Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2607 ขอความช่วยเหลือ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2607 ขอความช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2607 ขอความช่วยเหลือ

ระดับบรรพบุรุษผู้นี้เดินจากไปด้วยท่าทางไม่พอใจโดยไม่พูดไม่จาอะไรอีก บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนิ่งเงียบ แม้จะมีผู้ที่ต้องการแสดงตนเข้าให้ความช่วยเหลือเมื่อเห็นความอยุติธรรม แม้จะมีผู้ที่รู้สึกว่าเคอะเหมิงทำอะไรเกินเลยไป ก็ได้แต่นิ่งเงียบ

ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนบางส่วนมองว่า การที่พวกเคอะเหมิงจับราษฎรทั่วไปมาบูชายันต์ เป็นการทำลายชื่อเสียงของผู้บำเพ็ญตน และทำลายข้อตกลงอันเป็นที่เห็นพ้องต้องกันโดยไม่ได้นัดหมายในโลกของผู้บำเพ็ญตน

แต่ทว่า แล้วมันจะอย่างไรได้เล่า พวกเขาก็จนด้วยเกล้า แม้พวกเขาคิดจะแสดงตนเข้าช่วยเหลือราษฎรเหล่านี้ที่ได้รับอยุติธรรมก็จนด้วยเกล้า

ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นั้นนับว่ามีกำลังความสามารถกล้าแข็งแล้ว ขณะเดียวกันก็มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิขนาดใหญ่ แต่ทว่า เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาเองก็จนปัญญา เวลานี้ไม่ได้มีเพียงแขกสวรรค์ชุดเขียวเท่านั้นที่อยู่ในเมืองหมิงลั่วเฉิง แม้แต่แขกสวรรค์อีกสี่คนก็อยู่ในเมืองหมิงลั่วเฉิงอีกด้วย

เวลานี้อาจกล่าวได้ว่า นอกเหนือจากลู่เคอะเวิงแล้ว ห้าแขกสวรรคยิ่ง่ใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเคอะเหมิงล้วนอยู่ที่นี่ ลักษณะเช่นนี้ถือว่าเป็นกองทัพประชิดชายแดนแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากผู้ใดคิดจะแสดงตนเข้าให้ความช่วยเหลือเมื่อเห็นความอยุติธรรม ผู้ใดคิดจะช่วยเหลือราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิง ก็ต้องประเมินกำลังความสามารถของตนเสียก่อน

เป็นศัตรูกับเคอะเหมิงเมื่อใด ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่ตัวเองที่อาจจะต้องเสียชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะพาให้สำนักของตนต้องเดือดร้อน ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนต้องเดือดร้อน

ด้วยเหตุนี้เอง แม้ระดับบรรพบุรุษผู้นี้จะมีกำลังความสามารถที่แข็งแกร่งเพียงพอ และมีชาติกำเนิดจากตระกูลดัง ท้ายที่สุดก็ต้องจนด้วยเกล้าเช่นกัน สุดท้ายก็ต้องเดินจากไปด้วยความไม่พอใจอย่างจนด้วยเกล้า

นาที่นี้ บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนบางส่วนที่ในใจรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมก็ได้แต่มองตากันและกัน ในใจของพวกเขาไม่พอใจในการกระทำของเคอะเหมิง แต่ก็จนปัญญา

ถ้าหากจะกล่าวว่าผู้ที่สามารถสยบเคอะเหมิงได้ในเวลานี้ ก็คงมีอย่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ตระกูลหลี่ ตระกูลมู่ที่เป็นสามผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น มิฉะนั้นแล้ว คนอื่นๆ ไม่สามารถสั่นคลอนต่อเคอะเหมิงได้อยู่แล้ว การเป็นศัตรูกับเคอะเหมิงเป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้นเอง

“ฆ่า…” แขกสวรรค์ชุดเขียวท่าทีเย็นชา สะบัดมือถ่ายทอดคำสั่งลงไป

ในเวลานี้ แขกสวรรค์ชุดเขียวนั่งบัญชาการลานประหาร เมื่อเขามานั่งอยู่ที่ตรงนี้ ไม่ว่าใครก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดัน โดยเฉพาะกลิ่นอายอมตะที่ตลบอบอวลไม่จืดจางบนตัวของเขา ยิ่งกดดันจนผู้คนยากจะหายใจเข้าลึกๆ ได้

ย่อมไม่ต้องสงสัย เมื่อแขกสวรรค์ชุดเขียวมานั่งบัญชาการด้วยตนเองที่นี่ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม แม้ว่าบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนอยากจะเสนอตัวออกมาผดุงความยุติธรรม ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ แต่โดยดี

เมื่อแขกสวรรค์ชุดเขียวนั่งบัญชาการด้วยตนเอง พลันที่ถ่ายทอดคำสั่งออกไป เพชฌฆาตที่อยู่ ณ ลานประหารก็ได้เงื้อดาบขึ้นสูงแล้ว

“ไม่…” ในที่สุด เมื่อความตายมาเยือน จึงมีราษฎรที่ถูกพันธนาการร้องเสียงแหลมดังขึ้นมา

แต่ทว่า นาทีนี้สายเกินไปเสียแล้ว ทุกสิ่งล้วนเป็นการดิ้นรนที่ไม่มีความหมาย ได้ยินเสียงฉึกดังขึ้นเสียงหนึ่ง เห็นประกายดาบแวบหนึ่ง ดาบประหารที่ฟันลงมา เลือดสดๆ แตกกระจาย หัวหลุดจากบ่า

เลือดสดๆ ทะลักลงสู่รางรับเลือด และไหลไปตามรางลงไปยังใต้พื้นดิน เลือดสดๆ ได้ย้อมพื้นดินจนแดงฉาน

เวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างอดที่จะกลั้นลมหายใจเอาไว้ไม่ได้เมื่อมองเห็นภาพนี้ ทุกคนต่างจ้องมองดูดินที่ถูกเลือดสดๆย้อมจนกลายเป็นสีแดง แน่นอนที่สุด ในขณะนี้มีผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกแปลกใจ และต้องการรู้ว่าวิธีการบูชายันต์เช่นนี้ของเคอะเหมิงจะได้ผลจริงหรือไม่

ซ่าาา ซ่าาา ซ่าาา…ในเวลานี้ ใต้พื้นดินปรากฎเสียงซ่าาา ซ่าาา ซ่าาาดังขึ้น ดินที่ถูกเลือดสดๆ ย้อมจนแดงฉานเริ่มคลายตัวและมีการเคลื่อนไหว

สุดท้ายแล้วได้ยินเสียงโผล่ขึ้นมาจากใต้ดินดังซ่าาา ซ่าาา ซ่าาา มองเห็นฝ่ามือแต่ละข้างที่ยื่นออกมาจากใต้พื้นดิน เพียงชั่วพริบตาเดียว มองเห็นใต้พื้นดินได้มีผีดิบมุดออกมาหลายตน

“เป็นผีดิบ ผีดิบออกมาแล้ว วิธีนี้ได้ผลจริงๆ นะเนี่ย” ผู้คนจำนวนไม่น้อยร้องด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นใต้ดินมีผีดิบมุดออกมาหลายตน

ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ลืมเรื่องของการบูชายันต์ไปแล้ว ทุกคนได้ลืมราษฎรที่ถูกตัดหัวเหล่านั้นไปแล้ว สายตาของทุกคนต่างรวมศูนย์อยู่ที่ผีดิบที่มุดออกมาจากใต้พื้นดินนั่น

กระทั่งมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยถึงกับตาร้อนขึ้นมาเมื่อมองเห็นผีดิบ ต่างรู้สึกว่าวิธีการเช่นนี้ของเคอะเหมิงได้ผลโดยแท้จริง การบูชายันต์ลักษณะเช่นนี้ไม่ได้เสียแรงเปล่า

ความจริงแล้ว ในเวลานี้ชีวิตของบรรดาราษฎรในความรู้สึกของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อย มันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อวิธีการเช่นนี้ของเคอะเหมิงได้ผล พลันทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกร้อนระอุในใจ ทำให้ผู้คนบางส่วนต้องใจเต้นตูมตาม

แม้ว่าเป็นความจริงที่มีผู้ที่เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับราษฎรเหล่านี้ แต่ว่า เมื่อผลประโยชน์ขึ้นไปถึงระดับหนึ่งแล้ว และมีสิ่งล่อใจที่เพียงพอทำให้หัวใจเต้นตูมตามแล้ว ความเป็นธรรม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี คุณธรรม…สิ่งเหล่านี้ก็จะกลับกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่า

หลังจากที่พบว่าวิธีการบูชายันต์มีผลแล้ว เกรงว่าแม้เคอะเหมิงไม่ใช้วิธีการเช่นนี้อีกต่อไป ก็จะมี ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนอื่นนำมาใช้เช่นกัน

แม้แต่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนบางส่วนที่ปากพูดแต่เรื่องคุณธรรมและสง่าผ่าเผย แม้ว่าในทางแจ้งจะไม่ใช้วิธีการแบบนี้ แต่ลับๆ เกรงว่าก็จะแอบเอาวิธีการนี้มาใช้เช่นกัน

ปัง ปัง ปังเสียงการโจมตีดังขึ้นเป็นระลอก ยอดฝีมือที่เป็นศิษย์ของเคอะเหมิงมีการเตรียมการไว้ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว พวกเขาลงมือโดยพลันเมื่อผีดิบหลายตนได้ขึ้นมาจากใต้พื้นดิน ล้มพวกผีดิบเหล่านี้และตรึงเอาไว้กับพื้น

เพียงชั่วพริบตาเดียว ยอดฝีมือที่เป็นศิษย์ของเคอะเหมิงก็ทำการควักเอาหินสีดำออกมาจากร่างของผีดิบ หลังจากที่ผีดิบสูญเสียหินสีดำไปแล้ว เท้าของพวกมันถีบสะเปะสะปะ จากนั้นยืดตัวตรงและตายไป

ยอดฝีมือที่เป็นศิษย์ของเคอะเหมิงลงมือได้รวดเร็วมาก อีกทั้งมีความชำนาญอย่างยิ่ง ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกสะดุ้งอยู่ในใจเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว เกรงว่าเคอะเหมิงไม่ได้เพิ่งจะมีการเริ่มทำเรื่องเช่นนี้เสียแล้ว เกรงว่าก่อนหน้านี้เคอะเหมิงก็อาจจะแอบใช้วีบูชายันต์มาลวงผีดิบมาก่อน เพียงแต่ไม่ได้ทำโจ่งแจ้งเหมือนเวลานี้เท่านั้น

“ชุดต่อไป” ยอดฝีมือที่เป็นศิษย์ของเคอะเหมิงกระทำได้สะอาดหมดจดมากกับการสังหารผีดิบเพื่อควักเอาหินสีดำ แต่ว่า เวลานี้ ใต้พื้นดินที่ถูกย้อมจนแดงฉานไม่มีผีดิบตนอื่นๆ โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว

ดังนั้น แขกสวรรค์ชุดเขียวไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตา ได้สั่งการออกไป

พลันที่แขกสวรรค์ชุดเขียวพูดขาดคำ ปรากฏราษฎรอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกพันธนาการเอาไว้ถูกคุมตัวออกมา คนเหล่านี้มีสีหน้าที่ซีดเผือด ขาทั้งสอง่ข้างสั่นเทาขณะก้าวเดิน

เคอะเหมิงได้ทำการบูชายันต์ราษฎรไปหลายชุดภายในระยะเวลาอันสั้น ปรากฏผีดิบที่โผล่ออกมาตนแล้วตนเล่า กระทั่งไม่มีผีดิบโผล่ขึ้นมาอีกเลย ในเวลานี้เอง แขกสวรรค์ชุดเขียวจึงได้กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ” พูดขาดคำก็ถูกผู้อื่นหามและไปจากที่ตรงนี้

หลังจากที่ยอดฝีมือผู้เยี่ยมยุทธของเคอะเหมิงล้วนแล้วแต่จากไปแล้ว กลิ่นคาวเลือดลอยตลบอบอวลท่ามกลางอากาศมาเป็นระลอก บางคนถึงกับร่างสั่นเทาทีหนึ่ง ขณะมองดูดินที่ถูกเลือดสดๆ ย้อมจนแดงฉานและกลายเป็นสีม่วง ขณะที่บางคนสองตาร้อนผ่าว ภายในใจได้ผุดแนวความคิดขึ้นมาบางอย่าง

ความจริงแล้ว ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวั่นไหวในใจขึ้นมาแล้ว เมื่อมองเห็นเคอะเหมิงอาศัยวิธีบูชายันต์และเก็บเกี่ยวเอาก้อนหินผีดิบสีดำได้เป็นจำนวนมาก จึงมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน บางส่วนที่คิดจะอาศัยวิธีการเช่นนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งหินผีดิบสีดำ

จะอย่างไรเสีย ในขณะนี้หินผีดิบสีดำสามารถขายได้ราคาที่สูงลิบลิ่ว แค่เพียงหินผีดิบสีดำก้อนเดียวก็สามารถทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยแย่งชิงกันจะเป็นจะตาย ถ้าหากสามารถให้ได้มาซึ่งหินผีดิบสีดำมากกว่านี้ เช่นนั้นแล้ว การที่จะอาศัยวิธีการบูชายันต์ ทำไมจะทำไม่ได้เล่า?

กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนแล้วเมื่อสิ่งเย้ายวนก้าวไปถึงจุดๆ หนึ่ง ราษฎรทั่วไปก็เสมือนหนึ่งเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยได้เอากฎเกณฑ์คำว่า ‘ไม่นำพาภัยพิบัติให้กับราษฎร’ โยนทิ้งอยู่เบื้องหลังแล้ว

เพียงแต่ บรรดาราษฎรทั่วไป และผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดของเมืองหมิงลั่วเฉิงล้วนแล้วแต่ตกเป็นเชลยของเคอะเหมิงไปแล้ว แม้ว่ามีผู้ที่คิดจะอาศัยวิธีบูชายันต์แบบนี้ก็ไม่สามารถหาเหยื่อที่จะมาทำการบูชายันต์ได้

ภายในตำหนักทองแดง หลี่ชิเย่กำลังหลับตาพักผ่อนกายา ปล่อยจิตให้ล่องลอยออกไป เข้าฌานและปราศจากเสียงใดๆ เสมือนหนึ่งเป็นรูปปั้นแกะสลักแล้วอย่างนั้น

“คุณชาย ขอท่านได้โปรดช่วยเหลือราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิงด้วย” ในเวลานี้เอง หลินยี่เสวี่ยที่เข้ามาได้ส่งเสียงวิงวอนร้องขอต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิงได้ถูกผู้อื่นเอามาเป็นเหยื่อบูชายันต์ไปแล้ว ขอคุณชายโปรดเมตตา ช่วยพวกเขาด้วยเถอะ”

หลี่ชิเย่ยังคงนั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้น ยังคงหลับตา หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาจึงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “บนโลกนี้ไม่มีพระเจ้าที่ช่วยโลก มีเพียงทำให้ตนเองเข้มแข็ง จึงสามารถบงการโชคชะตาของตนเองได้”

ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น หลินยี่เสวี่ยในเวลานี้ได้คุกเข่าลงอย่างแรง ปัง ปัง ปังเสียงแต่ละเสียงที่ดังขึ้นมา นางได้โขกศีรษะให้กับหลี่ชิเย่ครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้งยังเป็นโขกอย่างแรง โดยที่หน้าผากได้กระทบเข้ากับพื้นอย่างแรงจนเลือดไหลออกมา เลือดสดๆ ได้ไหลรินลงมาจากหน้าผากของนางอย่างช้าๆ

“ขอคุณชายโปรดเมตตาด้วย” หวูโหย่วเจิ้งก็ก้าวเดินเข้ามาและคุกเข่าลงตรงนั้น และโขกศีรษะอย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่า

หลินยี่เสวี่ยไม่ส่งเสียงออกมาสักคำ ทำการโขกศีรษะกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะนี้ เลือดสดๆ ได้ไหลรินจนพื้นแดงฉาน เลือดสดๆ ที่พุ่งกระฉูดออกมาได้ย้อมเสื้อผ้าของนางจนแดงฉานในขณะนี้

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่จึงได้ลืมตาทั้งสองขึ้นช้าๆ มองเห็นหลินยี่เสวี่ยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ถึงกับทอดถอนใจเบาๆ ออกมา

“เอาเถอะ เห็นแก่เจ้า ข้าก็จะช่วยชีวิตพวกเขาสักครั้งก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่จนปัญญา โบกมือเบาๆ

“ขอบคุณคุณชายที่เมตตา” เวลานี้หลินยี่เสวี่ยถึงกับน้ำตาไหลออกมา และโขกศีรษะให้กับหลี่ชิเย่อย่างแรง

ตามมาด้วยหวูโหย่วเจิ้งก็โขกศีรษะจนแตก และเลือดไหลออกมาเช่นกัน

“ไปทำแผลเสีย” หลี่ชิเย่มองดูพวกเขาและทอดถอนใจออกมาเบาๆ กล่าวว่า “ข้าช่วยพวกเขาได้ครั้งหนึ่ง ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ตลอดไป อนาคตพวกเจ้ายังคงต้องพึ่งตนเอง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินี้ยังคงต้องอาศัยพวกเจ้าไปทำให้มันเข้มแข็ง มิฉะนั้นล่ะก็ จะต้องเป็นเนื้อบนเขียงของผู้อื่นตลอดไปเท่านั้นเอง”

“พวกเราจะพยายาม จะต้องพยายาม” หลินยี่เสวี่ยน้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว นางอดที่จะกำหมัดเอาไว้แน่น

ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางรู้สึกว่าตนเองนั้นมีความสุข ภายในสำนักต่างโปรดปรานนางทุกระดับชั้น อีกทั้งเมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเขามีความสันติสุขตลอดมา แม้ว่าจะอ่อนแอไปนิดหนึ่ง แต่วันเวลาที่เงียบสงบและมีความสุขเช่นนี้ก็เป็นที่พึงพอใจของนางอย่างยิ่ง

แต่ทว่า เมื่อภัยพิบัติมาถึง นางจึงพบว่าตนเองนั้นช่างอ่อนแออะไรอย่างนั้น ช่างไร้ซึ่งกำลังอะไรอย่างนั้น ไม่สามารถคุ้มครองบ้านเมืองของตน ไม่สามารถคุ้มครองผู้ที่รักในตัวนาง หากไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่ลงมือ นิกายซูสือของพวกเขาถูกทำลายล้างไปนานแล้ว ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงปกป้องเมืองหมิงลั่วเฉิง ปกป้องคุ้มครองราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิงอีกเลย

“หนทางเปี่ยมด้วยความยากลำบาก หวังว่าเจ้าสามารถเสริมสร้างตนเองให้แข็งแกร่งไม่หยุดนิ่ง เชิดหน้าก้าวไปข้างหน้า” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “มีเพียงตนเองแข็งแกร่ง จึงสามารถปกป้องคุ้มครองผู้คน หรือเรื่องราวที่ตนต้องการปกป้องคุ้มครอง”

“ข้าจะจดจำคำพูดของคุณชายให้มั่น” หลินยี่เสวี่ยถึงขนาดสั่นเทาขณะพูดออกมา ภายในใจได้ผุดอะไรต่อมิอะไรขึ้นมามากมาย ทันใดนั้น บนโลกใบนี้คงมีเพียงหลี่ชิเย่เท่านั้นที่ออกหน้าให้กับนางได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *