Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2571 สาวน้อยที่ท่าทางดุร้าย

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2571 สาวน้อยที่ท่าทางดุร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2571 สาวน้อยที่ท่าทางดุร้าย
แรกทีเดียว หลินยี่เสวี่ยยังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่กำลังชมตน ไม่นึกไม่ฝันว่าถึงกับอ้อมกลับมาด่านาง

“เจ้าว่าอะไร เจ้าว่าอะไร ไหนพูดอีกครั้งสิ ลองพูดอีกครั้งสิ” หลินยี่เสวี่ยพลันมีใบหน้าที่แดงก่ำ กระทืบเท้าทีหนึ่ง จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ ท่าทางที่ดุร้ายโหดเหี้ยมเหมือนต้องการจับหลี่ชิเย่กลืนลงท้องเป็นๆ

“ไม่ได้พูดอะไร…” หลี่ชิเย่ทำท่ายักไหล่ทีหนึ่ง และยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ฮึ ฮึ ฮึคาดว่าเจ้าก็คงไม่กล้าพูด” หลินยี่เสวี่ยกล่าวอย่างเคืองๆ ว่า “เจ้า เจ้ากล้าสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ข้า ข้าจะให้เจ้ามีจุดจบที่ไม่ดีแน่” กล่าวพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ท่าทางดูดุร้ายมาก

“เอาล่ะ นังหนูน้อย ข้าไม่มีอารมณ์เป็นเพื่อนเจ้า ไปที่อื่นไป” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว และโบกไม้โบกมือเบาๆ

“ถุย ถุย ถุย…” หลินยี่เสวี่ยพลันมีใบหน้าที่แดงก่ำ กล่าวท่าทีเคืองๆ ต่อหลี่ชิเย่ว่า “หน้าไม่มียางอาย ใครต้องการให้เจ้าอยู่เป็นเพื่อน เจ้าเป็นอะไรกับข้า ใครต้องการให้เจ้ามาเป็นเพื่อน ข้าน่ะไม่ได้สนใจในตัวเจ้าเลย อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง”

“นังหนูน้อย เจ้าคิดไปถึงไหนกัน จินตนาการของเจ้าดูจะมากเหลือเกิน หรือจะบอกว่าเจ้าสนใจข้าอยู่บ้าง” ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้เหลือบมองหลินยี่เสวี่ยทีหนึ่ง ท่าทางดูเจ้าเล่ห์และหัวเราะเบาๆ

“ผาย ผายลมของเจ้า…” หลินยี่เสวี่ยโกรธจัด จ้องมองหลี่ชิเย่อย่างเคืองๆ และกล่าวว่า “เจ้าไม่ปัสสาวะแล้วชโงกหน้าดูเงาตัวเอง สารรูปทุเรศอย่างนี้ ใครเขาสนใจเจ้า…”

คราวนี้นับว่ายั่วโมโหหลินยี่เสวี่ยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว นางนับเป็นสาวงามในเมืองหมิงลั่วเฉิงเลยทีเดียว มีผู้ที่ตามจีบนางมากมาย ถึงกับถูกหลี่ชิเย่ที่เป็นผู้เยาว์ไร้ชื่อไร้เสียงแทะโลม แล้วจะไม่ให้นางจ้องถลึงตาด้วยความโกรธได้อย่างไรเล่า

“ต้องการให้ข้าปัสสาวะให้เจ้าดูเดี๋ยวนี้หรือไม่?” หลี่ชิเย่เอ้อระเหยสบายอารมณ์ หัวเราะและพูดด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ขึ้นมา

“เจ้า…” สีหน้าของหลินยี่เสวี่ยแดงก่ำ จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ พูดอะไรไม่ออกในเวลานี้ นางเป็นผู้ที่มีประสบการณ์เข้าสังคมอ่อนด้อย ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ได้

“ข้า ข้าไม่พูดไร้สาระกับเจ้า” สุดท้ายหลินยี่เสวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แล้วจึงนึกขึ้นมาได้ถึงวัตถุประสงค์ที่ตนมาที่นี่ ส่งเสียงฮึเย็นชาและกล่าวว่า “ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อสั่งสอนเจ้าให้หลากจำ”

“อ้อ สั่งสอนข้าให้หลากจำ?” หลี่ชิเย่ยักไหล่และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เพราะอะไรถึงต้องสั่งสอนข้าให้หลากจำ เจ้ากับข้าเพิ่งรู้จักกันเป็นครั้งแรกกระมัง ไม่เคยมีความแค้นเคืองมาก่อน อีกอย่าง พวกเราก็เพิ่งจะรู้จักกัน”

“ใครใช้ให้เจ้าพูดจ้าเพ้อเจ้อ” หลินยี่เสวี่ยชักสีหน้าขึ้นมาทันที และกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เมื่อกล้าพูดจาเพ้อเจ้อก็ต้องรับผิดชอบในคำพูดของตนเอง และแลกด้วยค่าตอบแทนในคำพูดของตน”

“อย่างนั้นรึ? ข้าเคยพูดอะไรไป ถึงกับมีความรุนแรงเพียงนี้ ถึงกับต้องจ่ายค่าตอบแทน” หลี่ชิเย่ไม่ร้อนรนแม้แต่น้อย กล่าวอย่างเชื่องช้า

ฮึ ฮึ ฮึหลินยี่เสวี่ยหรี่ตาทีหนึ่ง จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ ส่งเสียงฮึเย็นชา และกล่าวว่า “เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ให้พวกขอทานไปปล่อยข่าวลือ!”

“อ๋อ ที่แท้เจ้ามาด้วยเรื่องนี้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ข้าปล่อยข่าวลือตั้งแต่เมื่อไร?”

“ยังจะว่าไม่ใช่ข่าวลืออีก!” หลินยี่เสวี่ยทำตาถมึง สีหน้าบึ้งตึง กล่าวเสียงเย็นชาว่า “เจ้าให้ขอทานไปปล่อยข่าวลือว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงจะพังพินาศย่อยยับแล้ว บอกว่าภัยพิบัติกำลังมาเยือนเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเรา ให้ราษฎรผู้อาศัยอยู่ในเมืองหมิงลั่วเฉิงรีบหนีไป…ฮึ ฮึ ฮึนี่ไม่ใช่ปล่อยข่าวลือแล้วเป็นอะไร!”

ที่แท้หลินยี่เสวี่ยตื่นขึ้นมาแต่เช้าก็ได้ยินข่าวลือเช่นนี้ พลันทำให้นางตกใจไม่น้อย ไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดภายในชั่วข้ามคืนก็มีข่าวลือแพร่กระจายไปทุกถนน และตรอกซอกซอยของเมืองหมิงลั่วเฉิงเช่นนี้ นางสืบเสาะอย่างละเอียดแล้วจึงรู้ถึงต้นกำเนิดที่มาของเรื่องนี้

ด้วยเหตุนี้เอง หลินยี่เสวี่ยจึงได้มาซักไซ้เอาความแต่เช้า

“ข้าพูดความจริงเท่านั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “เรื่องนี้ไม่ถึงขั้นเป็นข่าวลืออะไร หากเจ้าไม่เชื่อก็ให้แล้วกันไปเถอะ”

“ความจริงอะไร!” หลินยี่เสวี่ยจ้องตาถมึงทันที กล่าวเสียงเย็นชาว่า “พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ กรุข่าวสร้างเรื่อง! เมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเราแข็งแกร่งดั่งหินผา ทั่วทั้งเมืองหมิงลั่วเฉิงเจริญรุ่งเรือง การปกครองโปร่งใส มีความสงบสุขทั่วหล้า ราษฎรอยู่ดีมีสุข เมืองหมิงลั่วเฉิงจะล่มสลายได้อย่างไร! เจ้าบังอาจกล้ามาปล่อยข่าวลือ เจ้าหวังผลอะไรกันแน่!”

“นั่นมันก็แค่ตอนนี้เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ

“บอกมา ใครบงการให้เจ้ามา มีแผนการร้ายอะไรที่เปิดเผยไม่ได้” หลินยี่เสวี่ยทำท่าเท้าเอว และกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “รีบสารภาพความจริงมา มิฉะนั้นได้เห็นดีกัน”

“เจ้ามาสอบสวนข้าในนามผู้แทนของเมืองหมิงลั่วเฉิงอย่างนั้นรึ? ” หลี่ชิเย่เหลือบมองหลินยี่เสวี่ยด้วยท่าทางสนใจทีหนึ่ง

“เจ้า…” หลินยี่เสวี่ยพลันสะดุดกับคำพูดของหลี่ชิเย่ นางเป็นเพียงศิษย์สาวคนหนึ่งเท่านั้น ย่อมไม่สามารถเป็นตัวแทนของเมืองหมิงลั่วเฉิงได้ นางจ้องเขม็งท่าทางน่ากลัวไปที่หลี่ชิเย่ เชิดคางทีหนึ่ง หยิ่งยโสนิดๆ และกล่าวว่า “การรักษาความสงบเรียบร้อยของเมืองหมิงลั่วเฉิงเป็นหน้าที่ของทุกคน ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นของพวกเราจะต้องได้ต้อนรับความเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน!”

“พูดได้ดีมากทีเดียว” หลี่ชิเย่ปรบมือให้ทันที ท่าทางเหมือนส่งเสียงเชียร์ขณะดูหนังอย่างนั้น หัวเราะและกล่าวว่า “พูดเรื่องความเจริญรุ่งเรืองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นในเวลานี้ รู้สึกว่าจะฝันไกลไปหน่อย”

“เจ้า เจ้าพูดพร่ำอะไร” หลินยี่เสวี่ยแสดงความไม่พอใจใจหลี่ชิเย่ทันที ส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา และกล่าวว่า “ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นพวกเราเคยเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนลัทธิราชัน อาจารย์ข้าเคยบอกว่า ขอเพียงรักษาเชื้อไฟของเมืองหมิงลั่วเฉิงไม่ให้มอด ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นของพวกเราต้องรุ่งเรืองขึ้นมาได้ การรักษาความสงบของเมืองหมิงลั่วเฉิงอย่างยั่งยืน เป็นหน้าที่ของทุกคน!”

“การมีความฝันนับเป็นเรื่องดีโดยแท้” หลี่ชิเย่มองดูใบหน้าของหลินยี่เสวี่ยที่อ่อนเยาว์แฝงไว้ซึ่งความเข้มงวดและจริงจังแล้ว คราวนี้จึงไม่ได้หัวเราะเยาะหลินยี่เสวี่ย และพยักหน้าด้วยความจริงจัง

ฮึ ฮึ ฮึ…หลินยี่เสวี่ยส่งเสียงฮึเย็นชา และกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เจ้าสารภาพมาตามจริงเวลานี้ยังไม่สาย มิฉะนั้นล่ะก็ ฮึ ฮึหากตกไปอยู่ในมือของอาจารย์ข้า และหรือในมือของจวนลั่วเจ้ารู้สึกแน่ กล้าปล่อยข่าวลือ ทำลายความสงบสุขของเมืองหมิงลั่วเฉิงเป็นโทษมหันต์”

“นังหนูน้อย นี่ไม่ใช่ข่าวลือ” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และมองหน้านางแวบหนึ่ง และกล่าวว่า “ถ้าหากเจ้าคิดจะมีชีวิตอยู่ให้นานกว่านี้ รีบหนีไปเสีย บางทีอาจสามารถรอดชีวิตได้ ถ้าหากแม้แต่ชีวิตก็หาไม่แล้ว เมืองหมิงลั่วเฉิงสงบมั่นคงอะไรของเจ้าก็แค่คำพูดเลื่อนลอย อีกทั้งเมืองหมิงลั่วเฉิงก็จะหายสาบสูญไปอย่างรวดเร็ว”

“เจ้า…” หลินยี่เสวี่ยอดที่จะจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเคืองๆ จากนั้นกระทืบเท้าทีหนึ่ง และกล่าวว่า “เจ้า เจ้าขืนสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ข้าจะสั่งสอนเจ้า”

“สุ่มสี่สุ่มห้าอย่างไรล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย

“ฮึที่เจ้าพูดไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าแล้วคืออะไร?” หลินยี่เสวี่ยส่งเสียงฮึเย็นชาและกล่าวว่า “เมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเรามีกำแพงเมืองสูงตระหง่าน มีการเฝ้าระวังที่เข้มงวด ยังมีจวนลั่วกับนิกายซูสือและสำนักใหญ่ต่างๆ ร่วมกันปกปักรักษา เมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเราจะต้องสงบสุขยาวนานได้แน่ ล่มสลายมาจากไหนกัน!”

ใช่ว่าหลินยี่เสวี่ยมีอคติต่อหลี่ชิเย่อะไร นางอาศัยอยู่ในเมืองหมิงลั่วเฉิงตั้งแต่เล็กจนโต ภายในใจของนางเมืองหมิงลั่วเฉิงก็คือบ้านของนาง ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ของเขาอบรมสั่งสอนนางตั้งแต่เล็กว่าให้รักษาความสงบเรียบร้อยและปลอดภัยให้กับเมืองหมิงลั่วเฉิง ฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองให้กับระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นจนชินหูชินตา และทำให้นางถือเอาการปกป้องเมืองหมิงลั่วเฉิงมาเป็นหน้าที่ของตน

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อนางได้ยินข่าวลือว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงจะล่มสลายพลันนั่งไม่ติด วิ่งแจ้นไปหาหลี่ชิเย่เพื่อยันกัน และต้องการสั่งสอนหลี่ชิเย่

“เชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ช่าง สุดแล้วแต่เจ้าเถอะ” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และกล่าวท่าทีเฉยเมย

“เจ้า…” หลินยี่เสวี่ยพลันถูกท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของหลี่ชิเย่ยั่วโมโหจนจะอกแตก อดจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธไม่ได้ แค้นจนต้องกัดฟัน ส่งเสียงฮึเย็นชาว่า “เจ้า เจ้าเอาแต่สุ่มสี่สุ่มห้าอยู่ตรงนี้ กรุข่าวลือหาเรื่อง นำมาซึ่งสถานการณ์วุ่นวายให้กับเมืองหมิงลั่วเฉิง เจ้า เจ้า เจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้!”

“นำความวุ่นวายให้กับเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเจ้า?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เมื่อครู่เจ้าพูดเองไม่ใช่รึว่า เมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเจ้าแข็งแกร่งไม่สามารถตีแตกได้มิใช่รึ? เมืองหมิงลั่วเฉิงที่แน่นหนาขนาดนี้ถึงกับหวั่นไหวเพียงเพราะข่าวลือแค่คำสองคำ เช่นนั้นแล้วเมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเจ้าออกจะไม่ได้ความแล้วกระมัง เมืองหมิงลั่วเฉิงเช่นนี้แข็งแกร่งไม่สามารถตีแตกได้จริงหรือ? คงไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างกลางอากาศที่สร้างอยู่บนเนินทรายกระมัง แค่คลื่นซัดเข้ามาสักลูกก็ล่มสลายแล้ว”

“เจ้า เจ้า เจ้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้า!” แน่นอนหลินยี่เสวี่ยย่อมเถียงสู้หลี่ชิเย่ไม่ได้ นิ้วมือของนางที่ชี้ไปยังหลี่ชิเย่ถึงกับสั่นเทา นางกล่าวอย่างเคืองๆ ว่า “เจ้า เจ้า เจ้าพูดเหตุผลข้างๆ คูๆ”

“เอาล่ะนังหนู อย่าใส่ความให้กับข้าเลย ข้าว่าในเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเจ้าก็ไม่มีใครถือเอาเรื่องนี้จริงจัง ก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และกล่าวเรียบเฉยว่า “ถ้าหากนี่เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ก็ปล่อยให้มันลอยไปตามลมก็แล้วกัน”

ใบหน้าของหลินยี่เสวี่ยแดงก่ำ ไม่สามารถพูดอะไรออกมาในเวลานี้ เดิมทีนางพกเอาความโกรธเต็มอกต้องการมาซักไซ้เอาความ ไม่นึกไม่ฝันว่ากลับถูกหลี่ชิเย่อาศัยคำพูดไม่กี่คำก็สลายไป ทำให้นางอึ้งพูดอะไรไม่ออก เสมือนหนึ่งนางซัดออกไปหมัดหนึ่งสุดกำลัง แต่หนึ่งหมัดนั้นกลับซัดใส่นุ่นอย่างนั้น

“เจ้า เจ้าเถียงข้างๆ คูๆ” สุดท้าย หลินยี่เสวี่ยกล่าวแบบเคืองๆ

“ทำไมเจ้าจะต้องใส่ใจกับข่าวลือขนาดนี้?” หลี่ชิเย่อดจ้องมองหลินยี่เสวี่ยทีหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย และยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “มีใครในเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเจ้าถือเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังบ้าง? มีใครนำเอามันใส่ใจบ้าง?”

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้หลินยี่เสวี่ยตะลึงงันนิดหนึ่ง นางเองต้องการมาซักไซ้เอาความด้วยความโกรธ แต่ว่า เมื่อนึกดูให้ละเอียดแล้ว ดูเหมือนว่าไม่มีใครถือเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจัง

แม้จะกล่าวว่าข่าวลือดังกล่าวได้แพร่สะพัดไปทั่วทุกแห่งหนของเมืองหมิงลั่วเฉิงแล้ว แต่ว่า กลับไม่มีใครถือเอาเป็นเรื่องจริงจังกับเรื่องนี้ อย่างมากที่สุดก็คือเป็นหัวข้อสนทนาหลังอาหารเท่านั้นเอง

ตรงกันข้ามกับนางผู้นี้ที่เป็นศิษย์ของนิกายซูสือกลับให้ความสำคัญอย่างยิ่ง อดที่จะโกรธจนลุกเป็นฟืนเป็นไฟแจ้นมาซักไซ้เอาความกับหลี่ชิเย่ เวลานี้ถูกหลี่ชิเย่ป้อนคำถามเช่นนี้ นางกลับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

“บางที ภายในส่วนลึกๆ ของจิตใจเจ้าคือเชื่อในเรื่องนี้แล้ว เจ้ารู้สึกว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเจ้าจะต้องพังพินาศย่อยยับไปจริงๆ สักวัน” หลี่ชิเย่มองดูหลินยี่เสวี่ยแล้วอดที่จะยิ้มออกมา และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ภายในใจยิ่งหวาดกลัวจะสูญเสียมากเท่าไรก็จะใส่ใจกับมันมากเท่านั้น แม้เพียงลมพัดใบไม้ไหวเพียงน้อยนิดก็เหมือนดั่งอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันมาก”

“เจ้า เจ้าพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า” ใบหน้าของหลินยี่เสวี่ยแดงก่ำ แต่หาคำพูดอื่นใดมาตอบโต้หลี่ชิเย่ไม่ได้

“ไปเสีย อย่าได้รบกวนข้าแล้ว” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และยิ้มจางๆ ออกมา

“สรุปก็คือ ห้ามเจ้าปล่อยข่าวลือเหล่านี้อีก หยุดแพร่ข่าวเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นล่ะก็ หากข้าได้ยินข่าวลือเหล่านี้อีกล่ะก็น่าดู” สุดท้าย หลินยี่เสวี่ยกระทืบเท้ากับพื้นอย่างแรง หันหลังจากไป

…………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *