Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2675 ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร
ตอนที่ 2675 ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร
เลือดสดๆ ไหลรินหยดลงมาทีละหยดๆ ย้อมดินจนกลายเป็นสีแดง ย้อมพื้นแผ่นดินจนแดงฉาน เดิมเลือดราชันแท้จริงนั้นล้ำค่ายิ่งนัก แต่ว่าเวลานี้กลับนำมาย้อมดินเสียนี่
นาทีนี้ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด เลือดสดๆ ได้ไหลอาบจนเปียกเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ไปทั่ว กลายร่างเป็นมนุษย์เลือดไปแล้ว
ในเวลานี้เอง ภายใต้การสังหารเด็ดขาดของหลี่ชิเย่ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเรียกได้ว่ายากจะทนต่อไปได้อีกแล้ว ไม่เพียงแต่กายเนื้อของเขาที่ได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส แม้แต่สัจธรรมของเขา ฐานเต๋าของเขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เวลานี้เขาอดทนแบกรับความเจ็บปวดอย่างยากลำบาก ไม่รู้ว่าจะทนต่อไปได้อีกนานเท่าไร
หากไม่เป็นเพราะพลังจากต้นกำเนิดสัจธรรมที่คอยสนับสนุนอย่างไร้ขีดจำกัด ภายใต้การสนับสนุนจากพลังสัจธรรมจากศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระกูลมู่นับล้านล้านคน ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนคงถูกโจมตีจนกลายเป็นหมอกเลือดไปนานแล้ว
ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนกระอักเลือดออกมาอย่างแรง คร๊ากกกเสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นมาจากร่างกายของเขา กระดูกบนตัวของเขาเรียกได้ว่าแตกร้าวไปทีละนิดๆ แม้ว่าเวลานี้เขาได้อาศัยสัจธรรมยืมร่าง สัจธรรมปฐมบรรพบุรุษล้วนแล้วแต่ถูกหลอมรวมเข้าไปอยู่ภายในร่างกายของเขาแล้ว แต่ว่าในเวลานี้ ร่างกายของเขาที่หลอมสร้างด้วยสัจธรรมปฐมบรรพบุรุษยังคงแตกร้างไปทีละนิดๆ
ท่ามกลางเสียงแตกร้าวดังคร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากกกนั้นสามารถมองเห็นได้ว่า เดิมภายใต้พลังการสยบปราบปรามของสุดยอดคัมภีร์สัจธรรมสูงสุดที่น่ากลัวนั้น กฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละสายแตกละเอียด หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่เพียงสุดยอดร่างจำแลงนี้จะแหลกละเอียดเท่านั้น ตัวของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็จะถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดเช่นกัน
นาทีนี้ แม้ว่ากระดูกทั้งตัวจะแตกละเอียดทีละท่อนๆ แต่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนยังคงกัดฟันทนต่อแขนทั้งสองข้างที่สยบลงมาของหลี่ชิเย่ แม้ว่าเขาจะต้องถูกบดขยี้จนกลายเป็นเนื้อยด แม้ว่าเขาจะถูกบดขยี้จนกลายเป็นหมอกเลือด เขาจำเป็นต้องยืนหยัดอย่างแข็งขืนเอาไว้ ขอเพียงเขายังคงมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายเหลืออยู่ เขาก็ต้องยืนหยัดให้ถึงที่สุด เขาจะละทิ้งไม่ได้เด็ดขาด
นาทีนี้ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนไม่มีทางที่จะถอยได้อีกแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอีก มีเพียงแข็งขืนยืนหยัดให้ถึงที่สุด จะอย่างไรเสียร่างกายของเขาได้หลอมรวมพลังจากศิษย์เป็นล้านล้านคนของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่เอาไว้ ด้านหลังของเขาก็คือบ้านเมือง
หากตัวเขาแตกสลาย ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ของพวกเขาก็จะพินาศย่อยยับตาม ศิษย์จำนวนนับล้านล้านคนของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ก็จะสูญเสียบ้านเมืองไปและอ่อนแอลง กลายเป็นเนื้อบนเขียงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ดังนั้น เสียงกระดูกแตกละเอียดที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็พยายามให้เอวของตนได้ยืดตัวตั้งตรงขึ้นมา แม้ว่ากระดูกสันหลังจะแตกละเอียด เขาก็จะต้องเชิดศีรษะขึ้น เขาต้องทำเช่นนี้ บนบ่าของเขาได้แบกรับความหวังของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ทั้งหมดเอาไว้ เขาเป็นผู้เฝ้าปกป้องระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ทั้งหมดเอาไว้
“ไม่ ไม่ ไม่…” ศิษย์จำนวนนับล้านล้านของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวัง ถึงกับร้องเสียงดังด้วยความเศร้าเสียใจและรันทดขึ้นมา ภายใต้การสังหารที่น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ทั้งหมดของพวกเขาตกอยู่ในสภาพอับจน เมื่อราชันแท้จริงมู่เจี้ยนล้มลงเมื่อใด เมื่อนั้นก็คือเวลาที่พวกเขาพินาศย่อยยับ
นาทีนี้เอง ศิษย์จำนวนนับล้านล้านของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่จึงได้ลิ้มรสถึงความสิ้นหวังอย่างแท้จริง ปรกติแล้ว ในฐานะที่เป็นศิษย์ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ที่เป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาล้วนแล้วแต่มองว่าตนเองสูงเด่นเหนือผู้อื่น โดยเฉพาะกับสำนักขนาดเล็กและอ่อนแอ กับผู้อ่อนแอแล้วก็จะมีแนวความคิดของความเป็นผู้สูงเด่น และเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตาย
แต่ เวลาล่วงเลยมาถึงวันนี้ ความหยิ่งยโสของพวกเขา ความถือดีของพวกเขาไม่ได้หลงเหลือไว้อีกแล้ว ความมืดมิดได้ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาแล้ว พวกเขาได้ตกลงสู่ความอับจน เมื่อไรที่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนล้มลง ก็จะเป็นวันที่พวกเขาหายวับไปกับตาในพริบตา
ดังนั้น ภายใต้ความสิ้นหวัง ศิษย์จำนวนนับล้านล้านของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ล้วนแล้วแต่ส่งเสียงร้องด้วยความเศร้าเสียใจและรันทดขึ้นมา แต่ว่า เวลานี้พวกเขากลับดูช่างไร้ความสามารถอะไรอย่างนั้น พวกเขาไม่สามารถทำได้ถึงขั้นพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดีขึ้น คนโหดอันดับหนึ่งแข็งแกร่งมากเหลือเกิน
ภายในตระกูลมู่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นระดับบรรพบุรุษที่เคยแข็งแกร่งเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะบุคคลที่โดดเด่นยอดเยี่ยมเช่นใด นาทีนี้พวกเขาล้วนแล้วแต่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าตนเองนั้นช่างอ่อนแอเหลือเกิน ช่างไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง
“ตระกูลมู่จบสิ้นแล้ว” ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว คนโหดอันดับหนึ่งนับว่าไร้เทียมทานเหลือเกิน ภายใต้ตระกูลมู่ที่อยู่ในสภาพสูงสุด และภายใต้สถานการณ์ที่งัดเอาธาตุแท้ภายในออกมาทั้งหมด ยังคงทำอะไรคนโหดอันดับหนึ่งไม่ได้ กำลังความสามารถทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมากเหลือเกิน
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องสั่นเทิ้ม ขณะมองดูราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่ถูกบดขยี้จนกระดูกแตกละเอียดไปทีละนิดๆ ไม่ว่าจะเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร หรือว่าอัจฉริยะบุคคลที่เข้าใจว่าตนเองนั้นยโสโอหังอย่างยิ่ง เมื่อเห็นความไร้เทียมทานของคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว ล้วนแล้วแต่ขาทั้งสองข้าไม่สู้สั่นเทาตลอดเวลา และรู้สึกเข่าอ่อน กระทั่งมีผู้ที่ถึงกับไร้เรี่ยวแรงลงไปกองกับพื้น
ภายใต้สภาพเช่นนี้ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนถือว่ามีกำลังความสามารถที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าแล้ว แต่ยังคงถูกคนโหดอันดับหนึ่งบดขยี้ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านกับเขาได้อยู่แล้ว ลองนึกภาพดู หากเปลี่ยนเป็นตนเอง เปลี่ยนเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนเอง เกรงว่าแม้แต่หมัดเดียวก็ยันเอาไว้ไม่อยู่ภายใต้มือของคนโหดอันดับหนึ่ง เกรงว่าหนึ่งหมัดของคนโหดอันดับหนึ่งที่โจมตีลงมา ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตนก็ต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว
ดังนั้น เมื่อนึกถึงจุดนี้แล้ว ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง ล้วนแล้วแต่ถึงกับสีหน้าซีดเผือด ในเวลานี้ผู้คนจำนวนเท่าไรที่แววตามองดูคนโหดอันดับหนึ่งเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว กระทั่งผู้คนจำนวนมากกระทั่งความกล้าที่จะไปจ้องมองคนโหดอันดับหนึ่งยังไม่มีเลย
“ไป๋ยื่อตัดวัฏสงสาร…” จังหวะที่ทุกคนล้วนแล้วแต่สิ้นหวังนั้น พลันปรากฎเสียงทุ้มต่ำที่แก่หง่อมเสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน
จากเสียงแก่หง่อมที่ดังขึ้น ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ทันใดที่เสียงนี้ดังขึ้นตามติดด้วยเสียงดังปัง ปัง ปังที่เป็นเสียงโจมตีแต่ละเสียงที่ดังก้องฟ้าดิน
ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันตอบสนองได้ทันว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ เห็นเพียงเส้นสายผลึกแห่งกาลเวลาแต่ละเส้นที่โยนตัวขึ้นไปสูง ทุกๆเส้นสายผลึกแห่งกาลเวลา ล้วนแล้วแต่ ทะลุผ่านสถานการณ์หมื่นพัน ไม่ว่าจะเป็น มิติกาลเวลาใดๆ ก็ต้องถูกทะลุผ่านภายใต้เส้นสายผลึกแห่งกาลเวลาลักษณะเช่นนี้
ภายใต้เส้นสายผลึกแห่งกาลเวลาแต่ละเส้นนี้ ปรากฏดาวเคราะห์ทั้งหมดแต่ละสายที่พุ่งโจมตีออกไป ดาวเคราะห์ทั้งหมดแต่ละสายที่พุ่งโจมตีเข้ามานั้น ไม่เพียงแค่พุ่งชนโจมตีฟ้าดินเท่านั้น มันโจมตีทะลุผ่านพื้นผิวของกาลเวลา ยิงช่องว่างจนแตกละเอียด บดขยี้ทำลายกฎเกณฑ์
เสียงปัง ปัง ปังแต่ละเสียงที่ดังขึ้น ดาวเคราะห์ทั้งหมดพลันยิงถูกตัวของหลี่ชิเย่ และดาวเคราะห์ทั้งหมดแต่ละสายที่พุ่งเข้ามาแต่ละรอบไม่ใช่ความเร็ว มันพุ่งโจมตีมาจากเส้นสายผลึกแห่งกาลเวลาดังนั้น นี่คือการโจมตีสังหารชั้นกาลเวลาแล้ว ไม่ใช่เป็นการโจมตีที่อยูภายใต้ขอบเขตช่องว่าง หรือความเร็ว
ดาวเคราะห์ทั้งหมดได้ยิงถูกหลี่ชิเย่พร้อมๆ กัน สุดท้ายได้ยินเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว เห็นเพียงร่างของหลี่ชิเย่ถูกยิงจนบินออกไป ถูกยิงจนพุ่งชนเข้าไปในอาวกาศ สามารถได้ยินเสียงแตกละเอียดดังตูม ตูม ตูมบนอาวกาศ
หลี่ชิเย่ที่ถูกดาวเคราะห์ทั้งหมดภายใต้เส้นสายผลึกแห่งกาลเวลา ลักษณะเช่นนี้พุ่งชนจนลอยพุ่งเข้าไปยังอวกาศ ร่างกายของเขาได้ชนดวงดาวแต่ละดวงบนอวกาศจนแหลกละเอียด ชนทางช้างเผือกแต่ละสายจนแตกสลาย สุดท้ายหายไปท่ามกลางหมู่ดวงดาวนั่น
ในเวลานี้ ปากของทุกคนล้วนแล้วแต่อ้าปากจนกว้างมาก และไม่สามารถเรียกสติกลับมาอยู่เป็นเวลานาน ก่อนหน้านั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่มองเห็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยน และระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ได้ตกอยู่ในความอับจนแล้ว ทุกคนต่างเข้าใจว่าราชันแท้จริงมู่เจี้ยน และระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่จะต้องหายวับไปกับตาในพริบตา ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า นาทีนี้จะปรากฎสถานการณ์ที่พลิกผันได้ขนาดนี้
ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงคือ คนโหดอันดับหนึ่งที่ปราศจากผู้ต่อกรแล้วถึงกับถูกยิงถล่มจนพุ่งเข้าไปในจักรวาลในทันที มองจากลักษณะของเขาที่พุ่งชนดวงดาว ทำเอาทางช้างเผือกแตกสลาย สามารถมองออกได้ว่า เกรงว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะได้รับบาดเจ็บ
ภายในใจของทุกคนเข้าใจว่า คนโหดอันดับหนึ่งนั้นคือผู้ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าแล้ว เวลานี้พลันถูกพุ่งชนจนกระเด็น ทำให้ทุกคนรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวโดยพลัน ทำให้ทุกคนต่างอ้างปากกว้างจนหุบไม่ลงอยู่เป็นเวลานาน
“นี่ นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ในเวลานี้ภายในสมองของผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่มีแต่ความว่างเปล่า แม้แต่คำพูดก็ติดอ่าง พูดจาไม่คล่องเสียแล้ว
เนื่องจากทุกคนล้วนแล้วแต่นึกไม่ถึงก็คือ คนโหดอันดับหนึ่งกำไพ่ชนะในมือ พลันปรากฎความพลิกผันได้ขนาดนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว การที่มันปรากฎการหมุนทวนคือความปาฏิหาริย์โดยแท้ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“ดูนั่น คนนั้นคือใคร…” นาทีนี้ มีผู้ที่มองเห็นบริเวณภูเขาที่สูงที่สุดของตระกูลมู่มีผู้เฒ่ายืนอยู่คนหนึ่ง ผู้เฒ่าคนนี้มีบุคลิกลักษณะที่ไม่เหมือนใคร สวมชุดนักพรต มีท่วงท่าที่จะขึ้นสู่สวรรค์อย่างนั้น เมื่อผู้เฒ่ายืนอยู่ที่ตรงนั้น เสมือนดั่งสูงส่งและบริสุทธิ์ในหล้า หลุดพ้นจากโลกีย์และปลีกตัวอยู่โดยลำพัง เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขาแล้วล้วนแล้วแต่ดูจะห่างไกลและเล็กน้อยทั้งสิ้น
ข้างกายของผู้เฒ่าผู้นี้มีดาวเคราะห์ทั้งหมดหมุนวนอยู่เป็นช่อ การหมุนรอบตัวหรือเคลื่อนไหวของดาวเคราะห์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไปตามเส้นสายผลึกแห่งกาลเวลาเหมือนว่าขณะที่ดาวเคราะห์ลักษณะเช่นนี้หมุนวนอยู่นั้น พวกมันไม่ได้เป็นสิ่งที่อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว เหมือนว่ามันได้ไปอยู่มิติอีกมิติไปแล้ว
กลุ่มคนรุ่นใหม่ กระทั่งมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างไม่รู้จักผู้เฒ่าผู้นี้ แต่ว่า บรรพบุรุษผู้นี้พลันลงมือก็ยิงจนคนโหดอันดับหนึ่งบินออกไป วิธีการปรากฎตัวเช่นนี้เพียงพอที่จะสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนได้แล้ว
“นักพรตไป๋ยื่อ…” มีระดับเทพแท้จริขั้นอมตะที่อายุมากยิ่งจดจำตัวเขาได้ หลังจากที่ได้มองเห็นหน้าตาของบรรพบุรุษผู้นี้ชัดเจน ถึงกับร้องเสียงดังออกมาด้วยความหวาดผวา
“นักพรตไป๋ยื่อ…” เมื่อได้ยินฉายานี้ทุกคนต่างเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา เวลานี้ ทุกคนต่างจ้องมองผู้เฒ่าคนนี้จากระยะห่างไกลด้วยเคารพยำเกรงอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่แข็งแกร่งเช่นใด ไม่ว่าจะเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ปราศจากผู้ต่อกรเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษผู้มีคุณสมบัติสูงส่งอย่างไร…นาทีนี้ต่างจ้องมองดูผู้เฒ่านี้ด้วยความเคารพยำเกรงอย่างยิ่ง
“นักพรตไป๋ยื่อ…” มีผู้คนจำนวนไม่น้อยกระซิบแผ่วเบา ขณะได้สติกลับมา ล้วนแล้วแต่ร่างสั่นเทาทีหนึ่ง
ในอดีตที่นานมากมาแล้ว นักพรตไป๋ยื่อก็คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกร และในยุคสมัยที่ยาวนานมากกว่า ในยุคที่ยังไม่ได้มีกู่อี้เฟยนั้น เล่าลือกันว่านักพรตไป๋ยื่อก็คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิราชันแล้ว
ต่อมาภายหลัง นักพรตไป๋ยื่อได้กักตนแบบหากไม่บรรลุก็จะไม่ออกมาอีกเลย แล้วเขาก็หายสาบสูญไปจากโลกนี้ ทุกคนต่างเข้าใจว่าเขาคงแห้งตายไปแล้ว ดังนั้น ภายหลังกู่อี้เฟยแห่งตระกูลหลี่ได้เกรียงไกรทั่วหล้า และปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า จึงทำให้กู่อี้เฟยมีทีท่าว่าจะยึดครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในหล้ารางๆ
แม้ว่ากู่อี้เฟยจะไม่ได้ยกย่องตัวเองว่าตนเองคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิราชัน ในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานมากอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ว่า ในความคิดของผู้คนทุกคนที่อยู่ในแดนลัทธิราชัน กู่อี้เฟยได้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแดนลัทธิราชันแล้ว
กล่าวได้ว่า ในห้วงระยะเวลาระยะหนึ่งที่ยาวนานมาก แม้แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงที่เป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัยก็ยังหวั่นเกรงต่อกู่อี้เฟยอยู่สามส่วน และยกย่องกู่อี้เฟยว่าเป็น ‘พี่ท่าน’
เวลาล่วงเลยมาถึงวันนี้ นักพรตไป๋ยื่อได้ออกมาจากการกักตน ตัวเขาผู้ซึ่งเคยเป็นผู้ที่แกร่งที่สุดถึงกับทะลุคอขวดสำเร็จเป็นคงความอมตะตลอดกาล!
…………………………………………..
Comments