Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2621 ต้นเหวินจุ๊จินสือ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2621 ต้นเหวินจุ๊จินสือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2621 ต้นเหวินจุ๊จินสือ

ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอก ต้นไม้ยักษ์ต้นนี้ได้โผล่ตั้งสูงตระหง่านเหนือพื้นดิน ทำการรีดที่ราบสูงแห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง ภายในระยะเวลาอันสั้น ที่ราบสูงแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นพื้นดินหมื่นลี้ที่แห้งผาก

ในเวลานี้ มองเห็นเพียงแม่น้ำลำคลองที่เหือดแห้ง ภูเขาและแม่น้ำที่พังทลาย ที่ราบสูงที่เดิมเปี่ยมด้วยสีเขียวในเวลานี้ได้กลับกลายเป็นพื้นที่ที่กันดาลแห้งเหือด

“ทางด้านระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊มาแล้ว” มีผู้คนจำนวนมากที่แอบรู้สึกตระหนกอยู่ในใจ และมีผู้ที่ร้องเสียงหลงว่า “นี่ นี่คือวิธีการอะไร ออกจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”

“ไม่ใช่วิธีการอะไร นี่คือต้นไม้ประหลาดของทางด้านระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊ที่มีชื่อว่าต้นเหวินจุ๊จินสือ” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสมองดูต้นไม้ยักษ์ที่โผล่ขึ้นมาตั้งตระหง่านเหนือพื้นดินต้นนี้ และกล่าวว่า “นี่คือลักษณะของการแย่งชิง สมรรถนะการเจริญเติบโตมีความแข็งแกร่งยิ่ง เป็นต้นไม้ประหลาดที่น่ากลัวมาก ต้นไม้ลักษณะเช่นนี้มักจะรีดทุกที่ที่พวกมันไปปรากฏจนแห้งอยู่เสมอๆ”

“ทุกๆ ต้นของต้นเหวินจุ๊จินสือที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ก็แค่เป็นส่วนหนึ่งของต้นดั้งเดิมเท่านั้นเอง ท้ายที่สุดแล้วล้วนแต่ทำหน้าที่ป้อนธาตุอาหารให้กับต้นเหวินจุ๊จินสือที่ขึ้นอยู่ภายในระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊ต้นนั้นเท่านั้นเอง” มีระดับบรรพบุรุษที่รู้ถึงความลึกซึ้งที่อยู่ภายใน

ต้นเหวินจุ๊จินสือคือต้นไม้ประหลาดชนิดหนึ่ง และก็คือต้นไม้ประหลาดต้นหนึ่ง มันคือชื่อของพันธุ์ประหลาดต้นหนึ่ง และก็คือชื่อต้นไม้ประหลาดชนิดหนึ่ง

ณ ระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊ ปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาเคยทิ้งพันธุ์ประหลาดลักษณะเช่นนี้เอาไว้ โดยมีการปลูกเอาไว้ในระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊ ภายหลังต้นไม้ประหลาดต้นนี้ก็ได้ถูกตั้งชื่อว่าต้นเหวินจุ๊จินสือ

ต้นไม้ประหลาดชนิดนี้มีความอัศจรรย์ และแข็งแกร่งมาก เป็นต้นว่าระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊ทำการหักกิ่งก้านสาขากิ่งหนึ่งของต้นเหวินจุ๊จินสือมา นำไปปักเอาไว้ยังสถานที่ใดที่หนึ่ง และหรือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิแห่งหนึ่ง ด้วยกิ่งก้านสาขาเช่นนี้ก็จะเจริญเติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ณ ที่ตรงหน้า และทำการรีดเอาพลังแก่น ธาตุอาหาร น้ำของสถานที่แห่งนั้นอย่างบ้าคลั่ง สามารถทำให้สถานที่แห่งนั้นกลับกลายเป็นพื้นดินที่แห้งและกันดาลยิ่งภายในระยะเวลาอันสั้น

ครั้นต้นเหวินจุ๊จินสือต้นดังกล่าวเจริญเติบโตจนมีขนาดยักษ์เพียงพอแล้ว มันจะเจริญเติบโตต่อไปในสถานที่แห่งนี้ก็ได้ และหรือจะโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินแล้วบินกลับไปยังระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊ก็ได้ หลังจากที่มันบินกลับไปยังระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊แล้ว มันก็จะเหี่ยวแห้งตายลง พลังแก่น ธาตุอาหารทั้งหมดที่มันได้ดูดเอามาก็จะถูกต้นแม่ดูดเอาไปจนสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ต้นแม่มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

เนื่องเพราะเหตุนี้เอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ต้นเหวินจุ๊จินสือต้นนี้ของระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊จึงมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ และมีอภินิหารที่ฝืนลิขิตสวรรค์อย่างยิ่ง ไม่รู้ว่ามีระดับเทพแท้จริงั้นอมตะในระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊มองว่ามันคือผู้อาวุโส และไม่รู้ว่ามีราชันแท้จริงจำนวนเท่าไรในระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊มองว่ามันคือเทพผู้พิทักษ์ของระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊

ความจริงก็เป็นเช่นนั้น พันล้านปีที่ผ่านมา ภายใต้การคุ้มครองของต้นเหวินจุ๊จินสือต้นนี้ ทำให้ระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊มีความเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด เคยมีหลายครั้งที่ถูกรุกรานโดยศัตรูภายนอกที่แข็งแกร่ง ล้วนแล้วแต่ถูกต้นเหวินจุ๊จินสือต้นนี้ตีจนแตกพ่ายไป

“ต้นเหวินจุ๊จินสือลักษณะเช่นนี้ออกจะอันธพาลยิ่งเหลือเกิน” เวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองดูด้วยความรู้สึกทั้งตกใจและอิจฉา เมื่อต้นเหวินจุ๊จินสือในเวลานี้เรียกได้ว่าสามารถบดบังท้องฟ้าได้แล้ว ใต้ต้นไม่ถึงกับมีน้ำจากลำธารที่ไหลริน เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขาม เสมือนดั่งเป็นพื้นที่ที่เป็นเอกเทศของตนเอง

การที่ต้นเหวินจุ๊จินสือเจริญเติบโตได้ถึงเพียงนี้ เป็นการอาศัยพลังแก่น ธาตุอาหารที่รีดเอามาจากมราบสูงแห่งนี้โดยสิ้นเชิง กล่าวได้ว่า หลังจากที่ต้นเหวินจุ๊จินสือเจิญเติบโตเต็มที่แล้ว ที่ราบสูงแห่งนี้ก็จะถูกทำลายไปด้วยสาเหตุนี้

“เรื่องนี้ทำไมไม่ไปดูว่าระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊คือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่มีลักษณะเช่นใดกัน มันมีชื่อชั้นเสมอด้วยฉางจินต้ง ศักยภาพของพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าฉางจินต้งแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊จะไม่ทำสงครามปราบปรามไปทั่วเหมือนเช่นฉางจินต้ง แต่ว่า ก็นับเป็นพวกที่เล่นบทโหด สำนักและสิ่งจัดตั้งเพื่อการสืบทอดที่ถูกพวกเขาทำลายยังน้อยไปรึ?” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสเอ่ยเรียบเฉยขึ้นมา

แน่นอนที่สุดก็มีระดับบรรพบุรุษส่ายหน้าเบาๆ ว่า “โดยทั่วไปแล้ว ระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊ก็จะไม่นำต้นเหวินจุ๊จินสือออกใช้โดยง่ายดาย ถ้าหากระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊กุงกับนำเอาต้นเหวินจุ๊จินสือออกมาใช้ เป็นการบ่งบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งเป็นการบ่งบอกว่าระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊เอาจริง”

“สิ่งนี้ก็ใช่ว่าคนเขาเมตตา” ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ยิ้มนิดหนึ่งและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “จะอย่างไรเสีย ต้นเหวินจุ๊จินสือใช้อำนาจบาตรใหญ่มากเหลือเกิน ไม่ทันใดก็จัดการรีดเอสสถานที่ที่ใดที่หนึ่งจนแห้งอยู่เสมอ สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นการกระทำที่ขัดต่อฟ้าดิน แบะเป็นการสร้างศัตรูให้กับระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊ไปทั่ว ต่อให้ระบบถ่ายทอดความคิดลัทธิเหวินจุ๊แข็งแกร่งมากกว่านี้ เมื่อใดที่มีศัตรูจำนวนมาก ก็เป็นการรนหาเรื่องให้ต้องล่มสลาย”

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้ต้นเหวินจุ๊จินสือได้เจริญเติบโตจนมีขนาดสูงใหญ่ที่สุดแล้ว มองเห็นด้านบนของต้นเหวินจุ๊จินสือถึงกับติดผลออกมาเป็นตึกสูงแต่ละหลัง และตำหนักโบราณแต่ละหลัง โดยที่ตึกสูง และตำหนักโบราณแต่ละหลังบ้างห้อยอยู่บนยอดไม้ บ้างตั้งอยู่บนกิ่งก้านสาขาที่แยกออกมา งดงามอลังการเสมือนดั่งเป็นที่อยู่ของเซียนอย่างนั้น

เอี๊ยดดด…เสียงหนึ่งดังขึ้น มีตึกสูงและตำหนักใหญ่ได้เปิดประตูออกมา เห็นร่างเงาของคนจำนวนมากมาย บนส่วนบนสุดของต้นเหวินจุ๊จินสือมีตำหนักขนาดใหญ่ที่คล้ายดั่งเป็นตำหนักศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นอยู่หลังหนึ่ง ครั้นประตูได้เปิดออก มองเห็นมีร่างเงาของคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่ตรงนั้น ท่าทางหมางเมินทั่วหล้า

แม้ว่าเงาคนผู้นี้จะแลดูเลือนราง แต่ท่าทางที่หมางเมินทั่วหล้ายังคงทำให้ผู้คนสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน

“คนผู้นี้เป็นใคร…” แม้ว่าตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลังนี้อยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าและอยู่ห่างไกลมาก แต่ ไม่ว่าใครก็สามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่น่าเกรงขามนั่น ภายใต้พลังที่หมางเมินทั่วหล้านั้น ทุกคนรูสึกได้ว่าเขากำลังนั่งตัวตรงและก้มมองดูเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายอยู่

“เกรงว่าจะเป็นซาอวี่เฉิง ราชาสวรรค์เหวินจุ๊” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสมองไปยังต้นไม้ยักษ์ที่อยู่ห่างไกล ถึงกับพึมพำขึ้นมา

มีผู้รู้สึกอิจฉาเมื่อมองเห็นตำหนักโบราณ ตึกสูงแต่ละหลังที่ห้อยอยู่บนต้นเหวินจุ๊จินสือ และกล่าวว่า “แค่กิ่งก้านสาขากิ่งหนึ่งที่บินเข้ามา สามารถก้าวข้ามฟ้าดิน ก้าวข้ามหมื่นอาณาจักร ที่ดียิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็สามารถเจริญเติบโตขึ้นเป็นต้นเหวินจุ๊จินสือลักษณะเช่นนี้ขึ้นมาได้ การอาศัยอยู่บนต้นไม้ลักษณะเช่นนี้ เรียกได้ว่าปลอดภัยจนไม่รู้จะปลอดภัยอย่างไรแล้ว ดูท่าศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊จะมีความสะดวกสบายกว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ นะเนี่ย”

ในเวลานี้ มองเห็นเทพกระบี่สายฟ้าที่กอดกระบี่และพูดน้อยเหินฟ้าขึ้นไปบนต้นเหวินจุ๊จินสือ ก้าวข้ามท้องฟ้าไปยืนอยู่ ณ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ส่วนบนสุด เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ผู้เยาว์ซูม่อไป๋มาคารวะต่อราชาสวรรค์”

“เป็นหลานนั่นเอง เข้ามาเถอะ พี่มู่เจี้ยนสบายดีรึ” ในเวลานี้ ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงนี้ฟังดูหนุ่มแน่นมาก แต่ว่ามีท่าทีที่แม้ดูเรียบเฉยแต่เปี่ยมด้วยอำนาจบารมี

“ด้วยบารมีของราชาสวรรค์ ท่านอาจารย์สบายดี ท่านได้ออกจากการกักตนแล้ว จะตามมาเร็วๆ นี้” เทพกระบี่สายฟ้าซูม่อไป๋โค้งคำนับทีหนึ่ง แล้วก้าวเท้าเข้าไปภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์

“เป็นซาอวี่เฉิง ราชาสวรรค์เหวินจุ๊จริงๆ” มียอดฝีมือที่พยักหน้าและรู้แล้วว่าผู้ที่อยู่ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เป็นใครแล้ว เมื่อเห็นกระบี่สายฟ้าซูม่อไป๋ไปคารวะ

“ได้ยินมาว่าราชาสวรรค์เหวินจุ๊กับราชันแท้จริงมู่เจียนคือพี่น้องร่วมสาบาน มาวันนี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊มาที่นี่ ตระกูลมู่ก็มาที่นี่เหมือนกัน เกรงว่าทั้งสองตระกูลจะต้องร่วมมือกัน” มีผู้ซุบซิบด้วยความกังขา

คำพูดลักษณะเช่นนี้ได้ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนต้องมองตากันและกัน และมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนต่างมีท่าทีที่แปลกไป

ลำพังแค่ตระกูลมู่ก็แข็งแกร่งมากพอแล้ว กระทั่งเรียกได้ว่าตระกูลมู่ใช่เพียงแค่แข็งแกร่ง มันคือไร้เทียมทานชัดๆ เวลานี้หากเพิ่มระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊เข้าไปอีกหนึ่งล่ะก็ มันก็คือการเพิ่มความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก

ถ้าหากพวกเขาสองตระกูลร่วมมือกันจริงๆ ลองนึกภาพดูจะมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดสามารถต่อกรได้? สมควรทราบว่า ทุกคนที่มาที่นี่ล้วนแล้วแต่มาด้วยเรื่องของศิลาเซียนชิ้นนั้น มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนเท่าไรทีต้องการมีชีวิตเป็นอมตะ?

“บางที สมควรแก่เวลาที่จะต้องหาพันธมิตรกันแล้วล่ะ” มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะท่าทีหนักแน่นจริงจังขึ้นมา ในเวลานี้ พวกเขาก็จำเป็นต้องตามหาพันธมิตรกันแล้ว หาไม่ล่ะก็ หากพวกเขาต้องการศิลาเซียนไม่สามารถต่อต้านกับตระกูลมู่และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊ได้อยู่แล้ว

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยแอบเป็นกังวลอยู่ในใจกับการมาถึงของตระกูลมู่และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเหวินจุ๊อยู่นั้น ทันใดนั่นเอง บนท้องฟ้าปรากฎเสียงดังตูมตามดังขึ้น เสียงตูมดังกล่าวพลันสร้างความสะเทือนให้กับฟ้าดิน ทั่วฟ้าดินล้วนแล้วแต่สั่นไหวโคลงแคลงทีหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ท้องฟ้าได้มืดครึ้มลง

“นั่นคืออะไร…” ในเวลานี้ มีผู้ที่เงยหน้าขึ้นมอง พลันมองเห็นบนท้องฟ้ามีสิ่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารบินเข้ามา

สิ่งที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารนี้เสมือนดั่งเป็นดาวตกที่วิ่งเข้ามา ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น พลันพุ่งลงมาปรากฎที่ท้องฟ้าของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น ขณะที่มันพุ่งเข้ามาบนท้องฟ้าของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นนั้น ท้องฟ้ามืดครึ้ม โดยได้บดบังท้องฟ้าเอาไว้ทันที

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา อุกาบาตรนอกโลกที่ใหญ่โตมโหฬารก็ได้พุ่งชนเข้ากับที่ราบลุ่มแห่งหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่น

ขณะที่อุกาบาตรนอกโลกที่ใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้พุ่งชนลงบนที่ราบลุ่มนั้น ไม่ได้มีลักษณะของฟ้าถล่มดินทลายอย่างที่ทุกคนได้จินตนาการเอาไว้ มีเพียงดินที่กระเด็นขึ้นสูง และถูกไถเป็นร่องลึกเท่านั้น

ครั้นอุกาบาตรนอกโลกที่ใหญ่โตมโหฬารหยุดสนิทอย่างสิ้นเชิงแล้ว ทุกคนเบิ่งตามองดูจึงได้พบว่า มันคือน้ำเต้าที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมากลูกหนึ่ง

มันคือน้ำเต้าม่วงทอง โดยที่น้ำเต้าม่วงทองดังกล่าวได้ส่งประกายม่วงทองวูบวาบออกมา บนตัวน้ำเต้าปรากฎความมีชีวิตชีวาที่เข้มข้นตลบอบอวลทั่วทั้งลูก เหมือนว่าน้ำเต้าม่วงทองลูกนี้เพิ่งจะเก็บมาจากต้นอย่างนั้น ยังคงมีชีวิตชีวาที่คึกคักยิ่ง

บนน้ำเต้าม่วงทองปรากฏลวดลายเต๋าที่เคลื่อนไหวไปทั่วทั้งลูก ลวดลายเต๋าดังกล่าวมีความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ขณะที่มันเคลื่อนไหวอยู่บนน้ำเต้าม่วงทองนั้น เหมือนเป็นการเขียนบทสุดยอดสัจธรรมสูงสุดบทหนึ่งอยู่อย่างนั้น และปรากฏอำนาจสัจธรรมที่พวยพุ่งออกมา

น้ำเต้าม่วงทองลักษณะเช่นนี้มีขนาดที่ใหญ่โตมาก เมื่อมันจอดอยู่บนที่ราบก็เสมือนหนึ่งเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ เมฆขาวยังต้องลอยผ่านบริเวณกึ่งกลางน้ำเต้าม่วงทองลูกนี้ และน้ำเต้าม่วงทองลูกนี้ก็ได้กลายเป็นภูเขาที่มีขนาดสูงที่สุดของที่ราบแห่งนี้

“ฟ้าประทานน้ำเต้าวิเศษให้รึ?” ครั้นมองเห็นน้ำเต้าที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้ ทั้งยังมองเห็นน้ำเต้าม่วงทองส่งประกายศักดิ์สิทธิ์วูบวาบออกมา ต่อให้คนที่ไม่มีความรู้อะไรเมื่อได้เห็นน้ำเต้าม่วงทองลูกนี้แล้ว ก็ต้องรู้ว่ามันคือของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมากชิ้นหนึ่ง

“ศิษย์พี่ มีน้ำเต้าวิเศษร่วงลงมาจากสวรรค์ รีบเก็บของกันเร็วพวกเราเข้าไปดูสิ ไม่แน่นักอาจจะได้พานพบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์” มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นน้ำเต้าม่วงทองลักษณะเช่นนี้เข้า คิดว่าตนเองได้พานพบสิ่งมหัศจรรย์แล้ว

“สิ่งมหัศจรรย์บ้าอะไรของเจ้า…” ยอดฝีมือที่เป็นอาจารย์ได้สติกลับมา ได้ยินศิษย์ของตนบอกว่าจะเก็บข้าวของเพื่อไปดูน้ำเต้าม่วงทอง จึงซัดเข้าไปที่ท้ายทอยหนึ่งฝ่ามือ หัวเราะเยาะเย้ยและด่าว่าขึ้นมาว่า “ถ้าหากเจ้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปก็เข้าไปดูก็แล้วกัน มันบดขยี้เจ้าให้กลายเป็นหมอกเลือดได้ในพริบตา นั่นมันคือน้ำเต้าม่วงทองของฉางจินต้ง”

“น้ำเต้าม่วงทองของฉางจินต้ง?” ศิษย์ผู้นี้รู้สึกแปลกใจยิ่งนักเมื่อได้ฟังคำจากอาจารย์ของตน เอ่ยถามว่า “แข็งแกร่งหรือไม่?”

…..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *