Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2622 น้ำเต้าม่วงทอง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2622 น้ำเต้าม่วงทอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2622 น้ำเต้าม่วงทอง

ผู้เป็นอาจารย์มองดูน้ำเต้าม่วงทองที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารลูกนี้ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “แข็งแกร่งมาก เล่าลือกันว่า น้ำเต้าม่วงทองของฉางจินต้งเคยทำลายระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิไปแห่งหนึ่ง”

“เคยทำลายระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งหนึ่ง…” บรรดาศิษย์ทั้งหลายต่างตัวสั่นเทิ้มทีหนึ่ง และรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งหนึ่งใช่จะทำลายได้ง่ายๆ จะอย่างไรเสียระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแต่ละแห่งก็จะมีต้นกำเนิดสัจธรรมอยู่ ขณะที่ต้นกำเนิดสัจธรรมคือสุดยอดพลังสูงสุดที่ปฐมบรรพบุรุษบรรลุสัจธรรมแล้วทิ้งเอาไว้ มีความฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก เว้นแต่ปฐมบรรพบุรุษแล้ว คนอื่นๆ คิดจะทำลายล้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าขึ้นไปบนสวรรค์เสียอีก

“พลันที่น้ำเต้าม่วงทองปรากฏ สื่อความหมายถึงต้องการเปิดศึก น้ำเต้าม่วงทองคือสัญลักษณ์แห่งการเปิดศึกของฉางจินต้งตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าหากน้ำเต้าม่วงทองไปปรากฏตัวขึ้นที่สถานที่ใดที่หนึ่ง เป็นการบ่งบอกว่าน้ำเต้าม่วงทองต้องการทำลายล้างสำนักแห่งนั้น กระทั่งทำลายระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งนั้นไป” ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณมีท่าทีหนักแน่นจริงจัง เมื่อเห็นน้ำเต้าม่วงทองปรากฎขึ้นบนที่ราบลุ่มแห่งนี้

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมีท่าทีหนักแน่นจริงจังขึ้นมา หลังจากที่ได้เห็นการปรากฎตัวของน้ำเต้าม่วงทองแล้ว ในเวลานี้ทุกคนต่างก็เข้าใจ ฉางจินต้งไม่ได้มาด้วยเรื่องของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น

ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นได้เสื่อมลงแล้ว กระทั่งกล่าวได้ว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นไม่สามารถรับมือกับการโจมตีได้เลย หากฉางจินต้งต้องการทำลายลางระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นจริงๆ ล่ะก็ ไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยน้ำเต้าม่วงทองอยู่แล้ว

เวลานี้ การปรากฏตัวของน้ำเต้าม่วงทองบนที่ราบลุ่มของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น ทุกคนต่างนึกถึงคนโหดอันดับหนึ่งขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย

ย่อมไม่ต้องสงสัย น้ำเต้าม่วงทองของฉางจินต้งมาด้วยเรื่องของคนโหดอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ คนโหดอันดับหนึ่งได้สังหารสิบวัชระ ทำลายกองเรือรบ เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับฉางจินต้งเลยทีเดียว

กล่าวได้ว่า ความเสียหายเช่นนี้เป็นความเสียหายที่หนักหนาสาหัสมากที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้งฉางจินต้งขึ้นมา ฉางจินต้งย่อมไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศในครั้งนี้อย่างแน่นอนกับการสูญเสียอย่างหนักในครั้งนี้ ไม่อาจปล่อยให้พวกของสิบวัชระต้องเสียสละไปเปล่าๆ เช่นนี้อย่างเด็ดขาด

“เล่าลือกันว่า น้ำเต้าม่วงทองของฉางจินต้งมีเพียงสี่พุทธาเท่านั้นที่สามารถควบคุมได้ ถ้าหากจะให้น้ำเต้าม่วงทองสำแดงอานุภาพที่ทรงพลังที่สุดออกมาจะต้องอาศัยสี่พุทธาลงมือพร้อมกัน เวลานี้ดูไปแล้วเกรงว่าสี่พุทธาของฉางจินต้งจะต้องมาด้วยกันแน่นอน” มีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิเอ่ยขึ้นช้าๆ

ในเวลานี้ ทุกคนต่างถือเอาคนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่เป็นมาตรฐานสูงสุด เวลานี้ในสายตาของทุกคนมองว่าหากคิดจะสังหารคนโหดอันดับหนึ่งล่ะก็ ลำพังอาศัยเพียงหนึ่งในสี่พุทธาคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว จะต้องอาศัยมาตรฐานสูงสุด มีเพียงการร่วมมือของสี่พุทธายังจะมีโอกาสสังหารคนโหดอันดับหนึ่งได้ มิฉะนั้นแล้วมันก็คือการรนหาที่ตายเองชัดๆ เป็นการเข้ามาเพื่อรนหาที่ตาย

“เกรงว่าพวกของสี่พุทธาคงไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆ กันมานานมากแล้วกระมัง เกรงว่าพวกเขาไม่ได้ร่วมมือกันมานานมากแล้ว” มีผู้อดที่จะพึมพำขึ้นมาไม่ได้

“ได้ยินมาว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง” มีระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ที่มีประสบการณ์กว้างขวางได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เล่าลือกันว่า หลายปีก่อนฉางจินต้งยกตนข่มท่าน ไปเป่าประกาศตามที่ต่างๆ ไปทั่วว่าฉางจินต้งของพวกเขามีศักยภาพพอที่จะท้าสู้กับสามยักษ์ใหญ่ได้ กระทั่งกองเรือรบของพวกเขาได้บินไปยังทุกๆ ที่ของแดนลัทธิราชัน ด้วยท่าทีที่เที่ยวใช้อำนาจโดยไม่มีความยำเกรง เพียงแต่ภายหลังได้เก็บอาการลงไม่น้อย ไม่กล้าไปท้าทายต่อสามผู้ยิ่งใหญ่โดยง่ายดาย โดยเฉพาะตระกูลหลี่”

“เกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่รึ?” มีผู้เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“เกี่ยว แต่ว่า รายละเอียดข้าเองก็แค่ได้ยินมาเท่านั้นเอง” ระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ผู้นี้กล่าวว่า “เล่าลือกันว่า กู่อี้เฟยแห่งตระกูลหลี่เคยไปเยี่ยมฉางจินต้งเพียงลำพังคนเดียว โดยมีสี่พุทธาของฉางจินต้งให้การต้อนรับ”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องมองหน้าซึ่งกันและกัน กู่อี้เฟยเยี่ยมเยือนฉางจินต้งโดยลำพัง นั่นคือการเยี่ยมเยียนอย่างเดียวจริงรึ? ขณะที่สี่พุทธาของฉางจินต้งก็แค่มาให้การต้อนรับอย่างเดียวจริงรึ? “กู่อี้เฟยต่อสู้กับสี่พุทธารึ?” เรื่องนี้สร้างความสนใจให้กับผู้ที่ชอบเส่เรื่องชาวบ้านจำนวนไม่น้อยรีบเอ่ยถามขึ้น

“ไม่ทราบราละเอียด อาจเป็นไปได้ แต่ว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยทายว่า เป็นความจริงที่สี่พุทธาได้ร่วมมือกันสู้กับกู่อี้เฟย” ระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ผู้นี้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สรุปก็คือ หลังจากที่กู่อี้เฟยไปเยี่ยมเยียนแล้ว ฉางจินต้งได้เจียมเนื้อเจียมตัวมากขึ้นทีเดียว ไม่ไปเที่ยวเป่าประกาศว่าฉางจินต้งของตนนั้นสามารถท้าสู้กับสามผู้ยิ่งใหญ่ได้”

“เห็นทีการร่วมมือของสี่พุทธายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู่อี้เฟย” มีผู้กล่าวคาดเดาขึ้นมา

“ต่อให้พ่ายแพ้ให้กับกู่อี้เฟยก็ไม่มีอะไรต้องน่าอับอาย ใครบ้างที่ไม่รู้ว่ากู่อี้เฟยเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหลี่ กระทั่งมีผู้คาดเดาว่ากู่อี้เฟยคือขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลแล้ว” มียอดฝีมือที่พูดขึ้นมาได้อย่างชัดเจน

“กู่อี้เฟยจะเป็นขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลหรือไม่นั้นไม่ทราบ ที่มั่นใจได้ก็คือ เกรงว่าเขาไม่เพียงเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหลี่เท่านั้น ยังเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิราชันในยุคปัจจุบันอีกด้วย ในครั้งนั้นเขาก็เคยเกรียงไกรไปทั่งแดนลัทธิราชันปราศจากผู้ต่อกรมาแล้ว เขาไม่ได้ลงมือนานมากแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เกรงว่ามาวันนี้ยังคงปราศจากผู้ต่อกรกระมัง”

กู่อี้เฟย ระดับบรรพบุรุษของตระกูลหลี่ ถูกยกย่องว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหลี่ ขณะที่ยังหนุ่มแน่นเคยเป็นอัจฉริยะบุคคลลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งอย่างยิ่งคนหนึ่ง เย้ยหยันทั่วหล้า ภายหลังได้ถอนตัวน้อยครั้งนักที่จะยุ่งกับเรื่องราวทางโลก แม้แต่ตระกูลหลี่ ผู้ที่สามารถเชิญตัวเขาได้คงมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น

“ต่อให้สี่พุทธาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร” มียอดฝีมือเอ่ยขึ้นมาย่า “ครั้งนั้นฮ่องเต้ไท่ชิงใช้อำนาจบาตรใหญ่มากพอแล้วสินะ เป็นฮ่องเต้มาสามยุคสามสมัย ดูสิ ชั่วชีวิตของฮ่องเต้ไท่ชิงเคยเห็นใครอยู่ในสายตาบ้าง? ครั้งนั้นขณะที่เขาไปยังตระกูลมู่ ถึงกับเมินใส่เจ้าบ้านของตระกูล่มู่โดยตรง ต้องการให้ระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลมู่มาให้การรับรอง ช่างเป็นคนที่บ้าระห่ำและพาลเหลือเกิน แต่ทว่า กับกู่อี้เฟยเขายังให้เกียรติยิ่งนัก เมื่อเอ่ยถึงกู่อี้เฟยแล้วเขายังต้องยกย่องคำหนึ่งว่าพี่ชาย”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ได้รับการพยักหน้ายอมรับจากผู้คนจำนวนไม่น้อย ชั่วชีวิตของฮ่องเต้ไท่ชิงเรียกได้ว่ามหัศจรรย์ ผู้คนทั่วหล้ามีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงนั้นเรียกได้ว่าเป็นผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่มาชั่วชีวิต

ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมืออะไร เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ยอดเยี่ยมเช่นใด หรือเป็นบรรพบุรุษที่เที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่อะไร เมื่อพบกับฮ่องเต้ไท่ชิงแล้วก็ต้องเก็บงำท่าทีที่หยิ่งยโสขึ้น เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ชั่วชีวิตของฮ่องเต้ไท่ชิง มีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่สำเร็จ? ยังมีเรื่องอะไรที่เขาไม่กล้าทำ?

แต่ว่า ผู้ที่แข็งแกร่งเฉกเช่นฮ่องเต้ไท่ชิงยังคงให้ความเคารพในกู่อี้เฟย ดังนั้น ย่อมสามารถประเมินถึงความแข็งแกร่งของกู่อี้เฟยได้

“ตระกูลมู่มาแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊มาแล้ว เวลานี้แม้แต่สี่พุทธาของฉางจินต้งก็มาแล้ว” มีผู้พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้วว่า “พายุฝนฟ้าคะนองกำลังมาถึงแล้ว ไม่รู้ว่าระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นจะสามารถรองรับกับเหตุการณ์นี้ได้หรือไม่ ถ้าหากรับไม่ได้เกรงว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินี้คงต้องจบสิ้นลงแล้ว”

ทุกคนต่างก็รู้ว่า ศึกครั้งยิ่งใหญ่สะเทือนโลกกำลังจะมาถึงแล้ว ขณะที่ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นจะกลายเป็นสมรภูมิรบ เกรงว่าหากไม่ทันระวัง การสู้รบที่น่ากลัวอาจทำให้ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นต้องถูกยิงโจมตีจนทะลุ หรือถูกยิงทำลายจนหายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเดียว

“ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นในอดีตคือเนื้อที่อยู่บนเขียง เวลานี้ดูไปแล้วเกรงว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะยืนอยู่ข้างฝ่ายของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น ทุกคนที่คิดจะทำอำนาจบาตรใหญ่ในระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นก็ต้องดูว่าคนโหดอันดับหนึ่งเห็นด้วยหรือไม่แล้ว” นับตั้งแต่คนโหดอันดับหนึ่งยื่นมือเข้าช่วยเหลือราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิงแล้ว ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่า คนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่นั้นยืนอยู่ข้างฝ่ายของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น

ดังนั้น ใครคิดจะทำอะไรตามอำเภอใจเหมือนดั่งในอดีตที่เห็นว่าระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นได้เสื่อมลงแล้ว ไม่มีผู้ให้การหนุนหลัง สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจล่ะก็ เท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย

“คนโหดอันดับหนึ่งต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ เกรงว่าวีรบุรุษสองหมัดยากจะต้านสี่กรได้ ตระกูลมู่ ฉางจินต้ง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊ล้วนแล้วแต่มากันแล้ว ตระกูลหลี่ก็คงอยู่ไม่ไกล คนโหดอันดับหนึ่งต่อให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ สามารถต้านศัตรูได้ทั้งหมดรึ? ไม่แน่นัก ถึงเวลานั้นแล้วคนโหดอันดับหนึ่งพาตัวเองพ่วงเข้าไปด้วยจนต้องตายอยู่ในนั้น” ระดับบรรพบุรุษส่ายหน้าเบาๆ ไม่สู้จะมั่นใจในตัวคนโหดอันดับหนึ่งสักเท่าไร

ผู้คนจำนวนมากมองว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ หากคนโหดอันดับหนึ่งต้องการเป็นศัตรูกับทั่วหล้าจริงล่ะก็ เกรงว่าโอกาสที่เขาจะมีชีวิตรอดไปจากระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นได้นั้นจะต่ำมาก

แม้ว่าตระกูลมู่มาแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊มาแล้ว ฉางจินต้งก็มาแล้ว แต่เมืองหมิงลั่วเฉิงยังคงสงบยิ่งนัก ราษฎรของเมืองหมิงลั่วเฉิงไม่เข้าใจว่าพวกตระกูลมู่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด ขณะที่ในสายตาของพวกเขามองว่า หลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทานอยู่แล้ว ดังนั้น ต่อให้ข้างนอกจะมีผู้คนมามากมายกว่านี้ ราษฎรภายใจเมืองหมิงลั่วเฉิงก็ยังคงมีความเป็นอยู่อย่างมั่นคง ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งที่ตื่นตระหนก

กลับเป็นว่าหวูโหย่วเจิ้งที่เป็นยอดฝีมือรุ่นอาวุโส นับว่าเขาเป็นผู้ที่ผ่านโลกมามาก รู้ว่าตระกูลมู่ ฉางจินต้ง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊น่ากลัวเพียงใด ดังนั้น เขาเองอดที่จะเป็นกังวงในใจเมื่อเห็นด้านนอกเมืองหมิงลั่วเฉิงมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งจำนวนมากแอบมองอยู่

จะอย่างไรเสีย ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นในเวลานี้ฝากความหวังทั้งหมดอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่แล้ว ถ้าหากหลี่ชิเย่สู้พวกตระกูลมู่ไม่ได้ เกรงว่าระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นของพวกเขาก็คงต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว

ค่ำคืนนี้ เมืองหมิงลั่วเฉิงดูจะสงบสุขเป็นพิเศษ และสงบเงียบเป็นพิเศษ เดิมมันเป็นค่ำคืนที่สงบเงียบเป็นพิเศษ

แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์…เสียงแต่ละเสียงที่ดังขึ้น จากเสียงที่ดังขึ้นกะทันหันได้ทำลายความสงบเงียบของเมืองหมิงลั่วเฉิงไปโดยพลัน ในเวลานี้ เมืองหมิงลั่วเฉิงได้ปรากฏประกายเซียนที่แผ่กระจายออกเป็นสายๆ โดยที่ประกายเซียนแต่ละสายเหล่านี้กลับมุดออกมาจากใต้พื้นดินของเมืองหมิงลั่วเฉิง

ในขณะนี้ ทุกๆ ตารางนิ้วของเมืองหมิงลั่วเฉิงคล้ายดั่งได้เปล่งจิตวิญญาณออกมาอย่างนั้น ทุกๆ ตารางนิ้วล้วนแล้วแต่มีประกายเซียนที่มุดออกมาเป็นสายๆ

แม้ว่าประกายเซียนที่เป็นสายเหล่านี้ไม่ได้ละลานตามากเป็นพิเศษ แต่ว่า กลับมองเห็นได้อย่างชัดเจนละลานตาในยามค่ำคืน หลังจากที่มีประกายเซียนแต่ละสายโผล่ขึ้นมาในเมืองหมิงลั่วเฉิงแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกทำให้แตกตื่น ต่างทยอยกันลุกขึ้นมา และมองไปยังเมืองหมิงลั่วเฉิง

“ศิลาเซียนจะปรากฏขึ้นมาแล้วรึ?” ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นและตกใจ เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว

นาทีนี้บรรดาระดับบรรพบุรุษของตระกูลมู่ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊เป็นต้นล้วนแล้วแต่ถูกทำให้แตกตื่น ทุกคนต่างมองไปที่เมืองหมิงลั่วเฉิงในเวลานี้

“จะบุกเข้าไปไหม?” บางคนอดทนไม่ไหว พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา เมื่อมองเห็นประกายเซียนที่วูบวาบ

“ไม่ เว้นเสียแต่เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้ว” ระดับบรรพบุรุษจ้องมองทีหนึ่งและกล่าวว่า “เจ้าลืมคำพูดของคนโหดอันดับหนึ่งแล้วรึ?”

ครั้นนึกถึงคำเตือนของหลี่ชิเย่ ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสั่นเทาในใจ คนโหดอันดับหนึ่งกล้าที่จะเข่นฆ่าสิบวัชระ ห้าแขกสวรรค์ หากพวกเขาเข้าไปยังเมืองหมิงลั่วเฉิงจริง คนโหดอันดับหนึ่งต้องจัดการบดขยี้พวกเขาจนกลายเป็นหมอกเลือดอย่างแน่นอน

“รอ รอให้ตระกูลมู่ลงมือก่อน เกรงว่าพวกตระกูลมู่จะอดกลั้นไม่ไหว” มีระดับบรรพบุรุษที่เจ้าเล่ห์เอ่ย

เป็นไปตามคาด ในเวลานี้เอง มองเห็นบริเวณที่ตั้งค่ายของตระกูลมู่บนเนินเขาสูงได้ปรากฎเสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในขณะนี้ บริเวณค่ายของตระกูลมู่ได้เปล่งอานุภาพราชันแท้จริงขึ้นมา

“เกรงว่าตระกูลมู่จะลงมือแล้ว” มีผู้ร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นบริเวณค่ายของตระกูลมู่เปล่งเป็นประกายขึ้นมา

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *