอาศัยกระบวนท่าที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบันบรรลุอะไรบางอย่าง

เหมือนดั่งเช่นก่อนหน้านั้น พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือ หนึ่งหมัดเช่นหมัดสยบสวรรค์นั้น กล่าวสำหรับนางแล้ว มันสร้างความสะเทือนหวั่นไหวเหลือเกิน หากนางสามารถมองเห็นด้วยสายตาตนเอง หนึ่งหมัดลักษณะเช่นนี้ก็จะทำให้นางได้รับประโยชน์ไม่สิ้นสุด

ดังนั้น เวลานี้ นัยน์ตาคู่นั้นราชันแท้จริงเซิ่นซวงเบิกกว้างมาก รอคอยหลี่ชิเย่ปล่อยหมัด ‘หมัดสยบสวรรค์’ ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ปราดเปรื่องปราศจากผู้เทียบเทียมเหมือนเช่นก่อนหน้าอย่างนั้น

เวลานี้พวกหมิงหวังฝอทั้งเจ็ดคนได้ล้อมวงเข้าไป โดยยึดครองสามทิศสามตำแหน่งเอาไว้ ในลักษณะสามเหลี่ยม โดยการล้อมวงสามเหลี่ยมนี้แน่นหนามาก

หมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยนต่างยึดครองเอาไว้มุมหนึ่ง ขณะที่ห้าสหายภูผาเมฆยึดครองไว้มุมหนึ่ง พวกของห้าสหายภูผาเมฆเป็นสหายเก่าที่ได้ร่วมมือกันมานานหลายแสนปี มีความรู้ใจกันอย่างยิ่ง พวกเขาชำนาญมากกับการร่วมโจมตีผาดโผนในสนามรบ

เมื่อใดที่พวกเขาทั้งห้าร่วมมือกัน พลังต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ถ้าหากแยกตัวพวกเขาออกไป กลับจะเป็นหารบั่นทอนกำลังความสามารถของพวกเขาแต่ละคนลงมา

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด