Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2693 ใจเพชร จิตละมุน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2693 ใจเพชร จิตละมุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2693 ใจเพชร จิตละมุน

ชื่อเสียงของราชันแท้จริงจิ่วหนิงดังก้องปฐพี นางคือราชันแท้จริงที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งที่สุดของแดนลัทธิราชันในยุคสมัยที่แล้ว

ในยุคสมัยหนึ่งจะมีราชันแท้จริงอยู่ไม่น้อย ขณะที่ราชันแท้จริงจิ่วหนิงคือผู้ที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งที่สุดแห่งยุค กระทั่งมีผู้ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่าราชันแท้จริงจิ่วหนิงสามารถเทียบเคียงกับบรรพบุรุษยุคเฟื่องฟูของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่

“ราชันแท้จริงจิ่วหนิงคือราชันแท้จริงผู้มีสิบสองลัคนา” ไม่รู้ว่ามีผู้ที่จิตใจเหม่อลอยอยู่จำนวนเท่าไร และหลงรักอย่างหมดหัวใจขณะมองดูราชันแท้จริงจิ่วหนิงที่งดงามดั่งเทพธิดา

มีผู้ที่กล่าวทอดถอนใจออกมาด้วยความหวั่นไหซว่า “มิน่าเล่า ในครั้งนั้นทุกคนต่างกล่าวว่า ราชันแท้จริงจิ่วหนิงสามารถเทียบเคียงได้กับเจิ้งตี้ ผู้เป็นบรรพบุรุษยุคเฟื่องฟูของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ มาวันนี้ดูไปแล้วเป็นเช่นนั้นจริงๆ”

การปรากฏตัวของราชันแท้จริงจิ่วหนิงนับวาอยู่เหนือความคาดคิดของผู้คนเหลือเกิน ทุกคนต่างรู้สึกงงงันอยู่บ้าง เนื่องจากราชันแท้จริงจิ่วหนิงหายสาบสูญไปนานมาก ไม่นึกไม่ฝันว่าราชันแท้จริงจิ่วหนิงจะปรากฎตัวขึ้นมาอีกครั้งในวันนี้

“ราชันแท้จริงจิ่วหนิง นาง นาง นางได้ไปจากแดนลัทธิราชันตั้งแต่ยุคสมัยที่แล้วมิใช่รึ? นางมิใช่ขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียนแล้วรึ?” หลังจากที่ได้สติกลับมาแล้ว มีผู้ที่ร้องเสียงหลงขึ้นมา รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างจ้องมองตากันและกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ แม้ว่ามีผู้คนจำนวนมากไม่เคยพบเห็นราชันแท้จริงจิ่วหนิงมาก่อน แต่ว่า เคยได้ยินเรื่องราวตำนานเกี่ยวกับนางมาแล้ว

ตั้งแต่ยุคสมัยก่อนหน้านานมาแล้ว ราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็ได้ไปจากแดนลัทธิราชัน ก้าวขึ้นสู่แดนลัทธิเซียนไปแล้ว

สำหรับทุกคนแล้วเรื่องเช่นนี้ไม่นับเป็นเรื่องแปลก ความจริงก็คือ เรื่องเช่นนี้มีการเกิดขึ้นอยู่ทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริงคนใดก็ตาม เมื่อมีความแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะต้องไปจากแดนลัทธิราชันอยู่แล้ว จะอย่างไรเสีย ราชันแท้จริง หรือเทพแท้จริงขั้นอมตะผู้ใดก็ตาม หากต้องการก้าวไปให้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ ขอเพียงมีกำลังความสามารถถึงขั้นนั้นแล้ว ท้ายที่สุดก็ต้องไปยังแดนลัทธิเซียนอยู่แล้ว

คนก้าวสู่ระดับที่สูงกว่า น้ำไหลไปที่ที่ต่ำกว่า นับเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์ เพียงแต่ มาวันนี้ราชันแท้จริงจิ่วหนิงได้ปรากฎตัวขึ้นที่แดนลัทธิราชันอีกครั้ง สิ่งนี้นับว่าทำให้ผู้คนต้องตระหนกยิ่งโดยแท้จริง

“ราชันแท้จริงจิ่วหนิง” มีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่เข้าใจถึงราชันแท้จริงจิ่วหนิงที่กลับลงมาจากแดนลัทธิเซียน ถึงกับกล่าวทอดถอนใจขึ้นมาว่า “ดูท่า เกรงว่าราชันแท้จริงจิ่วหนิงมาเพื่อบิดาของนาง นางเองก็รู้อะไรบางอย่าง”

“นับว่าแข็งแกร่งมากเหลือเกิน” ระดับบรรพบุรุษดึกดำบรรพ์ถึงกับกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “การที่จะกลับมาจากแดนลัทธิเซียนใช่เป็นเรื่องง่ายดาย แต่นางก็ได้กลับมาแล้ว”

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า เมื่อยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งคิดจะลงมายังแดนลัทธิราชันจากแดนลัทธิเซียน และหรือจากแดนแดนลัทธิราชันลงไปยังแดนลัทธิพรรษนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ยากเย็นมากเหลือเกิน จำเป็นต้องมีแหล่งทรัพยากรจำนวนมหาศาลมาสนับสนุน กระทั่งต้องแลกด้วยค่าตอบแทนที่สูงมาก

โดยเฉพาะกล่าวสำหรับราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งมากแล้ว คิดจะลงมาจากแดนลัทธิเซียนยิ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ขณะที่ราชันแท้จริงจิ่วหนิงกลับมาได้โดยไม่ได้รับความเสียหาย สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่านางมีความแข็งแกร่งมากพอ ในฐานะที่เป็นราชันแท้จริงสิบสองลัคนาคนหนึ่ง ราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งมากที่สุดรองจากระดับปฐมบรรพบุรุษ และแสดงให้เห็นความแข็งกร้าวและอันธพาลของนาง

ราชันแท้จริงจิ่วหนิงไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิด และไม่แสดงอาการโกรธเมื่อถูกหลี่ชิเย่ปฏิเสธทันควัน นางทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “จะอย่างไรเสียเขาก็เป็นบิดา ในฐานะที่เป็นลูกสาว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็ไม่หวังว่าเขาจะตายไปในลักษณะเช่นนี้” กล่าวพลาง จ้องมองไปที่ฮ่องเต้ไท่ชิง

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่พลันรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาทันที หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาล่ะก็ ต้องให้อภัยฮ่องเต้ไท่ชิงอย่างแน่นอน แน่นอนที่สุด ท่าทีของหลี่ชิเย่เมินเฉย ไม่หวั่นไหวกับสิ่งนี้

ฮ่องเต้ไท่ชิงที่ถูกตรึงอยู่ที่ตรงนั้น ท่าทีดูจะขมขื่นอยู่บ้าง สุดท้าย เขาได้ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ไม่ต้องมาขอร้องแทนข้า ข้านั้นสมควรได้รับโทษอยู่แล้ว และเป็นการลงโทษที่มีต่อข้า เฒ่าอย่างข้ามีชีวิตอยู่มาสายยุคสมัย ไม่มีอะไรจะต้องเสียใจอีกแล้วล่ะ”

“เจ้าสามารถลงมาจากข้างบน แม้ไม่ปรากฏโฉม แต่สามารถมาส่งศพข้า ตาเฒ่าอย่างข้าก็พึงพอใจเป็นที่สุด และไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว” ครั้นฮ่องเต้ไท่ชิงเอ่ยมาถึงตรงนี้ถึงกับหัวเราะขึ้นมา เสียงหัวเราะนั้นช่างดูเปิดเผยอะไรอย่างนั้น

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองตากันและกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของฮ่องเต้ไท่ชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพแท้จริงขั้นอมตะรุ่นอาวุโสนั้นจะรู้อะไรเกี่ยวกับข่าวลือบางอย่าง

ก่อนหน้าอีกยุคสมัยหนึ่ง มีข่าวเล่าลือกันว่า ระหว่างฮ่องเต้ไท่ชิงกับราชันแท้จริงจิ่วหนิงสองพ่อลูกมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันนัก ราชันแท้จริงจิ่วหนิงไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับการกระทำต่างๆ ของฮ่องเต้ไท่ชิง ดังนั้น จึงมักจะไม่ให้การสนับสนุนต่อฮ่องเต้ไท่ชิงในหลายๆ เรื่องอยู่เสมอๆ

มิฉะนั้นล่ะก็ ในยุคก่อนหน้านั้นอาศัยอำนาจที่อยู่ในมือของฮ่องเต้ไท่ชิง บวกกับลูกสาวที่แข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ ไม่แน่นักอาจกวาดล้างกลุ่มอำนาจอย่างตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไปนานแล้ว

มีข่าวเล่าลือกันว่า เนื่องเพราะระหว่างพวกเขาที่เป็นพ่อลูกมีความแตกต่างด้านความคิดต่างๆ นานา สุดท้าย ส่งผลให้ราชันแท้จริงจิ่วหนิงไปจากแดนลัทธิราชันก่อนกำหนดและขึ้นไปยังแดนลัทธิเซียน

แต่ว่า ไม่ว่าระหว่างพวกเขาพ่อลูกจะเป็นเช่นใด แต่ เมื่อฮ่องเต้ไท่ชิงกำลังจะสวรรคต ตัวนางที่เป็นลูกสาวยังคงลงมาจากแดนลัทธิเซียนเพื่อส่งศพให้กับบิดาของตน เสียดาย ฮ่องเต้ไท่ชิงไม่ได้ตายจริง

“การแกล้งตายในครั้งนี้ไม่ฉลาดเอาเสียเลย” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงกล่าวน้ำเสียงเย็นชา

ฮ่องเต้ไท่ชิงหัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “แต่ว่า เจ้ายังคงกลับมาเพื่อส่งศพข้า กล่าวสำหรับตาเฒ่าเช่นข้าแล้วนับว่าคุ้มค่าแล้ว”

จะอย่างไรเสีย พ่อลูกย่อมเป็นพ่อลูกวันยังค่ำ ไม่ว่าระหว่างฮ่องเต้ไท่ชิงกับราชันแท้จริงจิ่วหนิงจะมีความขัดแย้งอย่างไร ไม่ว่าระหว่างพ่อลูกจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีอย่างไร มีความไม่สบายใจเช่นใด แต่ว่า ขณะที่ฮ่องเต้ไท่ชิงสวรรคต ราชันแท้จริงจิ่วหนิงยังคงกลับลงมาจากแดนลัทธิเซียน เพื่อส่งบิดาของตนเป็นครั้งสุดท้าย

“มาเถิด ฆ่าข้าเสียสิ” ฮ่องเต้ไท่ชิงก็มีจิตใจเยือกเย็นยิ่งนัก หัวเราะเสียงดัง ขณะเผชิญหน้ากับความตายนั้นก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด

กล่าวสำหรับฮ่องเต้ไท่ชิงแล้ว ชีวิตนี้ของเขาคุ้มค่าแล้ว นาทีสุดท้ายแห่งชีวิตลูกสาวของเขาก็ยังคงมาส่งเขาเป็นครั้งสุดท้าย กล่าวได้ว่าสำหรับฮ่องเต้ไท่ชิงที่มีชีวิตอยู่มาแล้วสามยุคสมัย เขาไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลอีกแล้ว ต่อให้วันนี้ถูกฆ่าตาย เขาก็ถือว่าได้ทำทุกอย่างจบสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว

“การส่งเจ้าไปนรกจะไปยากเย็นอะไรเล่า” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และก้าวเดินเข้าไปยังฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุ่นหลิ่งหยิ่ง

“องค์หญิง ก่อนจากไม่สามารถแสดงคารวะเต็มรูปแบบ บ่าวมีความผิด” นาทีสุดท้าย ซุนหลิ่งหยิ่งไม่สามารถกระดิกตัวได้ แสดงความขอโทษต่อราชันแท้จริงจิ่วหนิง

กล่าวสำหรับซุนหลิ่งหยิ่งแล้ว เขาคือผู้ที่เฝ้าดูราชันแท้จริงจิ่วหนิงจนเติบใหญ่ ภายในใจของเขาก็มองราชันแท้จริงจิ่วหนิงเฉกเช่นเป็นลูกสาวของตนเช่นกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ให้ความเคารพต่อราชันแท้จริงจิ่วหนิงเสมือนดั่งให้ความเคารพต่อฮ่องเต้ไท่ชิงเช่นเดียวกัน

“พวกเจ้านับเป็นพี่น้องคู่ทุกข์คู่ยากจริงๆ” แม้แต่ราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็จนด้วยเกล้าและส่ายหน้า

“ฝ่าบาท ไว้ชีวิตพวกเขาสักครั้งได้ไหม?” จังหวะที่ฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนหลิ่งหยิ่งอยู่ในห้วงระหว่างความเป็นความตายนั้น หลิ่วชูฉิงได้เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

นางที่มีความขลาดกลัวและอ่อนแอได้เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ด้วยท่าทางที่อ่อนโยนละมุนละมัยดั่งสายน้ำ

หลี่ชิเย่หยุดการก้าวเดิน จ้องมองไปที่หลิ่วชูฉิง มาถึงวันนี้ผู้คนใต้หล้าต่างก็หวาดกลัวในตัวของหลี่ชิเย่ ยามที่สายตาของหลี่ชิเย่มองมานั้น ผู้คนใต้หล้าต่างรู้สึกสั่นเทาขึ้นมา

ภายใต้สายตาของหลี่ชิเย่ ผู้คนใต้หล้าใครบ้างล่ะที่กล้าจ้องมองสู้สายตากับเขา ไม่ว่าผู้นั้นจะดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ต้องตัวสั่นงันงก และก้มศีรษะที่สูงส่งลงมา

หลิ่วชูฉิงรวบรวมความกล้าสู้สายตาของหลี่ชิเย่ แววตาที่จ้องมองหลี่ชิเย่นั้นมีความอ่อนโยน งดงามอย่างยิ่ง นางได้เอ่ยเบาๆ ขึ้นมาว่า “องค์หญิงจิ่วหนิงดีต่อข้ามาก ได้ถ่ายทอดอะไรให้กับข้ามากมาย นางถ่ายทอดจิ่วมี่ให้ทั้งหมด ข้าก็สมควรได้ตอบแทนนางบ้าง”

ที่แท้ฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนหลิ่งหยิ่งได้ลักพาตัวหลิ่วชูฉิงไป น่าเสียดาย ตั๊กแตนตำข้าวจะจับจักจั่น นกสาลิกาอยู่ด้านหลัง พวกเขาถูกราชันแท้จริงจิ่วหนิงสะกดรอยมานานแล้ว

ดังนั้น ขณะที่ฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนหลิ่งหยิ่งจับตัวหลิ่วชูฉิงไปนั้น ราชันแท้จริงจิ่วหนิงพลันลงมือลอบโจมตี และช่วยเหลือหลิ่วชูฉิงเอาไว้ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อราชันแท้จริงจิ่วหนิงเห็นว่าหลิ่วชูฉิงได้ฝึกเคล็ดวิชาจิ่วมี่แล้ว จึงได้ทำการถ่ายทอดให้ทั้งหมด ซึ่งราชันแท้จริงจิ่วหนิงเป็นเพียงหนึ่งเดียวในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ที่ได้ฝึกปรือวิชาจิ่วมี่ และนางได้ฝึกมาแล้วสองยุคสมัยเต็มๆ นางที่อยู่ในฐานะราชันแท้จริงสิบสองลัคนาจึงมีความเข้าใจในวิชาจิ่วมี่ที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใคร

ดังนั้น การที่นางได้นำเอาประสบการณ์ของตนถ่ายทอดให้กับหลิ่วชูฉิงทั้งหมด ทำให้หลิ่วชูฉิงได้รับประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว

หลี่ชิเย่จ้องมองดูหลิ่วชูฉิง มองดูแววตาที่อ่อนโยนดั่งสายน้ำนั่น เขายิ้มจางๆ ทีหนึ่ง ยื่นมือได้ขยี้ผมของนางเบาๆ ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “ในเมื่อนางหนูก็ได้ร้องขอแล้ว เช่นนั้นข้าจะเมตตาให้สักครั้ง ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษสักครั้ง”

ครั้นหลี่ชิเย่ได้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ละสายตากลับมา มองดูฮ่องเต้ไท่ชิงกับซุนหลิ่งหยิ่งและกล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “พวกเจ้าสมควรดีใจที่นังหนูของข้ามีจิตใจที่ดีงาม วันนี้นางได้ร้องขอให้กับพวกเจ้าข้าก็จะเมตตาให้สักครั้งเป็นกรณีพิเศษ และถือเป็นการยกเว้นที่มากที่สุดของข้า ต่อไป หากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ให้ทะเลเลือดไหลท่วมโลกนี้ก็แล้วกัน!”

คำพูดที่เมินเฉยของหลี่ชิเย่ พลันทำให้ผู้คนใต้หล้าหนาวสะท้านไปทั่วร่าง พริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนเสมือนดั่งได้มองเห็นทะเลเลือดที่ดั่งคลื่นยักษ์ได้ไหลท่วมไปทั่วทั้งโลก แดนลัทธิราชันทั้งหมดได้หายวับไปกับตาในพริบตาเดียวภายใต้ความโกรธของหลี่ชิเย่

แม้จะเป็นเพียงคำพูดที่เมินเฉยมากคำเดียวเท่านั้น ไม่รู้ว่าได้ทำให้ผู้คนใต้หล้าจำนวนเท่าไรต้องขวัญหนีดีฝ่อ ไม่รู้ว่ามีเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนเท่าไรถูกทำให้ตกใจจนขวัญไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ผู้คนใต้หล้าต่างเข้าใจ คำพูดนี้ของหลี่ชิเย่หาใช่เป็นคำพูดที่ข่มขู่ นี่เป็นความจริง ต่อไปนี้เมื่อใดที่ใครกล้าแตะต้องต่อมโกรธล่ะก็ ทั่วทั้งแดนลัทธิราชันต้องกลายเป็นทะเลเลือดที่ดั่งคลื่นยักษ์แน่นอน ไม่มีใครสงสัยในปณิธานของคนโหดอันดับหนึ่ง และไม่มีใครสงสัยในความใจเพชรไร้ซึ่งความปราณีของคนโหดอันดับหนึ่ง!

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกสั่นเทาในเวลานี้ ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ระดับบรรพบุรุษที่มีธาตุแท้ภายในมากกว่านี้ต่างตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

นาทีนี้ ผู้คนใต้หล้าต่างเข้าใจแล้วว่า ในความคิดของคนโหดอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะเช่นใดก็เทียบไม่ได้กับหลิ่วชูฉิง นี่แหละคือต่อมโกรธที่แท้จริงของเขา! กระทั่งกล่าวได้ว่า ในความคิดของคนโหดอันดับหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกเมื่อเปรียบกับหลิ่วชูฉิงแล้ว มันก็แค่ฝุ่นผงเท่านั้นเอง

ลองนึกภาพดู เฉกเช่นราชันแท้จริงจิ่วหนิงที่อยู่ในฐานะราชันแท้จริงสิบสองลัคนาอ้อนวอนถึงเพียงนี้ แต่คนโหดอันดับหนึ่งกลับไม่หวั่นไหว และไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย

แต่ทว่า คำพูดที่อ่อนโยนเพียงคำสองคำของหลิ่วชูฉิงก็เพียงพอให้คนโหดอันดับหนึ่งมีเมตตาให้เป็นกรณีพิเศษครั้งหนึ่ง พลังเช่นนี้อยู่เหนือระดับปฐมบรรพบุรุษมากทีเดียว

ในเวลานี้ทุกคนทั่วหล้าต่างรู้แล้วว่า คนที่หาเรื่องไม่ได้ด้วยอย่างเด็ดขาดในแดนลัทธิราชันหาใช่คนโหดอันดับหนึ่ง แต่เป็นหลิ่วชูฉิง!

ถ้าหากไปหาเรื่องคนโหดอันดับหนึ่งเข้า อาจเป็นไปได้ว่าแค่ตัวตายเท่านั้นเอง แต่ว่า หากล่วงเกินหลิ่วชูฉิงเข้าล่ะก็ ย่อมบ่งบอกถึงทะเลเลือดที่ดั่งคลื่นยักษ์ ต้องสั่นเทาไปทั่วทั้งแดนลัทธิราชัน

ดังนั้น ผู้คนทั่วหล้าต่างร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง และจดจำเอาไว้ให้มั่นในใจ ยุคสมัยนี้อย่าได้ไปหาเรื่องหลิ่วชูฉิงอย่างเด็ดขาด

………………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *