Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2609 ใครที่เป็นมดปลวก

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2609 ใครที่เป็นมดปลวก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2609 ใครที่เป็นมดปลวก

“ท่าน…” สีหน้าของแขกสวรรค์ชุดเขียวพลันปั้นยากถึงที่สุด จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าใครก็ตามหากถูกชี้หน้าด่าว่า “นับเป็นตัวอะไร” ก็ไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศได้อยู่แล้ว

เคอะเหมิงของพวกเขาสยบทั่วล้า วางก้ามปราศจากผู้ต่อกร ความลึกล้ำของธาตุแท้ภายในหาใช่ฉางจินต้งสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว มาวันนี้กลับถูกหลี่ชิเย่ด่าว่า “นับเป็นตัวอะไร” ต่อหน้าผู้คนใต้หล้าจะให้แขกสวรรค์ชุดเขียวกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไร

“คุณท่าน เพื่อมดปลวกเพียงไม่กี่ตัว มันคุ้มรึ?” ท่าทีของแขกสวรรค์ชุดเขียวดูน่าครั่นคร้าม ตัวเขาหาใช่คนที่กลัวมีเรื่อง ถ้าหากต้องสู้กันเต็มที่เมื่อไรล่ะก็ เคอะเหมิงของพวกเขาเคยกลัวใครมาก่อน? ใครกล้าเป็นศัตรูกับเคอะเหมิงพวกเขา พวกเขาก็จะฆ่าโดยไม่มีละเว้น

กล่าวได้ว่า สำหรับเคอะเหมิงของพวกเขาแล้ว ยกเว้นสามผู้ยิ่งใหญ่อย่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แบบนั้นแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ พวกเขาไม่เคยกลัวเลยจริงๆ

“การเป็นสหายกับเคอะเหมิงของพวกเรา ทั่วหล้าสุดแต่ท่านจะก้าวไปได้อย่างสะดวกโยธิน หากเป็นศัตรูกับเคอะเหมิงของพวกเรา เกรงว่าจะมีภัยไม่จบไม่สิ้น” เวลานี้แขกสวรรค์ชุดเขียวก็หักหน้ากันอย่างเปิดเผยแล้ว ดวงตาทั้งสองเผยให้เห็นถึงประกายที่เยือกเย็น ไม่ได้มีความเกรงใจเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว กล่าววาจาที่ยกตนข่มท่าน

“ในสายตาของข้า พวกเจ้าก็แค่มดปลวกเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย ขาดคำ กางมือออกโดยนิ้วมือทั้งห้าแค่บีบไปกลางอากาศเท่านั้น

ได้ยินเสียงดังปุ ปุ ปุขึ้นมา พริบตาเดียวจังหวะที่นิ้วทั้งห้าของหลี่ชิเย่ที่บีบเข้าหากันนั้น บรรดาศิษย์ที่เป็นยอดฝีมือของเคอะเหมิงที่อยู่ในเหตุการณ์พลันถูกบีบจนกลายเป็นหมอกเลือดไป พวกเขายังไม่ทันตั้งตัว และไม่ทันลงมือขัดขืน กระทั่งไม่ทันได้ร้องเสียงน่าเวทนาเสียด้วยซ้ำ ก็ถูกหลี่ชิเย่บีบจนกลายเป็นหมอกเลือดกลางอากาศ

“เจ้า…” สีหน้าของแขกสวรรค์ชุดเขียวเปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อหลี่ชิเย่พลันลงมือก็จัดการบีบศิษย์ทั้งหมดของเคอะเหมิงจนกลายเป็นหมอกเลือดไป

ในเสี้ยววินาทีนี้เอง เห็นร่างเงาของหลี่ชิเย่แวบหนึ่ง แขกสวรรค์ชุดเขียวรู้สึกหวาดผวา และคิดจะถอยห่างออกไปแต่ไม่ทันกาลเสียแล้ว ภายใต้ความหวาดผวา มือทั้งสองยกขึ้น ปรากฏโล่ขนาดยักษ์ได้ขวางอยู่ตรงหน้าของตน โล่ยักษ์นี้ส่งประกายศักดิ์สิทธิ์วูบวาบ กลิ่นอายอมตะน่าเกรงขมดั่งมหาสมุทร นี่คืออาวุธของเทพแท้ จริงขั้นอมตะ มีความแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมด้านการป้องกัน

ในเสี้ยววินาทีนี้เอง หลี่ชิเย่เพียงยกเท้าขึ้นด้วยท่าเข่าลอยที่กระแทกเข้าไป

ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แขกสวรรค์ชุดเขียวลอยไปตามแรงกระแทก โล่ที่ขวางอยู่ด้านหน้าของเขาแตกละเอียดไปท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้นนั่น ตัวเขาถูกกระแทกเข้าให้จนกระอักเป็นเลือดอย่างแรง

ได้ยินเสียงดังตูม ร่างของแขกสวรรค์ชุดเขียวชนกระแทกเข้ากับผนังกำแพงเมืองเข้าอย่างจัง ชนเอากำแพงเมืองจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา

พริบตาเดียวที่หลี่ชิเย่ลงมือ พลันจัดการบีบศิษย์ของเคอะเหมิงจนกลายเป็นหมอกเลือดทั้งหมด ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เข่าลอยข้างหนึ่งก็จัดการกระแทกจนแขกสวรรค์ชุดเขียวจนลอยออกไป แม้แต่โล่วิเศษของเขาก็ถูกกระแทกจนแหลกละเอียดไป

ทั้งหมดนี้เกิดและสิ้นสุดลงในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ขณะที่ทุกคนมองเห็นแขกสวรรค์ชุดเขียวถูกทำให้ชนกระแทกเข้ากับกำแพงเมืองในพริบตาเดียวนั้น ร่างของเขาหลังจากชนทะลุเข้าไปในกำแพงเมืองแล้วก็ถูกฝังอยู่ใต้กองเศษหินตรงนั้น

ทุกคนเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้วเสมือนดั่งถูกสายฟ้าฟาดอย่างนั้น ถูกทำให้ช็อคอยู่ตรงนั้น ทุกคนไม่ได้เพิ่งเห็นหลี่ชิเย่ลงมือเป็นครั้งแรก แต่ว่า การลงมือทุกครั้งของหลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวเหลือเกิน

ในเวลานี้ ทุกคนไม่รู้ว่าจะหาคำอะไรมาเปรียบเปรยหลี่ชิเย่ดี การลงมือของเขาช่างพาลเหลือเกิน และเล่นกันตรงๆ

ทุกคนต่างมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีงุนงง การลงมือของหลี่ชิเย่ไม่ได้มีท่วงท่าที่งดงาม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้ง และไม่ได้มีเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกร แต่ละกระบวนท่าของเขานั้นบริสุทธิ์เรียบง่าย แค่หนึ่งหมัดหนึ่งเท้าเท่านั้น ง่ายๆ แต่มุทะลุป่าเถื่อน ซัดไปตรงๆ เหมือนว่าแม้แต่เด็กสามขวบก็สามารถสำแดงหนึ่งหมัดหนึ่งเท้าเช่นนี้ได้

แต่ทว่า ด้วยหนึ่งหมัดหนึ่งเท้านี้กลับเล่นงานจนเทพแท้จริงขั้นอมตะไม่สามารถตอบโต้ได้ นี่แหละคือสิ่งที่สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจที่สุด ภายใต้หนึ่งหมัดหนึ่งเท้าของเขา แม้จะเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็รับไม่ได้เพียงสะกิดนิดเดียว

ก่อนลงมือสงบเงียบดั่งหญิงสาว พลันที่ลงมือปราดเปรียวว่องไวดั่งกระต่ายหลุดจากกรง ลงมือพลันฟ้าดินถล่มทลาย ทุกคนคิดไปคิดมา บางทีเอามีเพียงคำๆ นี้ทะมาเปรียบเปรยหลี่ชิเย่ได้แล้ว

ช่าาาเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง มองเห็นเศษหินปลิวกระจาย แขกสวรรค์ชุดเขียวได้คลานออกมาจากกองเศษหินนั่นในเวลานี้ ท่าทางของแขกสวรรค์ชุดเขียวดูกระเซอะกระเซิงยิ่งนัก

ในขณะนี้ แขกสวรรค์ชุดเขียวไม่เพียงชุดเขียวที่สวมใส่ถูกทำให้เปรอะเปื้อนจากฝุ่นผงเท่านั้น ยังเต็มไปด้วยรอยเลือดเป็นด่างๆ ภายใต้การโจมตีของหลี่ชิเย่เกือบเอาชีวิตไม่รอด

หลังจากที่แขกสวรรค์ชุดเขียวคลานออกมาจากกองเศษหินนั้นมีสีหน้าที่ขาวซีด และสีหน้าดูไม่จืดถึงขีดสุด

“ใต้ฝ่าเท้าของข้า พวกเจ้ากับพวกเขามีอะไรแตกต่างกันเล่า? มิใช่เป็นเพียงมดปลวกเช่นกันเท่านั้นเองรึ?” หลี่ชิเย่ยืนอยู่ที่ตรงนั้น กล่าวด้วยที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่างเป็นไปตามอารมณ์และอิสระอะไรอย่างนั้น

หวูโหย่วเจิ้ง และหลินยี่เสวี่ยถือโอกาสที่หาได้ยากรีบเข้าไปช่วยเหลือผู้คน ด้วยการช่วยราษฎร์ทั่วไปที่ถูกพันธนาการอยู่บนปรัมพิธีสูงลงมาทั้งหมด

“เจ้า…” สีหน้าของแขกสวรรค์ชุดเขียวปั้นยากถึงขีดสุด เวลานี้ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำเหมือนเช่นชุดที่เขาสวมใส่

แม้ว่านาทีนี้คำพูดของหลี่ชิเย่จะไม่น่าฟังเอาเสียเลย เป็นการเหยียดหยามคนอย่างยิ่ง แต่ทว่า แขกสวรรค์ชุดเขียวไม่สามารถหาคำพูดไปตอบโต้หลี่ชิเย่ได้อีกแล้ว กระทั่งคิดจะอวดบารมีก็ทำไม่ได้เสียแล้ว

พังทลายลงภายในหนึ่งกระบวนท่า หลี่ชิเย่ไม่เพียงอาศัยคำพูดกระทบความมั่นใจผู้คนเท่านั้น และพลันที่เขาลงมือเรียกได้ว่าทำให้ความมั่นใจของผู้คนต้องแตกละเอียดชัดๆ เป็นการบดขยี้ความมั่นใจของผู้คนจนแหลกละเอียดภายใต้หนึ่งกระบวนท่า แล้วเหยียบย่ำด้วยเท้าอย่างแรง

แขกสวรรค์ชุดเขียวในเวลานี้มีความโกรธแค้นสุมอยู่เต็มอก แต่ความจริงที่โหดร้ายก็ได้เหยียบลงมาอย่างแรงทำให้เพลิงแห่งความโกรธของเขาจมลง พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือก็จัดการเหยียบความหยิ่งยโสและความถือดีของเขาไปอยู่ใต้ฝ่าเท้า

อยากจะถามว่า แขกสวรรค์ชุดเขียวเขาเคยสยบใต้หล้ามาแล้วยุคสมัยหนึ่ง แม้ว่ายุคสมัยของเขาจะได้ผ่านไปแล้ว แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใดๆ ในแดนลัทธิราชันยุคปัจจุบันก็ต้องให้เกียรติเขาสามส่วน

แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับมองเขาเสมือนหนึ่งเป็นมดปลวกเท่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นตัวเขาที่ก้มลงมองผู้อื่นเสมอมา มาวันนี้ ภายใต้การก้มมองของหลี่ชิเย่ ตัวเขาเสมือนดั่งเป็นมดปลวกตัวนั้นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า แค่เหยียบลงมาตามอารมณ์ก็สามารถเหยียบให้ตายได้ ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดยิ่งนัก

ที่ทำให้เขาอึดอัดยิ่งกว่าก็คือมันคือความจริง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ หลี่ชิเย่สามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย ทันใดนั้นเอง เขาก็คือมดปลวกตัวนั้นแล้ว

เขาอยู่ในตำแหน่งสูงเด่นตลอดเวลาที่ผ่านมา มองผู้คนเสมือนดั่งเนื้อบนเขียง ดุจมดปลวก มาวันนี้ตัวเองกลับต้องกลายเป็นมดปลวก ความรู้สึกเช่นนี้เรียกได้ว่าสุดจะทนได้แค่ไหนก็แค่นั้นเลยทีเดียว

คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่พลันที่พูดออกมา อย่าว่าแต่ในใจของแขกสวรรค์ชุดเขียวรู้สึกอึดอัดในใจและโกรธแค้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ถึงกับใจหายใจคว่ำ มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนบางคนที่ได้ยินคำพูดที่เหยียดหยามเช่นนี้แล้ว ก็ได้บังเกิดความอัปยศที่ถูกเหยียดหยามลึกๆ อยู่ในใจ

สมควรทราบว่า มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่มองราษฎรทั่วไปเป็นมดปลวกอยู่ในใจ เวลานี้คำพูดคำเดียวของหลี่ชิเย่ที่พูดว่า “ใต้ฝ่าเท้าของข้า พวกเจ้ากับพวกเขามีอะไรแตกต่างกันเล่า? มิใช่เป็นเพียงมดปลวกเช่นกันเท่านั้นเอง” คำพูดคำนี้ได้ทิ่มแทงลึกเข้าไปในความหยิ่งในตนเองของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากจนเจ็บแปลบ

สิ่งนี้ได้ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่ามันคือการหยามเหยียดอย่างหนึ่ง แต่ว่า ภายใต้กำลังที่แข็งแกร่งอย่างเด็ดขาดของหลี่ชิเย่ พวกเขากลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอะไรอย่างนั้น แม้จะรู้ว่าหลี่ชิเย่ไม่เพียงแต่กำลังเหยียดหยามแขกสวรรค์ชุดเขียวเท่านั้น แต่เป็นการเหยียดหยามพวกเขาทุกคนด้วย แต่ว่า พวกเขากลับไม่มีกำลังที่จะขัดขืน

“รู้หรือไม่? พวกเจ้าล้วนแล้วแต่เป็นมดปลวกเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เพียงมองไปที่แขกสวรรค์ชุดเขียวเท่านั้น ยังได้มองไปที่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด

“เข้าใจไปเองว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่าราษฎรทั่วไป มองราษฎรดั่งมดปลวก สุดแล้วแต่พวกเจ้าจะเชือดเฉือนตามอำเภอใจ” หลี่ชิเย่มองดูพวกเขาทั้งหมดด้วยสีหน้าเย็นชา กล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ในสายตาของข้า พวกเจ้าทั้งหมดก็ไม่ได้ต่างอะไรกับมดปลวก ข้ายกเท้าขึ้นมาก็สามารถเหยียบพวกเจ้าทั้งหมดจนตาย พวกเจ้าก็ช่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอะไรอย่างนั้น ช่างเล็กจิ๋วอะไรอย่างนั้น!”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา และก็มีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่มองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ ท่าทางบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ได้นำมาซึ่งความโกรธของผู้คนจำนวนมาก ผู้คนจำนวนมากต่างจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ กระทั่งมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยได้มีทีท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อหลี่ชิเย่แล้ว

คำพูดของหลี่ชิเย่ได้ทิ่มแทงพวกเขาเจ็บเข้าไปลึกๆ คำพูดลักษณะเช่นนี้ได้เหยียดหยามความหยิ่งในตนเองของพวกเขาอย่างแรง

เมื่อมองดูมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาถูกเคอะเหมิงพันธนาการอยู่ตรงนั้น สุดแล้วแต่ผู้คนจะเชือดเฉือนตามอำเภอใจ ประดุจดั่งเป็นปศุสัตว์อย่างนั้น เกรงว่าคงมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนไม่กี่คนที่จะใส่ใจในความเป็นความตายของพวกเขา ก็เหมือนดั่งไม่มีใครใส่ใจในความเป็นความตายของมดปลวกสักตัว

ขณะที่หลี่ชิเย่นำพวกเขากับราษฎรทั่วไปจัดให้เป็นพวกเดียวกัน ไม่เพียงเป็นการมองพวกเขาเป็นมดปลวกเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมองพวกเขาเป็นปศุสัตว์ที่สุดแล้วแต่ผู้คนจะเชือดเฉือนตามอำเภอใจ

ท่าทีเช่นนี้ไหนเลยจะไม่ส่งผลยั่วยุอย่างแรงต่อบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่า บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้ปรกติแล้วล้วนแล้วแต่มีความถือดี หยิ่งยโสทั้งสิ้น มาวันนี้กลับถูกคนเหยียดหยามความหยิ่งในศักดิ์ศรีและความหยิ่งยโสอย่างแรง ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยต่างจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ

“ดี ดี ดีวาจาสามหาวยิ่ง” ในเวลานี้แขกสวรรค์ชุดเขียวโกรธจัดจนต้องหัวเราะออกมา เมื่อเห็นว่าแค่คำพูดคำเดียวของหลี่ชิเย่ก็ได้หาเรื่องไปหมดทุกคน สร้างความโกรธแค้นผู้คนจำนวนมาก พลันรู้สึกดีใจในใจอย่างยิ่ง นาทีนี้หลี่ชิเย่ก็คือศัตรูของทุกคนแล้ว

แขกสวรรค์ชุดเขียวหัวเราะเยาะว่า “ผู้เยาว์ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ถึงกลับกล้ากล่าววาจาเหยียดหยามผู้คนทั่วหล้า เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าอย่างนั้นรึ? เป็นศัตรูกับผู้คนทั่วหล้า ไม่รู้จักเจียมตน!”

“เป็นศัตรูกับผู้คนทั่วหล้า?” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ ไม่เพียงมองดูแขกสวรรค์ชุดเขียวทีหนึ่ง แล้วก็มองดูบรรดาผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ และกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าใส่ใจต่อผู้คนทั่วหล้าจริงๆ รึ? เรื่องนี้ก็เหมือนดั่งเช่นในสายตาของพวกเจ้า ราษฎรหนึ่งร้อยคนกับราษฎรหนึ่งล้านคนมีข้อแตกต่างหรือไม่? ในสายตาของข้า พวกเจ้าก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ผู้คนทั่วหล้ามันก็แค่มดปลวกเท่านั้นเอง! ขอเพียงข้าต้องการ ฟ้าดินนี้ก็หายวับไปกับตาในพริบตา!”

คำพูดนี้ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ปราศจากผู้เทียบเทียม ทำให้ทุกคนถึงกับอึดอัดจนหายใจไม่ออก แน่นอน มีผู้ที่จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ และมีผู้ที่รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางคนที่มีปัญญา ไม่คิดว่าคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เป็นคำพูดที่โง่เขลาและอวดดี

“บางที เขานั่นแหละคือผู้ที่น่ากลัวอย่างแท้จริง” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิถึงกับเสียวสันหลังวาบ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เฉกเช่นราชันแท้จริงต้วนยวี่ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนได้ทำให้ผู้คนรู้ว่าพวกเขามีธาตุแท้ภายในที่ลึกล้ำเช่นใด มีกำลังความสามารถแข็งแกร่งเพียงใด แต่เกรงว่ามีความเป็นไปได้ที่ผู้คนไม่สามารถรู้ได้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งมีความสูงส่งเช่นใดตลอดไป บางที ความสูงส่งของเขาเป็นสิ่งที่รุ่นอย่างพวกเราไม่สามารถเอื้อมถึงได้ตลอดกาลอยู่แล้ว”

ครั้นระดับบรรพบุรุษผู้นี้ได้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับร่างสั่นเทาทีหนึ่ง

……………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *