Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3079 ทหารอเวจีทองแดง
ตอนที่ 3079 ทหารอเวจีทองแดง
เสียงตูม ตูม ตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาไม่ขาดสาย มองเห็นวังวนทะเลเพลิงที่ขยายตัวกว้างมากขึ้นๆ เรื่อยๆ และโหมลุกไหม้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายทะเลเพลิงทั้งหมดได้กลับกลายเป็นวังวนไปทั้งสิ้น
ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม วังวนทะเลเพลิงได้กลายเป็นพลังดึงดูดที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เหมือนต้องการลากเอาดวงดาวทั้งหมดที่อยู่บนท้องฟ้าลงมาอย่างนั้น วังวนที่เกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้อาศัยพลังกดดันที่สูงสุดพุ่งเข้าโจมตีต่อพื้นผิวของผืนแผ่นดิน
อ๊ากกเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น สุดท้าย แม้แต่ระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งก็ต้านรับกับการดูดและลากดึงตัวของวังวนทะเลเพลิงเช่นนี้ พลันถูกดูดเข้าไปภายในวังวนขนาดยักษ์ และถูกทะเลเพลิงเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตาเดียว
ในเวลานี้ ไม่ว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน ใดๆ ก็ตาม ที่ยังคงไม่ได้หลบหนีออกจากทะเลเพลิง ล้วนแล้วแต่ถูกวังวนทะเลเพลิงดูดเอาตัวเข้าไป และถูกเผาไหม้จนกลายงเป็นเถ้าธุลีในพริบตาเดียว
ท่ามกลางวังวนทะเลเพลิงที่ดุร้ายเช่นนี้มีเพียงหลี่ชิเย่ที่ไม่หวั่นไหว ยังคงยืนสงบนิ่งอยู่ที่ตรงนั้น สุดแล้วแต่วังวนทะเลเพลิงจะลากดึงเอาตามอำเภอใจ
ต่อให้พลังวังวนทะเลเพลิงสามารถลากเอาสุริยันจันทราและดวงดาวบนท้องฟ้าลงมาได้ แต่ว่า หลี่ชิเย่เพียงยืนสบายๆ ตามอารมณ์อยู่ตรงนั้น วังวนทะเลเพลิงก็ไม่สามารถลากให้ตัวเขาเคลื่อนที่ไปได้
ดังนั้น การยืนอยู่ตรงนั้นของหลี่ชิเย่ ไม่ว่าไฟชั่วร้ายที่มุทะลุดุดัน รุนแรงเช่นใดก็ถูกแยกออกไป ทะเลเพลิงที่อยู่ตรงนี้คล้ายถูกฉีกให้แยกออกเป็นบาดแผลที่น่าสยดสยองอย่างนั้น
ตูม ตูม ตูมในเวลานี้เสียงพุ่งโจมตีดังขึ้นเป็นระลอก ท่ามกลางเสียงที่พุ่งเข้าปะทะเป็นระลอก ลูกอุกกาบาตทั้งลูกได้สั่นไหวโคลงเคลงขึ้นมา
วังวนทะเลเพลิงได้กลายเป็นแรงดึงดูดที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ยิ่งบริเวณใจกลางของวังวนด้วยแล้วกลายเป็นแรงดันสูงที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ภายใต้วังวนที่ใจกลางมีพลังความดันสูงพุ่งชนเข้ากับพื้นแผ่นดินอย่างบ้าคลั่ง โดยพุ่งชนเข้ากับตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของลูกอุกกาบาตลูกนี้
ภายใต้ตูม ตูม ตูมที่พุ่งชนครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ลูกอุกกาบาตทั้งลูกสั่นไหวโคลงเคลงไม่หยุด เหมือนว่าหากยังคงพุ่งชนเช่นนี้ต่อไป ลูกอุกกาบาตทั้งลูกก็จะต้องถูกโจมตีจนทะลุอย่างนั้น
“นี่ต้องการจะทำอะไร?” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงรู้สึกตกใจระคนแปลกใจ เมื่อมองเห็นวังวนทะเลเพลิงได้พุ่งเข้าโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความดันสูงเช่นนี้
“บรรพบุรุษเจ้า พวกเขาคิดจะแย่งชิงของวิเศษกับพวกเรา ของสิ่งนั้นน่าจะอยู่ตรงนั้นแหละ” กระบือดำขนาดใหญ่เมื่อเห็นพลังความดันสูงของวังวนทะเลเพลิงที่พุ่งโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ถึงกับกระโดดตัวลอย
เสียงปังดังสนั่นหวั่นไหว หลังจากที่วังวนทะเลเพลิงพุ่งชนครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุด ที่ตรงนั้นปรากฎประตูบานหนึ่งถูกเปิดออกมา
จากการที่ประตูบานนี้ถูกชนจนเปิดออกแล้วนั้น ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว พลังที่ไม่มีสิ้นสุดพลันพุ่งโจมตีขึ้นมาทันที ในพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นอานุภาพปฐมบรรพบุรุษที่พวยพุ่งขึ้นมาดั่งคลื่นยักษ์ในทันที กฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษ ยันต์ปฐมบรรพบุรุษล้วนพุ่งโจมตีขึ้นมานาทีนี้เหมือนน้ำตกสวรรค์อย่างนั้น
ขณะที่กฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษ อานุภาพปฐมบรรพบุรุษพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงนั้น พวกมันได้กลับกลายเป็นเสาขนาดยักษ์ต้นหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น พลันแทงทะลุตำแหน่งที่เป็นใจกลางของวังวนทะเลเพลิง
“มีพลังปฐมบรรพบุรุษเฝ้ารักษาอยู่ตรงนั้น” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงพลันเข้าใจในทันที เมื่อมองเห็นภายในประตูบานนั้นได้พวยพุ่งอานุภาพปฐมบรรพบุรุษที่ดั่งคลื่นยักษ์ในพริบตาเดียว
“การต่อสู้ชี้ขาดของปฐมบรรพบุรุษ” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ และกล่าวว่า “ครั้งนั้นเคยระเบิดขึ้น เวลานี้ยังคงต่อเนื่องกันไป ดูท่าทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจนะเนี่ย”
เสียงกระบี่คำรามดังตึงขึ้นมาเสียงหนึ่ง ท่ามกลางอานุภาพปฐมบรรพบุรุษที่ไม่มีสิ้นสุด พลันปรากฏประกายกระบี่สายหนึ่งที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง โดยประกายกระบี่สายนี้พลันฉีกทุกสิ่งทุกอย่างของฟ้าดินจนฉีกขาด แทงทะลุหมื่นวิถี
ภายใต้การคำรามของกระบี่ มองเห็นเพียงกระบี่ยักษ์ที่ปรากฏขึ้นช้าๆ จากประตู สุดท้าย จากการที่เสียงคำรามกระบี่ดังตึงขึ้นมานั้น กระบี่ยักษ์พลันฟาดฟันลงมาทันที
หนี่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาได้จัดการฟันและผ่าพื้นที่ออกเป็นสองส่วน นี่คือหนึ่งกระบี่ที่ปราศจากผู้ต่อกร ต่อให้เป็นราชันแท้จริงก็ต้องถูกตัดเอาศีรษะออกมาในพริบตาเดียวภายใต้หนึ่งกระบี่นี้
จากเสียงปังที่ดังขึ้นเสียงหนึ่ง มองเห็นได้ว่า หลังจากหนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาแล้ว ทะเลเพลิงทั้งหมดถูกผ่าออกเป็นสองส่วน วังวนทะเลเพลิงพลันแตกละเอียด แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตามทะเลเพลิงยังคงโหมสาดซัดเข้ามาอย่างรุนแรง
ตูม ตูม ตูมลาวาไฟชั่วร้ายของทะเลเพลิงยังคงเหมือนสายน้ำที่เชี่ยวกรากที่พุ่งโจมตีไปยังประตู และสั่นคลอนต่อประตูบานดังกล่าวครั้งแล้วครั้งเล่า
ประตูบานนี้ได้ปรากฎม่านแสงขึ้น โดยที่ม่านแสงมีอักขระยันต์ที่แวบวับ ทุกๆ อักขระยันต์ล้วนแผ่กระจายพลังปฐมบรรพบุรุษออกมา อีกทั้งอักขระยันต์ที่ปรากฏขึ้นมานั้นมีหลายลักษณะ และยิ่งใหญ่ไพศาล ทำให้ผู้พบเห็นทราบได้ทันทีว่า ประตูดังกล่าวไม่เพียงผ่านการปลุกเสกโดยปฐมบรรพบุรุษเพียงคนเดียวเท่านั้น เกรงว่าเคยมีปฐมบรรพบุรุษหลายคนได้ปลุกเสกมาแล้ว
เสียงพุ่งโจมตีดังปัง ปัง ปังขึ้นมาไม่ขาดสาย จากการที่ลาวาไฟชั่วร้ายของทะเลเพลิงที่พุ่งโจมตีอย่างบ้าคลั่งครั้งแล้วครั้งเล่า ม่านแสงของประตูเริ่มจะดูติดๆ ดับๆ หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ประตูดังกล่าวต้องถูกทะเลเพลิงที่สาดซัดเข้ามายังรุนแรงซัดจนทะลุ
ตึง ตึง ตึงเสียงโลหะดังก้องขึ้นมาไม่ขาดสาย ในเวลานี้เอง ท่ามกลางทะเลเพลิงปรากฎกระบี่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเล่มที่ลอยขึ้นมา โดยที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเล่มปรากฎประกายแวบวับที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา
จากการที่เสียงกระบี่คำรามดังไม่ขาดสายนั้น เพียงพริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่นับพันนับหมื่นได้ลอยขึ้นมาช้าๆ กระบี่หมื่นพันเหล่านี้ต่างสลับกันไปมาซึ่งกันและกัน เสมือนดั่งเป็นฟันเฟืองขนาดยักษ์ที่หมุนเคลื่อนไป โดยอาศัยประตูเป็นจุดศูนย์กลาง หมุนเคลื่อนที่และบิดสังหารอย่างบ้าคลั่ง ดูจากสภาพเช่นนี้แล้ว กระบี่ศักดิ์สิทธิ์หมื่นพันเล่มที่กลายเป็นค่ายกลกระบี่ก็คล้ายเป็นปากของสัตว์ยักษ์ และปากของสัตว์ยักษ์ดังกล่าวเต็มไปด้วยหนามขอเกี่ยว หมุนวนกันไปเป็นชั้นๆ
ดังนั้น จากการที่ค่ายกลกระบี่สังหารลักษณะเช่นนี้หมุนบิดไปนั้น ได้ยินเสียงปะทะดังปัง ปัง ปังขึ้นมา โดยค่ายกลกระบี่ได้บิดพลังที่พุ่งโจมตีของทะเลเพลิงลาวา ทำให้พลังไฟชั่วร้ายลาวาที่พุ่งเข้าปะทะกับประตูกลับกลายเป็นอ่อนแอมาก
ม่านแสงที่อยู่ภายในประตูพลันสว่างไสวขึ้นมา หลังจากได้รับการบิดสังหารของค่ายกลกระบี่แล้ว ทำให้พลังปฐมบรรพบุรุษที่ปลุกเสกอยู่บนนั้นพลันฟื้นคืนกลับมาได้ไม่น้อยทีเดียว
ในเวลานี้เอง ปรากฎเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นดังปัง ปัง ปังขึ้นบนเรือปราบปรามไกล นาทีนี้มองเห็นบนดาดฟ้าเรือปราบปรามไกลปรากฎกองกำลังที่ยืนเป็นเรียงกันเป็นแถวเป็นแนว
เป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่มาก โดยกองทัพดังกล่าวได้ยืนเรียงเป็นขบวนอยู่บนดาดฟ้า
“นั่นมันกองทัพทอดน้ำมันมิใช่รึ?” หลิ่วเยี่ยนไป๋ที่นั่งอยู่บนหลังกระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับหน้าถอดสีและร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นกองทัพที่ตั้งเป็นขบวนอยู่บนดาดฟ้า
กองทัพที่ตั้งขบวนอยู่บนดาดฟ้าคือทหารอเวจีที่เคยถูกโยนลงไปทอดในน้ำทองแดงบนเรือปราบปรามไกล โดยทหารอเวจีเหล่านี้เคยเข้าแถวยาวเหยียดบนผืนแผ่นดิน สุดท้าย ทั้งหมดได้กระโดดลงไปในหม้อน้ำทองแดงที่เดือดพล่าน
เวลานี้กองทัพทหารอเวจีล้วนส่งประกายทองแดงแวบวับ ทหารอเวจีทุกคนล้วนกลายเป็นมนุษย์ทองแดงไปแล้ว ร่างกายของพวกมันล้วนเสมือนดั่งหลอมสร้างขึ้นโดยอาศัยทองเหลืองที่แข็งแกร่งที่สุด ร่างกายทองแดงที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกมันล้วนส่งประกายเยือกเย็นแวบวับ
“มิน่าเล่าพวกเขาจึงได้กระโดดลงไปทอดในน้ำทองแดง ที่แท้พวกมันกำลังหลอมสร้างร่างทองแดงกายเหล็ก” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงที่มองดูกองทัพอเวจีที่ยิ่งใหญ่ทัพนี้แล้ว อดพึมพำขึ้นมาไม่ได้
ในเวลานี้เอง มองเห็นกองทัพทหารอเวจีแต่ละขบวนทัพได้กระโดดลงมาจากเรือปราบปรามไกล ทุกๆ ขบวนทัพล้วนประกอบด้วยทหารอเวจีห้าคน และประกอบเป็นขบวนทัพที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านับว่าอลังการเหลือเกิน ขบวนของทหารอเวจีที่ประกอบด้วยทหารอเวจีห้าคนต่อหนึ่งหน่วย เมื่อกองทัพทหารทองแดงล้วนกระโดดลงมาก็คล้ายเป็นเกี้ยวที่ถูกเทลงหม้ออย่างนั้น ปรากฎฟองคลื่นที่แตกกระจายดังบุ๋ม บุ๋ม
เสียงปัง ปัง ปังแต่ละเสียงดังขึ้น เมื่อทหารอเวจีแต่ละคนได้กระโดดลงไปในทะเลเพลิงแล้ว พวกมันก็ได้พุ่งเข้าโจมตีต่อค่ายกลกระบี่ทันที
ลองนึกภาพดู ค่ายกลกระบี่ทั้งหมดประกอบขึ้นโดยกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นับพันนับหมื่นเล่ม เมื่อกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนก็คล้ายเป็นปากของสัตว์ยักษ์ที่เต็มไปด้วยหนามขอเกี่ยว เมื่อทหารอเวจีทั้งหมดกระโดดเข้าไป ให้ความรู้สึกผู้คนเหมือนแกะที่เข้าไปในปากเสืออย่างนั้น
เหมือนว่าทหารอเวจีเหล่านี้ถูกจับโยนเข้าปากสัตว์ยักษ์เหมือนป้อนอาหารอย่างนั้น
ในเวลานี้ เสียงชนกระแทกปัง ปัง ปังดังขึ้นเป็นระลอก ทหารอเวจีทั้งหมดได้เปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรงต่อค่ายกลกระบี่
ขณะที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเล่มฟันใส่ตัวของทหารอเวจีนั้น ปรากฎประกายไฟแตกกระจาย เสมือนดั่งตีเหล็กอย่างนั้น อีกทั้งขบวนที่ประกอบด้วยทหารอเวจีห้าคนต่อขบวน ทวนยาวในมือของพวกมันดุดันยิ่งนักได้โจมตีเข้าไปหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเล่มที่อยู่ในค่ายกลกระบี่
ดังนั้น เมื่อทวนทองแดงปะทะอย่างรุนแรงกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นั้น ปรากฏเป็นสะเก็ดไฟจำนวนนับไม่ถ้วน
ในเวลานี้ ภายในค่ายกลกระบี่ทั้งหมดปรากฏสะเก็ดไฟที่แตกกระจาย เหมือนเป็นดอกไม้ไฟที่มีการจุดกันในเทศกาลอย่างนั้น แลดูอลังการยิ่งนัก
ภายใต้การสังหารของค่ายกลกระบี่ มีทหารอเวจีจำนวนไม่น้อยถูกกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ฟันร่างจนขาด หรือถูกตัดแขนออกไป กระทั่งถูกฟันคอขาด
แต่ ไม่ว่าทหารอเวจีเหล่านี้จะถูกตัดศีรษะไป และหรือร่างกายถูกบดจนละเอียด ได้ยินเสียงตูม ตูม ตูมที่ดังขึ้น
เศษชิ้นส่วนร่างกายของทหารอเวจีเหล่านี้พลันพวยพุ่งไฟชั่วร้ายออกมา เหมือนว่าภายในร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยไฟชั่วร้ายอย่างนั้น
ไฟชั่วร้ายดูดเข้าหากัน ร่างกายที่เป็นเศษชิ้นส่วนพลันประติดปะต่อเข้าด้วยกันในพริบตาเดียว และไฟชั่วร้ายพลันหลอมละลายตรงบริเวณที่มีการประติดปะต่อซึ่งเป็นรอยแผลของทหารอเวจี เพียงชั่วพริบตาเดียว ทหารอเวจีที่มีร่างกายสมบูรณ์ก็ได้ปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงนั้น ทั้งยังมีร่างกายที่สมบูรณ์ปราศจากความเสียหายใดๆ ยากจะเชื่อว่าทหารอเวจีเหล่านี้ได้ถูกบดจนกลายเป็นเศษชิ้นส่วนโดยค่ายกลกระบี่ไปเมื่อครู่
จากเสียงปัง ปัง ปังที่ดังขึ้น ทหารอเวจีทองแดงเหมือนฆ่าไม่ตายอย่างนั้น พวกมันได้เปิดฉากโจมตีต่อค่ายกลกระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า
จากการที่การโจมตีของทหารอเวจีอย่างไม่หยุดหย่อน ท่ามกลางเสียงปัง ปัง ปังที่ดังขึ้น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเล่มถูกโจมตีจนร่วงหล่นลงมา กระทั่งถูกโจมตีจนแตกละเอียด
จากการที่กองทัพทหารอเวจีที่ยิ่งใหญ่ทัพหนึ่งได้ทำการต้านค่ายกลกระบี่เอาไว้ ในเวลานี้ลาวาไฟชั่วร้ายที่อยู่ในทะเลเพลิงก็สำแดงเดชอีกครั้งด้วยการพุ่งชนประตูต่อไป
ได้ยินเสียงพุ่งชนดังตูม ตูม ตูมขึ้นมาเป็นระลอก ลาวาไฟชั่วร้ายได้พุ่งชนเข้ากับม่านแสงที่อยู่ในประตูอย่างบ้าคลั่ง จากการพุ่งชนโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้พลังปลุกเสกปฐมบรรพบุรุษบนม่านแสงเริ่มอ่อนแอลง ทำให้ม่านแสงติดๆ ดับๆ เริ่มต้านรับไม่ไหวกับการพุ่งชนโจมตีของลาวาไฟชั่วร้ายอย่างช้าๆ
“บรรพบุรุษเจ้า วิธีการนี้เยี่ยมมาก” กระบือดำขนาดใหญ่อดชื่นชมขึ้นมาเมื่อเห็นทหารอเวจีทองแดงต้านรับกับค่ายกลกระบี่เอาไว้ และกล่าวว่า “อาศัยกองทัพที่เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กต้านกับค่ายกลกระบี่เอาไว้ นับว่าร้ายกาจมากโดยแท้”
“ก็แค่อีกรูปแบบหนึ่งของไฟชั่วร้ายเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นทะเลเพลิงลาวา หรือทหารอเวจีทองแดง ความจริงแล้วผู้ที่ควบคุมพวกมันยังคงเป็นพลังไฟชั่วร้าย หาใช่ตัวของลาวาเอง หรือตัวของทหารอเวจีเอง
เสียงแตกร้าวดังคร๊ากกขึ้นมา ในเวลานี้ ม่านแสงที่อยู่บนประตูปรากฏเป็นรอยร้าวเป็นริ้วๆ
……………………………………………..
Comments