Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3089 หงส์เปิดโลก

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3089 หงส์เปิดโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3089 หงส์เปิดโลก

ปฐมบรรพบุรุษอัคคีไม่สะทกสะท้าน แต่กลับทำให้พวกปราชญ์กระบี่นิ่งเงียบ ในเวลานี้พวกเขาล้วนไม่ได้เปิดปาก

“ให้พวกเรามาสิ้นสุดกันได้แล้ว” ปฐมบรรพบุรุษอัคคีกล่าวว่า “จิตที่ยึดติดมาพันล้านปีสมควรสลายไปได้แล้ว หลังจากนี้มาจากไหนก็กลับไปที่นั่น สรรพสิ่งบนโลกล้วนห่างไกลจากพวกเรา”

“ฆ่า…” บรรพบุรุษดาบไคเทียนคำรามเสียงยาวคำหนึ่งตรงๆ มาถึงเพียงก้าวเดียวโดยมีดาบยาวแนบกาย

เสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ดาบยาวได้ฟันใส่ลำคอของปฐมบรรพบุรุษอัคคี ต้องการตัดเอาศีรษะของปฐมบรรพบุรุษอัคคีในหนึ่งดาบ

หนึ่งดาบที่ฟาดฟันลงมา ไปแล้วไปลับ เปิดจุดตายทุกจุดโดยปราศจากการป้องกัน หนึ่งดาบลักษณะเช่นนี้ของบรรพบุรุษดาบไคเทียนเป็นท่าทีของการถูกทำลายไปด้วยกันพร้อมๆ กัน หนึ่งดาบได้ทุ่มเทพลังของเขาทั้งหมดลงไป หนึ่งดาบนี้มีเพียงการสังหารที่เด็ดขาด ไม่เห็นเลือดจะไม่กลับคืนฝัก

ลองนึกภาพดู หนึ่งดาบที่ไม่คำนึงถึงชีวิตของปฐมบรรพบุรุษมันช่างน่ากลัวอะไรอย่างนั้น หนึ่งดาบลักษณะเช่นนี้ไหนเลยเพียงแค่ฟาดฟันดวงดาวและจักรวาลร่วงหล่นลงมา ไหนเลยแค่ตัดขาดหมื่นชาติ หนึ่งดาบที่ฟาดฟันลงมามีเพียงสังหารที่เด็ดขาด หากไม่ใช่ศัตรูตายก็คือข้าม้วย

หนึ่งดาบนี้เปี่ยมด้วยปณิธานที่ไม่อาจลบเลือนของบรรพบุรุษดาบไคเทียน นี่คือปณิธานที่ไปแล้วไปลับ หนึ่งดาบหากไม่สำเร็จก็ต้องพลีชีพ ดังนั้น หนึ่งดาบของบรรพบุรุษดาบไคเทียนที่ฟาดฟันลงมาจึงปราศจากการป้องกัน ด้วยการเปิดจุดตายทั้งหมด พลัง และปณิธานทั้งหมดของเขาล้วนรวมศูนย์อยู่บนหนึ่งดาบที่สังหารเด็ดขาดดาบนี้

เสียงฉึก…เสียงหนึ่งที่แหวกอากาศ ประกายกระบี่แวบวับผ่านไป แม้ว่าหนึ่งดาบสังหารเด็ด่ขาดของบรรพบุรุษดาบไคเทียนจะลงมือนำไปก่อน แต่ว่า พริบตาเดียวที่กระบี่ของปราชญ์กระบี่สำแดงออกไป ความเร็วของเขานั้นรวดเร็วยิ่งกว่า หนึ่งกระบี่ที่โฉบผ่านไป ก้าวล้ำหน้ากาลเวลา ก้าวข้ามอดีตปัจจุบัน หนึ่งกระบี่ที่โฉบผ่าน ขณะที่เฉียดผ่านกาลเวลานั้นได้ฝากรอยแผลกระบี่ที่ไม่สามารถลบเลือนไปได้ตลอดกาล

อานุภาพความน่ากลัวของหนึ่งกระบี่ที่น่าสยองขวัญเช่นนี้โฉบผ่านไป ทำให้ผู้คนถึงกับตัวสั่นดั่งลูกนก รอยแผลกระบี่ลักษณะเช่นนี้ได้สลักเข้าไปในกาลเวลาอย่างลึกซึ้ง และรอยแผลกระบี่จากหนึ่งกระบี่นี้ยังคงไหลรินท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาในพันล้านปีที่ผ่านไป ผู้คนรุ่นหลังก็สามารถมองเห็นรอยแผลกระบี่นี้ได้หลังจากพันล้านปีผ่านไป กระทั่งยังคงถูกรอยแผลจากหนึ่งกระบี่นี้ทำให้บาดเจ็บได้

ท่ามกลางเสียงแหวกอากาศดังฉึก มองเห็นประกายกระบี่ที่โฉบผ่านไป ฉับพลันเสมือนหนึ่งโจมตีจนทะลุผ่านหว่างคิ้วของปฐมบรรพบุรุษอัคคีไป ด้วยหนึ่งกระบี่ที่ยอดเยี่ยมยากจะหาผู้ใดเทียม ปราศจากสิ่งใดที่จะรวดเร็วมากไปกว่ามันอีกแล้ว หนึ่งกระบี่ที่ถึงแก่ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่หลบหลีกหนึ่งกระบี่นี้ไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นของวิเศษที่แข็งแกร่งเช่นใดก็จะถูกหนึ่งกระบี่นี้แทงจนทะลุ

หนึ่งดาบสังหารเด็ดขาด หนึ่งกระบี่ที่มีขีดความสามารถสูงสุด หนึ่งดาบหนึ่งกระบี่เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิต การประสานความร่วมมือเช่นนี้เพียงพอที่จะเกรียงไกรเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ปราศจากผู้ต่อกรเป็นนิรันดร์

ในพริบตาเดียวนั่นเอง เสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง พระจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ของปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่พลันกลายเป็นความเจิดจ้ายิ่งนัก เทียบความเจิดจ้าเมื่อครู่แล้วมากกว่าเท่าตัว นาทีนี้ปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่กลับกลายเป็นแก่หง่อมยิ่งขึ้นกว่าเดิม ผมเผ้าขาวโพลน ร่างกายยังดูหลังค่อมลง

เพื่อกักขังปฐมบรรพบุรุษอัคคีเอาไว้ ปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่ได้นำเลือดวัฒนะทั้งหมดของตนถ่ายทอดเข้าไปในพระจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาหวังจะให้หนึ่งการโจมตีนี้สังหารปฐมบรรพบุรุษอัคคีเสีย

ท่ามกลางเสียงแว้งค์เสียงนี้ แสงจันทร์ได้โปรยปรายลงมา กาลเวลาพลันเสมือนหนึ่งกลายเป็นบ่อโคลนอย่างนั้น ปฐมบรรพบุรุษอัคคีที่ถูกแสงจันทร์ครอบคลุมเอาไว้พลันเสมือนหนึ่งถูกขังอยู่ท่ามกลางบ่อโคลน และกลับกลายเป็นยากที่จะก้าวเท้าไปได้แม้เพียงก้าวเดียว ทุกๆ ความเคลื่อนไหวล้วนกลับกลายเป็นยากเย็นอย่างยิ่ง

กล่าวได้ว่า ปฐมบรรพบุรุษอัคคีนั้นนับว่าแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เมื่อใดที่ถูกพระจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ของปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่พันธนาการกักขังเอาไว้ล่ะก็ เกรงว่าหลังจากนี้ก็จะกลับกลายเป็นภาพวาดภาพหนึ่ง ไม่สามารถหลบหนีออกจากกาลเวลาที่ถูกพันธนาการเอาไว้ได้ กระทั่งจะถูกตรึงอยู่กับที่ตรงนั้นตลอดไป

แม้ว่าแสงจันทร์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะพันธนาการปฐมบรรพบุรุษอัคคีเอาไว้ไม่อยู่ แต่ว่าเป็นความจริงที่ว่า ท่ามกลางบ่อโคลนกาลเวลาลักษณะเช่นนี้สามารถทำให้ปฐมบรรพบุรุษอัคคียากที่จะก้าวเท้าออกไปได้

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ปฐมบรรพบุรุษอัคคีที่ถูกกักขังไว้ท่ามกลางบ่อโคลนกาลเวลากระดิกตัวได้ยากเย็นนัก ขณะที่ดาบและกระบี่ถึงตัว หนึ่งกระบวนท่าสังหารเด็ดขาด เพียงพอที่จะทำให้ต้องถึงแก่ชีวิต หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ด้วยสภาวะที่คับขันเช่นนี้มีเพียงความตายเท่านั้น

แต่ว่า พริบตาเดียวกับความเป็นความตายของปฐมบรรพบุรุษอัคคี เขายังคงไม่สะทกสะท้านอะไรอย่างนั้น ในมือถือเตาหงส์

เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นเสียงหนึ่ง พริบตาเดียวกับความเป็นความตายนั้น เตาหงส์พลันพวยพุ่งไฟชั่วร้ายที่ดั่งคลื่นยักษ์ขึ้นมา ขณะที่ไฟชั่วร้ายจากเตาหงส์พวยพุ่งขึ้นมานั้นก็แตกต่างจากผู้อื่น ไฟชั่วร้ายแฝงไว้ซึ่งแสงมันวาวของโลหะ เปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นมานั้น คล้ายสร้างขึ้นโดยอาศัยดินทองคำหล่อหลอมขึ้นมา เปี่ยมด้วยพลังที่สูงสุด

พลังชั่วร้ายลักษณะเช่นนี้ไม่เพียงสามารถเผาผลาญฟ้าดินจนเกลี้ยงไม่เหลือหลอเท่านั้น อีกทั้งยังจัดการสร้างฟ้าดินขึ้นมาใหม่ในเวลาเดียวกันกับที่เผาผลาญฟ้าดินจนสิ้น นี่คืออานุภาพที่เหลือเชื่ออย่างยิ่ง

จังหวะที่เตาหงส์ได้พวยพุ่งไฟชั่วร้ายไม่มีสิ้นสุดออกมานั้น ได้ยินเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว พลันสะเทือนหวั่นไวต่อสายน้ำแห่งกาลเวลาเป็นนิรันดร์ และในพริบตาเดียวนั่นเอง ได้จัดการเผาผลาญกาลเวลาที่เสมือนดั่งเป็นบ่อโคลนนั้นจนสิ้นไม่หลงเหลืออะไรเลย

มันเสมือนหนึ่งเป็นเทพนิยายเลยอย่างนั้น เผาผลาญกาลเวลาจนเรียบในพริบตาเดียว ทำให้ปฐมบรรพบุรุษอัคคีอยู่ในพื้นที่ที่ว่างเปล่าทันที ไม่อยู่ท่ามกลางผลกรรม ไม่อยู่ในวัฏสงสาร ยิ่งไปกว่านั้นยังปราศจากช่องว่างและเวลา เขาได้กระโดดออกไปจากโลกใบนี้

อิ้วว…เสียงหงส์ที่ร้องคำรณเสียงยาว มองเห็นเตาหงส์ที่กางปีกออกสองข้าง มันได้กลับกลายเป็นหงส์ตัวหนึ่งแล้ว เป็นหงส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าฟ้าดินเสียอีกตัวหนึ่ง

ครั้นหงส์ลักษณะเช่นนี้กางปีกออกสองข้าง จะปรากฎเสียงของช่องว่างที่แตกละเอียดโดยสิ้นเชิงดังคร๊ากกก โดยตัวของหงส์ได้ดันกาลเวลาทั้งหมดจนขาด

ด้วยหงส์ลักษณะเช่นนี้ที่กางปีกแล้วบิน ได้ยินเสียงผงทองที่ใสกังวานไพเราะน่าฟังโปรยปรายลงมา พริบตาเดียวกับจังหวะที่ผงทองโปรยปรายลงมาก็ได้โปรยปรายชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนลงมา ในขณะที่หงส์ได้ฉีกทำลายโลกทั้งโลกนั้น เหมือนว่ามันได้สร้างโลกที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมา และสร้างชีวิตขึ้นมานับไม่ถ้วน

พริบตาเดียวกับหงส์ออกบินนั้น มันเสมือนดั่งมาจากต้นกำเนิดของโลก มันไม่เพียงแต่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งต่างๆ ทุกสิ่งเท่านั้น มันกระทั่งเป็นวัฏสงสารของทุกสิ่งทุกอย่างเช่น กาลเวลา ช่องว่าง ผลกรรม วัฏสงสาร…ต่างๆ เป็นต้น

ขณะที่หงส์ตัวนี้ออกบิน มันเป็นการบ่งบอกถึงการเริ่มต้นของยุคสมัยที่ใหม่ทั้งหมด เป็นการเปิดศักราชใหม่ทั้งหมด เป็นโลกสำหรับปฐมบรรพบุรุษอัคคี และเป็นยุคสมัยที่เป็นของปฐมบรรพบุรุษอัคคี

พลันที่เตาหงส์โจมตีออกไปก็เป็นการทำลายยุคสมัยเก่าลงไป และจัดการหลอมสร้างยุคสมัยที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมาใหม่

ภายใต้หนึ่งกระบวนท่าเท่านั้นก็เป็นการทำลายยุคสมัยเก่ายุคหนึ่ง เปิดยุคสมัยที่ใหม่ทั้งหมด ช่างเป็นสังหารเด็ดขาดที่น่าสยองขวัญอะไรอย่างนั้น

“หงส์เปิดโลก…” พวกของราชันแท้จริงหวงจุนต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว และรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อมองเห็นหนึ่งกระบวนท่าที่สุดยอดในหล้าเช่นนี้ พวกเขาเคยได้ยินว่าปฐมบรรพบุรุษอัคคีมีกระบวนท่าที่เป็นตำนานกระบวนท่านี้ กระบวนท่านี้เคยมีบารมีสยบทั้งยุคสมัยในยุคสมัยของเขา ไม่รู้ว่าผู้ปราศจากผู้ต่อกรจำนวนเท่าไรที่ขวัญหนีดีฝ่าเมื่อได้ยินชื่อของเขา

หงส์เปิดโลก หนึ่งกระบวนท่าที่โจมตีออกมา ในพริบตาเดียวนั่นเองเสมือนดั่งเปิดทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาใหม่ กาลเวลา ช่องว่าง ผลกรรม…ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่มีปฐมบรรพบุรุษอัคคีเป็นผู้บงการ และมีตัวเขาที่หลอมสร้างขึ้นมากับมือเอง

เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ฟ้าดินถูกฉีกขาด หมื่นวิถีถูกหลอมสร้างขึ้นมาใหม่ ภายใต้เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว เลือดสดๆ กระเด็น ขณะที่มีการเก็บงำแสงสว่างนั้น ทุกคนต่างมองเห็นปราชญ์กระบี่ บรรพบุรุษดาบไคเทียน และปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่พวกเขาทั้งสามถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป และล้วนแล้วแต่ได้รับบาดเจ็บที่หนักมาก

ภายใต้หนึ่งการโจมตีลักษณะเช่นนี้กล่าวได้ว่า ครึ่งท่อนบนของบรรพบุรุษดาบไคเทียนเรียกว่าแตกละเอียด การที่เขายังคงสามารถยืนหยัดให้ร่างกายลุกขึ้นยืนได้ ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว

ร่างของปราชญ์กระบี่กระเด็นขนานกับพื้นออกไป เต็มไปด้วยบาดแผลทั่วร่าง ร่างกายของเขาถูกขนของหงส์กวาดผ่านไป ทิ้งบาดแผลจำนวนร้อยพันที่คล้ายบาดแผลจากกระบี่อย่างนั้น ร่างกายของเขาเสมือนหนึ่งถูกฟันด้วยกระบี่นับร้อยนับพันเล่ม หากไม่เป็นเพราะร่องรอยวิถีกระบี่ที่คงอยู่อันเกิดจากการร่ายรำกระบี่แข็งกร้างและพาลอย่างเพียงพอ สามารถต้านการสังหารที่น่ากลัวเช่นนี้เอาไว้ได้ เกรงว่าเขาคงถูกสับจนกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว

อาการบาดเจ็บของบรรพบุรุษดาบไคเทียนหนักที่สุด ร่างกายของเขาถูกปีกของหงส์กวาดถูก พลันทำให้บริเวณหน้าอกกลายเป็นรูเลือดที่น่ากลัวอย่างยิ่ง โดยบริเวณอกแตกละเอียดอย่างสิ้นเชิง

ในบรรดาพวกเขาทั้งสามคนนั้น ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเบาที่สุดก็คือปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่แล้ว แต่ว่า หลังจากที่ปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่ถูกยิงถล่มจนกระเด็นไปแล้วนั้น เขาไอเป็นเลือดออกมาไม่หยุด ร่างกายมีอาการหลังค่อม ตัวเขาในเวลานี้เหมือนไม้ใกล้ฝั่งอย่างนั้น คล้ายกระทั่งยืนยังไม่มั่นคง

ปฐมบรรพบุรุษเสินเยว่ได้สูญเสียเลือดวัฒนะไปมากเกินไปแล้ว ร่างกายของเขาในเวลานี้เกือบจะแห้งตายอยู่แล้ว หากพระจันทร์ศักดิ์สิทธิ์มีการโจมตีอีกครั้ง ต่อให้ปฐมบรรพบุรุษอัคคีไม่สังหารเขา เขาก็ต้องสูญเสียเลือดวัฒนะจนหมดสิ้นและกลายเป็นศพแห้งไป

ภายใต้หนึ่งการโจมตี พวกของปราชญ์กระบี่ทั้งสามคนพ่ายแพ้สิ้นทั้งสามคน แม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะทุ่มเทจนสุดความสามารถแล้วยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปฐมบรรพบุรุษอัคคี นับว่าปฐมบรรพบุรุษอัคคีนั้นแข็งแกร่งมากเหลือเกิน ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดปฐมบรรพบุรุษ เป็นความจริงที่เขาสามารถเกรียงไกรและกวาดสิ้นบรรดาปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนได้ทั้งหมด

“ทุกสิ่งล้วนสลายไปเสีย” พริบตาเดียวที่พวกของปราชญ์กระบี่ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป ปฐมบรรพบุรุษอัคคีได้ลงมืออีกครั้ง เตาหงส์ถูกเปิดออก เปลวเพลิงร้อนแรงพลันพุ่งโจมตีขึ้นมา

ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก ฟ้าดินคำราม ในพริบตาเดียวนั่นเอง เปลวเพลิงร้อนแรงที่พุ่งขึ้นมาเสมือนดั่งเป็นสัตว์ยักษ์ที่สามารถกลืนกินสวรรค์ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากคุกขนาดยักษ์ดึกดำบรรพ์อย่างนั้น ส่งเสียงดังและพุ่งโจมตีเข้ามา เปลวเพลิงร้อนแรงน่ากลัวที่สูงนับล้านล้านจ้าง เสมือนดั่งเป็นคลื่นยักษ์ที่ไม่ขาดสาย ทำลายทุกสิ่งจนพังพินาศย่อยยับในพริบตาเดียว

ตึง…พวกของปราชญ์กระบี่คำรามเสียงยาวเสียงหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญกับเปลวเพลิงร้อนแรงที่พุ่งโจมตีเข้ามา ร่องรอยวิถีกระบี่ที่คงอยู่อันเกิดจากการ่ายรำกระบี่ที่ทอดข้ามไป ประกายดาบดั่งคลื่นยักษ์ หวังต้านเปลวเพลิงร้อนแรงที่มุทะลุดุดันและคำรามเสียงดังเช่นนี้

แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นปราชญ์กระบี่ บรรพบุรุษดาบไคเทียนพวกเขาจะป้องกันอย่างไรก็ตาม ภายใต้เปลวเพลิงร้นแรงที่คำรามเสียงดังแล้ว ล้วนดูจะมีใจแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

“แย่แล้ว…” พวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนไปมากทีเดียวและร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นปราชญ์กระบี่ บรรพบุรุษดาบไคเทียนพวกเขาจะต้องถูกกลืนกินโดยเปลวเพลิงร้อนแรงที่คำรามเสียงดังนั่น พวกเขาต่างรู้ดีว่า ทั้งปราชญ์กระบี่ บรรพบุรุษดาบไคเทียนพวกเขาไม่สามารถต้านกับเปลงเพลิงร้อนแรงที่คำรามเสียงดังนี้เอาไว้ได้ จะต้องถูกเผาไหม้จนหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว

แต่ว่า พวกของราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็ปราศจากความสามารถ ต่อให้พวกเขาบุกเข้าไป และยินดีช่วยเหลือพวกของปราชญ์กระบี่อีกแรงมันก็ไม่มีประโยชน์ ล้วนแล้วแต่ต้องถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลีไปในพริบตาเดียว

พริบตาเดียวในห้วงระหว่างความเป็นความตายนั้น พลันปรากฎเสียงพิณที่ดังขึ้นเป็นระลอกกะทันหัน

เสียงพิณที่ดังเกร๊งค เกร๊งคขึ้นมานั้น เสมือนดั่งไข่มุกน้อยใหญ่ที่ตกลงในจาน เป็นเสียงที่เร่งรีบมาก แต่ก็ใสกังวานอย่างยิ่ง ขณะที่เสียงพิณที่ดังเกร๊งค เกร๊งค เกร๊งคโจมตีเข้ามานั้น เสมือนหนึ่งเป็นคลื่นยักษ์ที่เย็นสบายอย่างยิ่งโหมสาดซัดเข้ามา

จังหวะที่เสียงพิณพุ่งโจมตีเข้ามานั้น ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความเย็นสบายสายนั้น เหมือนมีไอน้ำที่พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า

เนื่องเพราะมีเสียงพิณที่เย็นสบายเช่นนี้พุ่งโจมตีเข้ามา พลันทำลายความร้อนผ่าวที่นำพามาจากเปลวเพลิงร้อนแรงที่ส่งเสียงคำรามเสียงดังโดยพลัน

เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว สุดท้ายคลื่นเสียงของเสียงพิณได้ประทะเข้าด้วยกันอย่างแรงกับเปลวเพลิงที่ส่งเสียงคำรามเสียงดัง ทั้งคู่ได้พุ่งโจมตีขึ้นไปบนท้องฟ้า และยิงโจมตีท้องฟ้าจนกลายเป็นหลุมดำที่น่ากลัวอย่างยิ่งขึ้นมาหลุมหนึ่ง เปลวเพลิงร้อนแรง และเสียงพิณทั้งหมดล้วนแล้วแต่พุ่งโจมตีเข้าไปภายในหลุมดำในพริบตาเดียว และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด