Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2724 ตำราอายุวัฒนะวัฏสงสาร

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2724 ตำราอายุวัฒนะวัฏสงสาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2724 ตำราอายุวัฒนะวัฏสงสาร

ในแดนสามเซียนตำราสวรรค์เป็นเพียงตำนานตลอดมา เป็นตำนานที่เลื่อนลอยอย่างยิ่ง แต่ว่า ยามที่คนผู้หนึ่งแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็จะมีความกระหายต่อตำราสวรรค์ที่รุนแรงอย่างยิ่ง

เนื่องจากก้าวมาถึงระดับนี้แล้ว หากมีตำราสวรรค์เมื่อไรล่ะก็ จะส่งผลให้พวกเขามีโอกาสทำลายเครื่องพันธนาการของสัจธรรมได้

ด้วยเหตุนี้เองนับแต่อดีตกาลของแดนสามเซียนเป็นต้นมา จึงมีราชันแท้จริง ปฐมบรรพบุรุษจำนวนมากได้เคยไปค้นหาตำราสวรรค์มาก่อน แต่ว่า ผู้ที่ได้ผลในเรื่องนี้อย่างแท้จริงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ขณะที่เวลานี้ ผู้เฒ่ามีความมั่นใจอย่างยิ่งว่า สุดยอดตำราสูงสุดเล่มนี้ที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่นั้นก็คือตำราสวรรค์ รับประกันได้ว่าจะต้องเป็นตำราสวรรค์ที่ราชันแท้จริง และปฐมบรรพบุรุษในยุคแล้วยุคเล่าที่ตามหากันจนรองเท้าสึกอย่างแน่นอน

ดังนั้น นาทีนี้แววตาของผู้เฒ่าพลันพองโตมากมายในพริบตาขณะมองเห็นตำราสวรรค์ที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ ดวงตาทั้งสองพลันเผยให้เห็นถึงประกายที่สยบจิตวิญญาณผู้คนออกมา เผยให้เห็นถึงกลิ่นอายที่ดุดันรุนแรง

กล่าวได้ว่า นาทีนี้เมื่อต้องเผชิญกับความเย้ายวนใจของตำราสวรรค์แล้วไม่รู้สึกหวั่นไหวในใจล่ะก็ มันก็แค่คำพูดที่โกหกผู้คนเท่านั้น

ขณะมีตำราสวรรค์เล่มหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าตนเอง อย่าว่าแต่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนธรรมดา และไม่ต้องพูดถึงเทพแท้จริงขั้นอมตะ ต่อให้เป็นปฐมบรรพบุรุษก็ต้องใจเต้นตูมตามกับสิ่งนี้เช่นกัน

แต่ว่า รวดเร็วมาก ภายในระยะเวลาอันสั้นผู้เฒ่าก็ได้ละสายตากลับมา และได้กลับสู่ความเรียบสงบขึ้นมาทันที กลายเป็นเสมือนดั่งน้ำบ่อที่ไม่กระเพื่อมอีกเลย

แม้จะกล่าวว่าเมื่อครู่นี้ผู้เฒ่าผู้นี้ก็ได้หัวใจเต้นตูมตาม และบังเกิดความโลภในตำราสวรรค์เล่มนี้จริง เพียงแต่เขาได้เลิกล้มความตั้งใจนี้ลงได้อย่างรวดเร็ว

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ผู้เฒ่าผู้นี้จะต้องลงมือแย่งชิงตำราสวรรค์เล่มนี้อย่างแน่นอน ต่อให้ตำราสวรรค์เล่มนี้จะอยู่ในมือของปฐมบรรพบุรุษคนใดคนหนึ่ง ผู้เฒ่าผู้ที่ก็จะต้องลงมือเสี่ยงกับมันสักครั้ง

แต่ทว่า เมื่อตำราสวรรค์เล่มนี้อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ ผู้เฒ่าผู้นี้ก็เลิกล้มความตั้งใจนี้ไป เนื่องจากเขามองหลี่ชิเย่ไม่ขาด ในสายตาของเขานั้น หลี่ชิเย่ช่างเป็นคนที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงอะไรขนาดนั้น

ลางสังหรณ์บอกเขาว่า ถ้าหากเขาลงมือแย่งชิงตำราสวรรค์ที่อยู่ในมือของคนหนุ่มผู้นี้จริงล่ะก็ เกรงว่าจุดจบของเขาจะน่าอนาถามาก กระทั่งหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว

ด้วยเหตุนี้เอง ผู้เฒ่าจึงได้แต่ใจเต้นตูมตามเท่านั้นเอง จากนั้นก็เลิกล้มความคิดที่โลภภายในใจ ไม่กล้าแตะต้องตำราสวรรค์เล่มนี้ที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่

ขณะที่ทางด้านของหลี่ชิเย่นั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูผู้เฒ่าเลยสักแวบ แม้แต่หนังตายังไม่ได้เลิกสักครั้ง แม้ว่าในมือของเขาจะกำตำราสวรรค์เอาไว้ ก็ไม่ได้ระแวดระวังต่อผู้เฒ่าสักนิด เหมือนว่าต่อให้ผู้เฒ่าลงมือแย่งชิงตำราสวรรค์เล่มนี้ ท่าที่ของเขายังคงอย่างไรก็ได้

ตลอดขั้นตอนดังกล่าวนี้เป็นไปตามธรรมชาติอย่างยิ่ง สงบนิ่งอย่างยิ่ง

เฉกเช่นระดับของกัวเจียหุ้ยไม่สามารถมองออกถึงคลื่นใต้น้ำที่ชัดเจนเมื่อครู่ ในพริบตาเดียวนั่นเอง เคยจะปะทุเหตุการณ์ที่สุดอันตรายยิ่งขึ้นมา

การเปลี่ยนแปลงไปด้านจิตใจในตลอดขั้นตอน สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นแวบเดียวและผ่านไป ซึ่งกัวเจียหุ้ยไม่ได้รู้สึกแม้แต่น้อยกับการเปลี่ยนแปลงลักษณะเช่นนี้

ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง เกือบจะปะทุศึกครั้งยิ่งใหญ่ที่สะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมา สุดท้ายแล้ว ยังคงเป็นผู้เฒ่าที่เลิกล้มความโลภที่เกิดขึ้นในใจและปิดฉากลง กลิ่นเขม่าควันปืนหายวับไปโดยปราศจากร่องรอยโดยพลัน

มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่วางคว่ำลงบนสุดยอดตำราวิเศษสูงสุด ถึงกับทอดถอนใจเบาๆ และกล่าวว่า “ตาเฒ่า เจ้ายังคงไว้ลายเอาไว้นะเนี่ย ดูท่าเจ้าก็คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าจะต้องมีวันนี้”

สุดยอดตำราสูงสุดที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่นั้น ก็คือหนึ่งในตำราสวรรค์นพเก้า ถ้าหากว่าตำราสวรรค์เล่มนี้อยู่ยุคของอมตะตระกูลเซียว มันไม่ได้ชื่อว่า ‘ตำราอายุวัฒนะ’ เพียงแต่เมื่อมันมาอยู่ในยุคปัจจุบัน มันจึงมีชื่อว่า ‘ตำราอายุวัฒนะ’

ถ้าหากสุดยอดตำราสูงสุดเล่มนี้ไล่ย้อนกลับไปยุคสมัยที่เก่าแก่โบราณกว่านี้ มันยังเคยมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘วัฏสงสาร’!

มาวันนี้มันได้ตกอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ มันก็จะได้พลิกหน้าอีกหน้าที่ใหม่ทั้งหมด อนาคตมันก็จะมีชื่อที่ใหม่ทั้งหมดอีกชื่อหนึ่ง

ตำราสวรรค์เล่มนี้เคยสืบทอดไปแล้วหลายยุคสมัย มันเคยตกอยู่ในมือของอมตะตระกูลเซียวเป็นเวลาที่นานมากๆ ทีเดียว ภายหลังก็ได้สืบทอดออกไปจากมือของเขา ผ่านยุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า ผ่านศักราชแล้วศักราชเล่า

ท้ายที่สุด ตำราสวรรค์เล่มนี้ก็กลับมาอยู่ในมือของอมตะตระกูลเซียวอีกครั้งหนึ่ง สุดท้าย ถูกอมตะตระกูลเซียวปิดผนึกและซ่อนเอาไว้ภายในถ้ำเซียนมารแห่งนี้

มาวันนี้ หลี่ชิเย่ได้หยิบเอาตำราสวรรค์เล่มนี้ออกมาจากที่ผนึกและซ่อนเอาไว้ออกมา บางที่ ขณะที่ผู้เฒ่าอมตะซ่อนตำราสวรรค์เล่มนี้เอาไว้ในสถานที่แห่งนี้ก็คาดการณ์แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง

หลี่ชิเย่ลูบไล้เบาๆ บนตำราสวรรค์ที่อยู่ในมือเล่มนี้ รู้สึกทอดถอนใจยิ่งนัก อมตะตระกูลเซียวได้จากไปแล้ว แต่ เขายังคงทิ้งทรัพย์สมบัติเอาไว้บ้าง

หลี่ชิเย่รู้แจ่มแจ้งยิ่งกว่าก็คือ ตำราสวรรค์เล่มนี้เข้าคู่กับหญ้าอายุวัฒนะ ถ้าหากได้ตำราสวรรค์เล่มนี้มาแล้วได้หญ้าอายุวัฒนะอีกล่ะก็ไม่ธรรมดาเลยล่ะ

ในเวลานี้ เขามีตำรามรณะ และโลงมรณะอยู่ในมือแล้ว เสียดาย จากการเสียชีวิตลงของอมตะตระกูลเซียว หญ้าอายุวัฒนะได้หายไปโดยไม่รู้เบาะแสที่ชัดเจน ภายในระยะเวลาอันสั้น หลี่ชิเย่เองก็ไม่มีข้อมูลเริ่มต้นไม่ถูก

ผู้เฒ่าที่จ้องมองหลี่ชิเย่อยู่ข้างๆ เห็นท่าทีของหลี่ชิเย่แล้ว นาทีนี้ผู้เฒ่ามั่นใจว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเกรงว่าจะไม่ใช่ผู้เฒ่าอมตะที่กลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ว่า เกรงว่าเขาจะมีแหล่งกำเนิดที่ลึกซึ้งมากกับผู้เฒ่าอมตะ

ส่วนเรื่องที่ว่าข้างในนั้นจะมีความเกี่ยวพันกันอย่างไร มีแหล่งกำเนิดเช่นใดนั้น ผู้เฒ่าไม่อาจรู้ได้แล้ว

“มงกุฎที่อยู่ข้างๆ นั่นเอามาให้ข้า” ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้เก็บตำราสวรรค์เล่มนี้ขึ้น จากนั้นเลิกหนังตาทีหนึ่ง สั่งการด้วยท่าทีเรียบเฉยกับผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยตลอด

ผู้เฒ่าไม่พูดอะไร เพียงจ้องมองหลี่ชิเย่แวบหนึ่ง จากนั้น หยิบเอามงกุฎองค์หนึ่งออกมาจากมุมๆ หนึ่งของถ้ำเซียนมาร แล้วยืนให้กับหลี่ชิเย่

ถ้าหากมีผู้ที่มองเห็นภาพนี้จะต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากผู้เฒ่าผู้นี้มีประวัติความเป็นมาที่สะเทือนเลื่อนลั่นเป็นอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่เป็นยอดฝีมือในหล้าอะไรนั่น ต่อให้เป็นระดับปฐมบรรพบุรุษที่ยังคงเหลืออยู่ในหล้า ก็ต้องให้ความเกรงใจเป็นยิ่งนักเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าผู้นี้ ต้องยกย่องว่า ‘พี่ท่าน’ หรือ ‘สหาย’ ประมาณนั้น

แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่แค่สั่งการกับผู้เฒ่าผู้นี้ไปตามอารมณ์ เหมือนว่าในสายตาของเขานั้นผู้เฒ่าผู้นี้เป็นเพียงผู้ติดตามหรือบ่าวรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น

แต่ว่า ที่ทำให้ผู้คนนึกไม่ถึงก็คือ ผู้เฒ่าผู้นี้ถึงกับเชื่อฟังคำสั่งโดยไม่ได้ห่วงเรื่องฐานะของตนเอง และไม่ได้ถือดีในฐานะของตน

กัวเจียหุ้ยมองดูมงกฎองค์นี้ ซึ่งไม่ใช่เป็นลักษณะของหมวก มันเป็นมงกุฎที่มีลักษณะเป็นห่วงกลมๆ โดยไม่ทราบว่าสร้างขึ้นมาด้วยวัสดุชนิดใด แลดูให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากนำมงกุฎนี้สวมบนศีรษะจะให้ความรู้สึกถึงความเป็นอัจฉริยะบุคคลอย่างหนึ่ง

จังหวะที่กัวเจียหุ้ยยังไม่ทันได้สติกลับม หลี่ชิเย่ก็ได้สวมมงกุฎองค์นี้ลงบนศีรษะของนางแล้วตามอารมณ์ และกล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ในเมื่อเจ้าแบกข้าขึ้นมา มงกุฎองค์นี้ก็มอบเป็นรางวัลให้กับเจ้า และเป็นสิ่งที่เจ้าได้รับจากความพยายามของเจ้าเอง”

กัวเจียหุ้ยตะลึงนิดหนึ่ง จากนั้นก็รับเอาไว้อย่างเงียบๆ นางได้แต่รับเอาไว้ ซึ่งนางไม่สามารถปฏิเสธการประทานให้ของหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว

ผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับจ้องมองดูกัวเจียหุ้ยด้วยแววตาลึกล้ำหลายครั้ง กัวเจียหุ้ยไม่รู้ถึงความหมายที่แท้จริงของมงกุฎองค์นี้ และไม่รู้ว่ามงกุฎองค์นี้เป็นตัวแทนของอำนาจเช่นใด นางยังเข้าใจว่าเป็นเพียงของวิเศษชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง

แต่ทว่า ผู้เฒ่าผู้นี้กลับรู้เรื่องนี้ เขารู้ว่ามงกุฎองค์นี้คือตัวแทนของสิ่งใด อย่าว่าแต่ในนิกายหู้ซานจงเลย แม้แต่ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ผู้ที่สามารถสวมใส่มงกุฎนี้ได้ล้วนแล้วแต่เป็นการบ่งบอกถึงความไม่ธรรมดา ล้วนแล้วแต่มีฐานะที่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น

ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ใช่ว่าใครก็สามารถสวมใส่มงกุฎนี้ได้ ด้วยกำลังความสามารถของกัวเจียหุ้ยในเวลานี้ นางไม่มีสิทธิ์ได้สวมใส่มงกุฎนี้อย่างสิ้นเชิง เรียกได้ว่า ผู้ที่สามารถสวมใส่มงกุฎนี้ได้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งและฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งทั้งสิ้น

แน่นอนที่สุด ด้วยกำลังความสามารถของผู้เฒ่าสามารถสวมใส่มงกุฎนี้ได้อย่างสิ้นเชิง เพียงแต่ เขาไม่สนใจกับมันทั้งสิ้น

เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับนำเอามงกุฎองค์นี้ประทานให้กัวเจียหุ้ย ผู้เฒ่าผู้นี้กลับไม่ได้คัดค้าน ซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับในฐานะของกัวเจียหุ้ยเงียบๆ แล้ว

ในสายตาของผู้เฒ่ามองว่า เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะอย่างหลี่ชิเย่ เขาจะไม่นำเอามงกุฎนี้ประทานให้กับคนใดคนหนึ่งอย่างไร้เหตุผลแน่นอน ในเมื่อหลี่ชิเย่ประทานให้กับกัวเจียหุ้ย ย่อมบ่งบอกว่ากัวเจียหุ้ยมีสิทธิ์สวมใส่มงกุฎองค์นี้ได้

แม้ว่ากัวเจียหุ้ยในเวลานี้จะยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอ เช่นนั้นแล้วอนาคตนางก็ต้องสวมใส่มงกุฎนี้ได้

แน่นอน กัวเจียหุ้ยกลับไม่รู้ว่า วินาทีที่มงกุฎองค์นี้ได้สวมลงบนศีรษะนางเป็นต้นไป ก็ได้ตัดสินชะตาชีวิตของนางไว้แล้ว เป็นการตัดสินฐานะในอนาคตของนางไปแล้ว นางไม่ใช่ศิษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งของนิกายหู้ซานจงอีกต่อไป

“ไปเถอะ” หลี่ชิเย่สั่งการออกมาคำหนึ่งหลับตาลงอย่างช้าๆ เหมือนได้เข้าสู่การหลับไหลอีกครั้ง

กัวเจียหุ้ยนิ่งเงียบไม่พูดอะไร แบกหลี่ชิเย่ ใส่หลังแล้วโค้งคำนับต่อผู้เฒ่า จากนั้นเดินไปทางด้านนอกช้าๆ

“ท่านผู้อาวุโส…” จังหวะที่กัวเจียหุ้ยแบกหลี่ชิเย่กำลังจะก้าวออกจากถ้ำเซียนมารนั้น ในที่สุดผู้เฒ่าทนต่อไปไม่ไหว ปล่อยวางมาดของตนลง และรีบร้องกล่าวออกไป

กัวเจียหุ้ยรีบหยุดลง และรอคอยการตอบของหลี่ชิเย่

“ท่านผู้อาวุโส ข้าทำความบรรลุสัจธรรม ยังเกิดความฉงนในใจที่ไม่สามารถเข้าใจได้ตลอดมา ขอท่านผู้อาวุโสได้โปรดชี้แนะด้วย” ผู้เฒ่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่

สมควรทราบว่า ด้วยตำแหน่งฐานะของเขาไม่มีผู้ใดสามารถรับการคารวะขนาดนี้จากเขาได้ แต่ว่า เขายังคงแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่ในฐานะผู้เยาว์คนหนึ่ง

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่จึงได้ลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองดูเขาแวบหนึ่ง และกล่าวว่า “เจ้าได้บรรลุทำจิตให้เที่ยงไม่ฟุ้งซ่าน และทำให้จิตใจสงบ ซึ่งเป็นสัจธรรมทั้งหมดของผู้เฒ่าอมตะ ก้าวขึ้นสู่ขั้นสูงสุดแล้ว สิ่งที่รบกวนเจ้าอยู่นั้นเป็นเพียงจิตที่ยึดติด พิจารณารูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น!”

“ขอท่านผู้อาวุโสโปรดชี้แนะทางสว่างให้ด้วย” ผู้เฒ่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และแสดงคารวะอีกครั้ง

ผู้เฒ่าสยบทั้งกายและใจ เมื่อหลี่ชิเย่พลันเอ่ยปากก็พูดชี้ถึงปมที่อยู่ในใจของเขา เขาเข้าใจว่าเฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะหลี่ชิเย่นั้น เกรงว่าสามารถเทียบเคียงได้กับผู้เฒ่าอมตะแล้ว

“เอาเถอะ ข้าก็จะชี้ทางสว่างให้กับเจ้า” หลี่ชิเย่พยักหน้าทีหนึ่ง นิ้วที่ชี้ออกไปปรากฏกฎเกณฑ์สายหนึ่งที่ล้อมรอบ

ได้ยินเสียงดังปุดังขึ้นเสียงหนึ่ง บริเวณกลางหน้าผากของผู้เฒ่าปรากฏแสงที่กระเพื่อม ฉับพลันเสมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง ร่างของผู้เฒ่าสะดุ้งทีหนึ่ง

จังหวะที่กฎเกณฑ์สายนี้ของหลี่ชิเย่จี้ลงไปบนหน้าผากของเขา ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีสะพานศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งปรากฎขึ้นที่ทะเลแห่งความรู้ของเขา นำพาเขาไปยังโลกที่ใหม่ทั้งหมด นำพาไปยังระดับที่ใหม่ทั้งหมดโดยพลัน

………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *