Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2735 หุบเขาอสรพิษ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2735 หุบเขาอสรพิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2735 หุบเขาอสรพิษ

วันนี้ หลี่ชิเย่ที่นอนหลับใหลมาเป็นเวลานานมากพลันลืมตาขึ้นมา และเรียกเฉินเหวยเจิ้งเข้าพบ

การเรียกพบอย่างกะทันหันของหลี่ชิเย่ ทำเอาเฉินเหวยเจิ้งตกใจอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงปล่อยวางทุกเรื่องที่กำลังทำอยู่รีบรุดไปพบ

“ท่านปรมาจารย์ มีอะไรสั่งการ?” เฉินเหวยเจิ้งรีบเร่งรุดมา และคุกเข่าก้มกราบอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่มองดูเฉินเหวยเจิ้งทีหนึ่ง สั่งการไปว่า “ออกเดินทาง ไปเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาสักครั้ง”

“เมืองวัฏสงสารเมืองบนเขา?” เฉินเหวยเจิ้งถึงกับงงงันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ อยู่ดีๆ พลันต้องการจะไปที่เมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาขึ้นมากะทันหัน ทำให้เฉินเหวยเจิ้ง ตะลึงนิดหนึ่ง

แม้ว่าเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาก็ตั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร แต่ว่าระยะทางจากนิกายหู้ซานจงห่างไกลจากเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขามากเหลือเกิน

“ไม่ทราบว่าท่านปรมาจารย์ไปยังเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาทำอะไร? บางทีศิษย์อาจสามารถรับใช้ได้” เฉินเหวยเจิ้งรีบเอ่ยขึ้น

ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลี่ชิเย่ไม่ค่อยจะมีการเคลื่อนไหว กระทั่งไม่เคยลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ล้อเลื่อน เฉินเหวยเจิ้งเข้าใจว่าหลี่ชิเย่มีร่างกายที่เป็นอัมพาต ไม่สามารถลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ล้อเลื่อน ไม่สามารถเดินได้

จะอย่างไรเสีย ในการเดินทางไปเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขามีระยะทางที่ไกลมาก หลี่ชิเย่ที่ไปโดยนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนเกรงว่าจะไม่สะดวกนานัปการ ถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็ เฉินเหวยเจิ้งสามารถไปที่เมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาแทนหลี่ชิเย่ได้

“ไปดูสักหน่อย” ในเวลานี้ หลี่ชิเย่มองไปยังสถานที่ที่ห่างไกล ท่าทางเหมือนล่องลอยอยู่บ้าง เหมือนกำลังหวนคนึงถึงอะไรบางอย่าง เหมือนว่าสถานที่ที่ห่างไกลนั้นมีอะไรดึงดูดเขาเอาไว้ กำลังเรียกหาเขา

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่ได้ละสายตากลับมา มองดูเฉินเหวยเจิ้งทีหนึ่ง สั่งการไปว่า “ไม่เพียงข้าคนเดียวที่ไป คัดเลือกศิษย์เจ็ดคนติดตามไปด้วย การอยู่แต่ภายในห้องที่อบอุ่น สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถบ่มเพราะผู้ที่มีความแปลกประหลาดพันลึกขึ้นมาได้ คิดจะให้เติบโตเป็นต้นไม้ที่สูงเทียมฟ้า ย่อมต้องผ่านอุปสรรคมา สมควรไปขัดเกลาสักนิด จึงจะรู้ว่าโลกกว้างใหญ่แค่ไหน”

หลี่ชิเย่คิดจะไปยังเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาสักครั้ง แน่นอน เขาจะไปเพียงคนเดียวก็ได้ และรวดเร็วยิ่งกว่า เพียงแต่มาคราวนี้เขานำพาศิษย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปด้วย ถือโอกาสนานทีปีหนจึงจะมีเวลาว่างเช่นนี้ พาศิษย์ของนิกายหู้ซานจงไปขัดเกลาฝึกปรือสักครั้ง รอให้เขาบดขยี้ผู้ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวจนเรียบร้อยแล้ว เกรงว่าเขาคงไม่มีอารมณ์ว่างแบบนั้น และไม่มีเวลาไปเป็นเพื่อนในการฝึกปรือขัดเกลาของศิษย์นิกายหู้ซานจงอีก

“ศิษย์เข้าใจ ศิษย์จะไปดำเนินการเดี๋ยวนี้” เฉินเหวยเจิ้งถึงกับดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ จึงแสดงคารวะด้วยความเคารพยิ่ง

เฉินเหวยเจิ้งเข้าใจได้ว่าปรมาจารย์อย่างหลี่ชิเย่คือผู้ที่มีทักษะยุทธสูงสุด สามารถได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเขาย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด สิ่งนี้จะต้องเป็นโอกาสของการขัดเกลาที่ดีที่สุด โอกาสเช่นนี้ไม่ว่าใครก็ต้องเรียกว่าเป็นพรหมลิขิต

หลังจากที่เฉินเหวยเจิ้งรู้สึกดีใจอย่างยิ่งแล้วบังเกิดความลังเลขึ้นมานิดหนึ่ง และกล่าวว่า ” ท่านปรมาจารย์ เกรงว่าการไปที่เมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาจำเป็นต้องใช้เวลาไม่น้อย นิกายหู้ซานจงพวก พวกเราไม่มีใครมีกำลังความสามารถสามารถก้าวข้ามไปถึงเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาได้เลย ไม่สามารถเข้าไปขัดเกลาในสมรภูมิรบโบราณได้”

เมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาห่างจากนิกายหู้ซานจงไกลมาก ในอดีตนิกายหู้ซานจงมีประตูมิติที่สามารถก้าวข้ามไปถึงเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาได้โดยตรง เวลานี้นิกายหู้ซานจงเสื่อมลงแล้ว ไม่สามารถแบกรับจำนวนศิลาแกร่งที่ต้องใช้ในการก้าวข้ามไปยังเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาได้อีกแล้ว

“โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล การท่องไปในโลกหล้าไหนเลยจะไม่ใช่เป็นการขัดเกลาอย่างหนึ่ง และถือเป็นการขัดเกลาต่อจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรอย่างหนึ่ง” หลี่ชิเย่สั่งการออกไป

“ศิษย์เข้าใจแล้ว ศิษย์จะไปดำเนินการเดี๋ยวนี้” เฉินเหวยเจิ้งแสดงคารวะด้วยความเคารพนอบน้อม

เฉินเหวยเจิ้งไปดำเนินการคัดเลือกศิษย์ที่จะร่วมเดินทางหลังจากที่ได้รับคำสั่งจากหลี่ชิเย่ เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปยังเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขา

ไม่เพียงแต่ศิษย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้น แม้แต่ระดับผู้อาวุโส และผู้คุมกฎต่างก็รุ้สึกตื่นเต้น พลันมีความรู้สึกที่เดือดพล่านขึ้นมา เมื่อรู้ว่ามีโอกาสติดตามปรมาจารย์ออกไปขัดเกลาตนเอง

ในใจของบรรดาตาเฒ่าเหล่านี้ก็รู้ดีว่า ผู้ที่สามารถติดตามปรมาจารย์ออกไปขัดเกลาได้นั้น อนาคตล้วนแล้วแต่ได้กลายเป็นเสาหลักของนิกายหู้ซานจง และจะได้กลายเป็นผู้ที่สามารถรับผิดชอบภารกิจของนิกายหู้ซานจงลำพังคนเดียวได้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ สามารถได้รับการชี้แนะจากปรมาจารย์ด้วยตนเองโดยตรง ช่างเป็นเรื่องที่ล้ำค่าและหาได้ยากยิ่งเพียงใด

หากว่าสามารถได้รับการชี้แนะจากปรมาจารย์ล่ะก็ เรียกว่าเหนือกว่าการฝึกปรือนับร้อยปี ได้รับประโยชน์ไม่มีสิ้นสุดตลอดชีวิต

เมื่อเป็นเช่นนี้ บรรดาเหล่าผู้อาวุโส และผู้คุมกฎต่างพยายามเสนอศิษย์ของตนต่อเฉินเหวยเจิ้งผู้เป็นเจ้าสำนัก ด้วยการเสนอศิษย์ที่ดีเด่นที่สุดของตนไปให้ พวกเขาต่างคาดหวังว่าศิษย์ที่ดีเด่นที่สุดสามารถติดตามปรมาจารย์ออกไปรับการขัดเกลา

เพียงแต่เฉินเหวยเจิ้งเองก็ไม่ได้ลำเอียงสำหรับศิษย์ที่จะได้ออกไปขัดเกลา และไม่ได้มีพฤติกรรมการอาศัยอำนาจทำเพื่อตนเอง เรียกได้ว่าศิษย์ที่ได้รับการคัดเลือกให้เดินทางในครั้งนี้ เฉินเหวยเจิ้งยึดหลักการความยุติธรรมเท่าเทียมในการคัดเลือก สุดท้ายแล้ว หลังจากผ่านการคัดเลือกรอบแล้วรอบเล่า ได้เลือกเอาศิษย์จากกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเจ็ดคนร่วมเดินทางไปด้วย

แน่นอนที่สุด ในจำนวนศิษย์ทั้งเจ็ดคนนั้น กัวเจียหุ้ยเรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่จำเป็นและเป็นไปตามอัตโนมัติอันดับหนึ่ง กัวเจียหุ้ยเคยแบกหลี่ชิเย่ขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์มาก่อน แล้วยังได้รับการกำหนดให้เป็นผู้รับตำแหน่งปรัชญาเมธีโดยหลี่ชิเย่ กล่าวได้ว่าคุณสมบัติของกัวเจียหุ้ยนั้นไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้

ความจริงแล้ว ต่อให้กัวเจียหุ้ยไม่มีคุณสมบัติเช่นนี้ เฉินเหวยเจิ้งก็จะต้องเลือกกัวเจียหุ้ย สมควรทราบว่ากัวเจียหุ้ยนั้นคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ตลอดมา อีกทั้งปรมาจารย์อย่างหลี่ชิเย่ก็มีกัวเจียหุ้ยเป็นคนแบกลับมา กล่าวได้ว่ากัวเจียหุ้ยนั้นมีผลงานยิ่งใหญ่ต่อนิกายหู้ซานจงทั้งหมด

ผู้ที่ถูกคัดเลือกในคราวเดียวกันยังมีจ้าวจื้อถิง แม้จะกล่าวว่าจ้าวจื้อถิงนั้นไม่ใช่ศิษย์ที่ดีเด่นที่สุดของนิกายหู้ซานจง แต่ทว่า ระยะหลังนี้ทักษะยุทธของนางก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว แซงล้ำหน้าศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักไปเป็นจำนวนมาก กล่าวได้ว่าพลังแฝงของจ้าวจื้อถิงนั้นมีอยู่เป็นอันมากทีเดียว ขณะเดียวกันจ้าวจื้อถิงนั้นเป็นผู้หนึ่งที่ติดตามอยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่ตลอดมาต่อจากกัวเจียหุ้ย ดังนั้นการที่นางจะติดตามไปขัดเกลาก็สมควรแล้ว

คนที่สามที่ได้รับการคัดเลือกก็คือศิษย์พี่ใหญ่หลี่เจี้ยนคุนแล้ว การที่หลี่เจี้ยนคุนได้รับการคัดเลือกก็นับว่าสมควรแล้ว

เป็นความจริงที่ในรุ่นของกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้น หากว่ากันในเรื่องของพรสวรรค์ ทักษะยุทธแล้วหลี่เจี้ยนคุนนั้นมีระดับสูงสุด และการทำงานของหลี่เจี้ยนคุนนั้นมีความหนักแน่น สุขุมรอบคอบและมีประสบการณ์มากกว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักเป็นจำนวนมาก การคิดเลือกให้เขาติดตามไปรับการขัดเกลาในครั้งนี้นับเป็นเรื่องสมควรแล้ว

แน่นอนที่สุด หลี่เจี้ยนคุนทั้งดีใจและตกใจยิ่งที่ได้รับการคัดเลือกให้ติดตามไปรับการขัดเกลา รู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งในใจ ครั้งนั้นเขาเคยคิดจะสังหารหลี่ชิเย่ ต่อมาในตำหนักประชุมยังได้ล่วงเกินต่อหลี่ชิเย่อีก

แต่ว่า ปรมาจารย์กลับไม่คิดแค้นเคือง ไม่เพียงถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เขายังพาเขาออกไปรับการขัดเกลาอีก สิ่งนี้กล่าวสำหรับตัวเขาแล้ว นับว่าเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่

นอกเหนือจากพวกของกัวเจียหุ้ยสามคนที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว ยังมีศิษย์ที่ดีเลิศอีกสี่คนได้รับการคัดเลือก หนึ่งในจำนวนนั้นยังมีศิษย์น้องสาวที่มีอายุน้อยที่สุดรวมอยู่ด้วย

เมื่อศิษย์เหล่านี้ได้รับการคัดเลือกให้ติดตามปรมาจารย์ไปรับการขัดเกลาแล้ว พวกเขาตั้งดีใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากกัวเจียหุ้ยก็คือตัวอย่างของพวกเขา หลังจากได้รับการชี้แนะจากปรมาจารย์แล้วได้รับประโยชน์ไม่มีสิ้นสุดไปชั่วชีวิต การฝึกวิชาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

มาวันนี้พวกเขาสามารถได้รับโอกาส และเงื่อนไขติดตามปรมาจารย์ไปฝึกวิชาเช่นนี้ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง

หลังจากเฉินเหวยเจิ้งคัดเลือกศิษย์จำนวนเจ็ดคนได้มาแล้ว ทุกอย่างตระเตรียมพร้อมสรรพ จึงได้รายงานต่อหลี่ชิเย่

สุดท้าย ภายใต้การสั่งการของหลี่ชิเย่ ขบวนของพวกเขาได้เดินทางออกจากนิกายหู้ซานจง เริ่มต้นการเดินทางไปยังเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขา อีกทั้งการเดินทางไปยังเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาในครั้งนี้ มีเฉินเหวยเจิ้งเป็นผู้นำขบวนด้วยตนเอง

ขบวนของเฉินเหวยเจิ้งได้ออกเดินทางไปยังเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขา การเคลื่อนขบวนของพวกเขาไม่นับว่าเร็ว และไม่ช้า ก้าวเดินไปข้างหน้าตลอดทาง

สำหรับพวกผู้เยาว์นั้น ภายในใจของพวกหลี่เจี้ยนคุนที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เรียกได้ว่าดีใจ และตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เดินทางไกล เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ไปยังสถานที่ที่ห่างไกลขนาดนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ในครั้งนี้ยังเป็นการติดตามปรมาจารย์ไปรับการขัดเกลา สิ่งนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วมีความรู้สึกเหมือนทะเลกว้าง ท้องนภาสูง และมีความรู้สึกองอาจกล้าหาญชาญชัยที่จะก้าวไปข้างหน้า

น่าเสียดาย พวกเขายังไม่ทันได้ตื่นเต้นดีใจได้นานเท่าไร ก็เริ่มตื่นเต้นดีใจไม่ออกเสียแล้ว

พวกเขาออกเดินทางยังไม่ทันได้สองวัน ระหว่างทางขณะเดินผ่านหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง หลี่ชิเย่ก็ให้หยุดเดินทาง

“บุกเข้าไป บุกสังหารเข้าไป หากบุกไม่ถึงรังอสรพิษก็ไม่ต้องกลับมา” หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนเพียงมองดูหุบเหวลึกทีหนึ่ง ค่อยๆ หลับตาลงและสั่งการออกมา

ที่นี่คือหุบเขาที่ลึกและเงียบสงัดยิ่งแห่งหนึ่ง ตลบอบอวลไปด้วยหมอกพิษ และมีเสียงดังฟ่อ ฟ่อออกมาจากหุบเขาเป็นระยะๆ มีงูพิษขนาดเท่าท่อนแขนเลื้อยอยู่ภายในหุบเขา บริเวณสถานที่ต่างๆ ภายในหุบเขาปรากฏซากกระดูกกระจัดกระจาย ไม่รู้ว่าเป็นกระดูกคนหรือสัตว์

พวกหลี่เจี้ยนคุนที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่รู้สึกหนังศีรษะคันขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นหุบเขาลักษณะเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่พวก่เขาได้เผชิญหน้ากับสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้

“ท่านปรมาจารย์ หุบเขาอสรพิษนี้มีชื่อเสียงไม่น้อยในแถบนี้ เกรงว่าพวกเขาทั้งเจ็ดคงไม่ไหวกระมัง” ภายในใจของเฉินเหวยเจิ้งถึงกับเต้นกระตุกทีหนึ่ง ขณะมองดูหุบเขาอสรพิษนี้แล้ว

ถ้าหากเป็นตัวเขาที่บุกสังหารเข้าไปย่อมไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่ว่า พวกของหลี่เจี้ยนคุนที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งเจ็ดเกรงว่าจะบุกสังหารเข้าไปไม่ได้

แต่ว่า หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ล้อเลื่อนเหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

ในเวลานี้พวกของหลี่ชิเย่มองตากันและกันทีหนึ่งถึงกับขนหัวลุก แต่ว่า สุดท้ายแล้วยังคงเป็นกัวเจียหุ้ยที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรหนักแน่นที่สุด ไม่หวั่นมากที่สุด กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “พวกเราเข้าไป รักษาระยะห่างเอาไว้ อย่าห่างมากเกินไปและอย่าใกล้กันเกินไป” กล่าวพลางก้าวนำเข้าไปเป็นคนแรก

“ตามไป อย่าทิ้งห่าง” หลี่เจี้ยนคุนในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ก็ถอยไม่ได้ ร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้น และรีบเร่งติดตามกัวเจียหุ้ยเข้าไป

ฟ่อ…จังหวะที่พวกของกัวเจียหุ้ยเข้าไปในหุบเขาอสรพิษนั้น พลันมีงูพิษที่พุ่งพรวดออกมา

กัวเจียหุ้ยนั้นมีจิตใจที่มั่นคง เคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วกลับไม่รู้สึกหวาดหวั่น ศิษย์บางคนถูกทำให้ต้องตื่นตระหนกตกใจ

“ฆ่า…” กัวเจียหุ้ยออกนำลงมือสังหารงูพิษด้วยกระบี่ที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

เสียงฟ่อ ฟ่อ ฟ่อดังขึ้น หลังจากที่มีการสังหารงูพิษไปตัวหนึ่ง ได้ทำให้งูแตกตื่น พลันวิ่งออกมาจากทุกทิศทุกทางเป็นจำนวนมาก

“ฆ่ามัน…” หลี่เจี้ยนคุนร้องเสียงดังขึ้นมา นำพาศิษย์น้อง ศิษย์น้องสาวบุกฆ่าเข้าไป ในเวลานี้ปรากฎเลือดที่แตกกระจาย

แม้ว่างูพิษเหล่านี้จะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ว่าจะอย่างไรเสียพวกของหลี่เจี้ยนคุนคือผู้ที่ได้ฝึกยุทธมา ทักษะไม่ธรรมดา ดังนั้น เพียงชั่วพริบตาเดียวก็จัดการสังหารงูพิษเหล่านี้จนสิ้น

จังหวะที่พวกของหลี่เจี้ยนคุนเพิ่งจะหายใจด้วยความโล่งอก ปรากฎเสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว งูพิษขนาดยักษ์ได้เลื้อยออกมาจากบริเวณหุบเขาอสรพิษที่ลึกเข้าไป

งูพิษขนาดยักษ์ตัวนี้มีขนาดเท่าๆ กับมังกรเจียวหลง ขณะที่มันเลื้อยเคลื่อนตัวออกมาได้โค่นต้นไม้จนหักเป็นแถบๆ ปรากฏเศษหินทรายที่ฟุ้งกระจาย

ขณะที่งูพิษขนาดยักษ์ตัวนี้ปรากฎตัวอยู่ด้านหน้าของพวกหลี่เจี้ยนคุนนั้น มันมีขนาดพอๆ กับภูเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่ง ขณะที่มันขดตัวดูคล้ายเป็นภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง

…………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *