Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3080 สัตว์ศิลา

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3080 สัตว์ศิลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3080 สัตว์ศิลา

เวลานี้ เสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง สุดท้าย ลาวาทะเลเพลิงสามารถพุ่งชนม่านแสงที่ประตูจนแหลกละเอียดไปได้ในที่สุด ทำให้ประตูทั้งบานเผยโฉมอยู่ตรงหน้าของเรือปราบปรามไกล

“บรรพบุรุษเจ้า อยู่ข้างในนี่เอง” นัยน์ตาทั้งสองของเจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ลุกวาว น้ำลายแทบหกเมื่อมองเห็นประตูถูกเปิดออก หัวเราะแหะแหะกล่าวต่อหลี่ชิเย่ว่า “แหะท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราคอยชมการต่อสู้อยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว ถึงตอนนั้น แหะถึงตอนนั้น นกปากซ่อมทะเลาะกับหอยกาบ ถึงเวลานั้นพวกเราที่เป็นคนหาปลาย่อมได้เปรียบ”

หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะและส่ายหน้า จากนั้นเพ่งสายตามองไกลไปข้างหน้า และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “มีคนมาแล้ว”

ในขณะนี้ ราชันแท้จริงเซิ่นซวง กระบือดำขนาดใหญ่ก็มองไปยังที่ที่ห่างไกล เห็นเรือลำหนึ่งแล่นเข้ามาช้าๆ โดยเรือลำนี้ได้โต้คลื่นทะเลเพลิงแล่นเข้ามา ดูไปแล้วเหมือนว่ามันแล่นมาช้าๆ แต่ทว่า ความเร็วนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่มันกระโดดเป็นการก้าวข้ามช่องว่างแล้วช่องว่างเล่า

ขณะที่ทะเลเพลิงอาละวาดพื้นที่แห่งนี้นั้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดต่างหลบหนีให้ห่างไกลจากทะเลเพลิงแห่งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตนต้องตกเป็นเหยื่อ แต่ว่า ในเวลานี้เรือลำดังกล่าวกลับแล่นโต้คลื่นเข้ามา เหมือนไม่กลัวด้วยมีคนหนุนหลังอยู่

ขณะที่เรือลำดังกล่าวแล่นเข้ามาใกล้ และทำให้ผู้คนมองเห็นชัดเจนว่าบนเรือที่ผู้คนยืนอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้ที่เป็นผู้นำก็คือนางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซานฮุ่ยชิงเสวียน ที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ห่างก็คือสาวใช้ของนางจิ้งเอ๋อร์

นอกเหนือจากนี้ บนเรือยังมีผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ อีก มีราชันแท้จริงหวงจุนแห่งหอเกาหยางโหลว ไท่แสวียนฟง บุตรชายของไท่อิ๋นสี่ และผู้เฒ่าอีกหลายคนที่หลี่ชิเย่ไม่รู้จัก

ผู้เฒ่าหลายคนเหล่านี้ ทุกๆ คนล้วนแล้วแต่ปรากฏกลิ่นอายคงความอมตะตลอดกาลวูบวาบ ทำให้ผุ้พบเห็นรู้ได้ทันทีว่าเป็นบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

เมื่อเรือลำนี้แล่นเข้ามาใกล้แล้ว ฮุ่ยชิงเสวียนนำหน้ากระโดดลงมาจากเรือ ยืนอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่และแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่ กล่าวด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้มว่า “พี่ท่านอยู่ตรงนี้จริงๆ เมื่อมีพี่ท่านอยู่ ขิงเสวียนก็สบายใจได้แล้วล่ะ”

“นี่ นี่ นี่ นังหนู เจ้าอย่าคิดแย่งของวิเศษเซียนกับพวกเรานะ” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่รู้สึกไม่พอใจทันทีที่ได้เห็นฮุ่ยชิงเสวียน ร้องโวยวายเสียงดังขึ้นมาว่า “ของวิเศษเซียนที่อยู่ข้างในพวกเราเป็นผู้พบเห็นก่อน ถ้าหากพวกเจ้ากล้าแย่งชิงกับข้าล่ะก็ กระบือสุดหล่ออย่างข้าไม่เห็นด้วยเป็นคนแรก”

“นี่ นี่ นี่ นังหนู เจ้าอย่าคิดแย่งของวิเศษเซียนกับพวกเรานะ” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่รู้สึกไม่พอใจทันทีที่ได้เห็นฮุ่ยชิงเสวียน ร้องโวยวายเสียงดังขึ้นมาว่า “ของวิเศษเซียนที่อยู่ข้างในพวกเราเป็นผู้พบเห็นก่อน ถ้าหากพวกเจ้ากล้าแย่งชิงกับข้าล่ะก็ กระบือสุดหล่ออย่างข้าไม่เห็นด้วยเป็นคนแรก”

ฮุ่ยชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะไพเราะน่าฟังอย่างยิ่ง นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านผู้อาวุโสกล่าวหนักไปแล้ว ชิงเซียนมีแต่ดีใจเป็นอย่างยิ่ง หากพี่หลี่ต้องการนำเอาของวิเศษเซียนที่นี่ไปด้วย เกรงแต่พี่หลี่จะไม่รับ” กล่าวพลางนางกวักมือเบาๆ ทีหนึ่ง

เวลานี้ จิ้งเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของนางจึงได้ก้าวเดินเข้ามา ในมือของนางได้กอดกล่องวิเศษใบหนึ่งเอาไว้ พลันที่มองเห็นลังวิเศษใบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในนั้นคือสิ่งใดแล้ว

สิ่งที่อยู่ภายในกล่องวิเศษก็คือสิ่งที่ถูกหลี่ชิเย่นำออกมาหลังจากได้เปิดก้อนหินก้อนนั้นออกมาที่ด่านเทียนสงกวานในครั้งนั้น

“ครั้งนั้น เป็นพี่ท่านที่นำเอาสิ่งนี้ออกมาจากก้อนหิน” ฮุ่ยชิงเสวียนที่ใบหน้าแฝงรอยยิ้ม กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “มาวันนี้ พี่ท่านสามารถอาศัยสิ่งนี้เพื่อได้มาซึ่งของวิเศษเซียนจากที่ตรงนี้”

“แหะมีได้ มีได้” นัยน์ตาทั้งสองของกระบือดำขนาดใหญ่ลุกวาว หัวเราะแหะแหะ และกล่าวว่า “มอบให้ข้าก็ได้ มอบให้ข้าก็ได้”

แน่นอน กระบือดำขนาดใหญ่แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้พยักหน้า และเขาก็ไม่กล้ารับเอากล่องวิเศษใบนี้มาจากมือของจิ้งเอ๋อร์อยู่แล้ว

หลี่ชิเย่เพียงมองดูกล่องวิเศษแวบหนึ่งเท่านั้น ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “ดูท่าเจ้าคงบรรลุถึงความลับบางอย่างในนั้นได้แล้ว ไม่เลวนี่”

“มิกล้า ล้วนเป็นเพราะคำชี้แนะจากพี่ท่าน ชิงเสวียนจึงเก็บเกี่ยวสิ่งนี้มาได้ หาไม่แล้ว เกรงว่าชั่วชีวิตก็คงไม่สามารถศึกษาถึงความลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ภายในได้” ฮุ่ยชิงเสวียนรู้จักพูดอย่างยิ่ง คำพูดเช่นนี้ทำให้ผู้ฟังรู้สึกสบายมากเป็นพิเศษ

ที่แท้หลังจากสิ่งของดังกล่าวถูกนำออกมาจากกล่องวิเศษแล้ว ไท่อิ๋นสี่ก็ไม่กล้าเก็บเอาไว้คนเดียว ได้เชิญผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยมาร่วมชื่นชมกับสิ่งนี้ หลังจากที่ฮุ่ยชิงเสวียนบรรลุสิ่งนี้ได้แล้วก็นำพาผู้คนรุดมาที่นี่

ในเวลานี้ พวกของราชันแท้จริงหวงจุนต่างทยอยกันเข้าไปแสดงคารวะสูงสุดต่อหลี่ชิเย่

หลังจากที่หลี่ชิเย่ไปจากด่านเทียนสงกวานได้ไม่นานนัก มาวันนี้ก็ได้มีบารมีสยบทั่วหล้าแล้ว หลังจากที่เขาได้สังหารหมิงหวังฝอ เทพสงครามจินเปี้ยน ห้าสหายภูผาเมฆแล้ว ได้รับการยอมรับจากผู้คนอย่างเป็นทางการแล้วว่า เขาคือปฐมบรรพบุรุษคนที่สามต่อจากพระอาจารย์จินกวง ปราชญ์อัจฉริยะหลันซู

ดังนั้น มาวันนี้ได้พบกับหลี่ชิเย่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริงหวงจุน หรือไท่เสวียนฟงพวกเขา ต่างรู้สึกสะท้านภายในใจ จึงมีท่าทีที่เคารพนอบน้อมมากยิ่งขึ้น

ตูม ตูม ตูมในเวลานี้ เสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก ฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลงทีหนึ่ง เวลานี้มองเห็นเรือปราบปรามไกลแล่นเข้าไปยังประตูที่ถูกระเบิดเปิดออกอย่างช้าๆ

หลี่ชิเย่เพียงมองดูเรือปราบปรามไกลที่แล่นเข้าประตูไปแล้วแวบหนึ่ง เอ่ยเรียบเฉยขึ้นมาว่า “พวกเราเข้าไปดูกัน เรื่องสนุกๆ กำลังจะแสดงแล้ว”

“พวกข้ายินดีติดตามและปฏิบัติตามคำสั่งของพี่ท่าน” ฮุ่ยชิงเสวียนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม นางไม่เพียงเป็นหญิงงามที่หาใดเปรียบในหล้า อีกทั้งยังมีความเฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง

พวกของหลี่ชิเย่ติดตามเรือปราบปรามไกลเข้าประตูไปพร้อมๆ กัน หลังจากผ่านประตูดังกล่าวเข้าไปแล้ว พลันรับรู้ได้ถึงอากาศที่บริสุทธิ์ยิ่งสายหนึ่งเข้ามาปะทะใบหน้า

ภายในประตูดังกล่าวนี้มีโลกอีกโลกหนึ่ง ท้องฟ้าสีเขียวคราม เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาทั้งโลก ความมีชีวิตชีวาที่ยิ่งใหญ่ไพศาลทำให้ผู้คนรู้สึกได้ทันทีว่าตนเองนั้นเหมือนอ่อนวัยลงนับพันปีอย่างนั้น

บริเวณตรงหน้าคือทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล ทุกๆ ที่ที่สายตาสามารถมองเห็นได้ล้วนแล้วแต่เป็นสนามหญ้าที่เขียวขจี ทุ่งหญ้าที่ราบเรียบคล้ายเป็นพรมสีเขียวที่เย็นสบายอย่างนั้น ทำให้ผู้คนบังเกิดอารมณ์อยากจะนอนกลิ้งบนนั้น

“แหะอากาศที่สดชื่นเหลือเกิน” แม้แต่กระบือดำขนาดใหญ่ก็อดที่จะกล่าวชื่นชมออกมาขณะที่ยืนอยู่บนที่ราบแห่งนี้ จากนั้นก้มลงเล็มหญ้าเขียวขจีที่อยู่บนพื้นอย่างเต็มที่

แม้จะกล่าวว่าทุกคนต่างก็รู้ดีว่ากระบือดำขนาดใหญ่เป็นปีศาจควายที่บรรลุมรรคผล แต่ทว่า เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นกระบือดำขนาดใหญ่กินหญ้า ดังนั้น ขณะที่กระบือดำขนาดใหญ่ก้มหัวเล็มหญ้ากินอยู่นั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกตะลึง

พวกราชันแท้จริงหวงจุนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่ากระบือดำขนาดใหญ่ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งมาก และพวกเขาก็ไม่ได้ถือเอากระบือดำขนาดใหญ่เป็นควายตัวหนึ่ง แต่ว่า เวลานี้พวกเขาต่างรู้สึกตะลึงงัน ไม่สามารถตอบสนองกับสิ่งนี้อยู่บ้าง เมื่อมองเห็นกระบือดำขนาดใหญ่ที่กำลังเล็มหญ้าที่เขียวขจีอยู่

เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล็มหญ้ากินโดยไม่สนใจพวกเขา เหมือนว่ารสชาติเลิศมาก และเหมือนว่าเขาไม่เคยได้กินหญ้าเขียวขจีมาเป็นหมื่นปีอย่างนั้น

“อาจารย์ หญ้าที่ตรงนี้อร่อยมากขนาดนั้นเชียวรึ?” หลิ่วเยี่ยนไป๋ก็เพิ่งเห็นกระบือดำขนาดใหญ่เล็มหญ้ากินเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน อีกทั้งมองเห็นท่าทางการกินของกระบือดำขนาดใหญ่ดูจะอร่อยมากเป็นพิเศษอย่างนั้น ทำให้นางรู้สึกตกใจระคนกับความแปลกใจ

อืมม…กระบือดำขนาดใหญ่เพียงตอบอู้อี้คำหนึ่ง ยังคงเล็มหญ้าต่อไปโดยไม่สนใจผู้อื่น

“พลังที่เยี่ยมมากไม่เหมือนใคร” เวลานี้ ฮุ่ยชิงเสวียนอดที่จะตระหนกไม่ได้ นางย่อตัวลงและใช้มือลูบคลำพื้นดิน คว้าเอาดินขึ้นมากำใหญ่ ใช้นิ้วมือบี้ให้ละเอียดและกล่าวว่า “ข้าไม่เคยเห็นพลังที่ไม่เหมือนใครเช่นนี้มาก่อน”

“เริ่มมีมาตั้งแต่ยุคกำเนิดฟ้าดิน” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ไม่เคยพบเห็นพลังลักษณะเช่นนี้นับว่าไม่แปลก มันคือพลังดึกดำบรรพ์ที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง”

แม้ว่าพวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวงจะรับรู้รางๆ ว่าที่ตรงนี้มีพลังสายหนึ่งกำลังกระเพื่อมอยู่ แต่ว่าเป็นเพียงความรู้สึกที่เลือนรางและไม่ชัดเจนเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าพลังสายนี้มันเป็นเช่นใดกันแน่

“มีรสชาติของบ้านเกิด” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ กระบือดำขนาดใหญ่ที่ก้มหน้าก้มตาเล็มหญ้าตลอดมาได้เงยหน้าขึ้นมา ขณะที่ในปากยังกำลังเคี้ยวหญ้าอยู่ มองไปยังที่ที่ห่างไกลมาก สายตาดูลึกล้ำมาก มีลักษณะท่าทางของการคิดถึง

กระบือดำขนาดใหญ่ทัศนะคติที่แย่ๆ ตลอดมา ไม่ว่าใครที่มองเห็นเขาก็รู้ว่าเขาเป็นกระบือดำที่ไม่มีอะไรดีตัวหนึ่ง การที่เขาเผยให้เห็นถึงอากัปกิริยาเช่นนี้ออกมา ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้เห็นเป็นครั้งแรก ส่งผลให้พวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวงรู้สึกตระหนกในใจ

“บ้านเกิดของผู้อวุโสอยู่ที่ใดกันเล่า?” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับเอ่ยถามขึ้นเบาๆ

ความจริงแล้ว ราชันแท้จริงเซิ่นซวงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในประวัติความเป็นมาของกระบือดำขนาดใหญ่ยิ่งนัก แม้ว่ากระบือดำขนาดใหญ่จะรั้งอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์มานานมาก ในความทรงจำของผู้คนจำนวนมากเขาอยู่ที่นั่นตลอดมา

ทว่า เขาก็ไม่เหมือนเป็นบรรพบุรุษของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ฐานะของเขาพิเศษมาก และแปลกมาก

ไม่ทราบกี่ปีผ่านไป ไม่มีใครทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกระบือดำขนาดใหญ่ และไม่มีใครบอกได้อย่างชัดเจนถึงฐานะของเขา

เวลานี้กระบือดำขนาดใหญ่กลับเอ่ยถึงบ้านเกิดของตนเอง ซึ่งทำให้ภายในใจของราชันแท้จริงเซิ่นซวงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น บ้านเกิดของกระบือดำขนาดใหญ่อยู่สถานที่ลักษณะเช่นใดกันนะ?

“นานเกินไป ลืมไปแล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่ส่ายหน้าเบาๆ สายตาจ้องไปยังที่ที่ห่างไกล เหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่

หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารู้อะไรบางอย่าง เพียงแต่กระบือดำขนาดใหญ่เลือกที่จะไม่หวนคิดถึงบางสิ่งเท่านั้นเอง

ท่าทางของกระบือดำขนาดใหญ่ทำให้บรรยากาศกลายเป็นไม่ธรรมดา ทุกคนต่างอยู่ในความสงบ ไม่มีใครต้องการไปทำให้การครุ่นคิดของกระบือดำขนาดใหญ่ต้องตกใจตื่นขึ้นมา

ตูม ตูม ตูมในเวลานี้เอง ผืนแผ่นดินสะเทือนหวั่นไหวทีหนึ่ง พลันทำให้ทุกคนตกใจตื่นจากความนิ่งเงียบในทันที

ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว ดินแตกกระจาย เมื่อทุกคนมองตามไป เห็นเพียงใต้พื้นดินมีบางสิ่งมุดออกมาจากใต้พื้นดิน กระโดดขึ้นมาโดยพลัน

เมื่อทุกคนมองไป มันคือสัตว์ขนาดยักษ์แต่ละตัวที่กระโดดขึ้นมาจากใต้ดิน

บรรดาสัตว์ยักษ์เหล่านี้ที่กระโดดขึ้นมาจากใต้ดินมีรูปลักษณ์ต่างๆ กันไป มีมารวานรทีสูงใหญ่ยากจะหาใดเทียม มีพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มุทะลุดุดันยิ่ง และมีงูบาเช่ที่ลำตัวทั้งหนาและยาว…

หลังจากที่สัตว์ยักษ์แต่ละตัวออกมาจากใต้พื้นดินแล้ว พลันส่งผลให้ฟ้าดินเต็มไปด้วยกลิ่นอายสัตว์

เพียงแต่สัตว์ยักษ์แต่ละตัวเหล่านี้หาใช่สัตว์ดึกดำบรรพ์อะไร แต่เป็นสัตว์ยักษ์แต่ละตัวที่เกิดจากหินผา หินแร่เท่านั้นเอง

โฮ่วว…พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์หินผาหลังจากออกมาจากใต้พื้นดินแล้ว ส่งเสียงคำรามเสียงดังทีหนึ่ง เสียงคำรามของเสือดังก้องทั่วฟ้าดิน

มารวานรที่เสมือนดั่งผลึกหินทั้งตัวหลังจากขึ้นมาได้แล้ว ก็ทุบอกของตนดังปัง ปัง ปัง ทุบจนฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลง

เสียงปัง…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง งูบาเช่ที่เกิดจากชีพจรแร่ตัวนั้นได้ใช้หางของตนตีกับพื้นดินอย่างแรง ทุบจนพื้นดินคงไว้ซึ่งหลุมลึกหลุมหนึ่ง

……

ขณะมองดูสัตว์ยักษ์แต่ละตัวที่คลานออกมาจากใต้พื้นดินได้สร้างความตระหนกตกใจแก่ผู้คนเป็นอย่างยิ่ง เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นสัตว์ดุร้ายที่เกิดจากหินผา ดิน และชีพจรสินแร่

แต่ว่า เมื่อทุกคนมองดูอย่างละเอียดก็จะพบเงื่อนงำอะไรบางอย่าง บนตัวของสัตว์ยักษ์เหล่านี้ปรากฏประกายแสงวูบวาบ บนตัวของพวกมันมีลวดลายเต๋า และตลบอบอวลไปด้วยพลังของปฐมบรรพบุรุษ

“นี่ นี่หาใช่สัตว์ยักษ์ที่มีชีวิต พวกมันไม่ได้เกิดขึ้นจากฟ้าดิน แต่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งอาศัยพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรบงการพวกมัน” ราชันแท้จริงหวงจุนพึมพำขึ้นมาขณะมองดูสัตว์ยักษ์เหล่านี้

“เรื่องนี้ทำให้ข้านึกถึงระดับปฐมบรรพบุรุษที่เป็นบุคคลเปี่ยมด้วยความเป็นตำนานผู้หนึ่ง” ฮุ่ยชิงเสวียนอดที่จะกล่าวด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้มขณะมองดูสัตว์ยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้

“ปฐมบรรพบุรุษทงเสิน…” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็นึกถึงบุคคลทึ่เป็นตำนานผู้นี้ และหลุดปากเรียกชื่อคนผู้นี้ออกมา

“เขานั่นแหละ” นางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซาน ฮุ่ยสิงซานเหมือนคิดอะไรได้

ตูม ตูม ตูมในเวลานี้ บรรดาสัตว์ยักษ์เหล่านี้ได้เปิดฉากโจมตีต่อเรือปราบปรามไกล ก้อนหินแต่ละลูกที่มีขนาดยักษ์ได้ระดมยิงใส่เรือปราบปรามไกลเหมือนลูกระเบิดอย่างนั้น ขณะพุ่งชนเข้ากับเรือปราบปรามไกลนั้น ทำเอาเรือปราบปรามไกลสั่นไหวโคลงแคลงขึ้นมา

ปัง…ปัง…ปัง…เสียงโจมตีอย่างหนักแต่ละเสียงดังขึ้น ในเวลานี้เอง กองทัพแต่ละกองทัพได้ลงมาจากเรือปราบปรามไกลแล้ว

หลังจากที่กองทัพแต่ละกองทัพลงมาแล้ว พวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวงไม่รู้สึกว่าพวกมันแปลกหน้าแม้แต่น้อย มันก็คือกองทัพทหารอเวจีและละกองทัพที่เคยปรากฏตัวขณะเรียกวิญญาณ ภายในเบ้าตาของทหารอเวจีล้วนมีประกายแสงที่แวบวับ มันคือไฟชั่วร้ายนั่นเอง

ฮืออ…สัตว์ยักษ์ศิลาเหล่านี้ส่งเสียงร้องคำรามทีหนึ่ง บุกเข้าสังหารต่อทหารอเวจีเหล่านั้น

ตึง ตึง ตึงเสียงอาวุธออกจากฝักดังขึ้น ทหารอเวจีทั้งหมดก็เข้ารับการโจมตีจากสัตว์ยักษ์ที่ พวกมันไม่มีเสียงคำรามเสียงดัง แต่ว่า ทหารอเวจีทุกคนได้เปล่งกลิ่นอายฆ่าที่ทำให้ผู้คนต้องสั่นเทาดั่งลูกนก

เสียงปัง ปัง ปังดังขึ้น ท่ามกลางเสียงฆ่าฟันเป็นระลอก ทั่วฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลงขึ้นมา

“บรรพบุรุษเจ้า วิญญาณยังไม่ยอมไปไหนจริงๆ” กระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับพึมพำขึ้นมา เมื่อเห็นพวกทหารอเวจีและสัตว์ศิลายักษ์ฆ่าฟันกัน

“มีคนที่ตายแล้วนอนตาไม่หลับ จิตที่ยึดติดยังคงอยู่” พวกของไท่เสวียนฟงต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้แล้ว

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด