Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2608 ออกหน้า

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2608 ออกหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2608 ออกหน้า

วันรุ่งขึ้น เคอะเหมิงได้จัดให้มีการบูชายันต์ตามปรกติ วันนี้แขกสวรรค์ชุดเขียวยังคงมานั่งบัญชาการเช่นเดิม ยอดฝีมือที่เป็น็ศิษย์ของเคอะเหมิงได้คุมตัวราษฎรทั่วไปออกมา

มาวันนี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มาดูชมได้มารวมตัวกันมากยิ่งกว่าเดิมอีก มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากเดินทางมาชม บางคนยืนอยู่บนกำแพงเมือง บางคนยืนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนที่จับเป็นกลุ่มก้อน…

เวลานี้แขกสวรรค์ชุดเขียวนั่งอยู่บนประรัมพิธีด้วยท่าทางเฉยเมย ท่วงท่าเย็นชา โดยเขามองว่าการบูชายันต์ราษฎรธรรมดาทั่วไปก็แค่มดปลวกเท่านั้นเอง จะเป็นหรือตายก็ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง

การที่แขกสวรรค์ชุดเขียวมานั่งบัญชาการที่ตรงนี้ด้วยตนเอง นอกเหนือจากป้องกันมีผู้ที่เสนอตัวเข้าช่วยเหลือเมื่อเห็นความอยุติธรรม ยิ่งไปกว่านั้นก็คือห้องกันมีผู้ที่เห็นของล้ำค่าแล้วอยากได้ขึ้นมา จะอย่างไรเสียราคาซื้อขายหินผีดิบสีดำในตลาดมีราคาสูงลิ่ว ยากจะรับปรักันได้ว่าจะมีผู้ที่ต้องการ แล้วมีการแย่งชิงหินผีดิบสีดำขึ้นมากะทันหัน

“เคอะเหมิงจะเก็บเกี่ยวหินผีดิบสีดำอีกแล้ว” มีผู้พึมพำขึ้นด้วยความกังขา เมื่อเห็นราษฎรธรรมดาทั่วไปถูกคุมตัวออกมาเป็นแถวๆ ว่า “นี่เคอะเหมิงเรียกได้ว่าจะเก็บเกี่ยวผลได้อย่างอุดมสมบูรณ์นะเนี่ย”

“นั่นสิ มิน่าเล่าเคอะเหมิงถึงได้ลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้ ลองคำนวณดู เกรงว่ามาคราวนี้เค่อเหมิงต้องการผูกขาดตลาดหินผีดิบสีดำ หลังจากสิ้นสุดการบูชายันต์แล้ว เกรงว่าหินสีดำที่อยู่ในมือของพวกเขาคงเกินกว่ายอดรวมของทุกคน” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสกล่าว

“คำนวณเคร่าๆ ราษฎรธรรมดาทั่วไปและผู้บำเพ็ญตนของเมืองหมิงลั่วเฉิงที่ตกอยู่ในมือของเคอะเหมิงมีจำนวนราว หกถึงเจ็ดหมื่นคน” ยอดฝีมือผู้หนึ่งคำนวณเคร่าๆ ดูและกล่าวว่า “เมื่อสิ้นสุดการบูชายันต์แล้ว เกรงว่าเคอะเหมิงสามารถเก็บเกี่ยวหินสีดำได้นับพันชิ้นหรือมากกว่านั้น นี่มันคือความร่ำรวยโดยแท้”

“ทรัพย์สินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหินสีดำสามารถเพิ่มอายุขัยได้ มิน่าเล่าห้าแขกสวรรค์ยิ่งใหญ่จึงได้อาศัยวิธีเช่นนี้ เกรงว่าด้วยผลตอบแทนที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากลู่เคอะเวิง เคอะเหมิงจึงกล้าลงมือทำเต็มที่เช่นนี้” มีระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณพึมพำขึ้นมาด้วยความกังขา

“เคอะเหมิงคราวนี้รวยเละเลยนะ” มีผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันรู้สึกอิจฉา

ขณะนี้ไม่มีใครให้ความสนใจในราษฎรอีกต่อไปแล้ว กระทั่งกล่าวได้วว่า ไม่มีใครที่แคร์เรื่องความเป็นความตายของราษฎรอีกแล้ว

ในสายตาของพวกเขามองว่า ราษฎรจำนวนหลายหมื่นคนที่จะถูกบูชายันต์เป็นเพียงเรื่องที่เล็กน้อยไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ที่พวกเขาให้ความสนใจมากกว่าก็คือ การบูชายันต์ในครั้งนี้เคอะเหมิงจะเก็บเกี่ยวหินผีดิบสีดำได้จำนวนเท่าไร

สำหรับราษฎรที่ถูกคุมตัวมานั้น พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่ขาวซีด พวกเขาเสมือนดั่งเป็นมดปลวกอย่างนั้น การต่อต้านใดๆ ล้วนแล้วแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอะไรอย่างนั้น ล้วนแล้วแต่ช่วยอะไรไม่ได้ พูดอย่างไม่น่าฟังก็คือ ยอดฝีมือของเคอะเหมิงอาศัยนิ้วมือนิ้วเดียวก็สามารถบดขยี้พวกเขาจนตายได้

ในเวลานี้ พวกเขาได้แต่ยอมรับชะตากรรม ก้มหัวลงรอคอยความตายมาถึงอย่างเงียบๆ

“เตรียมตัว…” หลังจากที่บรรดาราษฎรล้วนแล้วแต่ถูกคุมตัวมาแล้ว แขกสวรรค์ชุดเขียวได้สั่งการออกไป

ในขณะนี้ เพชฌฆาตได้เงื้อดาบขึ้นสูงแล้ว โดยดาบในมือส่งประกายแวบวับออกมา

“พวกไร้สมองกลุ่มหนึ่งรบกวนความสงบของข้า” ในขณะที่ทุกคนกำลังกลั้นลมหายใจ และรอคอยดาบที่ฟันลงมานั้น เสียงที่ดูเบื่อหน่ายเสียงหนึ่งดังขึ้น

จังหวะที่เงียบสงัดเช่นนี้พลันปรากฏเสียงเช่นนี้ขึ้นมากะทันหัน อีกทั้งเป็นการสบประมาททุกๆ คน พลันทำให้ทุกคนต้องชำเลืองมองกับสิ่งนี้ ทุกคนต่างหันไปมอง

เมื่อทุกคนมองไป เห็นชายหนุ่มที่เรียบง่ายธรรมดาไม่มีอะไรสะดุดตาเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เดินช้ามากๆ ท่าทางดูเบื่อหน่ายอย่างสิ้นเชิง และยังหาวแล้วบิดขี้เกียจอีกด้วย

ด้านหลังหลี่ชิเย่ยังติดตามมาด้วยหลินยี่เสวี่ย กับหวูโหย่วเจิ้ง ราษฎรจำนวนไม่น้อยที่ถูกพันธนาการเอาไว้พลันมองเห็นความหวังในทันที เมื่อเห็นหลินยี่เสวี่ยและหวูโหย่วเจิ้ง แววตาที่สิ้นหวังของพวกเขาเผยให้เห็นถึงประกายแห่งความหวัง

“คนโหดอันดับหนึ่ง…” ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยได้ร้องเสียงแหลมขึ้นมา เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ที่ก้าวเดินมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย

ช่าาา…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง พื้นที่บริเวณนั้นพลันหลีกเป็นทางออกมาทันที แลดูเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นไปด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง เพียงชั่วพริบตาเดียว ทุกคนต่างก้าวถอยหลังไป ไม่มีใครกล้าขวางทางของเขาแม้แต่คนเดียว

นี่แหละคือโลกของยอดฝีมือ เมื่อแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะเป็นที่เคารพยำแกรงยิ่งของผู้คน

สองวันก่อน คนโหดอันดับหนึ่งได้ลงมือทำลายกองเรือรบของฉางจินต้ง สังหารสิ้นสิบวัชระ ชื่อเสียงโด่งดังเหนือกว่าราชันแท้จริงต้วนยวี่ และราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเสียอีก ทุกคนต่างรู้ดีว่า คนโหดอันดับหนึ่งไม่เพียงแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรเท่านั้น และยังเป็นผู้ที่โหดร้ายทารุณคนหนึ่งตามฉายาของเขา แค่คำพูดไม่เข้าหูคำหนึ่งก็สามารถทำลายล้างตระกูลผู้อื่นได้

‘คนโหดอันดับหนึ่ง’ ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเคารพยำเกรงกับการปรากฏตัวของหลี่ชิเย่ ต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ แล้วก็มองไปที่แขกสวรรค์ชุดเขียว

ทุกคนต่างรู้ดีว่า การปรากฏตัวของคนโหดอันดับหนึ่งไม่มีเรื่องดีอย่างเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น หลินยี่เสวี่ยและหวูโหย่วเจิ้งที่อยู่ด้านหลังของเขาก็คือผู้ที่เกิดและเติบโตที่เมืองหมิงลั่วเฉิง และคนโหดอันดับหนึ่งกลับปรากฎตัวขึ้นมาในเวลานี้

“ไม่ทราบว่าคุณท่านมีอะไรจะชี้แนะ?” แขกสวรรค์ชุดเขียวที่มองเห็นหลี่ชิเย่ปรากฏตัวได้ลุกขึ้นยืน แสดงคารวะแบบจีน กล่าวด้วยท่าที่เกรงใจขึ้นมา

ท่าทีลักษณะเช่นนี้ของแขกสวรรค์ชุดเขียวนับว่าเกรงใจมากเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ขณะระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้นั้นกล่าวตำหนิเขา เขายังคงนั่งอยู่ในเกี้ยว แม้จะเรียกฝ่ายตรงข้ามว่าพี่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

แต่แล้ว หลังจากการปรากฏตัวขึ้นมาของหลี่ชิเย่ เป็นความจริงที่แขกสวรรค์ชุดเขียวไม่ได้วางท่าทีใหญ่โตอะไร และไม่ได้วางมาด ได้ลุกขึ้นยืนทันทีให้การต้อนรับด้วยการแสดงคารวะแบบจีน ทั้งยังทักทายด้วยการยกย่องว่า “คุณท่าน”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างแอบมองตากันและกันเมื่อเห็นแขกสวรรค์ชุดเขียวแสดงท่าทีที่เกรงใจถึงเพียงนี้ แน่นอน ในใจของหลายคนก็สามารถเข้าใจได้

แม้จะกล่าวว่า ด้วยฐานะ กำลังความสามารถสำหรับห้าแขกสวรรค์แล้ว เป็นความจริงที่พวกเขาเหนือกว่าสิบวัชระ การร่วมมือกันของห้าแขกสวรรค์ก็แข็งแกร่งมากกว่าสิบวัชระ

แต่ทว่า กำลังความสามารถของคนโหดอันดับหนึ่งนั้นไม่ต้องพูดถึงให้มากความ อาศัยมือเปล่าและหมัดสังหารสิบวัชระ ทำลายกองเรือรบ แม้แต่ฉางจินต้งที่แข็งแกร่งยิ่งเขาก็มองเหมือนเช่นมดปลวกเท่านั้น

แม้แต่แขกสวรรค์ชุดเขียวที่เป็นหนึ่งในห้าแขกสวรรค์ของเคอะเหมิง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งและน่ากลัวเช่นนี้แล้ว นาทีนี้ก็ไม่สามารถวางมาดต่อหน้าคนโหดอันดับหนึ่งได้ วางท่าทีไม่ได้

กล่าวสำหรับแขกสวรรค์ชุดเขียวแล้ว กับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หากหลีกเลี่ยงที่จะล่วงเกินได้ ก็จะพยายามไม่ไปล่วงเกิน

“ไม่มีอะไรจะแนะนำ” หลี่ชิเย่ทำท่าหาวทีหนึ่ง ท่าทางเหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง คล้ายดั่งเพิ่งจะถูกคนเขารบกวนแล้วตื่นขึ้นมาอย่างนั้น ดูจะมีอารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง เขาโบกมือและกล่าวว่า “ไม่มีธุระอะไรก็ไสหัวไป ทั้งหมดไสหัวออกไปจากเมืองหมิงลั่วเฉิง”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน หลี่ชิเย่ไม่เพียงมาด้วยเรื่องของเคอะเหมิงโดยเฉพาะ แต่กับทุกๆ คนที่อยู่ที่นี่

“ต้องขออภัยจริงๆ” แขกสวรรค์ชุดเขียวแสดงคารวะแบบจีน และกล่าวว่า “เฒ่าอย่างข้าโง่เขลา ไม่เข้าใจความหมายของคุณท่านขอให้อธิบายให้กระจ่างด้วย”

ในแดนลัทธิราชัน แขกสวรรค์ชุดเขียวนับว่าเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แม้ว่าไม่สามารถเทียบได้กับฮ่องเต้ไท่ชิง กู่อี่เฟย แต่ทว่า ในบรรดาระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะของแดนลัทธิราชันยุคปัจจุบันแล้ว นับว่าเขาเป็นบุคคลที่ติดอันดับอยู่ และเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข่งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรอย่างแน่นอน

การที่เขาพูดลักษณะเช่นนี้ออกมาในขณะนี้ วางท่าทีไว้ต่ำถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งแล้ว ทอดสายตามองออกไปทั่วทั้งแดนลัทธิราชัน คงมีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถให้เขาต้องวางท่าทีเช่นนี้

ผู้ที่สามารถทำให้แขกสวรรค์ชุดเขียวต้องวางท่าทีเช่นนี้ได้ก็คงมีเพียงบุคคลอย่างฮ่องเต้ไท่ชิง และกู่อี้เฟยเท่านั้น

จะอย่างไรเสีย ตัวของแขกสวรรค์ชุดเขียวเอง เขาไม่เพียงมีความแข็งแกร่งในตัวเองเท่านั้น เบื้องหลังของเขายังมีเคอะเหมิง ซึ่งมีธาตุแท้ภายในที่มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหลายสิบแห่งจับมือเป็นพันธมิตรกันอยู่ ใครกล้ามีเรื่องกับพวกเขา?

“ไสหัวไป…” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเมินเฉยว่า “เว้นแต่ราษฎร และผู้บำเพ็ญตนพื้นเมืองแล้ว ทั้งหมดไสหัวออกไปจากเมืองหมิงลั่วเฉิง ถ้าหากยังคงมีเรื่องราวเกี่ยวกับการบูชายันต์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกล่ะก็ ข้าจะฆ่าล้างทั้งตระกูลของพวกเขา!”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทุกคนต่างมองตากันและกัน เวลานี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่า หลี่ชิเย่มาเพื่อออกหน้าเรื่องที่ไม่เป็นธรรม

เมื่อแขกสวรรค์ชุดเขียวได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป จะอย่างไรเสียเขาคือผู้ที่กระทืบเท้าที่ก็ทำให้สถานการณ์ในหล้าแปรเปลี่ยนได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกตวาดใส่ต่อหน้าสาธารณชนโดยตรง โลกนี้มีไม่กี่คนกล้าบอกให้เขา “ไสหัวไป” อยู่แล้ว

“ที่แท้คุณท่านมาด้วยเรื่องนี้” แขกสวรรค์ชุดเขียวถึงกับมองหน้าหลินยี่เสวี่ย กับหวูโหย่วเจิ้งที่อยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่อีกที เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อคุณท่านมาด้วยตนเอง เอาอย่างนี้ดีไหม ผู้ใดก็ตามที่มีความสัมพันธ์กับคุณท่าน คุณท่านสามารถพากลับไปได้ พวกเราจะปล่อยคนทันที…”

“พวกหน้าโง่…” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ ทีหนึ่ง กล่าวตัดบทคำพูดของแขกสวรรค์ชุดเขียว กล่าวด้วยท่าทีน่าเบื่อว่า “เมื่อครู่ข้าแค่ต้องการจะสั่งสอนนิดหนึ่งก็ให้มันแล้วกันไป เวลานี้หากไม่ฆ่าพวกเจ้าล่ะก็ไร้เหตุผลสิ้นดี โง่ไม่มีที่ติ”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา สีหน้าของแขกสวรรค์ชุดเขียวก็เปลี่ยนไป ยิ้มค้างทันที เขาถึงกับชักสีหน้าเย็นชาว่า “คุณท่านจะมีเรื่องกับเคอะเหมิงของพวกเราให้ได้อย่างนั้นรึ?”

ในเวลานี้ แขกสวรรค์ชุดเขียวไม่บอกว่าจะมีเรื่องกับตน แต่บอกว่ามีเรื่องกับเคอะเหมิง คำพูดเช่นนี้ชัดเจนที่สุดแล้ว การเป็นศัตรูกับเขาในเวลานี้ก็คือเป็นศัตรูกับเคอะเหมิง

“เคอะเหมิงเคอะหมงอะไร” หลี่ชิเย่โบกมือและกล่าวว่า “พวกเอาเปรียบผู้อื่นแล้วอวดฉลาดหน้าด้านไร้ยางอายกลุ่มหนึ่งเท่านั้น วันนี้ข้ารับดูแลเมืองหมิงลั่วเฉิง ไม่ว่าใครก็ตามไสหัวออกไปจากเมืองหมิงลั่วเฉิงให้หมด ใครที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดข้า ฆ่าไม่มีละเว้น!”

ทุกคนต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ หลังจากที่คนโหดอันดับหนึ่งพูดคำๆ นี้ออกมาแล้ว ไม่มีใครคิดว่านี่เป็นการพูดล้อเล่น

คนที่กล้าสังหารสิบวัชระไม่จำเป็นต้องล้อเล่น และหาใช่โง่เขลาอวดดี เขากล้าพูดเช่นนี้ออกมาเขาก็ต้องทำได้

สีหน้าของแขกสวรรค์ชุดเขียวดูไม่จืดยิ่งนัก ในแดนลัทธิราชันยุคปัจจุบัน ไม่มีใครกล้าว่าเคอะเหมิงของพวกเขาเป็นเพียง “พวกเอาเปรียบผู้อื่นแล้วอวดฉลาดหน้าด้านไร้ยางอายกลุ่มหนึ่งเท่านั้น” ไม่มีใครกล้าหยามเคอะเหมิงของพวกเขาเช่นนี้

“คุณท่าน ท่านต้องคิดให้รอบคอบ” สีหน้าของแขกสวรรค์ชุดเขียวดูบึ้งตึง กล่าวเสียงเย็นชาว่า “เคอะเหมิงพวกเราคือกลุ่มของพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในแดนลัทธิราชัน พวกเราจัดตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือกันของเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนนับไม่ถ้วน เบื้องหลังมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินับร้อย บัญชาการใต้หล้าปราศจากผู้ต่อต้าน คุณท่านคิดว่า เพื่อราษฎรธรรมดาทั่วไปที่ดั่งมดปลวกไม่กี่คนแล้วเป็นศัตรูกับเคอะเหมิงของพวกเรา มันคุ้มค่ารึ?”

แม้ว่าคำพูดของแขกสวรรค์ชุดเขียวจะโอ้อวดอยู่บ้าง แต่ที่พูดมานั้นก็นับเป็นเรื่องจริง ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างพยักหน้าเห็นด้วย จะอย่างไรเสียการเป็นศัตรูกับเคอะเหมิงที่เป็นยักษ์ใหญ่เพื่อราษฎรธรรมดาทั่วไปที่ตนเองไม่เคยรู้จักและไม่ใช่ญาติมิตรเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ไม่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง

“เคอะเหมิงนับเป็นตัวอะไร…” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย

…………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *