Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2694 พ่อลูกที่แปลกประหลาด

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2694 พ่อลูกที่แปลกประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2694 พ่อลูกที่แปลกประหลาด

ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้มองดูฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งที่ถูกตรึงอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง มือที่ยื่นออกไปอย่างชำนาญ ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้นมา กฎเกณฑ์สองสายที่ตรึงอยู่บนร่างของพวกเขาคลายตัวและหลุดลอยออกมา

หลังจากที่กฎเกณฑ์สองสายหลุดลอยไปแล้ว ฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งทั้งสองคนจึงได้ลุกขึ้นมา

หลี่ชิเย่มองดูพวกเขาทั้งสองด้วยท่าทีน่าเกรงขาม กล่าวน้ำเสียงเฉยเมยว่า “โทษตายละเว้นได้ โทษเป็นไม่อาจละเว้น” ขาดคำ มือที่ลงมาอย่างชำนาญ

ได้ยินเสียงดังปัง ปังขึ้นมา ขณะที่มือของหลี่ชิเย่ที่ลงมาอย่างชำนาญนั้น ได้สยบลงบนตัวของพวกเขาทั้งสอง พลันได้ยินเสียงสัจธรรมแตกละเอียดดังขึ้น

ในพริบตาเดียวนั่นเอง พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือก็ทำลายสัจธรรมของพวกเขา ทำให้พวกเขานายและบ่าวทั้งสองคนสูญเสียพลังทั้งหมดในพริบตาเดียว ฐานเต๋าถูกทำลาย ไม่สามารถฝึกปรือได้อีกตลอดชีวิต

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อฮ่องเต้ไท่ชิง หรือซุนหลิ่งหยิ่งก็ตาม หลังจากที่สัจธรรมถูกทำลายไปแล้ว เพียงชั่วพริบตาเดียวทั้งสองคนดูแก่หง่อมไปในทันที ผมเผ้าสีขาวโพลนเต็มศีรษะเหมือนหิมะอย่างนั้น เนื้อหนังเหี่ยวย่นขึ้นมาทันที ในขณะนี้พวกเขาทั้งสองไม่ได้มีท่วงท่าของเทพแท้จริงขั้นอมตะแห่งยุคอีกแล้ว เหมือนผู้เฒ่าธรรมดาๆ ที่มีอายุกว่าเก้าสิบคนหนึ่ง

“แค๊กกก แค๊กกก แค๊กกก…” ในเวลานี้เอง ฮ่องเต้ไท่ชิงถึงกับส่งเสียงไอขึ้นมา แต่ว่า เหมือนว่าในลำคอมีอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถไอแล้วให้มันออกมาได้

ในเวลานี้ ร่างกายของฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งทั้งสองคนล้วนแล้วแต่หลังค่อม เอวโค้งงอลง ดูไปแล้วพวกเขาสองคนก็คือผู้เฒ่าที่เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกสะเทือนใจขึ้นในใจ จะอย่างไรเสีย พวกเขาทั้งสองคนต่างก็เคยดำรงอยู่ในฐานะเป็นผู้ที่สามารถทำให้สถานการณ์สำคัญเปลี่ยนแปลงได้ เป็นยอดฝีมือที่ยืนอยู่จุดสูงสุดในแดนลัทธิราชัน

แต่ว่า มาวันนี้ทักษะยุทธถูกทำลายไปทั้งหมด กระทั่งเทียบไม่ได้กับมนุษย์ปุถุชนธรรมดา เหมือนหนึ่งร่วงหล่นลงไปสู่จุดต่ำสุด กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนเท่าไรแล้ว ความแตกต่างลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าตายทั้งเป็น

ราชันแท้จริงจิ่วหนิงเองก็ได้แต่ทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ สำหรับภาพที่เห็น นี่คือผลที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าหากไม่ได้หลิ่วชูฉิงขอร้อง พวกเขาทั้งสองต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

“แค็กกกข้ามีความรู้สึกว่าตายเสียยังจะดีกว่า” ฮ่องเต้ไท่ชิงกล่าวพร้อมกับไอแห้งๆ ทีหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

แต่ว่า ตัวเขาเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว เขาเป็นเพียงเนื้อที่อยู่บนเขียงท่ามกลางน้ำมือของหลี่ชิเย่ เขาไม่สามารถตัดสินใจใจชะตาชีวิตของตนเองได้แล้ว

“ฮึนี่เป็นการหาเหาใส่หัวของตน” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงส่งเสียงฮึเย็นชา และกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ต่อไปนี้ก็ทำตัวเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งแต่โดยดี ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขก็แล้วกัน!”

จะอย่างไรเสียก็เป็นบิดาของนาง มิฉะนั้นแล้ว นางก็คงไม่อาศัยกำลังกายใจจำนวนนับไม่ถ้วนลงมาจากแดนลัทธิเซียน

ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน จำนวนไม่น้อยต่างทอดถอนใจขึ้นมา เมื่อมองเห็นลักษณะเช่นนี้ของฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่ง หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นเกรงว่าคงไม่สามารถยอมรับกับข้อแตกต่างเช่นนี้ได้ เกรงว่าคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว

“ก็ดี เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งมีอะไรไม่ดีเล่า?” ฮ่องเต้ไท่ชิงไอแห้งๆ กล่าวเย้ยหยันทีหนึ่ง เขาเองก็ยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้านแล้วในเวลานี้

ราชันแท้จริงจิ่วหนิงมองดูบิดาของตนด้วยท่าทีเย็นชา กางมือออกไป ได้ยินเสียงดังแว้งค์เสียงหนึ่ง ปรากฏต้นไม้เซียนที่หาได้ยากต้นหนึ่ง โดยต้นไม้เซียนดังกล่าวถึงกับออกดอกอยู่สองดอก

ทั้งสองดอกแลดูคล้ายเป็นดอกบัว แต่ว่า พวกมันมีสีออกเป็นสีน้ำเงิน ดอกไม้เซียนหายากทั้งสองดอกแลดุงามหยาดเยิ้มอย่างยิ่ง แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ดอกไม้เซียนทั้งสองปรากฏกลิ่นอายเซียนที่ตลบอบอวล

“ท่านกับท่านอาซุนมีพลังอเวจีสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานมาก” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงกล่าวน้ำเสียงเย็นชาวา “ต้นไม้เซียนหายากต้นนี้ ท่านกับท่านอาซุนแบ่งกันคนละดอก เพียงพอที่จะต่อชีวิตให้กับพวกท่าน ให้พวกท่านมีชีวิตอยู่ได้สามถึงห้าร้อยปี ต่อไปเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาๆ คนหนึ่งยังจะไม่ดีตรงไหน!”

กล่าวสำหรับระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนไม่น้อยแล้ว สามถึงห้าร้อยปีเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก จะอย่างไรเสียเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนมากสามารถมีชีวิตได้มากกว่าหมื่นปี

แต่ทว่า สำหรับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งแล้ว มันคืออายุที่ยืนยาวมากแล้ว นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดยอดมาก

‘สิ่งของเซียน’ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างตกตะลึงเมื่อมองเห็นต้นไม้เซียนหายากต้นนี้ ต่อให้คนที่ไม่มีประสบการณ์ก็รู้ว่าต้นไม้เซียนหายากต้นนี้จะต้องเป็นโอสถเซียนที่ประเมินค่าไม่ได้

“เหอะ เหอะข้ายังจะต้องการอะไรอีก เช่นนั้นแล้วก็อยู่อย่างเอาตัวรอดไปวันๆ ก็แล้วกัน” ฮ่องเต้ไท่ชิงหัวเราะเหอะเหอะ

สำหรับเขาแล้วสิ่งนี้ถือว่าพึงพอใจอย่างยิ่งแล้ว สิ่งนี้ใช่ว่าเป็นเพราะเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกสามถึงห้าร้อยปี แต่ กล่าวสำหรับฮ่องเต้ไท่ชิงแล้ว สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปีนั้นเขาอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว

แต่ว่า ลูกสาวของเขาเมื่อรู้ว่าบิดาอายุขัยกำลังจะสิ้น ยังคงสิ้นเปลืองกำลังกายใจนับไม่ถ้วนเพื่อให้ได้มาซึ่งต้นไม้เซียนหายากเช่นนี้ ยังเดินทางลงมาจากแดนลัทธิเซียนอีก สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาผู้เป็นบิดาแล้ว นับว่าพึงพอใจอย่างที่สุดแล้ว เขาไม่ได้ต้องการสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว

“ขอบพระทัยองค์หญิง บุญคุณขององค์หญิงดั่งมหาสมุทร…” ซุนหลิ่งหยิ่งคุกเข่ากับพื้นรับพราะราชทานต้นไม้เซียนหายากจากราชันแท้จริงจิ่วหนิง

“ท่านอาซุนลุกขึ้นเถอะ” ราชันแท้จริงจิ่วหนิงพยักหน้า และเอ่ยขึ้นช้ๆ ว่า “ท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความภักดีตลอดมา นับว่าลำบากท่านแล้ว”

ความจริงแล้ว แม้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งจะมีฐานะเป็นนายกับบ่าว แต่ว่า พวกเขามีความผูกพันดั่งพี่น้อง แม้ราชันแท้จริงจิ่วหนิงจะมีฐานะเป็นองค์หญิง แต่ก็มองเขาเสมือนหนึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่

“ไปเถอะ จากนี้ไปอยู่อย่างมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่เรียบง่ายคนหนึ่ง” สุดท้าย ราชันแท้จริงจิ่วหนิงชี้นิ้วออกไปและเปิดประตูมิติขึ้นมา ส่งตัวฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งจากไปโดยตรง

ครั้นฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งหายตัวไปในประตูมิติแล้ว ทุกคนจึงได้ละสายตากลับมา

นับจากนี้เป็นต้นมา บนโลกนี้ไม่มีฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งอีกแล้ว และผู้คนในโลกก็ไม่มีใครเคยได้ยินข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับพวกเขาอีก

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม สิ่งนี้กล่าวสำหรับฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งแล้ว มันคือที่พึ่งพิงสุดท้ายที่ดีที่สุด เป็นจุดจบที่ดีที่สุดของพวกเขาแล้ว

ถ้าหากไม่เป็นเพราะราชันแท้จริงจิ่วหนิง จุดจบของพวกเขาในที่สุดย่อมสามารถจินตนาการได้

ท้ายที่สุด ฮ่องเต้ไท่ชิงและซุนหลิ่งหยิ่งยังคงสามารถมีชีวิตไปจากที่ตรงนี้ได้ ยังสามารถมีอายุที่ยืนยาวได้ นับว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์แล้ว

“เอาล่ะสิ้นสุดกันแล้ว กลับไปกันเถอะ ควรจะทำอะไรก็ไปทำเสีย” ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ทำท่าบิดขี้เกียจทีหนึ่ง ท่าทางอย่างไรก็ได้อยู่แล้วอย่างสิ้นเชิง

ตัวเขายังคงเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น ยังคงมีท่าทีที่เบื่อหน่าย ซึ่งทำให้ผู้คนยากจะจินตนาการได้ว่า เมื่อครู่นี้เขายังคงดำรงอยู่ในสถานะเข่นฆ่าฟ้าทำลายดินอยู่เลย

ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้พาหลิ่วชูฉิงจากไปแล้ว ขณะที่ราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็ไปจากตามไปด้วย

“สถานการณ์ปิดฉากลง” ทุกคนต่างทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ หลังจากมองส่งพวกของหลี่ชิเย่จากไปด้วยสายตาแล้ว สุดท้าย ผู้คนต่างทยอยกันปลีกตัวออกจากยุทธภพ ในเวลานี้ ฟ้าดินดูเงียบสงัดอย่างยิ่ง

การสู้รบที่สะเทือนฟ้าดินปิดฉากลง ตระกูลมู่ถูกทำลายล้าง นักพรตไป๋ยื่อถูกสังหาร ทั่วทั้งแดนลัทธิราชันถูกสยบ กระทั่งกล่าวได้ว่า ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดในแดนลัทธิราชันล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ และไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป

“ยุคสมัยที่ใหม่ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ในอนาคตจะเป็นแผ่นดินของสองผู้ยิ่งใหญ่” มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิตระหนักได้ว่าสถานการณ์กำลังจะเริ่มต้น ถึงกับทอดถอนใจขึ้นมา

แต่ ระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่ อนาคตจะไม่มีแผ่นดินของสองผู้ยิ่งใหญ่ มีเพียงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียว คนโหดอันดับหนึ่งเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว หลังจากศึกในครั้งนี้แล้ว เกรงว่าตระกูลหลี่ก็จะปลีกตัวออกจากโลกภายนอก คนโหดอันดับหนึ่งคือผู้ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าแล้ว มีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า เขาก็คือระดับปฐมบรรพบุรุษสูงสุดคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ปกครองแดนลัทธิราชันเป็นปึกแผ่น แต่ก็คือกษัตริย์ปราศจากมงกุฎของแดนลัทธิราชันทั้งหมด มีเพียงเขาที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียว!”

“ในยุคปัจจุบัน คนโหดอันดับหนึ่งเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว!” หลังจากศึกในครั้งนี้แล้ว ทุกคนต่างก็เข้าใจได้ว่า ยุคนี้ก็ไม่มีใครสามารถต่อกรกับคนโหดอันดับหนึ่งอีกแล้ว

ภายใต้วงแหวนที่ปราศจากผู้ต่อกรของคนโหดอันดับหนึ่ง แม้แต่ตระกูลหลี่ก็สลดและอับแสง กระทั่งกล่าวได้ว่า ภายใต้วงแหวนที่ปราศจากผู้ต่อกรของคนโหดอันดับหนึ่ง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั่วทั้งแดนลัทธิราชันก็อยู่ในสภาพเสมือนดั่งมดปลวกอย่างนั้น

มาถึงวันนี้ แม้คนโหดอันดับหนึ่งจะไม่ใช่ปฐมบรรพบุรุษ แต่ตัวเขาก็ดำรงอยู่ในสถานะเสมือนหนึ่งเป็นปฐมบรรพบุรุษ กระทั่งแซงล้ำหน้าปฐมบรรพบุรุษไปแล้ว!

เป็นจริงตามที่ทุกคนได้คาดการณ์เอาไว้อย่างนั้น หลังจากศึกครั้งนี้ปิดฉากลง ตระกูลหลี่ได้ประกาศปิดสำนัก ระดับบรรพบุรุษทั้งหมดประกาศปลีกตัวจากโลกภายนอกจะไม่ปรากฎตัวออกมาอีก ศิษย์ของตระกูลหลี่จะไม่ปรากฏตัวในแดนลัทธิราชัน

พลันที่ข่าวนี้ถูกแพร่กระจายออกมา ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างตระหนกอยู่ในใจ แต่ว่า กล่าวสำหรับบรรพบุรุษผู้มีประสบการณ์แล้วนั้น ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในความคาดคิดอยู่แล้ว

แม้จะกล่าวว่ากล่าวสำหรับผู้คนในหล้าแล้ว การหายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเดียวของตระกูลมู่ และแดนลัทธิราชันได้เข้าสู่ยุคของสองผู้ยิ่งใหญ่นับแต่นี้เป็นต้นไป โดยมีตระกูลหลี่กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ปกควบคุมสถานการณ์ใต้หล้า

แต่ว่า ผู้ที่มีประสบการณ์อย่างแท้จริงรู้ว่า นี่เป็นยุคของคนโหดอันดับหนึ่งเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว ยุคนี้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จะต้องเป็นยักษ์ใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของแดนลัทธิราชัน

ตระกูลหลี่เองก็เข้าใจในเหตุผลข้อนี้ พวกเขาฉลาดมาก พวกเขาจะไม่ไปขัดขวางเส้นทางของคนโหดอันดับหนึ่ง และจะไม่เป็นสิ่งกีดขวางการเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในการปกครองใต้หล้าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ดังนั้น ตระกูลหลี่จึงประกาศปิดสำนักไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก

ที่ตระกูลหลี่กระทำเช่นนี้ ทั้งเป็นการแสดงท่าที่ของพวกเขาต่อคนโหดอันดับหนึ่ง และยังเป็นการรักษากำลังของตน เป็นวิธีการที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอย่างหนึ่ง

“ตระกูลหลี่นับว่าฉลาด การที่ราชันแท้จริงต้วนยวี่สามารถกลายเป็นราชันแท้จริงที่ปราดเปรื่องน่าทึ่ง และฉลาดที่สุดของแดนลัทธิราชันใช่จะไม่มีเหตุผล” ระดับบรรพบุรุษจำนวนมากต่างเข้าใจในตระกูลหลี่ที่ผ่านเรื่องยากลำบากด้วยใจล้วนๆ ต่างเห็นด้วยกับการระทำที่ชาญฉลาดของตระกูลหลี่

“สมควรแก่เวลาที่ต้องปลีกตัวออกไปได้แล้ว มิฉะนั้นล่ะก็ ดีไม่ดีสักวันภัยอาจถึงตัว” ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะก็รู้ว่าควรจะทำอย่างไร และควรจะดำเนินมาตรการอย่างใดแล้ว

หลังจากที่ตระกูลหลี่ประกาศปิดสำนักแล้ว ภายในชั่วข้ามคืน ปรากฏว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ สำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากในแดนลัทธิราชันก็ได้ทยอยประกาศปิดสำนัก ระดับบรรพบุรุษ เทพแท้จริงขั้นอมตะที่มีชื่อเสียงโด่งดังจำนวนมากต่างประกาศไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ปลีกวิเวกในป่าเขา

ภายในระยะเวลาอันสั้น สำนักเจ้าลัทธิที่มีกำลังกล้าแข็งจำนวนมากในแดนลัทธิราชันต่างปิดสำนักไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก ในขณะนี้แดนลัทธิราชันได้กลายเป็นดินแดนที่เงียบกริบ

มาวันนี้ แม้แต่สำนักเจ้าลัทธิที่เคยยโสโอหังมากที่สุด อัจฉริยะบุคคลที่อวดดีมากที่สุด ก็กลับกลายเป็นเงียบกริบ และไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีกต่อไป สำนักเจ้าลัทธิ และอัจฉริยะบุคคลจำนวนมากหากไม่ใช่เริ่มกักตนฝึกปรือวิชาอย่างหนักก็คือปลีกตัวไปอยู่ตามป่าเขา ไม่ปรากฏตัวขึ้นในโลกมนุษย์อีก

ภายในชั่วข้ามคืน ทั่วแดนลัทธิราชันกลับกลายเป็นเงียบสงบเป็นพิเศษ ไม่มีเสียงอึกทึก และความเจริญของโลกผู้บำเพ็ญตนอีก ทั่วทั้งแดนลัทธิราชัน เข้าสู่ยุคของความเงียบสงบ

แน่นอน สำนักเจ้าลัทธิที่ยินดีปิดสำนักล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ชาญฉลาด นี่คือวิธีการหลีกเลี่ยงวความเสี่ยงที่ดีที่สุด

กล่าวสำหรับอัจฉริยะบุคคลจำนวนมากแล้ว เรื่องนี้ไหนเลยจะไม่ใช่โอกาสที่ดีเล่า ความปราศจากผู้ต่อกรของคนโหดอันดับหนึ่งเป็นการตีเสกหน้า ทำให้ผู้ที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งอยู่แล้วยิ่งฝึกปรือให้หนักขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ตนเองมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แม้ว่าชั่วชีวิตของเขาไม่สามารถแซงล้ำหน้าคนโหดอันดับหนึ่งได้ แต่อย่างน้อยที่สุดสามารถแซงตัวเองได้ อำนาจสยบของคนโหดอันดับหนึ่งได้ทำให้จิตใจของผู้คนจำนวนมากพลันทำใจให้นิ่งเพื่อทำการฝึกปรืออย่างจริงๆ จังๆ

……………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *