Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2716 ข้าอายุสิบแปด

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2716 ข้าอายุสิบแปด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2716 ข้าอายุสิบแปด

‘คัมภีร์กันดาร’ คือเคล็ดวิชาที่กัวเจียหุ้ยกำลังฝึกอยู่ ถือเป็นคัมภีร์ที่อยู่ในระดับค่อนข้างพื้นฐานของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเซียนมาร ถ่ายทอดโดยผู้เฒ่าอมตะ ตามตำนานเล่าว่า ‘คัมภีร์กันดาร’ คือหนึ่งในคัมภีร์ที่ผู้เฒ่าอมตะใช้ในการทำพิธีบูชาและหลอมกลั่นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเซียนมาร

นับตั้งแต่กัวเจียหุ้ยเข้าเป็นศิษย์ของนิกายหู้ซานจงแล้วก็ได้ฝึก ‘คัมภีร์กันดาร’ ตลอดมา เพียงแต่ไม่มีความก้าวหน้าสักเท่าไร และประสบผลสำเร็จในวงจำกัด ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้กัวเจียหุ้ยไม่สามารถฝึกปรือเคล็ดวิชาอื่นๆ ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่านี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา

แต่ว่า สำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ‘คัมภีร์กันดาร’ ไม่นับเป็นอะไรได้ ปรกติแล้วจากการที่กัวเจียหุ้ยระบายให้ฟังถึงเคล็ดลับของคัมภีร์ไม่กี่คำ เขาก็สามารถแอบส่องได้ถึงความลึกซึ้งของ ‘คัมภีร์กันดาร’ ได้ทันที

สมควรทราบว่า ยังจะมีใครบนโลกนี้ที่เข้าใจในตัวของผู้เฒ่าอมตะมากไปกว่าเขา หรือจะเรียกว่าอมตะตระกูลเซียวเล่า? พวกเขาคือผู้ที่อยู่ร่วมกันมานับพันล้านปี ไม่มีใครสามารถเข้าใจในตัวเขามากไปกว่าหลี่ชิเย่อีกแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับเคล็ดวิชา สัจธรรมของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่งขอเพียงหลี่ชิเย่ต้องการ ย่อมสามารถยื่นมือไปหยิบฉวยมาได้ตามอารมณ์

สิ่งนี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว เป็นเรื่องที่ง่ายดายจนไม่รู้จะง่ายดายอย่างใดแล้ว เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ แต่ว่า กล่าวสำหรับกัวเจียหุ้ยแล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อนางชั่วชีวิต

ดังนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง กัวเจียหุ้ยรู้สึกได้ว่าเหมือนมีประตูบานหนึ่งในทะเลแห่งความรู้ของนางถูกเปิดออก ทำให้นางได้รับรู้ถึงโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน ประตูลักษณะเช่นนี้เสมือนหนึ่งได้ส่องสว่างให้กับชีวิตของนาง ส่องอนาคตของนางจนสว่างไสว

ก่อนหน้านี้ นางรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงกับการฝึกปรือ ‘คัมภีร์กันดาร’ เล่มหนึ่งอย่างหนักแต่ฝึกไม่สำเร็จ แต่ทว่าในพริบตาเดียวนั่นเอง ทำให้นางได้รับรู้สิ่งที่สมควรรู้แทบทุกอย่าง ค่อยๆ บรรลุความลึกซึ้งที่อยู่ภายในนั่น ในเวลานี้ ทำให้นางได้มองเห็นความหวังบนเส้นทางของการบำเพ็ญเพียงข้างหน้า ทำให้นางยิ่งมีความตั้งใจมากขึ้น มีความกล้ายิ่งขึ้นที่จะก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่แล้ว กัวเจียหุ้ยจึงได้สติคืนกลับมาอย่างช้าๆ จากความหมายอันลึกซึ้งที่งดงามยอดเยี่ยมของ ‘คัมภีร์กันดาร’

“ขอบคุณ ขอบคุณผู้ ผู้อาวุโสที่ชี้แนะ” หลังจากกัวเจียหุ้ยได้สติกลับมาแล้ว รีบแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่อย่างลึกซึ้ง ขณะที่เอ่ยถึงชื่อของหลี่ชิเย่นั้น นางถึงกับลังเลนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะเรียงหลี่ชิเย่ว่าอย่างไรดี สุดท้ายนางยังคงเรียกหลี่ชิเย่ว่า ‘ผู้อาวุโส’

แม้ว่าหลี่ชิเย่นั้นแลดูมีอายุน้อยมาก แต่ ในขณะนี้กัวเจียหุ้ยเองก็ไม่กล้าล่วงเกิน

เวลานี้ต่อให้กัวเจียหุ้ยโง่เขลามากกว่านี้ นางก็เข้าใจได้ว่าหลี่ชิเย่หาใช่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง เขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธคนหนึ่ง ต่อให้เขาขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ ยังคงเป็นผู้เยี่ยมยุทธที่ยากจะหยั่งถึงได้ หาไม่แล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่เขาสามารถรู้ได้ถึงความลึกซึ้งของ ‘คัมภีร์กันดาร’ ของพวกเขาได้เล่า

ถึงแม้กัวเจียหุ้ยจะคารวะแล้วคารวะอีก แต่ว่า หลี่ชิเย่ที่เอนนอนอยู่ในเก้าอี้ล้อเลื่อนไม่ได้ขยับตัวเลย แม้แต่หนังตายังไม่ได้เลิกสักนิด ไม่ได้มองดูกัวเจียหุ้ยอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นไม่ให้ความสนใจต่อกัวเจียหุ้ยเลย

กัวเจียหุ้ยไม่ทราบว่าสภาพของหลี่ชิเย่นั้นเป็นเช่นใดกันแน่ และไม่รู้ว่าเพราะอะไรหลี่ชิเย่จึงไม่มีการเคลื่อนไหว มันเป็นเพราะเหตุอันใดกันแน่เล่า? แม้ว่าภายในใจของกัวเจียหุ้ยจะรู้สึกแปลกใจ แต่ว่า ไม่กล้าจะถาม

ต่อให้กัวเจียหุ้ยสอบถาม เกรงว่าหลี่ชิเย่ก็คงขี้คร้านจะสนใจนาง

เมื่อกัวเจียหุ้ยเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่มีความเคลื่อนไหว จึงได้แต่อยู่เป็นเพื่อนหลี่ชิเย่รับแสงแดด เมื่อรับแดดจนพอใจแล้ว นางได้เข็นหลี่ชิเย่กลับเข้าบ้านไป

วันเวลาต่อมา หลี่ชิเย่ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ยังคงเหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น ไม่ได้แตกต่างไปจากอดีต ยังคงเหมือนมนุษย์ผักคนหนึ่ง

แม้ว่ากัวเจียหุ้ยรู้ว่าหลี่ชิเย่หาใช่มนุษย์ผัก แต่ในใจของนางก็รู้สึกแปลกใจ เพราะอะไรหลี่ชิเย่จึงนอนอยู่อย่างนี้ไม่กระดิกตัวเลย

แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ตาม กัวเจียหุ้ยยังคงเหมือนเช่นปรกติที่ผ่านมา ยังคงดูแลหลี่ชิเย่ต่อไป

เพียงแต่ นับจากครั้งนี้เป็นต้นไป คำพูดของกัวเจียหุ้ยน้อยลงกว่าเดิมมากทีเดียว เนื่องจากนางรู้ว่าหลี่ชิเย่หาใช่เป็นมนุษย์ผักคนหนึ่ง ดังนั้น เวลานี้นางจึงไม่กล้าระบายอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ของตนเหมือนเช่นที่ผ่านมาต่อไป

แต่ว่า ก่อนหน้านั้น หลังจากหลี่ชิเย่อาศัยกฎเกณฑ์สายหนึ่งจัดการถ่ายทอดความลึกซึ้งของ ‘คัมภีร์กันดาร’ ให้กับนางแล้ว ทำให้กัวเจียหุ้ยได้รับประโยชน์มากทีเดียว ทำให้นางบรรลุความลึกซึ้งของ ‘คัมภีร์กันดาร’ ได้อย่างสิ้นเชิงภายในระยะเวลาอันสั้น ทำให้นางฝึกปรือได้อย่างราบรื่นในเวลานี้

หลังจากที่กัวเจียหุ้ยบรรลุ ‘คัมภีร์กันดาร’ แล้ว ทำให้การฝึกปรือของนางมีการพัฒนาขึ้นไปมากทีเดียว ทักษะยุทธก้าวหน้าได้รวดเร็วมาก เมื่อผึกปรือเคล็ดวิชาอื่นๆ มีความรู้สึกดุจปลาได้น้ำอย่างนั้น

ภายในระยะเวลาอันสั้น ทักษะของกัวเจียหุ้ยเรียกได้ว่าก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แซงล้ำหน้าศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักจำนวนไม่น้อย

แม้แต่อาจารย์ของนางก็ออกปากชื่นชมไม่ขาดปากเมื่อเห็นกัวเจียหุ้ยก้าวหน้าได้ถึงเพียงนี้ เข้าใจว่านี่คือปาฏิหาริย์น้อยๆ และเข้าใจไปเองว่ากัวเจียหุ้ยได้รับสิ่งที่ตนถ่ายทอดให้ไปทั้งหมด

เมื่อมีความก้าวหน้าที่ไม่ธรรมดาด้านทักษะ ส่งผลให้กัวเจียหุ้ยมีจิตใจที่มีความสุขขึ้น การฝึกปรือก็ยิ่งจะเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

“ทำไมไม่พูดไม่จาแล้วล่ะ?” คืนนี้ กัวเจียหุ้ยปฏิบัติเหมือนเช่นปรกติที่ผ่านมา อยู่เป็นเพื่อนกับหลี่ชิเย่เฝ้ามองดูดวงดาวยามค่ำคืน ที่ผ่านมากัวเจียหุ้ยมักจะระบายเรื่องราวต่างๆ นานาของตนกับหลี่ชิเย่ ระบายถึงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ของตน

แต่ว่า เมื่อผ่านประสบการณ์ที่หลี่ชิเย่ฟื้นตื่นขึ้นมาครั้งก่อน ทำให้กัวเจียหุ้ยระมัดระวังตัวขึ้นมากทีเดียว ไม่กล้าระบายเรื่องราวต่อหน้าหลี่ชิเย่อีก เกรงว่าจะเป็นการรบกวนต่อหลี่ชิเย่

“ผู้ ผู้อาวุโส…” เสียงที่ดังขึ้นมากะทันหัน ทำให้กัวเจียหุ้ยตกใจมากทีเดียว หากไม่เป็นเพราะมีประสบการณ์จากครั้งก่อน นางยังเข้าใจว่าเจอผีเสียอีก

“ผู้อาวุโส ท่าน ท่าน ท่านตื่นแล้ว?” กัวเจียหุ้ยเข้าใจผิด คิดว่าหลี่ชิเย่จะเข้าสู่การหลับใหล มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่จะตื่นขึ้นมา

“ก่อนนี้เจ้าจะพร่ำบ่นไม่หยุด หลังๆ นี้ทำไมถึงสงบเงียบแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่ยังคงเอนนอนอยู่ในเก้าอี้ล้อเลื่อน เอ่ยเรียบเฉยขึ้นมา

“ข้า ข้า ข้า…” กัวเจียหุ้ย ที่ระมัดระวังตัวค่อนข้างมาก มือทั้งสองข้างไม่รู้ว่าควรจะเอาไปไว้ตรงไหนดี สุดท้าย นางได้แต่พูดว่า “ข้า ข้า ข้าเกรงว่าจะหนวกหูผู้อาวุโส ข้า ข้า ข้าเกรงว่าจะเป็นการรบกวนผู้อาวุโส”

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่จึงได้ลืมตาขึ้นมา มองดูกัวเจียหุ้ยแวบหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยว่า “จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของข้าไหนเลยแค่คำพูดสองสามคำของเจ้าสามารถรบกวนได้? จากนี้มีอะไรก็พูดอะไร ยังคงเหมือนเช่นก่อนหน้าอย่างนั้น”

“ข้า ข้า ข้า…” ท่าทางกัวเจียหุ้ยดูจะทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก้มหน้าลงและกล่าวว่า “ข้าจดจำคำพูดของผู้อาวุโสไว้แล้ว”

“ข้าเพิ่งมีอายุสิบแปด อย่าเรียกข้าว่าผู้อาวุโส ให้เรียกคุณชาย” หลี่ชิเย่หลับตาลงช้าๆ

เมื่อกัวเจียหุ้ยได้ยินคำพูดเช่นนี้ถึงกับตกใจ จากนั้นภายในใจของนางอยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้า ขณะที่มุมปากของนางได้ปรากฏรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“ค่ะ คุณชาย” กัวเจียหุ้ยถึงกับพยักหน้า ท่าทางคล้อยตามอย่างยิ่ง

ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด เวลาอยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่แล้ว กัวเจียหุ้ยรู้สึกว่าตัวเองนั้นคล้อยตามอย่างยิ่ง เชื่อฟังทุกอย่าง แม้หลี่ชิเย่จะเอนนอนอยู่กับเก้าอี้ล้อเลื่อนไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย แต่ ยังคงสามารถทำให้นางต้องคล้อยตาอย่างยิ่ง

เหมือนว่หลี่ชิเย่นั้นมีพลังแฝงที่อยู่เหนือมนุษย์ทุกคนมาแต่กำเนิด คำพูดคำเดียวของเขาทำให้ผู้อื่นไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ทว่า ตัวเขาดูช่างธรรมดาเหลือเกิน ธรรมดาจนไม่มีอะไรสะดุดตา บนตัวของเขาไม่มีท่าทีของความเป็นผู้อยู่สูงเด่นอย่างนั้น

ความรู้สึกลักษณะเช่นนี้ทำให้กัวเจียหุ้ยรู้สึกประหลาดมาก

นับตั้งแต่มีการโต้ตอบในครั้งนี้แล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงคำสองคำเท่านั้น แต่ ได้ทำให้จิตใจของกัวเจียหุ้ยเบาใจไปไม่น้อย นางเองก็เริ่มคุ้นเคยกับการดำรงอยู่ของหลี่ชิเย่อย่างช้าๆ และพวกเขาได้กลับคืนสู่ท่าสภาวะปรกติเหมือนเช่นก่อนหน้านั้นโดยไม่รู้ตัว

กัวเจียหุ้ยยังคงดูแลหลี่ชิเย่เหมือนเช่นที่ผ่านมา ว่างๆ ก็อดที่จะพร่ำบ่นกับหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ นานาของตนในแต่ละวัน เป็นการระบายอารมณ์ความรู้สึกที่ยินดี โกรธ เศร้า และมีความสุขของตน

แต่ทว่า นับแต่หลี่ชิเย่ฟื้นตื่นขึ้นมาในครั้งก่อนแล้ว เขาไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีกเลย ไม่มีร่องรอยใดๆ บ่งบอกว่าจะฟื้นตื่นขึ้นมา ยังคงนอนหลับใหลอยู่

แน่นอน นี่เป็นพียงการมองของกัวเจียหุ้ยว่าเป็นเช่นนี้เท่านั้น นางเข้าใจว่าหลี่ชิเย่ได้เข้าสู่สภาพของการหลับไหล

กัวเจียหุ้ยไม่รู้ว่าการฟื้นตื่นขึ้นมาของหลี่ชิเย่ในครั้งต่อไปคือเมื่อไหร่ แม้ว่าภายในใจของนางอยากจะช่วยเหลือหลี่ชิเย่ก็ตาม แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร และไร้ความสามารถที่จะทำเช่นนั้น

ส่วนเรื่องที่ว่าเพราะอะไรหลี่ชิเย่จึงต้องหลับใหลนั้น กัวเจียหุ้ยยิ่งไม่รู้อะไรเลย

เวลาผ่านไปวันๆ หลี่ชิเย่ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ และไม่ได้ให้ความสนใจต่อกัวเจียหุ้ย พยายามอย่างสุดความสามารถในการสยบและหลอมกลั่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวยิ่งภายในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร

ขณะที่กัวเจียหุ้ยก็คุ้นชินกับการหลับใหลของหลี่ชิเย่ ยังคงให้การดูแลหลี่ชิเย่เหมือนเช่นที่ผ่านมาทุกวัน

มาวันนี้ กัวเจียหุ้ยได้พาแม่นางผู้หนึ่งมาด้วย ซึ่งก็คือศิษย์พี่สาวร่วมสำนักของนางเอง แม่นางผู้นี้สวมชุดสีแดงทั้งชุด อายุแก่กว่ากัวเจียหุ้ยเล็กน้อย แลดูมีความงดงามยิ่ง ท่วงท่าแฝงไว้ซึ่งความหยาดเยิ้มอยู่สามส่วน ย่อมไม่ต้องสงสัย หากจะว่ากันถึงเรื่องความงามล่ะก็ นางงดงามกว่ากัวเจียหุ้ยอยู่ไม่น้อยทีเดียว

“คุณชาย ผู้นี้คือศิษย์พี่ของข้า” หลังจากที่กัวเจียหุ้ยได้พาแม่นางผู้นี้มาถึงแล้วก็แนะนำให้หลี่ชิเย่ได้รู้จัก

แม่นางผู้นี้รีบแสดงคารวะด้วยการโค้งคำนับอย่างดี ด้วยท่าทางที่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง และกล่าวว่า คุณชาย…

แต่ว่า หลี่ชิเย่ไม่ได่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ยังคงเอนนอนอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน เหมือนเป็นคนพิการอย่างนั้น เหมือนยังคงนอนหลับใหลต่อไป

แม่นางผู้นี้ดูไม่ค่อยแน่ใจนักเมื่อหลี่ชิเย่ปราศจากความเคลื่อนไหวใดๆ ถึงกับมองไปที่กัวเจียหุ้ย กัวเจียหุ้ยไม่พูดอะไรมากความ เพียงดึงตัวนางออกไปและสุดท้ายได้พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ไปทำของอร่อยๆ กัน”

จากนั้น แม่นางทั้งสองก็ได้ยุ่งอยู่กับงานภายในบ้าน

ที่แท้แม่นางผู้นี้ก็เป็นศิษย์ของนิกายหู้ซานจงเช่นเดียวกัน มีชื่อว่าจ้าวจื้อถิง เป็นศิษย์พี่ของกัวเจียหุ้ย

จ้าวจื้อถิงคือสหายที่ดีที่สุดของกัวเจียหุ้ยในนิกายหู้ซานจง และเป็นพี่น้องที่รักกันมาก จ้าวจื้อถิงเข้าสู่นิกายหู้ซานจงก่อนกัวเจียหุ้ยเสียอีก ฐานะของจ้าวจื้อถิงในสำนักคือศิษย์พี่สาวใหญ่ของกัวเจียหุ้ย

การแสดงออกของกัวเจียหุ้ยในสำนักราบเรียบไม่มีอะไรโดดเด่น เป็นศิษย์ที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาอย่างใดอีกแล้ว เรียกได้ว่ามีศิษย์พี่ และหรือศิษย์พี่สาวร่วมสำนักไม่กี่คนที่จะไปให้ความสนใจนาง

ภายในสำนักมีเพียงจ้าวจื้อถิงเท่านั้นที่เสมือนดั่งพี่สาวแท้ๆ คอยดูแลนาง หลายๆ เรื่องก็จะให้การดูแลนางเป็นอย่างดี

ด้วยเหตุนี้เอง กัวเจียหุ้ยกับจ้าวจื้อถิงจึงค่อยๆ กลายเป็นเพื่อนที่ดี และกลายเป็นพี่น้องที่ดี

ตลอดเวลาที่ผ่านมา พรสวรรค์ของจ้าวจื้อถิงดีกว่ากัวเจียหุ้ยเสมอ และทักษะก็เหนือกว่ากัวเจียหุ้ย

แต่ว่า มาระยะหลังนี้ ทักษะของกัวเจียหุ้ยก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แซงล้ำหน้าศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักเป็นจำนวนมาก เกือบจะไล่ตามทันนางแล้ว ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับจ้าวจื้อถิงเป็นอันมาก

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *