Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2674 ข้านี่แหละปราศจากผู้ต่อกรในหล้า

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2674 ข้านี่แหละปราศจากผู้ต่อกรในหล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2674 ข้านี่แหละปราศจากผู้ต่อกรในหล้า

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว นาทีนี้ หลังจากที่ราชันเซียนมู่เจี้ยนได้รับพลังสัจธรรมจากศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่นับล้านล้านคน ได้ดูดกลืนน้ำแก่นสัจธรรมจำนวนมหาศาลเข้าไป และได้รับพลังจากปฐมบรรพบุรุษแล้วนั้น นาทีนี้ทั่วร่างของราชันเซียนมู่เจี้ยนได้พวยพุ่งเป็นลำแสงแต่ละสายออกมา ขณะที่ลำแสงแต่ละสายยิงออกมานั้นได้ยิงท้องฟ้าจนทะลุ เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ท้องฟ้าก็ถูกยิงจนแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี เสมือนดั่งต้องการทำลายโลกทั้งโลกจนพังพินาศย่อยยับอย่างนั้น

ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ต้องสงสัย นาทีนี้ราชันเซียนมู่เจี้ยนไม่ได้มีเพียงพลังจากต้นกำเนิดสัจธรรมเท่านั้น เขามีพลังจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ทั้งหมดอยู่ในครอบครอง รวมถึงพลังสัจธรรมจากศิษย์นับล้านล้านชีวิต

กล่าวได้ว่า นาทีนี้สภาพของราชันเซียนมู่เจี้ยนได้บรรลุถสึงขีดสูงสุดแล้ว เกรงว่านี่คือช่วงนาทีชีวิตที่ได้บรรลุถึงขีดสูงสุด เกรงว่าในอนาคตก็ไม่เห็นว่าเขาจะสามารถมีนาทีที่อยู่ในระดับสูงสุดปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ได้อีกแล้ว

ภายใต้สภาพเช่นนี้ของราชันเซียนมู่เจี้ยนนับว่าปราศจากผู้ต่อกรในหล้าแล้ว เหล่าเวไนยสัตว์เป็นได้แค่มดปลวกเท่านั้น แค่เขายื่นมือออกไปก็สามารถควบคุมฟ้าดินคว้าสุริยันจันทราได้ ภายใต้พลังที่น่ากลัวปราศจากผู้ต่อกรของเขา ทุกอย่างดูเหมือนจะเบาหวิว ไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ราชันเซียนมู่เจี้ยนได้อาศัยพลังที่เด็ดขาด กระบอกกู่ท้าวในมือก็ได้สยบปราบปรามลงมาทันที

ได้ยินเสียงดังปังที่ดังสนั่นหวั่นไหว สุริยันจันทราและดวงดาวแตกละเอียด ในพริบตาเดียวนี้เอง หลี่ชิเย่ถูกหวดจนจมลงสู่ใต้พื้นดินอีกครั้ง พื้นดินบริเวณนั้นกลับกลายเป็นซากปรักหักพังไปทั่ว ภาพเช่นนี้ช่างสร้างความสะเทือนหวั่นไหวแก่ผู้คนเช่นใด ทำให้ผู้พบเห็นต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ได้เห็นอานุภาพของหนึ่งกระบองเช่นนี้แล้ว ขาทั้งสองข้างอดที่จะสั่นเทาไม่ได้

“คราวนี้คงตายแล้วมั้ง” หลังจากผ่านไปนานมากแล้ว มองดูพื้นดินที่กลายเป็นซากปรักหักพังแล้ว มีผู้อดกระซิบขึ้นเบาๆ ขณะที่พูดคำพูดเช่นนี้เขาก็ไม่ค่อยจะมั่นใจนัก

“ตายแล้วรึ?” ความจริงแล้ว นาทีนี้ใช่ว่ามีเพียงผู้อื่นเท่านั้นที่ไม่มั่นใจ ขณะที่ทุกคนมองไปทางซากปรักหักพังนั้นก็ไม่มีความมั่นใจ ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่แน่ใจเป็นพิเศษ

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ทุกคนจะต้องเข้าใจว่าถูกหวดจนกลายเป็นเนื้อบด ถูกหวดจนกลายเป็นหมอกเลือดไปอย่างแน่นอน ภายใต้หนึ่งกระบองนี้

แต่เรื่องแบบนี้เมื่อเกิดขึ้นกับคนโหดอันดับหนึ่ง ทุกคนพลันรู้สึกไม่มั่นใจเสียแล้ว อย่าว่าแต่หนึ่งกระบองลักษณะเช่นนี้ที่หวดใส่บนตัวของคนโหดอันดับหนึ่งเลย ต่อให้เป็นสวรรค์ร่วงลงมากระแทกเข้าร่างของคนโหดอันดับหนึ่ง ทุกคนก็รู้สึกว่าไม่สามารถกระแทกคนโหดอันดับหนึ่งให้ตายได้

ในเวลานี้ใช่เพียงแต่ผู้ชมทั้งหมดที่ไม่มั่นใจว่าหนึ่งกระบองนี้ได้หวดคนโหดอันดับหนึ่งจนถึงตายหรือไม่ แม้แต่ตัวของราชันเซียนมู่เจี้ยนเองก็ไม่มั่นใจ เขาเองก็ไม่รู้ว่าหนึ่งกระบองนี้ได้หวดคนโหดอันดับหนึ่งจนตายหรือไม่

“คืนแรกมีแสง กำเนิดจากความขมุกขมัว!” ขณะที่ทุกคนไม่ค่อยจะมั่นใจนักว่าหนึ่งกระบองนี้ได้หวดคนโหดอันดับหนึ่งถึงตายหรือไม่นั้น เสียงที่เอ้อระเหยของคนโหดอันดับหนึ่งได้ดังขึ้นมา

“บ้าเอ๊ย ไม่ตายจริงๆ เสียด้วย เขาเป็นปีศาจรึ?” ได้ยินคำพูดที่เอ้อระเหยของคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว มีผู้ร้องเสียงแหลมขึ้นมาเสียงหนึ่ง หวาดผวาจนหน้าถอดสี ภายใต้ความหวาดผวา ได้ทิ้งตัวทรุดนั่งลงทันที

“เจ้าเคยเห็นปีศาจบนโลกนี้ที่แข็งแกร่งปานนี้หรือไม่?” มีผู้ที่กล่าวด้วยท่าทางจนด้วยเกล้าอย่างยิ่ง

ตูม ตูม ตูมในเวลานี้เอง เสียงตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลงขึ้นมา ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังขึ้น มองเห็นหลี่ชิเย่ได้โผล่ขึ้นมาจากใต้พื้นดินช้าๆ ยังคงรักษาท่าทางของสองแขนไขว้กันและต้านรับกับกระบองกู่ท้าวเอาไว้ ด้วยการดันเอากระบองกู่ท้าวที่สามารถสยบเหล่าชั้นฟ้าสังหารเทพมารให้ลอยสูงขึ้นดื้อๆ

“ไม่…” ราชันเซียนมู่เจี้ยนถึงกับร้องเสียงแหลมขึ้นมา เมื่อมองเห็นคนโหดอันดับหนึ่งจัดการดันให้กระบองกู่ท้าวลอยขึ้นมาอีกครั้ง ปฏิกิริยาของเขาแทบจะเหมือนแมวถูกเหยียบหางอย่างนั้น

ตูม ตูม ตูมนาทีนี้กระบองกู่ท้าวได้สั่นสะเทือนขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ราชันเซียนมู่เจี้ยนได้ทำการขับเคลื่อนน้ำแก่นสัจธรรมให้สยบลงไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่า ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่มีประโยชน์ หลี่ชิเย่ยังคงอาศัยแขนสองข้างที่ไขว้กันดันกระบองกู่ท้าวให้ยกขึ้น

‘คืนแรกมีแสง กำเนิดจากความขมุกขมัว’ เสียงของหลี่ชิเย่ได้ดังก้องอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน

ในเวลานี้ หน้าอกของหลี่ชิเย่ปรากฏประกายขึ้นมาสายหนึ่ง ในขณะนี้ทั่งทั้งโลกได้ตกอยู่ท่ามกลางความขมุกขมัว โลกทั้งโลกล้วนแล้วแต่ถูกความขมุกขมัวท่วมจนจมมิด

เวลานี้ หลี่ชิเย่คือผู้เดียวที่ดำรงอยู่เป็นนิรันดร์ เขาก็คือความขมุกขมัว ความขมุกขมัวก็คือตัวเขา เขาคือต้นกำเนิดของโลก เขาให้กำเนิดโลกขึ้นมา

นาทีนี้ไม่ว่ากระบองกู่ท้าวจะมีพลังอยู่มากมายเท่าไร ก็ไม่สามารถสั่นคลอนหลี่ชิเย่ได้แม้แต่น้อยนิด

เนื่องจากสิ่งนี้คือสัจธรรมของหลี่ชิเย่ นั่นก็คือสัจธรรมชิเย่ และนี่ก็คือกระบวนท่าเริ่มต้นคืนแรกมีแสง กำเนิดจากความขมุกขมัว

ตูม ตูม ตูมท่ามกลางเสียงดังตูมตามที่ดังไม่ขาดสาย ไม่ว่ากระบองกู่ท้าวจะมีพลังที่แข็งแกร่งเพียงใดอยู่ในครอบครองก็ไม่สามารถสยบหลี่ชิเย่เอาไว้ได้ ถูกหลี่ชิเย่ดันให้ยกสูงขึ้นอย่างช้าๆ

“เจ้าสมควรภาคภูมิใจได้แล้ว” ขณะที่หลี่ชิเย่ผลักดันให้กระบองกู่ท้าวยกตัวลอยขึ้นมานั้น ได้ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “สามารถทำให้ข้าต้องลงมือสู้จริงๆ ซ้ำยังคู่ควรให้ข้าได้ใช้สัจธรรมที่ข้าคิดค้นขึ้นมา ถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ใช่พลังของเจ้าเองก็ตาม แต่ว่า สามารถขับเคลื่อนได้ถึงขั้นนี้แล้วก็นับเป็นบุรุษผู้สูงส่งแล้ว”

เวลานี้ ราชันเซียนมู่เจี้ยนนิ่งเงียบเป็นเวลานาน เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองสมควรภูมิใจในตัวเองกับคำกล่าวชื่นชมเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ดี หรือว่าสิ้นหวังดี

มาจนถึงขั้นนี้แล้ว คนโหดอันดับหนึ่งยังแค่สู้กับตนเองจริงจังสักทีเท่านั้น และยังแค่เพิ่งใช้สัจธรรมที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง ยังคงห่างไกลอีกมากที่จะทุ่มสุดกำลัง ขณะที่ตัวเขาไม่เพียงอาศัยพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิไปทั้งหมด ทั้งยังได้อาศัยธาตุแท้ภายในทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ รวมถึงพลังสัจธรรมของศิษย์จำนวนล้านล้านคน แต่ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนโหดอันดับหนึ่ง

การที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูลักษณะเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายทารุณเช่นใด ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนต้องสิ้นหวังเพียงใด

ที่รู้สึกสิ้นหวังใช่จะมีเพียงราชันเซียนมู่เจี้ยน ความจริงแล้วผู้คนจำนวนมากก็รู้สึกสิ้นหวัง ภายใต้การปราบปรามที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ คนโหดอันดับหนึ่งแค่ต่อสู้จริงจังเท่านั้น เช่นนั้นแล้วในโลกนี้ยังจะมีใครเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้เล่า?

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้พลิกแขนทั้งสองข้าง พลันจัดการพลิกเอากระบองกู่ท้าวที่สยบอยู่บนตัวของเขาหงายขึ้น ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึงดังขึ้น ภายใต้การถูกหลี่ชิเย่พลิกหงายขึ้น ราชันเซียนมู่เจี้ยนที่อยู่ในสภาพสูงสุดก็ถอยหลังติดต่อกัน เกือบจะทำให้ร่างของเขาต้องปลิวออกไป

“เอาล่ะ สมควรข้าลงมือบ้างแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง

ในเวลานี้ สองแขนของหลี่ชิเย่เสมือนดั่งขวานที่สับลงมาตรงๆ ปากท่องบ่นคาถา ร่ายยาวว่า ‘คืนที่สองมีสัจธรรม เบิกฟ้าสร้างดิน!’

แขนทั้งสองข้างเสมือนดั่งขวานที่ผ่าลมมาตรงๆ นาทีนี้ทุกคนได้แต่ใช้คำว่าเบิกฟ้าสร้างดินมาเปรียบเปรย นอกเหนือจากคำๆ นี้แล้ว ไม่มีคำอื่นที่มีความหมายมาเปรียบเปรยได้อีกแล้ว

ภายใต้สองแขนที่ดั่งขวานและผ่าลงมา เหมือนว่าโลกทั้งโลกถูกบุกเบิกขึ้นมาโดยขวานของหลี่ชิเย่เพียงครั้งเดียว ภายใต้ขวานที่ผ่าเพียงครั้งเดียวได้กลายเป็นอันดับหนึ่งตลอดกาลอย่างนั้น

ราชันเซียนมู่เจี้ยนรู้สึกตระหนกยิ่งนัก เมื่อมองเห็นสองแขนที่ดั่งเบิกฟ้าสร้างดินสับลงมา กระบองกู่ท้าวในมือถูกยกขึ้นตั้งรับกับการโจมตีดั่งเบิกฟ้าสร้างดินของหลี่ชิเย่โดยตรง

ปังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ภายใต้การสับลงมา ฟ้าดินแตกดังปัง ทุกสิ่งแหลกละเอียด แขนทั้งสองของหลี่ชิเย่ที่เสมือนดั่งขวานที่สับลงไปบนกระบองกู่ท้าวอย่างแรง

ตามติดด้วยเสียงดังปัง ภายใต้การสับลงมาเช่นนี้ ราชันเซียนมู่เจี้ยนไม่อาจต้านเอาไว้ได้ กระอักเลือดออกมาอย่างแรงคำหนึ่ง ร่างของเขาเหมือนลูกอุกาบาตรขนาดใหญ่ที่ถูกสับให้ตกลงมาจากบนท้องฟ้าสูง พุ่งชนกระแทกเข้ากับพื้นดินอย่างแรง

นาทีนี้ ราชันเซียนมู่เจี้ยนเสมือนดั่งเป็นตะปูขนาดยักษ์ดอกหนึ่งที่ถูกตอกลงไปบนผืนแผ่นดิน

“เอาอีก” จังหวะที่ราชันเซียนมู่เจี้ยนถูกสับเข้าให้จนตรึงเข้าไปอยู่กับพื้นนั้น หลี่ชิเย่พลันไล่ตามเข้าไป แขนทั้งสองข้างยังคงสับลงมาเหมือนเดิม

‘คืนที่สองมีสัจธรรม เบิกฟ้าสร้างดิน’ หลี่ชิเย่คำรามเสียงยาว แขนทั้งสองข้างสับลง เบิกฟ้าสร้างดิน

ราชันเซียนมู่เจี้ยนรู้สึกผวาหนัก แต่ว่านาทีนี้เขาไม่มีทางเลือก ยังคงอาศัยกระบองกู่ท้าวรับการโจมตี ป้องกันการผ่าลงมาของแขนทั้งสองข้าง

เสียงปังดั่งสนั่น ได้ปะทะเข้ากับกระบองกู่ท้าวอีกครั้ง ได้ยินเสียงดังคร๊ากกกขึ้นมา ในเวลานี้ไม่มีกระดูกของราชันเซียนมู่เจี้ยนที่แตกร้าวเท่านั้น ภายใต้การโจมตีด้วยพลังที่น่ากลัวของหลี่ชิเย่ พื้นดินพลันแตกละเอียดปรากฎเป็นรอยร้าวรอยแยกจำนวนนับไม่ถ้วน ท่ามกลางผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาล พลันปรากฎเป็นหุบเหวลึกขนาดยักษ์แต่ละแห่ง เรียกได้ว่าพลังโจมตีของหลี่ชิเย่เพียงครั้งได้ทำลายพื้นดินจนพังพินาศย่อยยับ

ปุเสียงหนึ่งดังขึ้น ราชันเซียนมู่เจี้ยนกระอักเลือดอย่างแรง นาทีนี้ร่างของราชันเซียนมู่เจี้ยนแดงฉานไปด้วยเลือดทั้งร่าง แม้ว่าร่างกายของเขาจะสูงใหญ่มากไปกว่านี้ ก็ถูกอัดเข้าไปอยู่ใต้พื้นดินกว่าครึ่งตัว

“ไม่…” ศิษย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่จำนวนล้านล้านคนส่งเสียงร้องแหลมขึ้นมาเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้วเนื่องจากราชันเซียนมู่เจี้ยนในเวลานี้เป็นการปรากฎตัวขึ้นมาในรูปของปฐมบรรพบุรุษ ในขณะนี้ราชันเซียนมู่เจี้ยนก็เหมือนดั่งเป็นปฐมบรรพบุรุษในความคิดของศิษย์นับล้านล้านคน

มองเห็นปฐมบรรพบุรุษของตนเองถูกโจมตีจนย่ำแย่ขนาดนี้ กล่าวสำหรับศิษย์นับล้านล้านคนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้

“เจริญรอยตามเมฆาบนนภา เข้ารีตเขาจงหนานซาน โขกศีรษะสามครั้ง สองมือพนมระหว่างอก…”ในขณะนี้ ศิษย์จำนวนล้านล้านคนร้องเทศนาพลังภายในอย่างบ้าคลั่ง คลื่นเสียงเข้าปะทะบนท้องฟ้า คลื่นลูกหลังสูงกว่าคลื่นลูกหน้า

แต่ว่า ไม่ว่าศิษย์จำนวนล้านล้านคนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่จะพยายามเช่นใดก็ตาม แต่ทว่า ภายใต้การสยบปราบปรามด้วยแขนทั้งสองของหลี่ชิเย่แล้ว ราชันเซียนมู่เจี้ยนไม่สามารถต้านได้ ไม่สามารถพลิกเอาพลังสยบนั้นออกไป ตรงกันข้าม ท่ามกลางเสียงแตกร้าวดังตูม ตูม ตูมนั้น ร่างกายที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารของราชันเซียนมู่เจี้ยนถูกกดให้จมลงไปอย่างช้าๆ หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างทั้งร่างของราชันเซียนมู่เจี้ยนก็ต้องถูกสยบลงไปอยู่ใต้พื้นดิน

ระหว่างที่ถูกสยบปราบปราม ราชันเซียนมู่เจี้ยนกระอักเลือดออกมาอย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่า เศษอวัยวะภายในถูกเขากระอักตามออกมาด้วย

นาทีนี้ ราชันเซียนมู่เจี้ยนเองก็ต้านรับเอาไว้ด้วยความยากลำบาก แต่ว่า แม้ว่าเขาจะทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ยังคงไม่สามารถต้านพลังการสยบเด็ดขาดของหลี่ชิเย่เอาไว้ได้

ในขณะนี้ ร่างของราชันเซียนมู่เจี้ยนปรากฎเลือดสดๆ ที่ไหลหยดลงมาทั่วร่าง เขาได้กลายเป็นมนุษย์เลือดไปแล้ว ในเวลานี้ ภาพเช่นนี้ช่างทำให้ผู้คนต้องสิ้นหวังอะไรอย่างนั้น

“ไม่ ไม่ ไม่” ในเวลานี้ ศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่ต่างร้องเสียงแหลมขึ้นมา ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถยอมรับความจริงเช่นนี้ได้ พวกเขาพลันตกอยู่ในห้วงแห่งความสิ้นหวังแล้ว

นาทีนี้ พวกเขาไม่อยู่ในฐานะที่จะทำอะไรได้อีกแล้ว แม้ว่าพลังสัจธรรมของพวกเขาทั้งหมดได้หลอมรวมเข้าไปอยู่ภายในร่างกายของราชันเซียนมู่เจี้ยนแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกับการสยบของคนโหดอันดับหนึ่งได้

……………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *