Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2730 ใฝ่หาวิชา

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2730 ใฝ่หาวิชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2730 ใฝ่หาวิชา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่กัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงได้รับการประทานเคล็ดวิชาลับแล้ว ทำให้ทั้งสองดูจะทะนุถนอมเป็นพิเศษ มีความพยายามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก

กล่าวสำหรับพวกนางแล้ว เคล็ดวิชาลับระดับชั้นเช่นนี้ ศิษย์ธรรมดาเฉกเช่นพวกนางไม่มีโอกาส ไม่มีสิทธิ์ไปสัมผัสได้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไปฝึกปรืออีกเลย

จะอย่างไรเสีย เคล็ดวิชาที่ปฐมบรรพบุรุษคงสืบทอดเอาไว้ ต้องเป็นระดับผู้อาวุโสเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ได้ฝึก ดังนั้น การที่สามารถฝึปรือเคล็ดวิชาเช่นนี้ในวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะหลี่ชิเย่ที่กรุณาประทานให้มา ดังนั้น ทั้งกัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงจึงทะนุถนอมเป็นพิเศษ เวลาฝึกจึงมีความพยายามมากเป็นพิเศษ

ขณะที่กัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงพยายามฝึกปรืออยู่นั้น หลี่ชิเย่ก็ได้ให้การชี้แนะพวกนางอยู่บ้าง ทำให้พวกนางทั้งสองได้รับประโยชน์อย่างมากทีเดียว

ไม่ว่าจะเป็นกัวเจียหุ้ยหรือจ้าวจื้อถิง พวกนางทั้งสองต่างทะนุถนอมกับโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้เป็นพิเศษ เรียกได้ว่ากระหายที่จะเรียนรู้เป็นยิ่งนัก ขอเพียงหลี่ชิเย่ให้การชี้แนะบ้างเล็กน้อย พวกนางทั้งสองก็จะทุ่มเทเต็มที่ สำแดงเอาพลังแฝงทั้งหมดที่ตนมีอยู่ออกมาทั้งหมด

ระหว่างกัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงสองคนนั้น หากว่ากันด้วยเรื่องของพรสวรรค์แล้ว จ้าวจื้อถิงเหนือกว่ากัวเจียหุ้ย และจ้าวจื้อถิง เข้าเป็นศิษย์นิกายหู้ซานจงก่อนกัวเจียหุ้ย กำลังความสามารถก็เหนือกว่ากัวเจียหุ้ยอยู่ไม่น้อย

แต่ว่า หลังจากที่กัวเจียหุ้ยได้ผ่านการขัดเกลาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์มารอบหนึ่ง ทำให้กัวเจียหุ้ยได้รับประโยชน์ไม่สิ้นสุดไปชั่วชีวิต ทำให้นางมีข้อจำกัดบนที่สูงขึ้นยิ่งกว่า มีขีดความสามารถของพลังแฝงที่ลึกล้ำยิ่งกว่า ทำให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของนางแข็งแกร่งมั่นคงยิ่งขึ้น กล่าวได้ว่า ในด้านพลังแฝงกัวเจียหุ้ยเหนือกว่าจ้าวจื้อถิง

ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้พวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคนได้ฝึกปรืออย่างหนักไม่มีหยุด ผลการฝึกของทั้งสองคนต่างก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และพวกนางที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคนก็เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจกันและกัน ก้าวเดินไปข้างหน้าตลอดทาง เรียกได้ว่าเป็นมิตรที่ดีที่หาได้ยากนัก

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้พวกนางทั้งสองมีมิตรภาพที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นไปอีก

ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชาติกำเนิด หรือว่าวาสนา และหรือรากฐาน เฉกเช่นนิกายหู้ซานจงที่เป็นเพียงสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่งก็ยากที่จะเข้าตาของหลี่ชิเย่

แต่ว่า หลี่ชิเย่ยังคงรั้งอยู่ที่นี่ ยินดีทิ้งบางอย่างไว้ให้กับนิกายหู้ซานจง ให้โอกาสนิกายหู้ซานจงสักครั้ง หากจะว่าไปแล้วก็เป็นเพราะผู้เฒ่าอมตะ และหรือก็คืออมตะตระกูลเซียวนั่นเอง

อมตะตระกูลเซียวไม่ได้มีสำนักที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสืบทอดต่อ และไม่มีรากฐานอีกแล้ว คงสำนักที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสืบทอดต่อลักษณะเช่นนี้เพียงแห่งหนึ่งที่แดนสามเซียน นับว่าหลี่ชิเย่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนนิดหนึ่ง จึงให้การพยุงสนับสนุนนิกายหู้ซานจงสักเล็กน้อย ถือเป็นการยุติผลกรรมนี้ไป

ขณะที่กัวเจียหุ้ย กับจ้าวจื้อถิงฝึกปรืออย่างหนักไม่มีหยุดพักนั้น ปรากฎอีกผู้หนึ่งที่ต้องการเรียนรู้เหมือนกันขึ้นที่ลาน คนผู้นี้ก็คือศิษย์พี่ใหญ่หลี่เจี้ยนคุน

จากการที่ทักษะของกัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงสองคนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้หลี่เจี้ยนคุนเองก็เข้าใจได้ว่า พวกนางได้รับความโปรดปรานจากหลี่ชิเย่ ได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่

สิ่งนี้สร้างความหวั่นไหวในใจกับหลี่เจี้ยนคุน จะอย่างไรเสียในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ หลี่เจี้ยนคุนเองก็ต้องการมีความดีความชอบบ้าง และมีผลงานบ้าง

แต่ทว่า อาศัยกำลังความสามารถของเขาในเวลานี้ อาศัยวาสนาของเขาในเวลานี้ คิดจะมีการกระทำที่ยิ่งใหญ่เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

ดังนั้น หลี่เจี้ยนคุนจึงขอคำแนะนำจากกัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงในเรื่องนี้ ทั้งกัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงต่างก็มีความรู้สึกที่ไม่เลวนักต่อหลี่เจี้ยนคุนในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ ดังนั้น พวกนางก็คิดว่าสามารถให้หลี่เจี้ยนคุนไปขอคำชี้แนะจากหลี่ชิเย่ได้

ดังนั้น มาวันนี้หลี่เจี้ยนคุนตื่นมาแต่เช้าก็อาบน้ำและทำให้ร่างกายหอมสดชื่น ไปคารวะต่อหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีที่ดูจริงจังมากที่สุด

“ผู้เยาว์บุ่มบ่าม มีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินต่อท่านผู้อาวุโส ขอท่านผู้อาวุโสได้โปรดให้อภัย” หลี่เจี้ยนคุนได้คุกเข่าก้มกราบต่อหน้าหลี่ชิเย่ตรงนั้นเพื่อขอขมาลาโทษต่อหลี่ชิเย่ ท่าทีจริงใจอย่างยิ่ง และเอ่ยขึ้นมาว่า “การฝึกของผู้เยาว์หยุดชงักไม่ก้าวหน้า ขาดตกมากมาย ขอท่านผู้อาวุโสโปรดชี้แนะให้บ้าง ชี้ทางสว่างให้กับผู้เยาว์” กล่าวพลางคุกเข่าโขกศีรษะให้หลี่ชิเย่อยู่ตรงนั้น

แต่ทว่า หลี่ชิเย่เอนนอนอยู่ตรงนั้น เสมือนหนึ่งนอนหลับสนิทไปแล้ว

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม หลี่เจี้ยนคุนยังคงจริงจัง จริงใจอย่างยิ่งที่จะโขกศีรษะให้กับหลี่ชิเย่ ในใจของเขาก็เข้าใจดี สามารถได้รับการชี้แนะจากผู้สูงส่งเช่นนี้หาใช่เป็นเรื่องง่ายดาย จำเป็นต้องมีจิตใจที่ศรัทธาดวงหนึ่ง

ไม่ว่าหลี่เจี้ยนคุนจะมีความศรัทธาเช่นใดก็ตาม หลี่ชิเย่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ

กัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงต่างชินชากับลักษณะท่าทางของหลี่ชิเย่เสียแล้ว สุดท้าย ยังคงขอให้หลี่เจี้ยนคุนกลับไปก่อน

แม้ว่าครั้งแรกจะล้มเหลว หลี่ชิเย่ไม่ได้ตายใจและไม่เสียกำลังใจ ยังคงมาแสดงคารวะแสดงความห่วงใยต่อผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ทุกวัน ถามไถ่ทุกข์สุข และโขกศีรษะให้กับหลี่ชิเย่ทุกวัน ขณะเดียวกันก็จะรายงานความคืบหน้าในการฝึกปรือเล็กๆ น้อยๆ ของตนอย่างละเอียดไม่ขาดตกบกพร่อง

แน่นอนหลี่ชิเย่นั้นรับรู้เกี่ยวกับหลี่เจี้ยนคุนอย่างละเอียด เพียงแต่ขี้คร้านจะสนใจเท่านั้นเอง

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม หลี่เจี้ยนคุนยังคงยืนหยัดต่อไป และหลี่ชิเย่ไม่เคยฟื้นตื่นขึ้นมาเลยแม้จะผ่านไปวันแล้ววันเล่า ไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองดูเขาเลยสักแวบหนึ่ง หลี่เจี้ยนคุนยังคงยึดมั่นอย่างยิ่ง ก่อนฝึกในทุกๆ วัน ก็จะมาแสดงคารวะแสดงความห่วงใยต่อผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แต่เช้า และรายงานผลการฝึกของตนที่ผ่านมาทุกวัน

จากการที่วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า หลี่เจี้ยนคุนเกือบจะกลายเป็นเรื่องเคยชินแล้ว ค่อยๆ ยืนหยัดต่อไปได้ ก่อนการฝึกปรือทุกวันก็จะมาแสดงคารวะ และรายงานการฝึกเล็กๆ น้อยๆ ของตน

“โง่…” สุดท้าย หลังจากที่หลี่เจี้ยนคุนได้ขอคำชี้แนะมาครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว เช้าตรู่วันนี้หลี่เจี้ยนคุนได้แสดงผลการฝึกปรือของตนในวันหนึ่งที่ผ่านมาต่อหลี่ชิเย่ ในเวลานี้ข้างหูปรากฏเสียงที่เย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น

“ท่านผู้อาวุโส…” เมื่อได้ยินเสียงนี้ กล่าวสำหรับหลี่เจี้ยนคุนแล้วเสมือนดั่งเป็นเสียงสวรรค์อย่างนั้น รีบก้มลงกราบทันทีด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง กล่าวด้วยท่าทีเคารพและกล่าวว่า “ขอท่านผู้อาวุโสโปรดอภัยผู้เยาว์ที่ล่วงเกิน ผู้น้อยมีความไม่เข้าใจ ขอท่านผู้อาวุโสช่วยชี้แนะให้บ้าง”

“วิชากระบี่เซียนเหินฝึกจนน่าเวทนาที่จะทนดูได้ ไม่เพียงแต่อาจารย์ของเจ้าที่สั่งสอนไม่ได้เรื่อง เจ้าเองก็บรรลุได้เหมือนผายลมหมาอย่างนั้น” หลี่ชิเย่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมองเขาสักแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ไปเถอะ ทีหลังไม่ต้องมารบกวนข้าอีก” ขาดคำ นิ้วมือจี้ออกไป กฎเกณฑ์สายหนึ่งดังตึงและมุดเข้าไปในทะเลแห่งความรู้ของหลี่เจี้ยนคุนทันที

พริบตาเดียวนั่นเอง ภายในทะเลแห่งความรู้ของหลี่เจี้ยนคุนบังเกิดเสียงดังตูมสนั่นหวั่นไหว ทะเลแห่งความรู้ของเขาพลันก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดขึ้นมาก คล้ายต้องการพลิกกลับทะเลแห่งความรู้ทั้งหมดของเขาขึ้นมาอย่างนั้น

ในเวลานี้ ภายในทะเลแห่งความรู้ของเขาปรากฏเสียงกระบี่คำรามตึง ตึง ตึงดังขึ้น เสียงกระบี่คำรามพลันดังก้องไปทั่วฟ้าดินอย่างนั้น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละเล่มที่แปลงมาจากกฎเกณฑ์ทำการวิวัฒนาการอยู่ภายในทะเลแห่งความรู้ เคล็ดวิชา ‘กระบี่เซียนเหิน’ ได้สำแดงขึ้นมาภายในทะเลแห่งความรู้ของเขาได้อย่างน่าเกรงขามและยิ่งใหญ่

มองดู ‘เคล็ดวิชากระบี่เซียนเหิน’ สำแดงภายในทะเลแห่งความรู้ของตนแล้ว พลันทำให้หลี่เจี้ยนคุนอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ‘เคล็ดวิชากระบี่เซียนเหิน’ ที่ตนเองฝึกอยู่ก่อนหน้านั้น เรียกได้ว่าน่าเวทนาจนสุดจะทนดูได้ ‘เคล็ดวิชากระบี่เซียนเหิน’ ที่เขาฝึกใช่เพียงแค่เต็มไปด้วยช่องโหว่เท่านั้น ทั้งยังมีหลายจุดฝึกผิดท่า ภาษิตว่า ผิดไปเพียงนิดเดียว พลาดไปเป็นโยชน์

ขณะที่หลี่เจี้ยนคุนทำการบรรลุและหวนนึกถึง ‘เคล็ดวิชากระบี่เซียนเหิน’ ครั้งแล้วครั้งเล่านั้น ทำให้เขาเสมือนหนึ่งได้ยินความคิดเห็นยอดเยี่ยมล้ำเลิศ ทำให้เกิดความสว่างทางปัญญา ทำให้ความจริงกระจ่างแจ้งขึ้นมากะทันหัน ในเวลานี้เอง เขาจึงได้เข้าถึงความหมายที่ลึกซึ้งของคำพูดประโยคหนึ่งนั่นก็คือ ฟังคำพูดคำหนึ่งเหนือกว่าร่ำเรียนมาสิบปี

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ชี้แนะ ผู้เยาว์ซาบซึ้งอย่างหาที่สุดมิได้” หลังจากที่ผ่านไปนานเมื่อหลี่เจี้ยนคุนได้สติกลับมา จึงได้คุกเข่าโขกศีรษะให้กับหลี่ชิเย่ด้วยความหนักแน่นจริงจัง คุกเข่าสามครั้งกราบเก้าครั้งด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

แต่ว่า หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตา และไม่ได้มองดูเขากระทั่วแวบเดียว

หลี่เจี้ยนคุนก็ไม่กล้าโลภมาก สามารถได้รับการชี้แนะ ‘เคล็ดวิชากระบี่เซียนเหิน’ เช่นนี้เขานับว่าได้รับประโยชน์อย่างไม่มีสิ้นสุดไปชั่วชีวิตแล้ว ไหนเลยกล้าโลภมากอีก หลังจากที่คุกเข่าก้มกราบหลี่ชิเย่กราบแล้วกราบอีก ได้ถอยหลังกลับออกไปอย่างช้าๆ

ลานบ้านที่กัวเจียหุ้ยอาศัยอยู่ปรากฏมีผู้คนมาคุกเข่าเต็มพื้นที่ไปหมด หลังจากที่หลี่เจี้ยนคุนได้รับการชี้แนะไปได้ไม่นานนัก ระดับผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงพากันมาที่นี่ทั้งหมด และครั้งนี้นำโดยเจ้านิกายเฉินเหวยเจิ้งด้วยตนเอง

ที่แท้หลังจากที่หลี่เจี้ยนคุนได้รับการชี้แนะแล้ว ‘เคล็ดวิชากระบี่เซียนเหิน’ ของเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของเคล็ดวิชากระบี่นั้น ล้ำหน้าผู้เป็นอาจารย์ของเขา

เมื่อผู้เป็นอาจารย์ของเขาทราบมาว่าหลี่ชิเย่เป็นผู้ชี้แนะ ได้ทำความบรรลุอย่างละเอียดใน ‘เคล็ดวิชากระบี่เซียนเหิน’ ที่หลี่ชิเย่ได้ชี้แนะให้กับหลี่เจี้ยนคุนนั้น พลันทำให้ตัวเขาที่เป็นอาจารย์อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี

หลังจากได้เห็นเคล็ดกระบี่ที่หลี่ชิเย่ชี้แนะแล้ว เขาจึงเข้าใจได้อย่างแท้จริง ก่อนหน้านั้น ‘เคล็ดวิชากระบี่เซียนเหิน’ ที่ตนถ่ายทอดให้กับหลี่เจี้ยนคุนนั้น มันคือการทำให้ลูกหลานผู้อื่นเสียการเสียงานชัดๆ!

ดังนั้น เมื่ออาจารย์ของหลี่เจี้ยนคุนได้ศึกษา ‘เคล็ดวิชากระบี่เซียนเหิน’ อย่างละเอียดแล้ว ได้รับประโยชน์ไม่มีสิ้นสุด จึงรีบรายงานต่อเจ้านิกายเฉินเหวยเจิ้งทันที

ภายในใจของเฉินเหวยเจิ้งถึงกับหวั่นไหวหลังจากรับทราบเรื่องนี้แล้ว มาคราวนี้เฉินเหวยเจิ้งและบรรดาผู้อาวุโสต่างได้สติกลับมาแล้วว่า นี่คือโอกาสที่หาได้ยากยิ่งจริงๆ

มีผู้เยี่ยมยุทธอย่างหลี่ชิเย่อยู่ภายในนิกายหู้ซานจง มีอาจารย์ที่เก่งกาจอยู่ตรงหน้า พวกเขากลับละเลยไปเช่นนี้? เหตุใดไม่รู้จักขอคำชี้แนะจากอาจารย์แต่โดยดี?

ดังนั้น เมื่อเฉินเหวยเจิ้งได้สติกลับมาจึงนำบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดของนิกายหู้ซานจงไปคุกเข่าด้านหน้าประตูของหลี่ชิเย่ ขอให้หลี่ชิเย่ช่วยชี้ทางสว่าง

เมื่อกัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงตื่นแต่เช้าเปิดประตูออกมา มองเห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่คุกเข่าอยู่ที่ลานจนถี่ยิบ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นระดับผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจง รวมทั้งเจ้านิกายเฉินเหวยเจิ้งก็อยู่ในนั้นด้วย ทำเอากัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงตกอกตกใจอย่างยิ่ง

แม้แต่เจ้านิกายและผู้อาวุโสทั้งหมดล้วนคุกเข่าอยู่ตรงนี้ แน่นอน ทั้งกัวเจียหุ้ยและจ้าวจื้อถิงไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ พวกนางจึงรออยู่ข้างๆ ด้วย รอการตัดสินจากหลี่ชิเย่

แต่ทว่า หลี่ชิเย่ไม่ให้ความสนใจ ยังคงนอนอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้น

เฉินเหวยเจิ้งกลั้นลมหายใจเอาไว้ นำพาระดับผู้อาวุโสทั้งหมดคุกเข่าอยู่หน้าประตูเงียบๆ ไม่ส่งเสียงออกมาสักคำ ท่าทางเคารพนอบน้อมยิ่ง รอคอยการตัดสินของหลี่ชิเย่

กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง แม้แต่หลี่เจี้ยนคุนศิษย์ของพวกเขาได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่แล้ว ก็ได้รับประโยชน์อย่างไม่มีสิ้นสุด ถ้าหากพวกเขาได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่บ้าง ก็ต้องได้รับประโยชน์ไม่น้อย

เวลาได้ผ่านไปทุกวินาที หลี่ชิเย่ยังคงไม่หวั่นไหวต่อสิ่งนี้ ผ่านไปวันแล้ววันเล่า หลี่ชิเย่ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

ขณะที่พวกของเฉินเหวยเจิ้งพวกเขาทั้งหมดคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่มีเคลื่อนไหว ด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม ดูเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง

จากวันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในที่สุด หลี่ชิเย่จึงได้ลืมตาทั้งสองขึ้นช้าๆ

“ท่านปรมาจารย์ โปรดชี้แนะทางสว่างให้ด้วย” เฉินเหวยเจิ้งรีบก้มกราบอยู่ตรงนั้น ผู้อาวุโสทั้งหมดก็ก้มกราบอยู่ที่ตรงนั้น

………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *