Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3101 ลากแผ่นดิน
ตอนที่ 3101 ลากแผ่นดิน
จากการที่เสียงตึง ตึง ตึงที่ดังขึ้นมา ในเวลานี้บรรดาเหล่าบรรพบุรุษที่ยืนอยู่บนหลังของจอมพลังต่างกำโซ่เหล็กที่ยาวมากอยู่ในมือ
โซ่เหล็กที่อยู่ในมือของบรรดาเหล่าบรรพบุรุษมีขนาดใหญ่โตยิ่งนัก โซ่เหล็กทุกๆ เส้นเกิดจากการนำเหล็กเส้นหลายสิบมัดนำมาบิดถักทอเข้าด้วยกัน ขณะที่เหล็กเส้นแต่ละมัดต้องอาศัยคนหลายสิบคนจึงสามารถอุ้มเอามาได้ กล่าวได้ว่าโซ่เหล็กลักษณะเช่นนี้ ใช้คนหลายสิบคนจับมือกันก็ไม่สามารถโอบได้โดยรอบ
ดังนั้น ด้วยโซ่เหล็กที่มีขนาดยักษ์เช่นนี้เมื่ออยู่ในมือของเหล่าบรรพบุรุษนั้น ผู้คนที่อยู่ข้างๆ ก็สามารถรับรู้ถึงน้ำหนักของโซ่เหล็ก คล้ายเทือกเขาขนาดเขื่องที่ถูกกำไว้ในมืออย่างนั้น
โซ่เหล็กทุกเส้นล้วนสร้างขึ้นด้วยโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่ายิ่ง โซ่เหล็กที่สร้างขึ้นด้วยโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าเช่นนี้มีความแข็งแรงและเหนียวยิ่งนัก สามารถรองรับกำลังในระดับสูงสุดได้
ส่วนหน้าของโซ่เหล็กล้วนมีสมอเรือขนาดยักษ์อยู่ ความใหญ่โตของสมอเรือนั้นสามารถเทียบเคียงกับภูเขาได้ลูกหนึ่ง กล่าวได้ว่าทุกๆ สมอยักษ์ที่พุ่งเจาะเข้ามา สามารถเจาะทะลุได้ลึกหมื่นจ้างเลยทีเดียว
“ลงมือ…” ในเวลานี้เอง ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
เสียงตึง…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ระดับบรรพบุรุษหลายสิบคนลงมือพร้อมกัน สมอยักษ์ในมือของพวกเขาที่ลากโซ่เหล็กไว้ข้างหลังถูกยิงออกไปโดยพลัน
เสียงโซ่เหล็กที่ถูกลากเคลื่อนที่ดังตึง ตึง ตึงก้องไปทั่วฟ้าดิน สะเทือนจนแก้วหูแทบแตก
ลองนึกภาพดู โซ่เหล็กขนาดใหญ่เสมือนดั่งเป็นเทือกเขาจำนวนหลายสิบเส้นถูกยิงออกไปอย่างรุนแรง มันช่างเป็นเรื่องที่อลังการเพียงใด ภาพลักษณะเช่นนี้ดุจดั่งยิงจนท้องฟ้าทะลุอย่างนั้น
ขณะที่โซ่เหล็กหลายสิบเส้นนี้ยิงจากท้องฟ้าผ่านไปนั้น ประดุจดั่งฉากเหล็กที่พลันบดบังท้องฟ้าเอาไว้อย่างนั้น ปิดกั้นท้องฟ้าทั้งหมด กดดันจนผู้คนหอบหายใจไม่สะดวกอยู่บ้าง
เสียงที่พุ่งชนกระทบดังตูม ตูม ตูมขึ้นมา ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง มองเห็นสมอยักษ์ที่ยิงเข้าไปในผืนแผ่นดิน โดยได้ยิงโจมตีใส่ผืนแผ่นดินอย่างแรง ภายในเสี้ยววินาทีนี้ มีภูเขาที่ถูกยิงจนละเอียด มีเทือกเขาที่ถูกยิงจนทะลุทันที และมีทะเลสาบที่ถูกพุ่งชนจนละเอียด…
เศษดินปลิวว่อน ฝุ่นผงเป็นลูกๆ พลันบดบังท้องฟ้าเอาไว้ เหมือนผืนแผ่นดินทั้งผืนถูกยิงจนละเอียดไปแล้วอย่างนั้น โดยเฉพาะเสียงที่แตกละเอียดดังก้องไปทั่วท้องฟ้านั้น ยิ่งสร้างความหวั่นไหวให้กับผู้คน
“กำลังความสามารถของเขาเซียนถงซานนั้นแข็งแกร่งเพียงใด” ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกสั่นเทาขณะมองดูภาพเช่นนี้ ลองนึกภาพดู สมอยักษ์ลักษณะเช่นนี้แต่ละตัวหากยิงไปยังระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิสักแห่งหนึ่งละก็ อย่าบอกว่ามันสามารถทำลายระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิแห่งหนึ่งในพริบตาเดียว อย่างน้อยที่สุดภายใต้การโจมตีลักษณะเช่นนี้ แคว้นเจ้าลัทธิอย่างน้อยหลายสิบแคว้นจะต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว
“เขาเซียนถงซานคือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิขนาดใหญ่ในยุคปัจจุบัน ไหนเลยจะไม่แข็งแกร่งเล่า มันกระทั่งสามารถถูกจัดให้อยู่ในสามอันดับต้น” มีระดับบรรพบุรุษกล่าวขึ้นช้าๆ ด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
เขาเซียนถงซานเป็นสถานที่ที่มีความพิเศษยิ่งนัก มันสามารถถือเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่ง และสามารถนับเป็นแหล่งต้นกำเนิดของเผ่าเซียงถง แต่ว่า มันไม่ใช่ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตามความหมายที่สืบทอดกันมา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของเขาเซียนถงซานคือปริศนาๆ หนึ่ง มันเป็นผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างยิ่ง แต่ว่า ไม่มีผู้ใดทราบว่าที่ตรงนั้นมีต้นกำเนิดสัจธรรมหรือไม่ แต่ทว่าผู้คนบนโลกก็มักจะมองว่ามันเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่งอยู่เสมอๆ
ขณะที่ตัวของเผ่าเซียนถงเองกลับมองว่าเขาเซียนถงซานคือต้นกำเนิดเผ่าเซียนถงของตน หาใช่เป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่ง
ดังนั้น เขาเซียนถงซานคือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่งหรือไม่ ล้วนเป็นปริศนาอย่างหนึ่ง
ไม่ว่าเขาเซียนถงซานจะเป็นต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ๆ หนึ่ง หรือจะเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่ง ความแข็งแกร่งด้านกำลังความสามารถเรียกว่าเกินกว่าจินตนาการของผู้คนมากทีเดียว ลำพังแค่ชาตินี้ก็มีสุดยอดอัจฉริยะบุคคลในหล้า ระดับปฐมบรรพบุรุษปราศจากผู้ต่อกรอย่างพระอาจารย์จินกวง!
เวลานี้ ไม่เพียงแต่กองทัพของพระอาจารย์จินกวงที่ได้มาถึงแล้ว แม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเจ๋อหลงก็ได้มาด้วยตนเอง สิ่งนี้ได้ทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่า เขาเซียนถงซานได้ตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่า จะต้องได้ผืนแผ่นดินผืนนี้ให้จงได้
ครั้นฝุ่นผงทั้งหมดได้จางหายไปแล้ว ทุกคนจึงมองเห็นสภาพบนผืนแผ่นดินได้อย่างชัดเจน สภาพดูยุ่งเหยิงไปหมด โซ่เหล็กหลายสิบเส้นได้จัดการยิงภูเขาแต่ละลูกจนละเอียด ยิงทะเลสาบแต่ละแห่งจนทะลุ
ขณะที่สมอยักษ์หลังจากยิงเข้าไปในผืนแผ่นดินแล้ว บ้างได้ยิงทะลุอยู่กับเทือกเขาเทือกหนึ่ง บ้างยิงทะลุลงไปในพื้นแผ่นดินที่ลึกที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น มันถึงกับยิงทะลุผืนแผ่นดินทั้งผืน โดยที่สมอได้พันธนาการผืนแผ่นดินไว้อย่างแน่นหนา…
“น่าเสียดาย” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างอดที่จะทอดถอนใจขึ้นมา เมื่อมองเห็นผืนแผ่นดินผืนนี้มีแต่ความยุ่งเหยิง สับสนอลหม่านไปสิ้น มีภูเขาจำนวนไม่น้อยถูกยิงจนแตกละเอียด แม่น้ำขาดและร้าว
เนื่องจากผืนแผ่นดินผืนนี้มียาวิเศษสมุนไพรที่อุดมสมบูรณ์ยิ่ง มีสายแร่ที่มากมายและอุดมสมบูรณ์ เวลานี้กลับถูกเขาเซียนถงซานทำลายจนพินาศย่อยยับ
เสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง เวลานี้โซ่เหล็กขนาดเขื่องแต่ละเส้นได้มัดจนแน่น โดยที่โซ่เหล็กแต่ละเส้นได้รัดจนแน่น ขณะที่อีกด้านหนึ่งของโซ่เหล็กแต่ละเส้น ได้คล้องเอาไว้บริเวณไหล่ของสัตว์จอมพลัง
ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากล้วนรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อเห็นภาพนี้แล้ว และพึมพำว่า “เขาเซียนถงซานต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
ความจริงแล้ว นาทีนี้ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่คาดเดาออกแล้วว่า เขาเซียนถงซานต้องการทำอะไรแล้ว
“แบบนี้มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว” มียอดฝีมือกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “เขาเซียนถงซานต้องการลากเอาผืนแผ่นดินผืนนี้กลับไปจริงๆ รึ? นี่ นี่เชื่อได้รึ? สมควรทราบว่านี่เป็นการกระทำของระดับปฐมบรรพบุรุษนะ”
ผู้คนในหล้าต่างก็รู้ว่า การที่จะลากเอาผืนแผ่นดินสักผืนมานั้นเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของระดับปฐมบรรพบุรุษ ทุกยุคทุกสมัยล้วนเคยมีปฐมบรรพบุรุษที่ลากเอาผืนแผ่นดินกลับมา เพื่อสร้างเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตน
“โง่” มีผู้อาวุโสที่มองตาถมึงกับผู้เยาว์ของตน และกล่าวว่า “การกระทำระดับปฐมบรรพบุรุษอะไรของเจ้า พระอาจารย์จินกวงก็คือระดับปฐมบรรพบุรุษมิใช่รึ?”
เมื่อถูกผู้อาวุโสของตนพูดโต้กลับมาเช่นนี้ ทำให้ผู้เยาว์จำนวนมากต่างตะลึงงันนิดหนึ่ง ในเวลานี้ พวกเขาล้วนได้สติกลับมาแล้ว
สิ่งนี้ก็นับว่าถูก พระอาจารย์จินกวงก็คือระดับปฐมบรรพบุรุษ เขาเซียนถงซานของพวกเขานับว่ามีกำลังความสามารถที่จะลากเอาผืนแผ่นดินเช่นนี้กลับไปสักผืน
“พระอาจารย์จินกวงต้องการลากเอาผืนแผ่นดินผืนนี้กลับไปจริงๆ รึ? นี่ต้องการสร้างระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนขึ้นมาแล้วรึ?” ทุกคนต่างเข้าใจได้เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว การที่เขาเซียนถงซานต้องการลากเอาผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้กลับไป ย่อมทำให้ผู้คนอดที่จะคาดเดาไม่ได้
สมควรทราบว่า ระดับปฐมบรรพบุรุษสามท่านในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นปราชญ์อัจฉริยะหลันซู หรือจะเป็นพระอาจารย์จินกวงที่บรรลุมรรคมานานยิ่งกว่า พวกเขาต่างไม่ได้ก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนขึ้นมา
แม้ว่าในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา ก็เคยมีระดับปฐมบรรพบุรุษบางคนไม่ได้ก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตน แต่ว่า มักจะมีปฐมบรรพบุรุษจำนวนมากกว่า เมื่อก้าวถึงระดับหนึ่ง และหรือโอกาสสุกงอมแล้ว ต่างก็ไม่เสียดายที่จะสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจจำนวนมากเพื่อไปก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนขึ้นมาอยู่เสมอๆ
ระดับบรรพบุรุษพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เมื่อคำนวณเรื่องของระยะเวลาแล้ว การที่พระอาจารย์จินกวงจะก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนขึ้น ก็นับว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ได้รับการสนับสนุนจำนวนไม่น้อย พระอาจารย์จินกวงบรรลุมรรคมานานมากแล้ว เวลานี้เขาจะไปก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนเอง ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
แน่นอน หากพระอาจารย์จินกวงได้ทำการก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ ของตนขึ้นแล้ว ย่อมบ่งบอกว่า นับจากนี้เป็นต้นไปพระอาจารย์จินกวงจะไม่ขึ้นอยู่กับเขาเซียนถงซานอีกต่อไป
ซึ่งลักษณะเช่นนี้ก็ประดุจดั่งปราชญ์อัจฉริยะหลันซูอย่างนั้น เขายังไม่ได้ก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนขึ้นมา แม้ว่าเขาจะได้ออกจากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ้งเฉ่าแล้ว ในสายตาของชาวโลกยังคงมองว่า เขาคือศิษย์ของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ้งเฉ่าตลอดไป
ถ้าหากมีสักวัน ปราชญ์อัจฉริยะหลันซูได้ก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนเองขึ้นมาแล้ว เขาก็จะไม่ใช่ศิษย์ของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ้งเฉ่าอีก เขาจะเป็นปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนเอง และสิ้นสุดความสัมพันธ์กับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิโดยสิ้นเชิง
พระอาจารย์จินกวงในเวลานี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากเขาก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนขึ้น เขาก็คือปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตน ไม่อยู่ในฐานะศิษย์ของเขาเซียนถงซานอีกต่อไป
“ข้ายังเข้าใจว่าพระอาจารย์จินกวงต้องก้าวขึ้นแดนลัทธิเซียนแล้วจึงจะก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตน ดูท่าจะเร็วกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้” มีระดับบรรพบุรุษเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ไม่แน่นัก บางทีเวลานี้เขาก็คือระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียนคนหนึ่งอยู่แล้ว เพียงแต่พวกเราไม่รู้เท่านั้นเอง” ระดับบรรพบุรุษอีกคนกลับกล่าวตอบเช่นนี้ขึ้นมา
ผู้คนทั่วหล้าต่างก็ตู้ว่า พระอาจารย์จินกวงคือระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิราชันคนหนึ่งแล้ว ส่วนที่ว่าจะทะลุผ่านไปได้หรือไม่นั้นไม่สามารถทราบได้
ในฐานะที่พระอาจารย์จินกวงเป็นปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิราชันคนหนึ่ง พระอาจารย์จินกวงย่อมมีสิทธิ์ที่จะก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตน เพียงแต่ ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่ก่อตั้งขึ้น จะจัดอยู่ในชั้นของแดนลัทธิราชัน
แน่นอน ขอเพียงพระอาจารย์จินกวงยังอยู่ ทุกอย่างย่อมไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากการที่กำลังความสามารถของเขาเพิ่มขึ้น ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของเขาก็จะเลื่อนสูงขึ้นต่อไปได้ เมื่อใดที่เขาได้กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียนแล้ว ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่เขาก่อตั้งขึ้นก็จะได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นไปยังชั้นแดนลัทธิเซียนได้เช่นเดียวกัน
“ด่านเทียนสงกวานจะยอมให้พวกเขาผ่านไปได้รึ?” เวลานี้มีผู้ที่เงยหน้ามองไปยังด่านเทียนสงกวานแวบหนึ่ง ขณะมองดูโซ่เหล็กแต่ละเส้นที่พันธนาการไปทั่วผืนแผ่นดินอย่างแน่นหนาไว้แล้ว
หากจะกล่าวว่า พระอาจารย์จินกวงต้องการลากจูงเอาผืนแผ่นดินผืนนี้กลับไปยังแดนลัทธิเซียน เพื่อก่อตั้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนจริง ย่อมต้องผ่านด่านเทียนสงกวาน
“หากเป็นในอดีตย่อมหาใช่ปัญหา มาเวลานี้คงพูดยาก” ระดับคงความอมตะตลอดกาลผู้หนึ่งทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “เรื่องราวเช่นนี้ ก็ใช่ว่าไท่อิ๋นสี่จะสามารถตัดสินใจได้คนเดียวอยู่แล้ว”
ทุกคนเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วล้วนสามารถเข้าใจได้
ถ้าหากว่าในสถานการณ์ปรกติ การที่พระอาจารย์จินกวงต้องการชักลากผืนแผ่นดินสักผืนกลับไป ด่านเทียนสงกวานยังคงต้องให้เกียรติเขาอยู่แล้ว
ปัญหาก็คือ เวลานี้ผืนแผ่นดินผืนนี้คือแผ่นดินที่ลอยออกมาจากทะเลปุ๊ตู้ไห่ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนมากมาย ไม่แน่เสมอไปว่าด่านเทียนสงกวานจะยินดีให้ลากผืนแผ่นดินลักษณะเช่นนี้เข้าไปภายในด่านเทียนสงกวาน
“เริ่มได้…” หลังจากที่โซ่เหล็กแต่ละเส้นได้พันธนาการผืนแผ่นดินผืนนี้จนแน่นหนาแล้ว ระดับบรรพบุรุษของเขาเซียนถงซานผู้หนึ่งร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
เสียงปัง ปัง ปังแต่ละเสียงที่ดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง โซ่เหล็กแต่ละเส้นถูกดึงตึงจนแน่นเหมือนกำลังจากขาดอย่างนั้น
เสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง นาทีนี้สัตว์จอมพลังได้ก้าวเท้าออกไปแล้ว เหยียบท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวจนละเอียด พวกมันลากโซ่เหล็กยักษ์แต่ละเส้น พยายามโน้มกายไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ หวังจะลากผืนแผ่นดินทั้งผืนนี้ให้เคลื่อนที่ไป
เสียงตูมดังสนั่น ในขณะที่สัตว์จอมพลังทั้งหมดพยายามอย่างสุดความสามารถน้อมตัวไปข้างหน้านั้น ผืนแผ่นดินผืนนี้ได้สั่นสะเทือนทีหนึ่ง เหมือนถูกลากให้เคลื่อนที่ได้อย่างนั้น แต่ว่า หลังจากนั้นผืนแผ่นดินผืนนี้กลับไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย
“เรื่อง เรื่องนี้ออกจะหนักมากเกินไปแล้วกระมัง” มองดูสัตว์จอมพลังแต่ละตัวที่พยายามโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างเต็มที่แล้ว ก็ยังไม่สามารถลากจูงให้ผืนแผ่นดินผืนนี้เคลื่อนที่ไปได้ ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ
ในเวลานี้เอง ปรากฏลำแสงแต่ละสายที่ลงมา มองเห็นเพียงระดับบรรพบุรุษคนแล้วคนเล่าลงมาจากท้องฟ้า ทันใดนั้นเอง กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ไพศาลไม่มีสิ้นสุดก็ได้ตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน
ระดับบรรพบุรุษแต่ละคนที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรล้วนแผ่พลังที่ครอบคลุมเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินกระจายออกมา เสมือนดั่งสามารถสยบเก้าชั้นฟ้าได้
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ระดับบรรพบุรุษของเขาเซียนถงซานแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีกำลังความสามารถที่ยอดเยี่ยมยากจะเทียบเทียม
หลังจากที่ระดับบรรพบุรุษของเขาเซียนถงซานแต่ละคนลงมาแล้ว ระดับบรรพบุรุษทุกคนต่างกำโซ่เหล็กขนาดใหญ่ในมือจนแน่น
…………………………………………………..
Comments