Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3081 ปฐมบรรพบุรุษทงเสิน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3081 ปฐมบรรพบุรุษทงเสิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3081 ปฐมบรรพบุรุษทงเสิน

ตูม ตูม ตูมในเวลานี้ฟ้าถล่มดินทลาย เสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย

ในเวลานี้เอง กองทัพทหารอเวจีได้ตะลุมบอนฆ่าฟันเข้าด้วยกน ฉีกผืนแผ่นดินจนแตกร้าว ยิงถล่มท้องฟ้าจนทะลุ ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอย่างดุเดือด นับว่าเป็นอะไรที่ทารุณโหดร้ายอย่างยิ่ง

แม้จะกล่าวว่า กองทัพสัตว์ยักษ์หาใช่เป็นสัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตตัวเป็นๆ พวกมันถูกหลอมกลั่นสร้างขึ้นมาจากหิน และแร่ธาตุวิเศษ แต่ว่า ยามที่พวกมันคำรามด้วยความโกรธ ปรากฏกลิ่นอายสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ไพศาล เปี่ยมด้วยความเป็นสัตว์ป่าที่ไม่มีสิ้นสุด ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกมันก็คือสัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์ตัวเป็นๆ ที่มีชีวิตนั่นเอง

เปรียบเทียบกับกองทัพสัตว์ยักษ์ที่ร้องคำรามด้วยความโกรธ กองทัพทหารอเวจีกลับปราศจากซุ่มเสียงใดๆ ทหารอเวจีทุกตัวเสมือนดั่งวิญญาณอย่างนั้น ทวนยาวในมือประดุจดั่งอสรพิษที่อยู่ท่ามกลางเงามืด พลันที่ลงมือก็เป็นการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตต่อสัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์

ขณะนี้ กองทัพทหารอเวจี และกองทัพสัตว์ยักษ์เข่นฆ่าซึ่งกันและกันเคี้ยวกันไม่ลง ทั้งสองฝ่ายต่างมีข้อได้เปรียบที่แข็งแกร่งของตน

แม้ว่ากองทัพสัตว์ยักษ์จะมีจำนวนไม่เท่ากับกองทัพทหารอเวจี แต่ว่า สัตว์ยักษ์ทุกตัวล้วนสูงใหญ่กว่าทหารอเวจีไม่รู้เท่าไร หนึ่งฝ่ามือของสัตว์ยักษ์ที่ฟาดฟันลงมา ก็สามารถจัดการตบทหารอเวจีนับร้อยนับพันกลายเป็นเนื้อบดในพริบตาเดียว

กองทัพทหารอเวจีนอกเหนือจากมีจำนวนคนมากว่ากองทัพสัตว์ยักษ์แล้ว การร่วมมือของพวกมันเข้าขารู้ใจกันยิ่งนัก ไปมาไร้เสียงและเคลื่อนที่ไปมาระหว่างด้านล่างของสัตว์ยักษ์ พร้อมจะโจมตีครั้งเดียวถึงแก่ชีวิตกับสัตว์ยักษ์ได้ทุกเวลา

เสียงปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง มองเห็นสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่งยกเท้ากระทืบเหยียบลงมานั้น พลันจัดการเหยียบทหารอเวจีหลายร้อยคนจนเละเป็นเนื้อบด

แต่ว่า เมื่อสัตว์ยักษ์ตัวนี้เพิ่งจะยกเท้าเคลื่อนออกไป บรรดาทหารอเวจีที่ถูกกระทืบจนกลายเป็นเนื้อบดปรากฏเสียงตูมดังขึ้น ร่างกายของพวกมันพลันมีไฟชั่วร้ายแลบออกมา ไฟชั่วร้ายพลันจุดร่างกายของพวกมันจนสว่างไปทั่วร่าง ได้ยินเสียงกระดูกประติดปะต่อเข้าด้วยกันดังคร๊ากกก คร๊ากกกขึ้นมา เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเอง ภายใต้การกลอมกลั่นของไฟชั่วร้าย บรรดาทหารอเวจีที่ถูกกระทืบจนกลายเป็นเนื้อบดก็ได้กลับเป็นปรกติเหมือนเดิมทุกประการ พวกมันได้ปีนขึ้นไปบนตัวสัตว์ยักษ์ดุจสายฟ้าแลบ

เสียงแตกละเอียดดังคร๊ากกกขึ้นมา ในเวลานี้เห็นทหารอเวจีหลายสิบคนจัดการทุบหัวของสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่งจนแหลกละเอียด เศษชิ้นส่วนของหินร่วงกระจายเต็มพื้น

แต่ว่า บรรดาเศษหินที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นเหล่านี้ปรากฏประกายของอักขระยันต์แวบวับ จากนั้นเศษชิ้นส่วนทั้งหมดล้วนบินขึ้นไป ได้ยินเสียงดังคร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากก เศษชิ้นส่วนทั้งหมดได้ประติดปะต่อเข้าด้วยกัน ส่วนหัวของสัตว์ยักษ์ตัวนี้ก็กลับคืนดังเดิมทุกประการอีกครั้ง

หลังจากที่สัตว์ยักษ์ตัวนี้กลับคืนสภาพปรกติแล้ว พลันหลังมือฟาดกลับไป เสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง ทหารอเวจีหลายสิบคนถูกตบจนลอยออกไป

ปัง ปัง ปังเสียงแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระลอก ในเวลานี้เอง มีสัตว์ยักษ์ที่ถูกทหารอเวจีโจมตีจนแหลกละเอียดไป ขณะเดียวกันก็มีทหารอเวจีที่ถูกสัตว์ยักษ์ฉีกร่างออกเป็นสองท่อน

แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ยักษ์ที่ถูกโจมตีจนแหลกละเอียด หรือทหารอเวจีที่ถูกฉีกร่างเป็นสองท่อน เศษชิ้นส่วนของพวกมันก็จะประติดปะต่อเข้าวด้วยกัน และพลันกลับคืนสู่สภาพปรกติดังเดิมภายในระยะเวลาอันสั้น

แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ยักษ์ที่ถูกโจมตีจนแหลกละเอียด หรือทหารอเวจีที่ถูกฉีกร่างเป็นสองท่อน เศษชิ้นส่วนของพวกมันก็จะประติดปะต่อเข้าวด้วยกัน และพลันกลับคืนสู่สภาพปรกติดังเดิมภายในระยะเวลาอันสั้น

ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านับว่าประหลาดมากเหลือเกิน และน่ากลัวมาก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ยักษ์หรือว่าทหารอเวจีล้วนแล้วแต่ฆ่าไม่ตาย แม้ว่าจะจัดการฝ่ายตรงข้ามจนแหลกละเอียดไป แต่ว่า ฝ่ายตรงข้ามก็จะกลับคืนสู่สภาพปรกติภายในระยะเวลาอันสั้น เป็นที่หวาดผวาของผู้คนยิ่งนัก

สัตว์ยักษ์ลักษณะเช่นนี้ ทหารอเวจีลักษณะเช่นนี้ พวกเขาเสมือนดั่งเป็นสิ่งปราศจากชีวิตที่ฆ่าไม่ตายอย่างนั้น พวกมันล้วนไม่มีวันตายและไม่ล้มลง ต่อให้ถูกจับฉีกจนแหลกละเอียดไป แต่ว่า นาทีต่อไปก็จะกลับมามีสภาพเหมือนเดิมและกลับสู่การสู้รบอีกครั้ง

ภาพที่น่าสยองขวัญเช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในนรกอสูรอย่างนั้น สิ่งปราศจากชีวิตที่แตกต่างกันสองประเภทต่างฝ่ายต่างเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน

“มีเพียงทำลายไฟชั่วร้าย ทำลายลวดลายยันต์ทิ้งจึงสามารถฆ่าทหารอเวจีและสัตว์ยักษ์ได้” ราชันแท้จริงหวงจุนเมื่อเห็นภาพนี้แล้วก็อดรู้สึกหวาดเสียวไม่ได้ การฆ่าฟันแบบนี้ไม่สามารถพบเห็นได้ในโลกมนุษย์

สำหรับผู้คนจำนวนมากแล้วมักจะมองว่า วิธีการแบบนี้คือวิชาชั่วร้ายอย่างหนึ่งเสมอๆ

แน่นอน สิ่งนี้ใช่ว่าจะฆ่าไม่ตายจริงๆ เพียงแต่ ที่คอยให้การสนับสนุนบรรดาสัตว์ยักษ์ และทหารอเวจีเหล่านี้หาใช่ตัวของพวกมันเอง แต่เป็นพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรยิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกมัน

ตูม ตูม ตูมจังหวะที่สัตว์ยักษ์และทหารอเวจีต่างฆ่าฟันซึ่งกันและกันนั้น เรือปราบปรามไกลบนท้องฟ้าได้เคลื่อนที่แล้ว ช่องว่างเกิดการสั่นไหวทีหนึ่ง เรือปราบปรามไกลได้ออกเดินทางต่อไปข้างหน้า โดยไม่สนใจกับสมรภูมิสู้รบที่อยู่ตรงหน้า

หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง นำหน้าติดตามเรือปราบปรามไกลไป พวกราชันแท้จริงเซิ่นซวงต่างมองตากันและกันทีหนึ่งรีบติดตามไป

เรือปราบปรามไกลบินเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวก็แล่นผ่านที่ราบแห่งนี้ไป ปรากฏภูเขาลูกหนึ่งต่อสายตาของทุกคนเมื่อไปถึงสุดทางของที่ราบแห่งนี้

ภูเขาลูกนี้ตั้งตระหง่านอยู่สุดทางของเส้นขอบฟ้า เสมือนดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ตัดขาดโลกทั้งโลก บนยอดเขาของภูเขาลูกนี้ปกคลุมด้วยหิมะขาวสะอาด ปรากฏไอเย็นที่เข้ามาปะทะใบหน้า

บนยอดเขามีเมฆปกคลุมล้อมรอบ เหมือนเทพธิดาที่ปิดบังโฉมหน้าของตนเอาไว้อย่างนั้น ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน

แต่ว่า เวลานี้เรือปราบปรามไกลได้หยุดอยู่ด้านหน้าภูเขา เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง

“ศึกใหญ่กำลังจะเริ่มต้นแล้ว” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ ขณะมองดูภูเขาลูกที่อยู่ด้านหน้า

เสียงฟ่าววดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เอง เหมือนมีลมพายุสายหนึ่งพัดเข้ามา เมฆหมอกที่อยู่บนยอดเขาเหมือนถูกแง้มเปิดขึ้นมุมหนึ่ง คล้ายผ้าแพรบางคลุมหน้าของเทพธิดาถูกแง้มเปิดขึ้นเบาๆ อย่างนั้น

ขณะที่เมฆหมอกถูกแง้มเปิดออกมุมหนึ่งนั้น ท่ามกลางเมฆหมอกปรากฏร่างเงาของคนๆ หนึ่ง คนผู้หนึ่งได้ก้าวลงมาจากยอดเขา

นี่เป็นชายฉกรรจ์ที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง โดยที่ชายฉกรรจ์ผู้นี้มีร่างกายที่กำยำบึกบึน เปรียบเทียบกับบุคคลธรรมดาแล้วสูงกว่าเท่าตัว ช่วงไหล่ของเขากว้างใหญ่มาก ขณะมองจากระยะห่างไกลก็ทำให้รู้สึกได้ว่า เหมือนว่าไหล่ของเขาสามารถแบกโลกขึ้นมาทั้งโลกได้อย่างนั้น

แขนทั้งสองข้างของเขาก็ดูมีขนาดใหญ่ แม้ว่าแขนของเขาจะทิ้งตัวลงเบาๆ แต่ เหมือนว่าขณะที่เขายกแขนขึ้นสองข้างสามารถเก็บเอาดวงดาวบนท้องฟ้าลงมาได้

เมื่อชายฉกรรจ์ที่กำยำเช่นนี้ก้าวเดินออกมา และยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว เหมือนเป็นการขวางทางเดินของทุกคนเอาไว้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถก้าวข้ามจากด้านหน้าของเขาไปอย่างนั้น

ชายยกรรจ์รูปร่างกำยำลักษณะเช่นนี้ไม่ได้แผ่กลิ่นอายปราศจากผู้ต่อกรออกมา แต่ว่า ร่างกายที่กำยำของเขาเหมือนเป็นการอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เมื่อร่างกายของเขายืนขวางอยู่ตรงนั้น ก็สามารถขวางโลกทั้งโลกเอาไว้ ขวางกองกำลังทหารนับหมื่นนับพันเอาไว้ เขาคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร!

‘ปฐมบรรพบุรุษทงเสิน’ ราชันแท้จริงหวงจุนตกใจอย่างยิ่ง เมื่อมองเห็นชายฉกรรจ์ที่มีรูปร่างกำยำสูงใหญ่ผู้นี้

พวกราชันแท้จริงเซิ่นซวงจ้องมองดูอย่างละเอียด ราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็พยักหน้า และกล่าวว่า “ถูกต้อง เป็นปฐมบรรพบุรุษทงเสินจริงๆ!”

ปฐมบรรพบุรุษทงเสินคือระดับปฐมบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งของแดนลัทธิเซียน ตามตำนานเล่าว่าเขาสามารถควบคุมผืนแผ่นดิน แม้จะเป็นเพียงก้อนหินก้อนหนึ่ง หรือดินกำหนึ่งเมื่ออยู่ในมือของเขาแล้ว ก็สามารถกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ในยุคสมัยของเขานั้น เขาเคยเกรียงไกรเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ปราศจากผู้ต่อกร

มาวันนี้ ปฐมบรรพบุรุษทงเสินได้ปรากฏตัวขึ้นที่ตรงนี้ จะไม่ให้ผู้คนต้องตระหนกในใจได้อย่างไรกันเล่า อีกทั้งนี่หาใช่เป็นร่างจำแลงอะไร เป็นร่างแท้จริงของเขา

“เขา เขาตายไปแล้ว” ไท่เสวียนฟงกล่าวด้วยความตกใจ เมื่อมองดูปฐมบรรพบุรุษทงเสินที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด

เมื่อมองดูให้ละเอียดอีกทีก็จะพบว่า ปฐมบรรพบุรุษทงเสินมีความแตกต่างจากบุคคลทั่วไป ร่างกายของปฐมบรรพบุรุษทงเสินหาใช่เป็นร่างที่มีเลือดมีเนื้อ ร่างกายของเขาประกอบขึ้นด้วยหิน แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นสีเทาอ่อนๆ แต่ว่า ดูไปแล้วแกร่งเกินจะทำลายได้ เป็นวัสดุที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

แม้ว่าร่างกายของเขาคือหินที่มีความแกร่งมากที่สุด แต่ว่าเวลานี้เต็มไปด้วยรอยร้าว ร่างกายของเขาเหมือนเป็นกระเบื้องเคลือบที่เต็มไปด้วยลายงา แค่กระทบเบาๆ นิดหนึ่งก็จะแตกละเอียดจนเกลื่อนพื้น

“ตามตำนานเล่าว่า ในครั้งนั้นขณะที่ปฐมบรรพบุรุษทงเสินยังมีร่างกายที่ปรกตินั้น ร่างกายของเขาคือสิ่งแกร่งที่สุดในโลก เขาเคยยืนนิ่งๆ แล้วปล่อยให้เก้ายอดฝีมือในหล้าผลัดกันโจมตี อาศัยอาวุธปฐมบรรพบุรุษหลายชิ้น แต่ว่า ไม่สามารถทำให้ปฐมบรรพบุรุษทงเสินต้องบาดเจ็บแม้แต่น้อย” ราชันแท้จริงหวงจุนรู้สึกตกใจ เมื่อมองเห็นรอยร้าวนับไม่ถ้วนบนตัวของปฐมบรรพบุรุษทงเสิน

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้ผู้คนต้องหวั่นไหวในใจ ลองนึกดู ร่างกายของปฐมบรรพบุรุษทงเสินสามารถรับการโจมตีของอาวุธปฐมบรรพบุรุษได้ แต่ว่า เวลานี้พบว่าร่างก่ายของเขาถูกคนเขาโจมตีจนแตกและตัวเขาได้ตายไปแล้ว

ระดับปฐมบรรพบุรุษองค์หนึ่งกลับมาตายอยู่ที่ตรงนี้ การที่เขายังคงยืนอยู่ที่ตรงนี้ได้นั่นเป็นเพราะความคิดที่ยึดติดของเขายังไม่สลายไป ดังนั้น แม้ว่าเขาได้ตายไปแล้วก็จริง ศพของเขาก็จะคอยขัดขวางทุกสิ่งทุกอย่างที่จะก้าวเข้าไปบนภูเขาลูกนี้

ระดับปฐมบรรพบุรุษองค์หนึ่งกลับมาตายอยู่ที่ตรงนี้ การที่เขายังคงยืนอยู่ที่ตรงนี้ได้นั่นเป็นเพราะความคิดที่ยึดติดของเขายังไม่สลายไป ดังนั้น แม้ว่าเขาได้ตายไปแล้วก็จริง ศพของเขาก็จะคอยขัดขวางทุกสิ่งทุกอย่างที่จะก้าวเข้าไปบนภูเขาลูกนี้

“มันคือของวิเศษเช่นใดกันแน่ ถึงทำให้ระดับปฐมบรรพบุรุษพยายามไปปกป้องสุดชีวิต แม้ว่าได้ตายไปแล้วก็ยังต้องเฝ้าปกป้องต่อไป” ไท่เสวียนฟงถึงกับเงยหน้าขึ้นและมองดูยอดเขาบนท้องฟ้าที่มีเมฆหมอกปกคลุม

ปฐมบรรพบุรุษผู้หนึ่งแม้ตายก็จะเฝ้าอยู่ที่ตรงนี้ ต่อให้ตายไปเป็นพันล้านปีแล้วยังคงไม่ยอมปล่อยวาง ความคิดที่ยึดติดของเขายังคงไม่สลาย และศพของเขายังคงเฝ้าปกป้องอยู่ที่นี่

“ปฐมบรรพบุรุษทงเสินยินดีมอบชีวิตของตนเพื่อเฝ้าปกป้องความหวังให้แดนลัทธิเซียนของพวกเรา” นางฟ้าแห่งเขาหวู่สิงซานฮุ่ยชิงเสวียนพลันเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา และแสดงคารวะต่อปฐมบรรพบุรุษทงเสิน

ภายในใจของพวกราชันแท้จริงหวงจุนก็เต็มไปด้วยจิตคารวะ ต่างทยอยกันถอดหมวกและแสดงคารวะต่อปฐมบรรพบุรุษทงเสิน

เสียงปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง จังหวะนี้เอง ปรากฏม้าศึกกระโดดออกมาจากเรือปราบปรามไกล มีเจ้าอิทธิพลผู้หนึ่งนั่งอยู่บนม้าศึก เจ้าอิทธิพลใช้แส้ม้าเฆี่ยนตีม้า ถือดาบที่ปราศจากผู้ต่อกร

ขณะที่เจ้าอิทธิพลผู้นี้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พลันปรากฏลักษณะที่เป็นอันธพาลดั่งคลื่นยักษ์ เจ้าอิทธิพลอาชาศึกผู้นี้เคยปรากฏตัวขณะเรียกวิญญาณ เขาฟังคำสั่งต่อร่างเงาไฟชั่วร้าย

เอี๊ยดด เอี๊ยดด เอี๊ยดดเสียงรถม้าดังขึ้น ครั้นเจ้าอิทธิพลอาชาศึกผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าแล้วนั้น รถศักดิ์สิทธิ์คันหนึ่งได้แล่นออกจากเรือปราบปรามไกลช้าๆ บนรถศักดิ์สิทธิ์มีฮ่องเต้นั่งอยู่คนหนึ่ง บนตักของเขามีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วางอยู่เล่มหนึ่ง กลิ่นอายฮ่องเต้ยิ่งใหญ่ไพศาล มีท่าทีของมีเพียงข้าเท่านั้นที่ปราศจากผู้ต่อกร

ภายใต้เสียงตูมดังขึ้น เรือทองคำพลันถูกยิงออกมาเสมือนดั่งลูกธนูที่คมกริบ และหยุดอยู่กลางอากาศในพริบตา ในเวลานี้เอง มนุษย์ทองแดงผู้หนึ่งได้ก้าวลงมาจากเรือลำนี้ ร่างกายขนาดใหญ่ของเขาคล้ายเป็นภูเขาลูกหนึ่งอย่างนั้น

เจ้าอิทธิพลอาชาศึก ฮ่องเต้รถศักดิ์สิทธิ์ มนุษย์ทองแดงเรือทองคำ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนตาย บนตัวของพวกเขาไม่มีกลิ่นอายของคนเป็นๆ อีกแล้ว แต่ว่า ดูจากเบ้าตาของพวกเขาสามารถมองเห็นได้ว่า มีไฟชั่วร้ายที่แวบวับอยู่

เจ้าอิทธิพลอาชาศึก ฮ่องเต้รถศักดิ์สิทธิ์ มนุษย์ทองแดงเรือทองคำได้ล้อมวงเข้าไปช้าๆ ทำการล้อมปฐมบรรพบุรุษทงเสินเอาไว้ พวกเขาต้องการอาศัยสามต่อหนึ่งเพื่อสยบปฐมบรรพบุรุษทงเสินเอาไว้

พวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับจ้องตากันและกัน เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว บังเกิดความหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นในใจ

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าอิทธิพลอาชาศึก หรือว่าฮ่องเต้รถศักดิ์สิทธิ์ และหรือมนุษย์ทองแดงเรือทองคำ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคสมัยของตน และมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่า เมื่อเทียบกับพวกเขาที่เป็นราชันแท้จริง คงความอมตะตลอดกาลในวันนี้

แต่กี่ปีผ่านไปแล้ว พวกเขาได้ตายไปแล้ว อีกทั้งยังกลายเป็นหุ่นเชิดของพลังความมืด ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลังเพียงใด

…………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด