Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2731 ถ่ายทอดวิชา

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2731 ถ่ายทอดวิชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2731 ถ่ายทอดวิชา

หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้มองดูบรรดาระดับผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงที่คุกเข่าอยู่กับพื้นแวบหนึ่งช้าๆ เพียงกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “โง่ ทิ้งผลประโยชน์ที่อยู่ใกล้ ไปแสวงหาผลประโยชน์ที่อยู่ไกลกว่า เวลานี้แผ่นดินสัจธรรมได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้ว พลังสัจธรรมตลบอบอวล มีซากปรักหักพังของปรัชญาเมธี ราชันแท้จริงจำนวนเท่าไรที่ได้ปรากฏเคล็ดวิชาขึ้นมา มีลายมือแท้จริงเท่าไรที่ปรากฏขึ้นมา พวกเจ้าสดับตรับฟังการเทศนาธรรมของปรัชญาเมธีเสียบ้าง เลียนการบรรลุธรรมของราชันแท้จริงบ้าง ย่อมบังเกิดผล”

“พวกเจ้าล้วนแล้วแต่อายุปูนนี้กันแล้ว หรือว่ายังต้องให้ข้ามาคอยประคบประหงมทีละก้าวๆ อย่างนั้นรึ? หรือว่าต้องการให้ข้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาแต่ละแขนงๆ กับมืออย่างนั้นรึ? สัจธรรมได้ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว ที่ต้องไปทำมากกว่านี้ก็คือไปทำความบรรลุด้วยตนเอง ไปศึกษาด้วยตนเอง มีตรงไหนที่ไม่เข้าใจค่อยมาขอคำชี้แนะ อย่ามัวแต่คิดจะได้มาโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย” น้ำเสียงของหลี่ชิเย่ดูจะเย็นชา

บรรดาระดับผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงที่คุกเข่าก้มกราบอยู่กับพื้นต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน เมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว เมื่อได้สติกลับมาต่างพยักหน้าให้กันและกัน และรู้สึกว่ามีเหตุผล

เฉินเหวยเจิ้งในฐานะเจ้านิกายได้ทำการพินิจพิเคราะห์และทำความซาบซึ้งกับคำบอกเล่าของหลี่ชิเย่แล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จะอย่างไรเสียสัจธรรมของนิกายหู้ซานจงได้ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้วในเวลานี้ พลังแฝงของสำนักได้ถูกปลุกให้ตื่น่ขึ้น เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการฝึกอย่างหนักที่สุด

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์ที่ชี้แนะ” เมื่อเฉินเหวยเจิ้งได้สติกลับมาแล้ว จึงนำพาบรรดาระดับผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงกราบคารวะเต็มรูปแบบต่อหลี่ชิเย่

เหล่าผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงก็แสดงคารวะเต็มรูปแบบตามเฉินเหวยเจิ้ง แม้ว่าหลี่ชิเย่จะไม่ได้ชี้แนะอะไรพวกเขา แต่คำบอกเล่าของหลี่ชิเย่กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วเสมือนหนึ่งได้ยินความคิดเห็นยอดเยี่ยมล้ำเลิศ ทำให้เกิดความสว่างทางปัญญาอย่างนั้น ทำให้ความจริงกระจ่างแจ้งขึ้นมากะทันหัน

“เฉินเหวยเจิ้งอยู่ก่อน” ในขณะที่บรรดาระดับผู้อาวุโสต่างล่าถอยไปด้วยความเคารพนอบน้อมนั้น หลี่ชิเย่เรียกออกมาคำหนึ่ง

เฉินเหวยเจิ้งตะลึงนิดหนึ่ง จากนั้นรั้งอยู่ที่ตรงนั้น บรรดาระดับผู้อาวุโสต่างรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นว่าเจ้านิกายถูกรั้งตัวเอาไว้ แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม พวกเขายังคงล่าถอยกลับออกไปด้วยความเคารพนอบน้อม

ภายในใจของเฉินเหวยเจิ้งที่ให้รั้งอยู่ต่อก็ให้รู้สึกทั้งตื่นเต้นและดีใจ เขาเองนึกไม่ถึงว่าจะมีโอกาสเช่นนี้ จะถูกหลี่ชิเย่เรียกให้อยู่โดยลำพังคนเดียว

หลี่ชิเย่มองดูเฉินเหวยเจิ้งทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ในนิกายหู้ซานจง เจ้าไม่เพียงเป็นเจ้านิกาย และคือผู้มีทักษะยุทธสูงสุด พรสวรรค์ดีที่สุดของนิกายหู้ซานจง”

“ศิษย์ละอายต่อคำชื่นชมของท่านปรมาจารย์” เฉินเหวยเจิ้งยืนทิ้งมือข้างลำตัว รีบแสดงคารวะ

“อย่าดีใจเร็วเกินไป” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้านิกาย ทั้งยังเป็นผู้ที่มีทักษะยุทธสูงสุด เช่นนั้นแล้ว เจ้าสมควรแบกภาระการถ่ายทอดวิชา ช่วยคลายความฉงนในเรื่องที่ไม่เข้าใจ ยิ่งสมควรแบกรับภาระหนักในการพัฒนานิกายหู้ซานจงให้เจริญรุ่งเรือง”

เฉินเหวยเจิ้งถูกเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาด้วยคำพูดเดียว ถึงกับทำหน้าเจื่อนๆ ในเวลานี้ เขาเองก็คิดจะพัฒนานิกายหู้ซานจงให้เจริญรุ่งเรือง และทำหน้าที่ด้านถ่ายทอดชิชา คลายความฉงน เขาเองก็คิดจะสร้างผลงานใหญ่ แต่ ท้ายที่สุดแล้วความสามารถมีขีดจำกัด

“วันนี้ ข้าจะถ่ายทอดวิชาให้กับเจ้า หวังว่าเจ้าจะแบกภาระหนักนี้เอาไว้” พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ นิ้วมือที่ชี้ออกไป ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น กฎเกณฑ์ขนาดเล็กจิ๋วหลายสายพลันมุดเข้าไปในบริเวณหน้าผากของเฉินเหวยเจิ้ง

จังหวะที่กฎเกณฑ์ขนาดเล็กจิ๋วหลายสายมุดเข้าไปในบริเวณหน้าผากของเฉินเหวยเจิ้งนั้น ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง สุดยอดบทคัมภีร์เคล็ดวิชาสูงสุดหลายบทพลันถูกคลี่กางออกมาในทะเลแห่งความรู้ของเฉินเหวยเจิ้ง นาทีนี้เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งได้ก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดในทะเลแห่งความรู้ของเขา เสมือนดั่งต้องการหลอมรวมเข้ากับวิชาที่เขาฝึกปรืออย่างนั้น

เมื่อเฉินเหวยเจิ้งมองไปในทะเลแห่งความรู้แล้วพลันรุ้สึกตระหนกระคนกับความดีใจ สุดยอดบทคัมภีร์เคล็ดวิชาสูงสุดหลายบทนี้คือเคล็ดวิชาหลายแขนงที่เขาฝึกปรืออยู่ และคือเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเขาเอง บรรดาระดับผู้อาวุโสของนิกายหู้ซานจงต่างก็ได้ฝึกปรือหนึ่งในเคล็ดวิชา หรือหลายวิชาในจำนวนนั้น

เมื่อไปทำความบรรลุสุดยอดบทคัมภีร์เคล็ดวิชาสูงสุดหลายบทที่หลี่ชิเย่ถ่ายทอดให้แล้ว พลันทำให้เฉินเหวยเจิ้งถึงกับรู้สึกอับอายยิ่งนัก เนื่องจากในหลายๆ สุดยอดเคล็ดวิชาเหล่านี้ มีหลายแห่งที่เขาเข้าใจและฝึกผิดพลาดไป และหรือฝึกได้ไม่ถึงแก่น เวลานี้เมื่อหลี่ชิเย่ทำการแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว เคล็ดวิชาทุกๆ แขนงล้วนแล้วแต่กระจ่างแจ้งขึ้นมากะทันหัน มีดินแดนที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง เสมือนหนึ่งช่วยเปิดบานประตูอีกบานที่ใหม่ทั้งหมดให้กับเขา

หลังจากที่เฉินเหวยเจิ้งได้ทำความบรรลุสุดยอดบทคัมภีร์เคล็ดวิชาสูงสุดที่หลี่ชิเย่ถ่ายทอดให้แล้ว พลันทำให้เฉินเหวยเจิ้งมีการเข้าใจลึกซึ้งที่ใหม่ทั้งหมด การเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเคล็ดวิชานี้ ทำให้เขาได้ก้าวสู่ระดับอีกระดับหนึ่ง

หลายๆ สิ่งในอดีตที่ไม่เข้าใจ ไม่สามารถทำความบรรลุได้นั้น หลังจากบรรลุสุดยอดบทคัมภีร์เคล็ดวิชาสูงสุดที่หลี่ชิเย่ถ่ายทอดให้แล้ว พลันทำให้สิ่งซึ่งไม่แน่ใจ ไม่เข้าใจ และหรือที่เป็นคอขวดไม่สามารถฝึกสำเร็จได้ ในเวลานี้ล้วนแล้วแต่หายวับไปกับตาในพริบตาเดียว

มาคราวนี้ทำให้เฉินเหวยเจิ้งทั้งตื่นตกใจทั้งดีใจจนไม่สามารถตื่นตกใจและดีใจมากไปกว่านั้นอีกแล้ว กล่าวสำหรับเขาแล้วเคล็ดวิชาที่หลี่ชิเย่ถ่ายทอดให้มานั้น เหนือกว่าเขาฝึกปรือมาเป็นพันปี สิ่งที่ได้รับมาเป็นกอบเป็นกำนั้นไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว เรียกได้ว่าได้รับประโยชน์ไม่สิ้นสุดไปชั่วชีวิต

ในเวลานี้ เฉินเหวยเจิ้งยิ่งมั่นใจว่าหลี่ชิเย่ก็คือปรมาจารย์นิกายหู้ซานจงของพวกเขา เป็นปรมาจารย์ที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์มากผู้หนึ่ง ต้องเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ยิ่งกับผู้เฒ่าอมตะ ปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาอย่างแน่นอน

ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ใช่ปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจงล่ะก็ เป็นไปได้อย่างไรที่สามารถบรรลุเคล็ดวิชาของนิกายหู้ซานจงได้ทะลุปรุโปร่งได้เพียงนี้ สามารถรู้เคล็ดวิชาของนิกายหู้ซานจงได้อย่างลึกซึ้งได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม เฉินเหวยเจิ้งกลับไม่รู้ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจในเคล็ดวิชาของผู้เฒ่าอมตะได้ดีกว่าหลี่ชิเย่อีกแล้ว ต่อให้หลี่ชิเย่ไม่เคยได้เห็นเคล็ดวิชาของนิกายหู้ซานจงมาก่อนก็ตาม แต่ว่า ขอเพียงอาศัยธาตุแท้ภายในของนิกายหู้ซานจง เขาก็สามารถพัฒนาเคล็ดวิชาของนิกายหู้ซานจงขึ้นมาได้ จะอย่างไรเสียเขาเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวางปราศจากผู้เทียบเทียมคนหนึ่ง เชี่ยวชาญวิชาของหมื่นแดน เชี่ยวชาญสัจธรรมสัจธรรมตลอดกาล

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์ ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านปรมาจารย์ต้องผิดหวังในวิชาที่ถ่ายทอดมา” หลังจากที่เฉินเหวยเจิ้งได้สติกลับมา จึงแสดงคารวะเต็มรูปแบบ

แต่ว่า หลี่ชิเย่ในขณะนี้ได้หลับตาลงเหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น ไม่มองไม่ได้ยินกับการคารวะเต็มรูปแบบของเฉินเหวยเจิ้ง

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เฉินเหวยเจิ้งยังคงคารวะแล้วคารวะอีกด้วยความนอบน้อม ท้ายสุดค่อยๆ ล่าถอยกลับออกไปอย่างเงียบๆ โดยขณะที่ล่าถอยกลับออกไปนั้นพยายามลงเท้าให้เบาที่สุดไม่ให้มีเสียง เกรงว่าจะเป็นการรบกวนต่อหลี่ชิเย่

ภายในนิกายหู้ซานจงทั้งหมดพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน หลังจากได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่ไปแล้ว สิ่งนี้ใช่จะบอกว่าบรรดาผู้อาวุโส และศิษย์ของนิกายหู้ซานจงได้ฝึกปรือจนกลับกลายเป็นยอดฝีมือภายในชั่วข้ามคืน แต่เป็นการบอกว่าทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจงล้วนมีบรรยากาศของการฝึกปรือที่เข้มข้นภายในระยะเวลาอันสั้น

ในขณะนี้ ภายในนิกายหู้ซานจงนั้น เบื้องบนถึงระดับผู้อาวุโส เบื้องล่างถึงศิษย์ระดับธรรมดาล้วนแล้วแต่กลายเป็นมีความรักร้อนแรงต่อการฝึก ถ้าหากความพยายามในการฝึกปรกติคือแปดส่วน เช่นนั้นแล้วการฝึกของทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจงในปัจจุบันเรียกว่าพยายามอย่างเต็มที่

จากการเสื่อมลงของนิกายหู้ซานจง ทำให้การฝึกของทุกระดับชั้นกลายเป็นเฉื่อยชาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ธรรมดา หรือผู้อาวุโสผู้คุมกฎ การเดินหน้าฝึกปรือทำได้ห่างไกลเป้าหมายเป็นอันมาก

กล่าวสำหรับแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากแล้ว การฝึกอย่างน้อยต้องทำให้ได้ในระดับร้อยละแปดสิบ ขณะที่กล่าวสำหรับนิกายหู้ซานจงแล้ว สามารถทำได้ร้อยละหกสิบก็เพียงพอแล้ว

ความเกียจคร้านเฉื่อยชาของทุกระดับชั้นในนิกายหู้ซานจงมีสาเหตุต่างๆ นานา ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ ในห้วงระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา นิกายหู้ซานจงไม่เคยปรากฏยอดฝีมือที่แท้จริงเลย ไม่เคยปรากฎศิษย์ระดับอัจฉริยะบุคคลที่สามารถกระตุ้นศิษย์ภายในสำนักได้ ในห้วงระยะเวลาที่ยาวนานมากๆ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหู้ซานจงมักจะหยุดอยู่ที่ระดับเทพแท้จริง สามารถก้าวขึ้นสู่เทพแท้จริงขั้นขึ้นสูงสวรรค์นั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ลองนึกภาพดู สำนักแห่งหนึ่ง ผู้ที่มีกำลังความสามารถสูงสุดก็เพียงแค่ระดับเทพแท้จริงเท่านั้น แล้วจะปรากฏอาจารย์ที่มีชื่อเสียงได้อย่างไร? แล้วจะมีใครที่สามารถให้กำลังใจต่อศิษย์ภายในสำนักให้พยายามก้าวไปข้างหน้าได้อย่างกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ภายในใจของศิษย์จำนวนมากในนิกายหู้ซานจงจึงมีความฝันที่สามารถก้าวไปได้ถึงก็แค่ระดับเทพแท้จริงเท่านั้น กระทั่งศิษย์จำนวนมากจนถึงระดับผู้อาวุโสก็จะมีความคิดเช่นนี้บังเกิดขึ้นภายในใจว่า ต่อให้พวกเขาพยายามมากกว่านี้ไปชั่วชีวิต พยายามก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ คิดจะก้าวข้ามระดับเทพแท้จริงก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงก้าวให้ถึงระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ และเทพแท้จริงชั้นอมตะแล้ว

ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ ทำให้ทุกระดับชั้นในนิกายหู้ซานจง ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้อาวุโส หรือศิษย์ธรรมดาล้วนแล้วแต่มีจิตใจที่เกียจคร้านอย่างหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ภาพรวมในการฝึกปรือของนิกายหู้ซานจง เทียบกับสำนักเจ้าลัทธิแท้จริงแล้ว ดูจะเฉื่อยชากว่าไม่น้อยทีเดียว

มาถึงวันนี้ การปรากฏตัวของหลี่ชิเย่พลันเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ และสถานการณ์ของนิกายหู้ซานจงไปทั้งหมด

เมื่อมีหลี่ชิเย่ในฐานะปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งเพียงนี้คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ทำให้ภายในใจของบรรดาผู้อาวุโส ผู้คุมกฎของนิกายหู้ซานจงทั้งหมดต่างมองเห็นความหวัง ทำให้พวกเขาต่างมองเห็นความหวังที่จะพัฒนานิกายหู้ซานจงให้เจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธาตุแท้ภายในของนิกายหู้ซานจงเวลานี้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นทั้งหมด ทำให้ศิษย์ของนิกายหู้ซานจงไม่ว่าผู้ใดก็สามารถฝึกปรือได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังคงซากปรักหักพังของปรัชญาเมธี ราชันแท้จริงที่ปรากฏความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา สิ่งนี้กล่าวสำหรับ ศิษย์ทุกคนแล้วยิ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก

เมื่อมีเงื่อนไขที่สมบูรณ์เช่นนี้ ภายใต้โอกาสที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้ ทุกระดับชั้นในนิกายหู้ซานจง ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ธรรมดาหรือผู้อาวุโสผู้คุมกฎต่างก็พยายามฝึกโดยการคว้าโอกาสนี้เอาไว้แน่น ต่างไม่ยอมปล่อยให้ต้องพลาดโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ไป

ในขณะนี้ บรรดาผู้อาวุโส และศิษย์ของนิกายหู้ซานจงต่างก็เข้าใจ ถ้าหากพลาดโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ไปแล้ว ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว

ดังนั้น ในเวลานี้ ทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจงต่างก็พยายามคว้าโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้เอาไว้แน่น ต่างพยายามฝึกปรืออย่างห้าวหาญ ภายในใจต่างมีความรู้สึกที่คับขัน

ยิ่งไปกว่านี้ ถ้าหากพวกเขาไม่พยายยามฝึกปรืออย่างห้าวหาญ ก็จะไม่ได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่ พวกเขาก็จะพลาดโอกาสที่ล้ำค่ายิ่งไป เมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่ทำให้ทุกระดับชั้นของนิกายหู้ซานจงพยายามฝึกปรือได้รึ?

โดยเฉพาะบรรดาผู้อาวุโส และผู้คุมกฎของนิกายหู้ซานจง แม้ว่าพวกเขาจะมีอายุมากแล้ว แต่มาวันนี้การฝึกปรือของพวกเขานั้นดูจะมีความพยายาม และสู้ตายมากกว่าศิษย์ธรรมดาเสียอีก

ในอดีตพวกเขาต่างมองไม่เห็นความหวังที่จะทะลุทะลวงไปได้ มาวันนี้หลี่ชิเย่ได้นำพาความหวังให้กับพวกเขา พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการพลาดโอกาสนี้ไป ถ้าหากเวลานี้ไม่สามารถคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้ ไม่ได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วอนาคตพวกเขาอาจจะต้องคงอยู่ที่ระดับนี้ไปตลอดชีวิต และย่ำเท้าอยู่กับที่ตลอดไป

ด้วยเหตุนี้เอง บรรดาผู้อาวุโส ผู้คุมกฎต่างพยายามฝึกปรือเต็มที่ ล้วนแล้วแต่ต้องการได้รับการชี้แนะและถ่ายทอดวิชา

สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ก็พยายามฝึกฝนอย่างห้าวหาญ เนื่องจากตัวของกัวเจียหุ้ย และจ้าวจื้อถิงบังเกิดประโยชน์ขึ้นเป็นอย่างดี ในอดีตระหว่างศิษย์ร่วมสำนักนั้น ไม่รู้ว่ามีศิษย์จำนวนเท่าไรที่เหนือกว่ากัวเจียหุ้ย และจ้าวจื้อถิงอยู่มากทีเดียว

โดยเฉพาะกัวเจียหุ้ยนั้นธรรมดาๆ ไม่สะดุดตาเลยเมื่อเทียบกับบรรดาศิษย์ร่วมสำนัก แต่เร็วๆ นี้ การฝึกวิชาของกัวเจียหุ้ยนั้นก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เหนือกว่าศิษย์ร่วมสำนักไปมากทีเดียว และกัวเจียหุ้ยที่อยู่ภายใต้ความสำเร็จเช่นนี้ ยังคงพยายามฝึกปรืออยู่

เมื่อเป็นเช่นนี้ ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักก็ไม่ยอมถูกทิ้งห่าง ต่างพยายามฝึกวิชาอย่างห้าวหาญ ล้วนแล้วแต่ต้องการมีผลงานขึ้นมา

……………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *