Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2581 บดขยี้สังหาร

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2581 บดขยี้สังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2581 บดขยี้สังหาร
หงส์เพลิงเหินฟ้าขึ้นไป เปลวเพลิงร้อนแรงเผาผลาญท้องฟ้า ประกายศักดิ์สิทธิ์เนืองนอง กลิ่นอายราชันแท้จริงตลบอบอวล ภาพเช่นนี้ช่างสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเหลือเกิน

“เคล็ดวิชาราชันแท้จริง อาศัยเคล็ดวิชาราชันแท้จริงเป็นท่าเริ่มต้น…” ผู้บำเพ็ญตนที่ชมอยู่ที่ห่างไกลอดที่จะร้องเสียงแหลมขึ้นมาไม่ได้

“ลงมือด้วยเคล็ดวิชาราชันแท้จริงแล้ว สามารถเอาชนะได้หรือไม่?” แม้แต่ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสที่ได้เห็นเคล็ดวิชาราชันแท้จริงอีกครั้ง อดที่จะรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวในใจไม่ได้

เคล็ดวิชาราชันแท้จริง นี่คือเคล็ดวิชาราชันแท้จริงเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น

นับตั้งแต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเสื่อมลงแล้ว จากการหายวับไปกับตาในพริบตาของสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมาก สุดยอดเคล็ดวิชาที่หายสาบสูญเป็นจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น อาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็หายสาบสูญไปจากโลกมนุษย์ทีละอย่างๆ

ปัจจุบัน เคล็ดวิชาราชันแท้จริงเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น มีเพียงจวนลั่วซึ่งมีกำลังกล้าแข็งที่สุดเป็นผู้ครอบครอง

และต่อให้จวนลั่วได้ครอบครองเคล็ดวิชาราชันแท้จริงเอาไว้ ผู้ที่สามารถฝึกปรือจนสำเร็จก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น หยางถิงอวี่ก็คือผู้ที่ฝึกปรือเคล็ดวิชาราชันแท้จริงได้สำเร็จ และเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เพียงคนเดียว

กล่าวได้ว่า หยางถิงอวี่อาศัยเคล็ดวิชาราชันแท้จริงแขนงนี้ เอาชนะศัตรูมาแล้วไม่รู้เท่าไร และด้วยเหตุนี้เอง อาศัยเคล็ดวิชาราชันแท้จริงแขนงนี้ชิงเอาตำแหน่ง ‘ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง’ ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นมาครอง

แม้ว่าหยางถิงอวี่ก็เป็นระดับเทพแท้จริงชั้นสูง แต่ว่า หากว่ากันด้วยเรื่องพื้นฐานความชำนาญ พลังวัตรที่แข็งแกร่งแล้ว เขาเทียบไม่ได้กับหวูโหย่วเจิ้ง แต่ว่า หวูโหย่วเจิ้งไม่ได้ฝีกปรือเคล็ดวิชาราชันแท้จริงมา ดังนั้น เมื่อหยางถิงอวี่งัดเอาเคล็ดวิชาราชันแท้จริงออกมา หวูโหย่วเจิ้งจึงต้องพ่ายแพ้ทันที ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางถิงอวี่

อิ๊ววว…เสียงหงส์ดังก้องเก้าชั้นฟ้า พริบตาเดียวนั่นเอง หงส์เพลิงกางปีกออกสองข้างเปลวเพลิงดั่งคลื่นยักษ์ที่อาละวาดไปทั่ว

“ไป…” หยางถิงอวี่คำรามเสียงยาว ร่างของเขาได้พวยพุ่งเปลวเพลิงร้อนแรงออกมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย ในพริบตาเดียวนั่นเอง เขากับหงส์เพลิงได้รวมเป็นร่างเดียว ตัวของเขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และพุ่งเข้าหาหลี่ชิเย่

ขณะที่หยางถิงอวี่บินวนเข้ามาถึง พร้อมด้วยเปลวไฟแต่ละลูกที่ไล่หลังกันมา เผาผลาญฟ้าดิน ต้มทะเล ไหม้ตะวันและจันทรา เหมือนว่าสามารถเผาไหม้ได้ทุกสิ่ง โดยเฉพาะขณะเปลวเพลิงทีมาเป็นระลอกไม่ขาดสายแทลงมานั้น เสมือนหนึ่งต้องการกลืนกินหลี่ชิเย่ทั้งตัวโดยสิ้นเชิงอย่างนั้น

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องใจหายใจคว่ำกับสิ่งนี้ เมื่อได้เห็นภาพที่พาลเช่นนี้ ในสายตาของพวกเขามองว่า เคล็ดวิชาราชันแท้จริงของหยางถิงอวี่นับว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว เมื่อไรที่ถูกเปลวเพลิงร้อนแรงจากหงส์เพลิงของเขาท่วมจนจมมิดล่ะก็ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งปานใด ก็ต้องถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีในทันที

“ระวัง…” หลินยี่เสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ถึงกับตกใจยิ่งเมื่อมองเห็นเปลวเพลิงร้อนแรงของหงส์เพลิงได้เทราดลงมา ต้องการกลืนกินหลี่ชิเย่เข้าไป รีบส่งเสียงเตือนหลี่ชิเย่

อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงร้อนแรงของหงส์เพลิงที่เทราดลงมานั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกแม้กระทั่งหนังตา เพียงแค่ยกเท้าขึ้นเท่านั้นเอง และแค่เหยียบลงไปเท่านั้นเอง

เสียงปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ภายใต้เท้าข้างหนึ่งของหลี่ชิเย่ หยางถิงอวี่ที่เดิมบินเข้ามาพลันถูกเหยียบให้อยู่ใต้เท้าในทันที

ไม่ว่าหยางถิงอวี่จะมีเปลวเพลิงร้อนแรงที่ดั่งคลื่นยักษ์อย่างไร ไม่ว่าหยางถิงอวี่จะหงส์เหินเก้าชั้นฟ้าเช่นใด แต่ทว่า เมื่อเท้าข้างเดียวของหลี่ชิเย่ที่เหยียบลงมานั้น ก็ถูกหลี่ชิเย่เหยียบเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าทันที

ในเวลานี้ แม้ว่าหยางถิงอวี่ที่รวมร่างเป็นร่างเดียวกันกับหงส์เพลงแล้วนั้น เมื่อถูกหลี่ชิเย่ใช้เท้าเหยียลงมาก็เป็นได้แค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะมีฝีมือเพียงใดก็ตาม มีวิธีการยิ่งใหญ่เช่นใด ล้วนแล้วแต่ถูกเหยียบเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าอย่างง่ายดาย

อิ๊ววว…ขณะที่หยางถิงอวี่ถูกเหยียบเอาไว้ใต้ฝ่าเท้านั้น หงส์เพลิงคำรณเสียงยาวหวังโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เปลวเพลิงสว่างไสวขึ้นมา หวังเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นการดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายของหงส์เพลิง

แต่ว่า ภายใต้ฝ่าเท้าของหลี่ชิเย่ ต่อให้เป็นหงส์เพลิงจริงๆ ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหงส์เพลิงปลอมๆ

ดังนั้น หลี่ชิเย่เพียงเพิ่มกำลังไปนิดหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงดังปังขึ้นมา หงส์เพลิงที่มีเปลงเพลิงร้อนแรงพลันถูกหลี่ชิเย่บดขยี้ทำลายจนกลายเป็นควันดำ

หงส์เพลิงที่มีเปลงเพลิงร้อนแรงดั่งคลื่นยักษ์ตัวนี้ขณะอยู่ใต้ฝ่าเท้าหลี่ชิเย่นั้น เสมือนดั่งเป็นเชื้อไฟเล็กๆ สายหนึ่งเท่านั้นเอง เพียงเท้าของหลี่ชิเย่บดขยี้ไปเบาๆ ก็บดขยี้สังหารมันได้แล้ว

และเท้าของหลี่ชิเย่เพียงเพิ่มแรงลงไปอีกนิดหนึ่ง ได้ยินเสียงดังคร๊ากกกเสียงหนึ่ง และเสียงปุเสียงหนึ่ง หยางถิงอวี่กระอักเลือดออกมาอย่างแรง หน้าอกของเขาพลันถูกหลี่ชิเย่เหยียบจนละเอียด

อ๊ากกก…หยางถิงอวี่ร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อหน้าอกถูกเหยียบจนละเอียดทันที

ในเวลานี้ เหมือนเวลาถูกหยุดอยู่ตรงนั้น ปากของทุกคนหุบไม่ลง สำหรับคนที่อ้าปากเสียกว้างนั่น เพียงพอที่จะยัดไข่ห่านเข้าไปได้ฟองหนึ่ง

ความคิดของศิษย์ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นทั้งหมดนั้น เคล็ดวิชาราชันแท้จริงคือเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุด เป็นสุดยอดเคล็ดวิชาที่สูงส่ง ปราศจากผู้เทียบเทียม

กี่ครั้งแล้ว ขณะที่หยางถิงอวี่สำแดงเคล็ดวิชาราชันแท้จริงออกมา ก็เป็นการบ่งบอกว่าหยางถิงอวี่จะต้อวเป็นฝ่ายชนะแล้ว กล่าวได้ว่า ทุกครั้งที่หยางถิงอวี่ต่อสู้ชี้ยขาดกับศัตรูนั้น พลันที่เขาสำแดงเคล็ดวิชาราชันแท้จริงออกมา ทุกคนก็รู้แล้วว่า หยางถิงอวี่ชนะแล้ว

แต่ว่า นาทีนี้เมื่อหยางถิงอวี่สำแดงเคล็ดวิชาราชันแท้จริงออกมา ไม่เพียงจะไม่ชนะ เคล็ดวิชาราชันแท้จริงของเขาช่วยอะไรไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

ที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือ แม้ว่าจะสำแดงเคล็ดวิชาราชันแท้จริงออกมาแล้วก็ตาม หยางถิงอวี่ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของหลี่ชิเย่ก็เป็นได้เพียงมดปลวกเท่านั้น

จังหวะที่หงส์เพลิงของเคล็ดวิชาราชันแท้จริงกำลังพยายามดิ้นรนนั้น ไม่ว่าเปลวเพลิงร้อนแรงของมันจะสูงดั่งคลื่นยักษ์อย่างไร เมื่ออยู่ใต้ฝ่าเท้าของหลี่ชิเย่แล้วก็คล้ายดั่งเชื้อไฟเล็กๆ อย่างนั้น

ในเวลานี้ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกสยบเอาไว้ ทุกคนต่างอ้าปากกว้าง และไม่สามารถพูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน

เคล็ดวิชาราชันแท้จริงนะเนี่ย นี่คือเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่ง ปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นพวกเขาแล้ว ยิ่งกว่านั้น มันยังถูกสำแดงออกมาโดยยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่แข้งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นพวกเขา

กล่าวได้ว่า พลังต่อสู้เช่นนี้ปราศจากผู่ต่อกรในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น ปราศจากผู้เทียบเทียม ไม่วาใครก็ต้านกระบวนท่านี้ไม่ได้

หวูโหย่วเจิ้งก็คือตัวอย่าง พลังวัตรของเขาที่ช่างแข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น แต่ว่า เมื่อเคล็ดวิชาราชันแท้จริงถูกสำแดงขึ้นมา แค่ปรากฏตัวหวูโหย่วเจิ้งก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถต้านได้กับเคล็ดวิชาราชันแท้จริงอยู่แล้ว

เวลานี้เคล็ดวิชาราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งมากที่สุดของพวกเขา ถึงกับเหมือนเช่นเชื้อไฟเล็กๆ เท่านั้นและถูกทำลาย ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น

ก่อนหน้านี้ หลี่ชิเย่เคยทำให้พวกเขาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อมาแล้ว จากหนึ่งกระบี่สังหารทหารเป็นเบือ พวกเขามองว่า พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือมันน่ากลัวเหลือเกิน ปณิธานแข็งกร้าวเหลือเกิน

เวลานี้หลี่ชิเย่แค่ยกเท้าก็บดขยี้ทำลายเคล็ดวิชาราชันแท้จริงของพวกเขา พลันทำให้พวกเขาสิ้นหวังในทันที เคล็ดวิชาราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุด ปราศจากผู้ต่อกรที่สุด มันก็แค่เชื้อไฟเล็กๆ เท่านั้นภายใต้ฝ่าเท้าของหลี่ชิเย่

ดังนั้น ขณะที่หลี่ชิเย่อาศัยเท้าเดียวบดขยี้ทำลายหงส์เพลิงอย่างง่ายดายนั้น ไม่เพียงบดขยี้ทำลายเคล็ดวิชาราชันแท้จริงเท่านั้น ยังบดขยี้ทำลายความหยิ่งในศักดิ์ศรีของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น บดขยี้ทำลายความเชื่อมั่นในตนเองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของพวกเขาก็เหมือนเช่นหงส์เพลิงตัวนั้น ถูกหลี่ชิเย่บดขยี้เบาๆ ก็แตกละเอยดจนเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด

เวลานี้อารมณ์ของผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นพลันตกลงต่ำสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในเวลานี้เอง พวกเขาจึงได้รู้ว่ามีความสิ้นหวังอย่างหนึ่งมีชื่อว่า ซีดและอ่อนแรง

ในเวลานี้ พวกเขาต่างแหงนหน้ามองหลี่ชิเย่ แม้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้สูงใหญ่อะไรเป็นพิเศษ แต่เมื่อทุกคนแหงานหน้ามองหลี่ชิเย่แล้วนั้น หลี่ชิเย่คล้ายเป็นมนุษย์ยักษ์ที่ศีรษะค้ำยันท้องฟ้าเท้าเหยียบผืนแผ่นดิน ขณะที่พวกเขา เป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าหลี่ชิเย่ ช่างไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ช่างต่ำต้อยอะไรอย่างนั้น

เวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เหมือนลูกบอลที่ถูกปล่อยลม ทิ้งตัวนั่งกับพื้น สมองมีแต่ความว่างเปล่า ไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้เป็นเวลานาน

ลองนึกภาพดู เคล็ดวิชาราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดของ ปราศจากผู้ต่อกรที่สุดของพวกเขา เมื่ออยู่ใต้เท้าของหลี่ชิเย่แล้วก็เป็นได้แค่เชื้อไฟเล็กๆ เท่านั้นเอง เช่นนั้นแล้ว พวกเขาที่ไม่มีสิทธิ์ได้ฝึกปรือเคล็ดวิชาราชันแท้จริงนับเป็นอะไรได้?

พวกเขาฝึกปรือเคล็ดวิชาด้วยความยากลำบาก ฝึกสัจธรรมด้วยความยากลำบากมาแล้วยังจะมีความหมายอะไร ฝึกหนักมาชั่วชีวิต ยังคงเป็นได้แค่มดปลวกตัวหนึ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของผู้อื่นเท่านั้น

ในเวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่สิ้นหวังแล้ว สภาพจิตพลันตกลงไปถึงจุดต่ำสุดของชีวิต

หากจะกล่าวว่าหนี่งกระบี่ของหลี่ชิเย่สังหารเป็นเบือเมื่อครู่ จะกลายเป็นเงาทมิฬในใจของพวกเขาไปชั่วชีวิต เช่นนั้นล่ะก็ หนึ่งเท้าที่บดขยี้ทำลายเคล็ดวิชาราชันแท้จริงของหลี่ชิเย่ ก็คือฝันร้ายชั่วชีวิตของพวกเขา พวกเขาจะต้องตกใจตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายนี้ทุกๆ ยามค่ำคืน

เงียบสงัดไปทั่วเมืองหมิงลั่วเฉิง เมื่อเท้าข้างหนึ่งของหลี่ชิเย่เหยียบบนอกของหยางถิงอวี่ ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ อ่อนระทวยและสั่นเทาไปทั้งตัว

“พูดเตือนดีๆ กลับไม่ยอมฟัง” หลี่ชิเย่มองดูหยางถิงอวี่ทีหนึ่งด้วยท่าทีเรียบเฉย และกล่าวเรียบๆ ว่า “คนบางคนไม่มีวิธีอื่นจริงๆ ต้องเห็นโลงศพก่อนแล้วค่อยหลั่งน้ำตา”

“เจ้าฆ่าข้าเสียสิ…” หยางถิงอวี่กัดฟัน ร้องเสียงดังว่า “หากข้าส่งเสียงออกมาก็ไม่ใช่คน เป็นลูกสุนัข!”

หยางถิงอวี่ดูจะมีความหยิ่งทระนงอยู่บ้าง เมื่อพ่ายแพ้ต่อหลี่ชิเย่แล้วเขาก็ไม่ขอให้ละเว้นตน กลับพูดเสียงเข้มให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ตั้งใจจะไปตาย

“ไม่ ฆ่าเจ้าไปแล้วก็ไม่ได้เพิ่มตวามโหดให้กับข้าได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ข้าจะไว้ชีวิตให้กับเจ้าอยู่แล้ว จะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตไปจากอยู่แล้ว”

ทุกคนต่างตะลึงกับสิ่งนี้ เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ บางคนยังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่พูดล้อกันเล่น

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ยกขึ้นเตะไปตามอารมณ์ จัดการเตะหยางถิงอวี่ไปอยู่ข้างๆ

ไม่ง่ายนักกว่าหยางถิงอวี่ที่มีเลือดสดไหลรินลงมาจะลุกขึ้นมาได้ เขามองดูหลี่ชิเย่แทบไม่อยากเชื่อ เขาได้ทำใจเดินไปสู่ความตายแล้ว ไม่นึกเลยว่าหลี่ชิเย่ถึงกับปล่อยเขาไว้ชีวิตให้กับเขา

ทุกคนต่างมองดูภาพนี้ด้วยความตะลึง ไม่อยากจะเชื่อว่าหลี่ชิเย่จะไว้ชีวิตหยางถิงอวี่เช่นนี้จริงๆ มันคือความฝันชัดๆ

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะอะไรข้าถึงไม่สังหารเจ้า?” หลี่ชิเย่มองดูหยางถิงอวี่ที่กำลังตะลึงงันทีหนึ่ง ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ของมู่เจี้ยน ถ้าเช่นนั้นก็ดี ฝากคำพูดไปคำหนึ่งก็คือ คนโหดอันดับหนึ่งที่ฆ่ามู่เส้าเฉิน น้องชายของเขา รอเขาอยู่ที่นี่ ข้าขี้คร้านจะไปที่ตระกูลมู่สักครั้งแล้ว…”

“…บอกพวกตระกูลมู่มีคนอยู่เท่าไรก็ให้ไสหัวมาให้หมด ข้าจะจัดการตัดหัวพวกเขาทั้งหมด ข้าจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา ยุ่งยากเหลือเกิน” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ เขายิ้มเรียบเฉย เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หยางถิงอวี่พลันตาค้างพูดอะไรไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ทุกคนต่างถูกทำให้ตกใจทันที

นี่เป็นการประกาศศึกกับราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการท้าสู้กับตระกูลมู่อย่างโจ่งแจ้ง นับว่าน่ากลัวเหลือเกิน ช่างพาลเหลือเกิน

“เป็นการประกาศศึกต่อราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรแห่งยุค เป็นการประกาศศึกกับผู้ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลมู่!”

………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *