Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2626 คงความอมตะตลอดกาล

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2626 คงความอมตะตลอดกาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2626 คงความอมตะตลอดกาล

ท่าทีของลู่เคอะเวิงพลันทำให้ทุกคนต้องตกใจ ในใจของทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกสะดุ้งกับสิ่งนี้ ทั่วทั้งแดนลัทธิราชันยังจะมีใครเล่าที่คู่ควรให้ลู่เคอะเวิงต้องให้ความเกรงใจถึงเพียงนี้ได้เล่า?

ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ครุ่นคิดจนแย่ก็ยังนึกไม่ออก

“เรียนท่านผู้อาวุโส ปรมาจารย์ท่านสบายดี นับตั้งแต่ออกมาจากการกักตนแล้วก็อยู่ว่างๆ ในบ้าน คอยให้การชี้แนะผู้เยาว์อย่างพวกเรา” หลูเหว่ยจวินยิ้มกล่าว

พลันที่เอ่ยถึงปรมาจารย์ของตน ท่าทีของเขาดูภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ยืดอกมากขึ้นกว่าเดิมอีก ท่าทีหยิ่งยโสยิ่ง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

“ไป่ยื่อ แซ่หลู” เทพแท้จริงเก่ากะลาขั้นอมตะผู้หนึ่งครุ่นคิดพิจารณาอยู่ คาดคะเนถึงฐานะของหลูเหว่ยจวินผู้นี้ สุดท้าย เขาเริ่มได้เค้ามาบ้างแล้ว

“คงไม่ใช่นักพรตไป่ยื่อกระมัง” สุดท้ายแล้ว เทพแท้จริงเก่ากะลาขั้นอมตะผู้นี้นึกถึงบุคคลที่อยู่ในตำนานผู้หนึ่งแล้ว รู้สึกตกใจยิ่งนัก

“นักพรตไป่ยื่อ? เป็นใครมาจากไหน?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกแปลกใจ เมื่อได้ฟังคำพูดที่เสียบุคลิคของระดับเทพแท้จริงเก่ากะลาขั้นอมตะผู้นี้ ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกไม่คุ้นกับชื่อของ ‘นักพรตไป่ยื่อ’ ผู้นี้เอาเสียเลย

“นักพรตไป่ยื่อน่าจะเป็นบุคคลหลายยุคก่อนหน้าแล้ว” เทพแท้จริงเก่ากะลาขั้นอมตะผู้นี้ท่าทางหนักแน่นจริงจัง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ขณะที่นักพรตไป่ยื่อยังอยู่ หากแดนลัทธิราชันจะเลือกผู้ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดขึ้นมาสักคนล่ะก็ เกรงว่าจะไม่ใช่กู่อี้เฟย แต่เป็นนักพรตไป่ยื่อ ในยุคนั้น นักพรตไป่ยื่อได้เป็นผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าแล้ว เกรงว่ามาวันนี้ กู่อี้เฟยที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดคำนี้

“แข็งแกร่งมาก ณ ขณะนั้นเขาคือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นศักราชแล้ว เคยเกรียงไกรไปทั่วแดนลัทธิราชันปราศจากผู้ต่อกร” ครั้นเอยมาถึงตรงนี้ เทพแท้จริงเก่ากะลาขั้นอมตะก็ดูจะใฝ่ฝันอยากจะไปให้ถึงอย่างยิ่ง ได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในครั้งนั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เคยมีราชันแท้จริงหลายคนร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

เขาเองเคยเป็นยอดฝีมือในยุคสมัยนั้น เมื่อนึกถึงภาพในครั้งนั้นแล้วก็อดที่จะทอดถอนใจขึ้นมา

“เป็นถึงระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นศักราชตั้งแต่ยุคสมัยที่นานมากก่อนหน้านั้น” ทุกคนถึงกับสะดุ้งกับสิ่งนี้ แม้ว่ากล่าวสำหรับเทพแท้จริงขั้นอมตะแล้ว ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นศักราชนั้นเป็นผู้อยู่ในฐานะน่ากลัวยิ่ง ทั่วทั้งแดนลัทธิราชันคงมีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นศักราชอยู่ไม่กีคน กู่อี้เฟยที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็คือหนึ่งในนั้น

“ภายหลังได้ข่าวมาว่านักพรตไป่ยื่อสิ้นอายุขัยแล้ว ดังนั้น เขาจึงได้จัดการผนึกร่างของตนเข้าไปกักตนหากไม่สำเร็จก็จะไม่ออกมาตลอดไป หวังจะทะลุข้อจำกัดนี้ เพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่ทว่า จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย ผู้คนในหล้าต่างเข้าใจว่าเขาก็นั่งกรรมฐานจนแห้งตายไปในการกักตนเสียแล้ว” เทพแท้จริงเก่ากะลาขั้นอมตะผู้นี้กล่าวด้วยท่าทีตกใจยิ่งว่า “เวลานี้เขาถึงกับออกจากการกักตนมาได้ หรือว่าเขาได้ฟื้นคืนชีพมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว”

ในเวลานี้ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อได้ฟังความของเทพแท้จริงขั้นอมตะผู้นี้ เมื่อผู้ที่อายุขัยสิ้นสุดลงแล้วยังสามารถออกมาจากการกักตนตลอดไปได้ มันบ่งบอกถึงสิ่งใด

“ความสำเร็จของผู้อาวุโสไป๋ยื่อเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของรุ่นพวกเรา” ในเวลานี้ ปรากฏเสียงที่เบาๆ และห่างไกลดังออกมาจากน้ำเต้าม่วงทอง

การที่น้ำเต้าม่วงทองจู่ๆ ได้ส่งเสียงออกมากะทันหัน ทำเอาทุกคนถึงกับตกใจยิ่งนัก แรกทีเดียวทุกคนยังเข้าใจว่าน้ำเต้าม่วงทองเป็นเพียงของวิเศษที่ไร้เทียมทานชิ้นหนึ่งเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ภายใน

“ผู้อาวุโสไป๋ยื่อสำเร็จขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลนับเป็นสิ่งที่รุ่นพวกเราไม่อาจที่จะเอื้อมถึงได้ เสียใจที่ตอนนั้นไม่สามารถแสดงความยินดีต่อผู้อาวุโสไป๋ยื่อได้” ภายในน้ำเต้าม่วงทองปรากฏเสียงบางเบาและห่างไกลยิ่งออกมา

“พุทธาเกรงใจไปแล้ว ยินดีต้อนรับพุทธามาเป็นแขกที่บ้านตระกูลหลูทุกเมื่อ” หลู่เหว่ยจวินหัวเราะเสียงดัง ท่าทีดูยโสอย่างยิ่ง

“อะไรนะ…” ทุกคนต่างรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินเสียงบางเบาและดูห่างไกลยิ่งที่ออกมาจากน้ำเต้าม่วงทอง ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญตนธรรมดา หรือเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกรล้วนแล้วแต่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องหวาดผวากับสิ่งนี้

“ว่าอะไรนะระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล!” เทพแท้จริงขั้นอมตะที่ได้ยินคำว่า ‘คงความอมตะตลอดกาล’ แล้วเสมือนดั่งแมวถูกเหยียบหางอย่างนั้น กระโดดตัวลอยขึ้นมาทันที กล่าวด้วยท่าทีหวาดผวาว่า “นักพรตไป่ยื่อได้บรรลุการกักตน สำเร็จกลายเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล!”

“คงอยู่ตลอดกาล คงความอมตะตลอดกาล…” ผู้คนทั้งหมดต่างหวาดผวาหลังจากได้ยินคำๆ นี้ ในเวลานี้ไม่รุ้มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองหน้ากันและกัน รู้สึกใจหายใจคว่ำ กล่าวด้วยความหวาดผวาว่า “ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล นี่ นี่ นี่เป็นการดำรงอยู่ในฐานะไล่หลังปฐมบรรพบุรุษมาติดๆ นะเนี่ย”

ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากต่างถูกข่าวที่สะเทือนเลื่อนลั่นนี้ทำให้หวั่นไหว ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลดำรงอยู่ในฐานะเสมือนหนึ่งระดับปฐมบรรพบุรุษ เป็นระดับสูงสุดของเทพแท้จริงแล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่เทพแท้จริงทั้งหมดกระหายอยากก้าวไปให้ถึง สิ่งนี้ก็คล้ายดั่งบรรดาราชันแท้จริงทั้งหลายต้องการกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษอย่างนั้น

“ชั้นคงความอมตะตลอดกาลของแดนลัทธิราชันคนก่อนหน้าเกิดขึ้นมาเมื่อใดแล้ว? เกรงว่า เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่หลายยุคสมัยมาแล้วกระมัง” ในเวลานี้ระดับบรรพบุรุษถึงกับเหม่อลอยและพึมพำขึ้นมา

แม้จะกล่าวว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาในแดนลัทธิราชันมีเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ว่า เทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนมากเมื่อมีความแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะไปจากแดนลัทธิราชัน และขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียน เนื่องจากการไปอยู่ที่แดนลัทธิเซียนมีโอกาสกลายเป็นชั้นคงความเป็นอมตะได้ง่ายยิ่งกว่า

กล่าวสำหรับ เทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนไม่น้อย เมื่อแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้วยังคงรั้งอยู่ ไม่ว่าจะต่อตัวเองหรือต่อสำนักของตนล้วนแล้วแต่เป็นภาระ กล่าวได้ว่าผู้ที่สำเร็จถึงชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลแล้วยังคงรั้งอยู่ต่อไปได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งทั้งสิ้น

“ชั้นคงความเป็นอมตะ เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลที่แท้จริงนะเนี่ย” ไม่ง่ายนักที่เทพแท้จริงขั้นอมตะได้สติกลับมา ถึงกับทอดถอนใจยาวๆ ขึ้นมา และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หลังจากที่ตำแหน่งชั้นคงความเป็นอมตะของแดนลัทธิราชันว่างเว้นมาเป็นเวลานานขนาดนี้ ในที่สุดก็มีชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลสักคนแล้ว”

ไม่นานนัก ทุกคนต่างได้ข่าวมาว่า หลูเหว่ยจวินคือทายาทรุ่นหลังของนักพรตไป่ยื่อ เป็นลื่อชายของลื่อชายของลื่อชายของลื่อชาย ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ บนตัวของหลูเหว่ยจวินนั้นมีสายเลือดที่เป็นสายของนักพรตไป่ยื่อไหลรินอยู่ กล่าวได้ว่าเป็นสายเลือดที่เป็นสายตรงของนักพรตไป่ยื่อ

ลองนึกภาพดู ในฐานะที่เป็นทายาทรุ่นหลังของผู้ที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาล และเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหลูในอนาคต หลูเหว่ยจวินจึงมีสายเลือดที่สูงส่งเช่นใด? มีฐานะที่สำคัญอย่างใด?

ในเวลานี้ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่า เพราะอะไรลู่เคอะเวิง สี่พุทธาถึงต้องให้ความเกรงใจต่อหลูเหว่ยจวินที่เป็นเพียงผู้เยาว์ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรถึงเพียงนี้ ทั้งหมดนี้ก็เพราะนักพรตไป่ยื่อ ภาษิตกล่าวไว้ว่าไม่เห็นแก่หน้าภิกษุสงฆ์ ก็ควรเห็นแก่หน้าพุทธรูป

เมื่อหลูเหว่ยจวินมีปรมาจารย์เช่นนักพรตไป่ยื่อ ทุกอย่างย่อมไม่ต้องกล่าวถึงให้มากความ ใครบ้างล่ะต้องการไปล่วงเกินเขา สมควรทราบว่า ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลคือชั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงแล้ว ไล่ตามระดับปฐมบรรพบุรุษมาติดๆ ช่างเป็นกำลังความสามารถที่แข็งแกร่ง และน่ากลัวอะไรเช่นนี้

มีผู้กล่าวว่า “ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแดนลัทธิราชันเปลี่ยนมือ ไม่ใช่กู่อี้เฟยอีกต่อไป แต่เป็นนักพรตไป่ยื่อ”

ย่อมไม่ต้องสงสัย การที่นักพรตไป่ยื่อทะลุการกักตนตลอดกาลได้สำเร็จ และกลายเป็นชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลแล้ว เขาจึงได้กลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิราชัน สำหรับกู่อี้เฟยนั้นไม่สามารถเทียบเคียงได้

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า กู่อี้เฟยนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ทว่า ระหว่างเทพแท้จริงขั้นอมตะ กับชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลมีช่องว่างที่ไม่สามารถก้าวข้ามกันไปได้ ต่อให้กู่อี้เฟยแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็เป็นได้แค่ขั้นอมตะ แต่นักพรตไป่ยื่อคือชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาล ทั้งสองฝ่ายมีกำลังความสามารถที่ห่างกันมากเหลือเกิน

จากการมาถึงของหลูเหว่ยจวิน ด้านนอกเมืองหมิงลั่วเฉิงดูจะคึกคักมากเป็นพิเศษ ผู้คนที่ต้องการผูกสัมพันธ์ก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องการเชื่อมความสัมพันธ์กับหลูเหว่ยจวิน

แน่นอนที่สุด หลูเหว่ยจวินเองก็หยิ่งยโสยิ่งนัก ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าตาของเขาได้ ต่อใหมีผู้ที่เข้ามาขอสวามิภักดิ์เองเขาก็เชิดใส่

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เรือราชันของหลูเหว่ยจวินยังคงมีผู้คนจำนวนมากมาคารวะไม่มีว่างเว้น

สมควรทราบว่า สำหรับยอดฝีมือคนใด หรือสำนักใดๆ และหรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดก็ตาม ถ้าหากสามารถเชื่อมความสัมพันธ์กับระดับชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่สุด กล่าวสำหรับสำนักใดสำนักหนึ่งแล้วเรียกว่าส่งผลกระทบอย่างยิ่งทีเดียว

แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ผู้คนจำนวนมากคิดจะเกาะหลูเหว่ยจวินอยู่นั้น บริเวณเนินเขาสูงอันเป็นที่ตั้งค่ายของตระกูลมู่พลันพวยพุ่งเป็นอำนาจราชันที่ยิ่งใหญ่ไพศาลขึ้นมา มองเห็นประกายราชันแท้จริงที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง เวลานี้ ท้องฟ้าถูกประกายราชันแท้จริงสาดส่องจนสว่างไสวไปทั่ว

ตูม ตูม ตูมนาทีนี้เสียงดังตูมตามดังเป็นระลอกขึ้นมาไม่ขาดสาย ทั่วทั้งค่ายพวยพุ่งพลังที่น่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา ราชันแท้จริงองค์หนึ่งได้มาถึงแล้ว

“ราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมาถึงแล้ว!” ทุกคนต่างรู้สึกตกใจและร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อรับรู้ถึงอานุภาพราชันเท้จริงที่น่าเกรงขามสายนี้

ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองไปยังที่ตั้งค่ายของตระกูลมู่ แม้ว่าทุกคนไม่ได้เห็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยน แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่าราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมาแล้ว

“ราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ในที่สุดก็มีราชันแท้จริงองค์หนึ่งมาแล้ว เกรงว่าจะต้องเกรียงไกรไปทั่วหน้า” มีผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นช้าๆ เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นกายราชันแท้จริงที่น่าเกรงขามปราศจากผู้ต่อกร

ความโด่งดังด้านชื่อเสียงของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเป็นที่รู้กันทั่วหล้า หนึ่งในราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งมากที่สุดในแดนลัทธิราชันยุคปัจจุบัน และเป็นอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดของแดนลัทธิราชันในปัจจุบัน ในที่สุดเขาจะลงมือแล้ว พลันทำให้ผู้คนเปี่ยมด้วยการเฝ้ารอ

“หากราชันแท้จริงมู่เจี้ยนสู้กับคนโหดอันดับหนึ่ง ใครแกร่งใครด้อย?” มีผู้ที่เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมา

พลันที่ได้ยินปัญหาข้อนี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน คนแรกที่ทุกคนนึกถึงก็คือคนโหดอันดับหนึ่ง เนื่องจากกระทั่งวันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งมีความแข็งแกร่งเพียงใด ความตื้นลึกหนาบางของเขานั้นไม่อาจคาดเดาได้ตลอดมา

แต่ว่า ความโด่งดังด้านชื่อเสียงของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็หาใช่ผู้อ่อนแอ ทุกคนยากที่จะตัดสินได้ง่ายดาย

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น นาทีนี้ มองเห็นน้ำเต้าม่วงทองพวยพุ่งเป็นประกายที่ดังคลื่นยักษ์ออกมา ประกายสีม่วงได้ดันท้องฟ้าให้เปิดออก และแยกพสุธาออกไป โดยที่น้ำเต้าม่วงทองเสมือนหนึ่งต้องการสยบเหล้าชั้นฟ้าอย่างนั้น

“สีพุทธาก็จะลงมือแล้วรึ?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับสั่นเทาเมื่อรับรู้พลังของน้ำเต้าม่วงทองที่ต้องการสยบและสังหารทุกสิ่ง

ในเวลานี้ ปรากฏเสียงกวางขึ้นมาบริเวณป่าที่ลู่เคอะเวิงอาศัยอยู่พลันส่งประกายสีเขียวที่เหมือนน้ำทะเลอย่างนั้น ได้ยินเสียงตูมที่ดังสนั่น ประกายสีเขียวที่ดั่งคลื่นยักษ์ได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เสมือนดั่งคลื่นที่หาสาดซัด และท่วมฟ้าดินจนจมมิด

“ลู่เคอะเวิงก็จะลงมือแล้ว” มีคนรู้สึกแอบตกใจอยู่ในใจ เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว

เสียงช่าาา ช่าาาดังขึ้น เวลานี้ต้นเหวินจุ๊จินสือก็โยกแยกไม่หยุด แผ่พลังที่น่าเกรงขามขึ้นมา เหมือนว่าก็ส่งเสียงขานรับกับทุกฝ่ายอย่างนั้น

“เมืองหมิงลั่วเฉิงคือพื้นที่ของใต้หล้า ใครก็ตามไม่สามารถเสนอความเห็นโดยพละการ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นศัตรูกับทั่วหล้า” ในขณะนี้ หลูเหว่ยจวินได้แสดงท่าทีแล้ว เสียงของเขาดังก้องท้องฟ้า ย่อมไม่ต้องสงสัย คำพูดนี้ของเขาพุ่งเป้าไปที่หลี่ชิเย่อยู่แล้ว

ฐานะของหลูเหว่ยจวินไม่ธรรมดา เมื่อเขาแสดงท่าทีออกมา เท่ากับบ่งบอกว่าเป็นตัวแทนของนักพรตไป่ยื่อ

ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองไปที่เมืองหมิงลั่วเฉิง ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของคนโหดอันดับหนึ่ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *