Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2723 ผู้เฒ่า

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2723 ผู้เฒ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2723 ผู้เฒ่า

“คนเดินทางผ่านมา” หลี่ชิเย่เพียงตอบเรียบเฉยเท่านี้สำหรับการสอบถามของผู้เฒ่าผู้นี้

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ปล่อยกัวเจียหุ้ยลง จากนั้นมือขนาดใหญ่ของเขายกขึ้นสูงและกดลงทีหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง เสมือนดั่งมิติมีการหมุนเคลื่อนไป

พริบตาเดียวนั่นเอง ด้านหน้าปรากฏภาพแต่ละฉากขึ้นมา ปรากฏช่องว่างแล้วช่องว่างเล่า เหมือนว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวได้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าถ้ำเซียนมารไม่ใช่เป็นเพียงถ้ำหินธรรมดาๆ เท่านั้น

จังหวะที่มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ยกขึ้นสูงและกดลงทีหนึ่ง ช่องว่างเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นกัวเจียหุ้ยหรือผู้เฒ่าพลันรู้สึกเหมือนเข้าสู่ช่องว่างอีกช่องหนึ่ง

ความจริงแล้ว พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพียงแต่มีช่องว่างอีกช่องหนึ่งเหมือนเข้ามาทับซ้อนกับถ้ำเซียนมารในพริบตาเดียวเท่านั้นเอง

ท่ามกลางการซ้อนทับของช่องว่างดังกล่าว เสมือนดั่งเต็มไปด้วยกำแพงที่แข็งแกร่งยิ่งชั้นแล้วชั้นเล่าปรากฎอยู่ตรงหน้าของพวกเขาอย่างนั้น

อีกทั้งท่ามกลางการทับซ้อนของช่องว่างลักษณะเช่นนี้ มีสิ่งต้องห้ามที่ทรงพลังอย่างยิ่ง สิ่งต้องห้ามเหล่านี้มีความน่ากลัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดแน่นอน เมื่อไรที่แตะต้องเข้ากับสิ่งต้องห้ามเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดก็ตาม ก็ต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว

ผู้เฒ่าถึงกับรู้สึกตระหนกอยู่ในใจ เมื่อรับรู้ถึงพลังของสิ่งต้องห้ามเช่นนี้แล้ว กำลังความสามารถของผู้เฒ่าเรียกว่าแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรแล้ว เทียบเคียงได้กับปฐมบรรพบุรุษ อยู่เหนือหมื่นอาณาจักร

สิ่งต้องห้ามเช่นนี้ยังคงทำให้ภายในใจของผู้เฒ่ารู้สึกเย็นวาบ เนื่องจากสิ่งต้องห้ามที่ปรากฎขึ้นจากการทับซ้อนของช่องว่างเช่นนี้ ต้องเป็นพลังของปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนอย่างแน่นอน และไม่ใช่สิ่งต้องห้ามที่กำหนดขึ้นตามอารมณ์โดยระดับบรรพบุรุษชั้นนี้ แต่เป็นสิ่งต้องห้ามที่ผ่านการปลุกเสกครั้งแล้วครั้งเล่าโดยระดับปฐมบรรพบุรุษชั้นนี้ ได้สิ้นเปลืองกำลังกายใจของปฐมบรรพบุรุษเป็นจำนวนมากบนสิ่งต้องห้ามนี้

สิ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าตกใจมากยิ่งกว่าก็คือ เขารู้สึกถึงพลังสิ่งต้องห้ามดังกล่าวมีกลิ่นอายของความคุ้นเคยที่ตลบอบอวล หลังจากรับรู้ถึงกลิ่นอายของพลังสายนี้แล้ว เขารู้ได้ทันทีว่าใครเป็นผู้กำหนดสิ่งต้องห้ามนี้แล้ว คนผู้นั้นคือผู้เฒ่าอมตะ

สิ่งนี้ยิ่งทำให้ผู้เฒ่าตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เขานั่งกักตนเพื่อทำความบรรลุอยู่ที่ตรงนี้ บรรลุความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ บรรลุสุดยอดเคล็ดวิชาสูงสุด และการนั่งทำความบรรลุมาเป็นพันล้านปี อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการทำความบรรลุช่องว่างดังกล่าว เขาถึงกับไม่พบช่องว่างที่ทับซ้อนของถ้ำมารเซียน ยิ่งกว่านั้น ยังไม่เคยปรากฏสุดยอดสิ่งต้องห้ามสูงสุดที่ผู้เฒ่าอมตะได้ทิ้งเอาไว้

สิ่งนี้ย่อมไม่เป็นที่สงสัยว่า ผู้ที่ทิ้งสิ่งต้องห้าม และผู้ที่พบการทับซ้อนของช่องว่างล้วนแล้วแต่มีกำลังความสามารถเหนือกว่าเขาทั้งสิ้น

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น สัจธรรมกระเพื่อม มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ปรากฏกฎเกณฑ์แต่ละสายที่ทิ้งตัวลงมา กฎเกณฑ์ทุกสายส่งประกายวูบวาบ เสมือนดั่งตัวไหมที่พ่นเป็นใยออกมาอย่างนั้น กฎเกณฑ์ทุกๆ สายต่างวิวัฒนาการความลึกซึ้งยอดเยี่ยมออกมา เหมือนถักทอจนกลายเป็นสัจธรรมสูงสุดอย่างนั้น เหมือนต้องการวิวัฒนาการเป็นสุดยอดบทคัมภีร์สูงสุดบทหนึ่งอย่างนั้น

ตามติดด้วยเสียงดังตึง ตึง ตึงขึ้นมา กฎเกณฑ์แต่ละสายได้พันเข้าด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างวิวัฒนาการซึ่งกันและกัน ภายในระยะเวลาอันสั้นได้รวมตัวกันเป็นสัจธรรมสายหนึ่ง เป็นสัจธรรมที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองตลอดกาล

ดวงตาทั้งสองของผู้เฒ่าเพ่งตรงไปข้างหน้า เห็นประกายดวงตาทั้งสองแวบหนึ่ง ดวงตาทั้งสองของเขาดูลึกล้ำยิ่ง พลันทำการวิวัฒนาการสัจธรรมสายนี้ แต่ว่าสัจธรรมสายนี้ลึกซึ้งมากเหลือเกิน ด้วยกำลังความสามารถของเขายังไม่สามารถวิวัฒนาการความลึกซึ้งที่ไม่มีสิ้นสุดของสัจธรรมสายนี้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

ที่ทำให้ผู้เฒ่าต้องตระหนกในใจอย่างยิ่งก็คือ สัจธรรมลักษณะเช่นนี้ไม่เพียงเป็นนิรันดร์ อีกทั้งยังดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เหมือนว่าได้หลุดพ้นไปจากวัฏสงสารห้าธาตุอย่างนั้น เหมือนว่าได้หลุดพ้นจากกฎเกณฑ์พันธนาการทุกอย่างของแดนสามเซียน เหมือนว่าสิ่งนี้ไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์ของแดนสามเซียนพวกเขา ไม่ได้เป็นสัจธรรมของแดนสามเซียนพวกเขา

แต่ว่า ผู้เฒ่ายังคงจับได้ว่าท่ามกลางกลิ่นอายที่ตลบอบอวลของสัจธรรมสายนี้ มีกลิ่นอายที่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งอยู่สายหนึ่ง แม้ว่ากลิ่นอายสายนี้จะปรากฎขึ้นแค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น มาไวไปไว แต่ทว่า เขายังคงสามารถจับเอาความรู้สึกที่คุ้นเคยยิ่งได้ นั่นก็คืออมตะ!

ครั้นผู้เฒ่ารับรู้ถึงกลิ่นอายคุ้นเคยที่ปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง ความคิดแรกพลันนึกถึงคนผู้หนึ่งก็คือ ผู้เฒ่าอมตะ

แต่ว่า ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นผู้เฒ่าอมตะ ปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร! ถ้าหากชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่ผู้เฒ่าอมตะล่ะก็ แล้วเขาเป็นใครกันแน่นะ เขามีประวัติความเป็นมาเช่นใดกันแน่เล่า?

ในเวลานี้ได้บังเกิดคำถามขึ้นมาให้กับผู้เฒ่าอย่างไม่มีสิ้นสุด แต่ว่า สิ่งที่ผู้เฒ่าผู้นี้มั่นใจก็คือ ชายหนุ่มที่แลดูธรรมดาๆ อย่างยิ่งผู้นี้ต้องมีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารอย่างแน่นอน กระทั่งมีความสัมพันธ์เป็นอันมากกับผู้เฒ่าอมตะ มิฉะนั้นล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีกลิ่นอายอมตะเช่นนี้ในครอบครอง

ในเวลานี้ กฎเกณฑ์ที่รวมตัวกันเป็นสัจธรรมได้เริ่มวิวัฒนาการกลายเป็นบทคัมภีร์ นี่คือสุดยอดสัจธรรมสูงสุด จากการที่บทคัมภีร์ลักษณะเช่นนี้กลับกลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมานั้น มันพลันประทับสลักลงท่ามกลางช่องว่างที่ทับซ้อนกัน ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดที่ดังขึ้น สุดยอดหลักสัจธรรมบทนี้เริ่มมีการหลอมละลายขึ้นมา มันได้หลอมรวมเข้าไปในช่องว่างที่ทับซ้อนกันภายในระยะเวลาอันสั้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของช่องว่างที่ทับซ้อนกัน และเหมือนได้เสริมส่วนที่ขาดหายไปของช่องว่างที่ทับซ้อนกันให้สมบูรณ์ในพริบตาเดียวนั่นเอง

นาทีนี้ ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น เสมือนดั่งเครื่องพันธนาการขนาดหนักถูกคลายออกทีละอันๆ มองเห็นสิ่งต้องห้ามแต่ละชั้นที่พันธนาการช่องว่างนี้ถูกคลายออกทีละชั้นๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น

สิ่งนี้ได้ทำให้ผู้เฒ่าถึงกับตื่นตระหนกในใจ เมื่อเห็นสิ่งต้องห้ามถูกคลายออกทีละชั้นๆ

สิ่งต้องห้ามแต่ละชั้นที่สามารถสยบเหล่าชั้นฟ้าได้เหล่านี้ เกรงว่าจะผ่านการปลุกเสกด้วยมือของผู้เฒ่าอมตะเอง ต่อให้ระดับปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนลงมือทำลายสิ่งต้องห้ามลักษณะเช่นนี้ ก็ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แม้แต่ระดับปฐมบรรพบุรุษชั้นเดียวกันคิดจะทำลายสิ่งต้องห้ามนี้ทีละชั้นๆ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาที่ยาวนานมาก

แต่ว่า หลี่ชิเย่ในเวลานี้กลับคลายสิ่งต้องห้ามแต่ละชั้นเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ขณะที่เขาได้คลายสิ่งต้องห้ามแต่ละชั้นนั้นช่างเป็นไปตามปรารถนาอะไรอย่างนั้น กระทั่งประดุจดั่งสิ่งต้องห้ามแต่ละชั้นเหล่านี้ตัวเขาเป็นคนวางเอาไว้อย่างนั้น

พริบตาเดียวนั้นเอง ภายในใจของผู้เฒ่าถึงกับหวั่นไหว มันคือสิ่งที่เหลือเชื่อ กระทั่งนาทีนี้เขาถึงกับสงสัยว่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ไม่สะดุดตาตรงหน้าคนนี้คือผู้เฒ่าอมตะที่กลับชาติมาเกิดหรือไม่

แต่ทว่า ผู้เฒ่าก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากมีคำเล่าลือมาโดยตลอดว่า การกลับชาติมาเกิดของผู้เฒ่าอมตะนั้นจะเกิดขึ้นที่ถ้ำเซียนมารโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม เขาได้กักตนเพื่อบรรลุธรรมที่ถ้ำเซียนมารไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้ว ไม่เคยพบเห็นผู้เฒ่าอมตะมากลับชาติเกิดใหม่ที่ตรงนี้ ยุคแล้วยุคเล่าผ่านไป มีเพียงตัวเขาคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ที่นี่

แต่ทว่า พลันมีบุคคลอย่างหลี่ชิเย่โผล่ขึ้นมากะทันหัน อีกทั้งเหมือนมีความเข้าใจในสัจธรรมของผู้เฒ่าอมตะเป็นอย่างดี กระทั่งคล้ายดั่งเขาเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาด้วยตนเองอย่างนั้น

สภาพเช่นนี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างยิ่ง และเป็นสิ่งที่ผู้คนรู้สึกไม่อาจจินตนาการได้

ในเวลานี้เอง ภายในใจของผู้เฒ่ามีอีกหนึ่งความคิด หรือว่าการกลับชาติเกิดใหม่ของผู้เฒ่าอมตะได้เปลี่ยนสถานที่ใหม่แล้ว ไม่กลับชาติเกิดใหม่ที่ถ้ำเซียนมารอีกแล้ว?

แน่นอน นี่เป็นเพียงข้อสงสัยอย่างหนึ่งภายในใจของผู้เฒ่าเท่านั้น เขาเองก็ไม่กล้ายืนยันว่าหลี่ชิเย่คือผู้เฒ่าอมตะกลับชาติเกิดใหม่หรือไม่

แต่ว่า สิ่งที่ผู้เฒ่าสามารถยืนยันในใจได้ก็คือต่อให้คนหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่การกลับชาติมาเกิดใหม่ของผู้เฒ่าอมตะ แม้ว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์โดยตรงใดๆ กับผู้เฒ่าอมตะ แต่ว่า เขาจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเซียนมาร มีต้นกำเนิดที่ลึกซึ้งมาก

ตูม ตูม ตูมในเวลานี้เสียงดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ช่องว่างที่ทับซ้อนเช่นนี้เหมือนได้เปิดเหวลึกขนาดใหญ่โตยิ่งขึ้นมา ท่ามกลางเหวลึกเช่นนี้เหมือนทำให้ผู้คนไม่สามารถแอบมองได้

แม้ผู้แข็งแกร่งดั่งเช่นผู้เฒ่ายังต้องเย็นวาบในใจ เมื่อมองเห็นเหวลึกของช่องว่างเช่นนี้ ท่ามกลางเหวลึกช่องว่างเช่นนี้เมื่อไรที่หลงทางเกรงว่ายากจะกลับมาได้ มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องหลงทางอยู่ท่ามกลางเหวลึกช่องว่างเช่นนี้ตลอดไป

เสียงตูม…ดังสนั่น ในเวลานี้เอง มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ยื่นเข้าไปในเหวลึกช่องว่าง พลันปรากฎประกายที่ไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง เสมือนดั่งอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางเหวลึกช่องว่างเช่นนี้อย่างนั้น

ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย ในเวลานี้ เห็นเพียงประกายเซียนนับไม่ถ้วนที่กระจายออกมา ตามติดด้วยกฎเกณฑ์ดึกดำบรรพ์แต่ละสายที่พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง คล้ายมีสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่างจะพุ่งออกมาจากเหวลึกช่องว่างอย่างนั้น

ขณะที่สิ่งที่อยู่ข้างในยังไม่ทันได้ปรากฏออกมานั้น นาทีนี้เหวลึกช่องว่างพลันมีเสียงเสนาะเซียนดังขึ้นเป็นระลอก เหมือนเป็นการประสานขับขานจากสัจธรรมนับไม่ถ้วนอย่างนั้น เหมือนว่าเสียงสัจธรรมแต่ละเสียงก็จะให้กำเนิดหนึ่งสุดยอดสัจธรรมสูงสุดอย่างนั้น

สุดท้ายเสียงตูมเสียงหนึ่งดังสนั่น มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้หดกลับมาจากเหวลึกช่องว่าง ในมือของเขาได้กำสุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มหนึ่งในเวลานี้

สุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้ส่งประกายที่วูบวาบออกมามากมาย เหมือนว่าตัวคัมภีร์เล่มนี้เองก็คือโลกๆ หนึ่ง โลกที่ยังคงขมุกขมัวไม่ได้มีการบุกเบิก

สุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มลักษณะเช่นนี้ได้ส่งประกายวูบวาบจนผู้คนไม่สามารถจ้องมองมันตรงๆ แต่ว่าหากผู้นั้นมีความแข็งแกร่งมากพอ และสามารถจ้องมองตรงไปยังสุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้ จะสามารถมองเห็นตัวหนังสือสองตัวที่เขียนอยู่บนสุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้ ตัวหนังสือสองตัวเกิดจากการวิวัฒนาการจากสุดยอดคาถาสูงสุด

แต่ทว่า ตัวหนังสือสองตัวนี้มีความดึกดำบรรพ์อย่างยิ่ง หาใช่ตัวหนังสือของแดนสามเซียนอย่างแน่นอน กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าไม่ใช่ของอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่ง หรือตัวหนังสือของยุคใดยุคหนึ่ง

ตัวหนังสือนี้ดึกดำบรรพ์เหลือเกิน ผู้เฒ่าผู้นี้มีความรู้ที่กว้างขวางก็ไม่สามารถรู้จักตัวหนังสือสองตัวนี้

แต่ทว่า สิ่งนี้ไม่เป็นอุปสรรคให้ผู้เฒ่าได้เข้าใจถึงความหมายของคัมภีร์เล่มนี้ได้

“ตำราสวรรค์รึ…” ขณะที่ผู้เฒ่ามองเห็นสุดยอดคัมภีร์สูงสุดเล่มนี้ พลันบังเกิดความคิดขึ้นภายในใจ นึกถึงตำนานที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ยิ่ง

แดนสามเซียนเคยปรากฏตำราสวรรค์ ไม่มีใครรู้ว่าตำราสวรรค์นี้มาจากที่ใด และตำราสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นในแดนสามเซียนไม่ได้มีเพียงเล่มเดียวเท่านั้น กระทั่งมีอยู่ถึงหลายเล่ม

แต่ว่า จากกาลเวลาที่ผ่านไป ตำราสวรรค์แต่ละเล่มที่เคยปรากฏในแดนสามเซียนล้วนแล้วแต่หายไปสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าตำราสวรรค์เหล่านี้ได้สืบทอดต่อไปที่ใดกันแน่

ด้วยเหตุนี้เอง เคยมีผู้คนสงสัยว่า บนโลกไม่เคยมีตำราสวรรค์อะไรอยู่แล้ว ตำราสวรรค์ที่ว่าเป็นพียงบรรพชนปั้นเรื่องขึ้นมาเท่านั้นเอง

…………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *